หลินลั่วหรานยังไม่ทันได้ทำอะไรเ้าไข่มุกนั่นก็พุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าของเธอ! ราวกับดอกไม้ไฟที่ปะทุขึ้นภายในแววตาของเธอหลงเหลือเพียงแสงสีที่ทำเอาตาพร่ามัว เธอหลับตาของตัวเองเอาไว้
แต่นอกจากแสงที่เปล่งประกายแสบตาจนทำให้น้ำตาของหลินลั่วหรานไหลรินออกมานั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายอื่นใดแล้ว เธอลองขยับแขนและขาของตัวเองพร้อมกับพยายามที่จะลืมตาขึ้นก่อนที่ทิวทัศน์ภายหน้าจะทำให้เธอต้องใจนปากกลายเป็รูปตัว “O”
ที่นี่ ที่ไหนกัน?
เท้าของเธอเหยียบอยู่บนผืนหญ้าสีเขียวที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าที่มีความสูงไม่น้อยกว่าสองฟุตหลินลั่วหรานรู้สึกว่าเหล่าต้นหญ้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอนั้นให้ความรู้สึกราวกับจะปลิวลอยละล่องขึ้นไปอย่างไรอย่างนั้น...
ที่แห่งนี้เป็พื้นที่ที่มีขนาดเส้นรอบวงไม่ถึงสามร้อยตารางเมตรและมีกระท่อมไม้ที่กินพื้นที่ไปกว่าหนึ่งในสามของพื้นที่อยู่หลังหนึ่งตรงข้ามกับกระท่อมหลังเล็กนั้นมีต้นไม้ต้นเล็กสีเขียวเข้มแวววาวยืนต้นอยู่ข้างสระน้ำขนาดสามตารางฟุต
ผลไม้สีแดงขนาดราวๆ ลูกหม่อนบนต้นเล็กๆ นั่นเปล่งประกายสีสันสวยงามอยู่ภายในกลุ่มหมอกจากสระน้ำแร่
หลินลั่วหรานหยิกเข้าที่หน้าของตัวเองทันที
โอ๊ย เจ็บ!
กระท่อมยังคงอยู่ที่เดิมน้ำแร่ยังคงไหลอยู่ในสระ และตัวของหลินลั่วหรานเองก็ยังคงยืนอยู่ท่ามกลางพงหญ้าเหมือนอย่างเคย
ไม่ได้ฝัน หลินลั่วหรานรู้ตัวได้ในทันทีดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับเื่มหัศจรรย์เข้าแล้ว!
หลินลั่วหรานเดาว่า ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้านี้จะต้องเกี่ยวโยงกับเ้าไข่มุกลึกลับนั่นแน่ๆ
ปกติเธอนั้นก็เป็คนที่มีความอดทนกว่าเด็กสาวทั่วไปอยู่แล้วยิ่งหลายปีที่ผ่านมาต้องพยายามยืนหยัดมาเท่าไรดังนั้นเมื่อได้พบกับเื่เหนือธรรมชาติแบบนี้ หลินลั่วหรานนั้นถือได้ว่ายังคงใจเย็นอยู่ได้
เธอใช้หลักความคิดที่ว่า ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องทำใจยอมรับมัน ในการตัดสินใจสำรวจพื้นที่ลึกลับแห่งนี้ดูสักหน่อย
เธอยืนคิดอยู่ที่เดิมสักพักก่อนจะหยิบก้อนดินขึ้นมา แล้วปาออกไป
ก้อนดินถูกปาออกไปอย่างสวยงามก่อนที่จะแตกกระจายในบริเวณที่ห่างจากกระท่อมหลังเล็กราวๆ หนึ่งฟุตราวกับมีบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังปกป้องอยู่ หรือว่านี่จะเป็ “บาเรีย” ที่ในนิยายชอบพูดถึงกัน?
หลินลั่วหรานรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาก้อนดินก็แค่ถูกทำให้แตกออก คนคงไม่เป็ไรล่ะมั้ง? เธอค่อยๆขยับก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆก่อนจะชนเข้ากับบางอย่างที่ค่อนข้างมีความยืดหยุ่น เหมือนกับวุ้นอะไรแบบนั้นเมื่อเธอลองใช้มือยื่นเข้าไปก็สามารถทำให้เกิดโพรงใสๆ ขึ้นมา
ดูท่าว่าจะเข้าไปในกระท่อมไม่ได้อย่างน้อยก็ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้
หลินลั่วหรานชำเลืองสายตาเล็กน้อยก่อนจะทอดสายตาไปยังสระน้ำแร่เล็กๆ
ของที่เกิดและอยู่คู่กันมักเป็ของล้ำค่าจาก์ แล้วแบบนั้นควรจะดื่มน้ำแร่หรือควรจะกินผลไม้สีแดงนั่นกันนะ
ปัญหานี้...
หลินลั่วหรานยังคงรู้สึกหวงแหนชีวิตของตัวเองอยู่เธอจึงดึงต้นหญ้าขึ้นมาต้นหนึ่ง ก่อนจะใช้มันแกว่งไปมาในน้ำ แกว่งอยู่สักพักใหญ่ต้นหญ้าก็ยังคงเป็สีเขียวสดใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกน้ำที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอะไร
เธอรวบรวมความกล้าก่อนจะนำต้นหญ้าที่ัักับโดนน้ำแร่นั้นเข้าปากตัวเอง อี๋ ต้นหญ้านั่นมีกลิ่นโคลนติดอยู่ด้วย! ทว่าปลายลิ้นของเธอกลับััได้ถึงรสหวานๆหรือว่าจะเป็รสของน้ำนั่น? นี่มันวิเศษไปเลย!
ถ้าเกิดว่ามันเป็ยาพิษขึ้นมาจริงๆในชีวิตนี้เธอคงเป็ตัวเอกไม่ได้แล้วล่ะ
หลินลั่วหรานลังเลอยู่นานเธอรู้สึกว่าที่นี่ลึกลับแต่ก็ดูสงบดีของที่อยู่ภายในนี้ส่วนมากก็ไม่ใช่อะไรที่เป็อันตราย คิดได้ดังนั้นเธอจึงย่อตัวลงก่อนจะควักน้ำจากสระขึ้นมาดื่ม
ั้แ่ที่กลับมาจากที่ไปเจอหลี่อันผิงมา แถมยังเสียเืไปตั้งมากมายเดิมทีก็กระหายน้ำจะแย่อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อน้ำเริ่มไหลลงผ่านลำคอความรู้สึกแรกที่เธอััได้ก็คือความหวานจากน้ำแร่ พูดให้ง่ายๆก็เหมือนกับได้ดื่มน้ำเย็นๆ ในหน้าร้อน เธอรู้สึกเย็นสบายไปทั่วร่างความกังวลที่มีก็ค่อยๆ จางหายไป
หลินลั่วหรานดื่มน้ำเข้าไปมากโดยไม่ทันได้รู้ตัว
ที่แห่งนี้แสงแดดเพียงพอ อุณหภูมิก็พอเหมาะเธอยังต้องรอดูฤทธิ์ของน้ำแร่นั่นอีกดังนั้นเมื่อดื่มน้ำเสร็จเธอจึงทิ้งตัวลงนอนบนผืนหญ้ามันทำให้เธอรู้สึกสบายจนไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ
เวลาผ่านไปนาน จนเธอเกือบจะเผลอหลับไปแต่ฤทธิ์วิเศษอย่างในนิยายกลับไม่แสดงผลอะไรออกมา
เธอลองลูบไล้ใบหน้าของตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะเนียนนุ่มผ่องใสแต่อย่างใดในชีวิตที่ต้องควบคุมการใช้เงินอย่างเคร่งครัดเธอไม่สามารถเอาเงินไปใช้กับเครื่องสำอางราคาแพงแบบนั้นได้หรอก จะไม่เรียบเนียนก็คงไม่ใช่เื่แปลกอะไร
เมื่อเธอลองมองดูที่มือของตัวเอง...เอ๋ริ้วรอยแตกกร้านที่เป็ผลมาจาก่ฤดูใบไม้ร่วงนั้น ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ใบหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆแต่มือที่ัักับน้ำแร่นั้น ผิวพรรณกลับเนียนนุ่มผุดผ่องขึ้นมามากเลยทีเดียวหรือว่านี่จะเป็ฤทธิ์จากน้ำแร่อย่างนั้นเหรอ? สายตาของหลินลั่วหรานมองไปยังบ่อน้ำแร่เล็กๆก่อนจะลุกวาวขึ้นมา เพียงแค่น้ำแร่นี่ก็สามารถฟื้นฟูผิวพรรณขึ้นมาได้บางทีนี่อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของครอบครัวเธอก็ได้
หลินลั่วหรานไม่ใช่คนโลภมากอะไรเพียงแค่ได้รู้ฤทธิ์ของน้ำแร่วิเศษนี่ ก็ทำให้เธอดีใจแล้ว!
อยู่ๆ หลินลั่วหรานก็ชะงักเด้งตัวลุกขึ้นมาก่อนจะะโลงไปยังข้างสระแล้วยืนคิดพิจารณาสระน้ำแห่งความหวังของเธออย่างละเอียด...การผิดหวังจากความรักไม่ใช่อะไรที่จะรับกันได้ง่ายๆ เธอจึงจำเป็ที่จะต้องหาเื่อื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองเหมือนอย่างเช่นเื่ของพื้นที่ลึกลับแห่งนี้หรือสระน้ำที่สามารถเปลี่ยนอนาคตของเธอได้
น้ำแร่นี้ เป็น้ำแร่ที่ผุดขึ้นมาจากดินสระน้ำจึงเป็เพียงสระตื้นๆ ที่มีฟองอากาศผุดขึ้นมาจากตรงกลางสระ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีวันหมดสิ้นเลย
หลินลั่วหรานคิดพิจารณาอยู่นานก่อนที่จะคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้บางทีน้ำแร่นี่อาจจะมีผลสามารถทำให้พืชผักมีฤทธิ์ต่างจากปกติเหมือนกับในนิยายก็ได้
เธอคิดอยากจะลองทดลองดูแต่ในพื้นที่แห่งนี้ก็มีเพียงต้นหญ้าและต้นไม้เล็กๆ ต้นนั้น
จะเอาไปรดต้นหญ้าเหรอแค่คิดก็รู้สึกเ็ปขึ้นมาแล้ว
งั้น...ก็คงเหลือแต่เ้าต้นไม้นั่นสินะแถมเ้าผลไม้สีแดงเปล่งปลั่งนั่นจะกินได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
แต่อยู่ๆหลินลั่วหรานก็รู้สึกหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทว่าเธอก็ทำใจกินเ้าผลไม้ผลเล็กๆที่ดูสวยงามนั่นไม่ลงเหมือนกัน
เธอคิดอยู่อีกสักพักก่อนจะตัดสินใจควักน้ำแร่ในสระไปรดให้เ้าต้นไม้ต้นเล็ก
“เอ๋?”
หลินลั่วหรานส่งเสียงออกมาด้วยความแปลกใจโดยอัตโนมัติ
ภายในเวลาพริบตาเดียวเท่านั้นน้ำแร่นั่นก็ซึมหายไปในพื้นดิน ละอองน้ำที่อยู่ตามกิ่งใบเองก็ถูกดูดซึมไปจนหมดสิ้นในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังสงสัยอยู่นั้นเ้าต้นไม้ต้นเล็กก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นต่อหน้าต่อตาของเธอ
ใบไม้เริ่มส่องสว่างอ่อนๆ ออกมาไม่เพียงแต่สีเขียวที่ดูเด่นชัดขึ้น แต่ยังมีประกายแสงระยิบระยับราวกับหยกก่อนจะเปลี่ยนไปเป็สีมรกตในเวลาสั้นๆ
ใบไม้ส่องสว่างเปล่งประกาย สีสันสว่างสุกใสก่อนจะมีบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนหมอกปรากฏขึ้นหมอกที่ปกคลุมอยู่บริเวณด้านนอกก็ค่อยๆ ถูกผลไม้สีแดงดูดซึมเข้าไปราวกับกำลังกินอาหาร
หลินลั่วหรานไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตาสิ่งที่พูดมาตั้งมากมายนั้น ความจริงมันเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง
สีเขียวของใบไม้ค่อยๆ ซีดลงแต่ผลไม้สีแดงนั้นกลับกลายเป็สีแดงเปล่งปลั่งขึ้นมากกว่าเดิมจนดูราวคล้ายกับทับทิม
“แกรบ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ผลไม้ลูกนั้นหลุดออกจากกิ่งออกมาแล้ว!
หลินลั่วหรานรีบยื่นมือออกไปรับเอาผลไม้ลูกนั้นเอาไว้ด้วยความว่องไว
เธอมองไปยังต้นไม้ที่ตอนนี้เปลี่ยนสภาพกลับไปเหมือนกับต้นไม้ปกติทั่วไปไม่เหลือร่องรอยเปล่งประกายใดๆ ต่อไปอีกดูเหมือนว่าผลไม้สีแดงลูกนั้นจะดูดซึมการเจริญเติบโตมาจากต้นไม้ต้นน้อยมาจนหมดสิ้นแล้วััอุ่นๆ แผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือ เ้านี่ มองอย่างไรก็ไม่เหมือนผลไม้เลยสักนิด!
หลินลั่วหรานมองผลไม้เ้าปัญหาในมือของตัวเองจะกินก็ไม่กล้ากิน จะโยนทิ้งก็ไม่กล้าโยน
แต่ว่า...มาตั้งนานขนาดนี้แล้วจะกลับไปอย่างไรล่ะเนี่ย?
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของหลินลั่วหรานหลังจากนั้นเธอก็พบว่าทิวทัศน์เบื้องหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงไป ในชั่วพริบตาเธอก็กลับมาอยู่ในห้องของตัวเองเสียแล้วแถมยังนอนอยู่บนโซฟาเหมือนอย่างก่อนหน้าอีกต่างหาก
ทั้งหมดนั้นเป็ภาพหลอนหรือเปล่านะ? เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอถึงจึงก้มลงมองมือของตัวเองด้วยความกังวล
เ้าไข่มุกประหลาดนั่นไม่รู้ว่ามาพันติดอยู่กับข้อมือของเธอั้แ่เมื่อไรมันเป็เส้นเงินเล็กๆ หนึ่งเส้น ที่แม้ว่าจะอ่อนนุ่ม แต่ก็แข็งแรงและดูเหมือนว่ามันจะยืดออกมาจากตัวเม็ดไข่มุกนั่นด้วย เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่สามารถหารอยต่อเจอได้เลย
และในมือข้างขวาของเธอนั้น ก็ััได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างเธอจึงค่อยๆ แบมือของเธอออก ก่อนจะพบว่ามันคือผลไม้สีแดงที่ดูราวกับทับทิมนั่นเอง
ความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาทางฝ่ามือย้ำเตือนให้หลินลั่วหรานได้รู้ว่า ทุกสิ่งที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใดแต่มันคือ...
เื่มหัศจรรย์!!!