ความสวยของรั่วปิน แตกต่างกับเถารั่วเซียงอย่างสิ้นเชิง มันให้ความรู้สึกสดใหม่ เป็ความสวยที่ยังคงอ่อนเยาว์ราวกับดอกไม้ที่เพิ่งเริ่มผลิบาน ส่วนความสวยของเถารั่วเซียงนั้น เป็ความสวยที่แสนเย้ายวน ชวนหลงใหล ราวกับดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง แต่ในสายตาของฉินหลาง ความสวยทั้งสองแบบนี้กินกันไม่ลงจริงๆ
แต่เถารั่วเซียงทำให้ฉินหลางรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายกว่า ส่วนความสวยของรั่วปิน กลับเป็ความสวยที่ดูเ็าราวกับสามารถแช่แข็งผู้คนได้ จนทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
ขนาดตอนนี้นั่งอยู่ข้างกายรั่วปินแท้ๆ ฉินหลางยังคงรู้สึกว่าตัวเองอยู่ห่างจากเธอเป็พันลี้อยู่ดี
“รั่วปิน เธอมาขึ้นรถไฟที่นี่ได้ยังไง?” ฉินหลางถามเปิดหัวข้อสนทนา
“อ๋อ ฉันมาเยี่ยมยายที่นี่ นายล่ะ กลับบ้านมาเหรอ?”
“อืม” ฉินหลางพยักหน้า เขาพบว่า การสื่อสารกับรั่วปินนั้นช่างเป็เื่ยากจริงๆ
ผ่านไปเพียงครู่เดียว ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่มีหัวข้อที่จะคุยกันได้แล้ว นั่นทำให้ฉินหลางยิ่งรู้สึกเก้อเขินมาก
เดิมทีแม้ว่าฉินหลางไม่ได้พูดจนลิงหลับ แต่เขาก็เป็คนพูดเก่ง ต่อให้อยู่ต่อหน้าเถารั่วเซียง ฉินหลางก็สามารถหัวเราะและพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน มีเพียงตอนอยู่ต่อหน้ารั่วปินเท่านั้น ที่เขาจะรู้สึกเหมือนลิ้นกลายเป็น้ำแข็ง และสั่งการไม่ได้โดยสิ้นเชิง
แต่นั่นก็ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของฉินหลาง เพราะได้ยินจ้าวเหว่ยบอกว่าผู้ชายจำนวนมากในชีจง เวลาอยู่ต่อหน้ารั่วปินต่างก็รู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเองทั้งนั้น แม้ปกติจะพูดเก่งแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงถูกรั่วปินกวาดด้วยสายตาเย็นะเืของเธอ ก็ต้องกลายเป็ใบ้พูดอะไรไม่ออกแล้ว
น้ำแข็งที่หนาสามฟุตไม่ได้เกิดจากการก่อตัวเพียงวันเดียว แต่มันเกิดขึ้นจากการสะสมมาเป็เวลานานฉันใด ไอเย็นที่แผ่กระจายออกจากตัวรั่วปินกับอีโก้ที่มีมาั้แ่กำเนิด ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงวันหรือสองวัน แต่เกิดขึ้นจากการสะสมมาเรื่อยๆ ดังนั้นหากจะสลายไอเย็นนั้น จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จในเวลาเพียงวันหรือสองวันเช่นกัน หลายวันก่อนตอนที่เธอกับฉินหลางเพิ่งพบกันอีก จึงเป็ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้นเอง
ในเวลานั้นทั้งคู่ต่างก็น้ำท่วมปาก
ตอนนี้สายตาของรั่วปินมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง แต่ฉินหลางดูออกว่าตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจชมทิวทัศน์นอกกน้าต่างเลย เหมือนว่าเธอ้าให้สายลมข้างนอกหน้าต่างพัดเอาความหงุดหงิดในใจเธอไปด้วยมากกว่า
ส่วนฉินหลาง เหลือเพียงสิทธิ์ในการชื่นชมใบหน้าเธอจากด้านข้างเท่านั้น เมื่อมองจากด้านข้างใบหน้าของรั่วปินยังคงสวยมากเช่นกัน เพียงแต่ในความสวยนั้นกลับทาทำให้รู้สึกยากที่จะสื่อสารด้วย ทำให้ฉินหลางตระหนักได้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเห็นได้ชัดว่ารั่วปินยังมีความอ่อนเยาว์และไร้เดียงสามาก ต่อให้มีหนุ่มหล่อเข้ามาตอนนี้ ในสายตาเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแมลงวันหรือกองขี้หมาหรอก
ฉินหลางชอบปล่อยให้ทุกอย่างเป็ไปตามธรรมชาติ เขาจะไม่เป็แมลงวันในสายของรั่วปินหรอกนะ
ดังนั้นสายตาของฉินหลางจึงกลับมาจับจ้องอยู่ที่แผนธุรกิจของจ้าวเหว่ยอีกครั้ง
การกระทำของฉินหลาง ทำให้ผู้ชายจำนวนมากในโบกี้นี้อยากจะลากฉินหลางออกไปรุมกระทืบสักยก เพราะการกระทำของเขาไม่ต่างอะไรจากการครองห้องน้ำไว้คนเดียว แต่กลับไม่ยอมถ่าย มีสาวสวยนั่งอยู่ข้างกาย แต่เขากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ขนาดจีบเธอก่อนยังทำไม่เป็เลย นี่มันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานซะอีก ในขนาดที่ผู้ชายคนอื่น อิจฉาจนตาแดงตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่มีโอกาสอย่างนี้
ผ่านไปอีกประมาณครึ่งโมง จู่ๆ รั่วปินก็ดึงสายตาที่จับจ้องอยู่นอกหน้าต่างกลับเข้ามา แล้วจับจ้องไปยังแผนธุรกิจในมือฉินหลาง ความสงสัยทำให้เธอถามขึ้น “แผนธุรกิจ คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมีความสนใจในด้านนี้ด้วย”
ฉินหลางคิดไม่ถึงว่ารั่วปินจะเริ่มคุยกับตัวเองก่อน เขาพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น “มันเป็แผนธุรกิจจริงๆ เพียงแต่ไม่ใช่ความสนใจ แต่ฉันตั้งใจที่จะเปิดบริษัทจริงๆ ดังนั้นจึงวานให้คนอื่นช่วยทำแผนธุรกิจ”
“เปิดบริษัท?” รั่วปินสงสัยมากยิ่งขึ้น เหมือนเธอจะคิดไม่ถึงว่าฉินหลางจะมีทุนละความคิดที่จะเปิดบริษัท “ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”
“ได้อยู่แล้ว ยังไงซะมันก็ไม่ได้เป็ความลับอะไรอยู่แล้ว” ฉินหลางยื่นแผนธุรกิจให้รั่วปิน
เมื่อรั่วปินรับไปแล้ว ก็เริ่มเปิดดูทันที เธอดูอย่างละเอียดมาก ราวกับเธอตั้งใจอ่านทุกๆ ตัวอักษร แต่ขณะเดียวกันเธอก็อ่านได้รวดเร็วมาก นั่นอาจจะเป็เพราะเธอมีวิธีคิดที่คล่องแคล่วว่องไวมาก
มากสุดไม่เกิน 20 นาที รั่วปินก็อ่านแผนธุรกิจนี้เสร็จ
เมื่อปิดแผนธุรกิจในมือแล้ว รั่วปินก็พูดขึ้นอย่างนิ่งเรียนว่า “ฉันขอแสดงความคิดเห็นสักหน่อยได้ไหม?”
“เชิญ ฉันกำลังอยากฟังความคิดเห็นของเธออยู่พอดีเลย” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนอื่น ฉันมั่นใจว่าคนที่ทำแผนธุรกิจนี้ให้นายต้องไม่ใช่คนเก่งแน่นอน เพราะโดยรวมแล้วแผนธุรกิจนี้อาจดูค่อนข้างครอบคลุม แต่ความจริงนั้นกลับเป็แผนธุรกิจที่คัดลอกมาจากในอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจึงมีหลายๆ จุดที่ไม่ละเอียดเท่าที่ควร ลำดับต่อไป คือคนที่ทำแผนธุรกิจนี้ให้นายไม่มีความเป็มืออาชีพ แต่มีรูปแบบความคิดที่ค่อนข้างยืดหยุ่นมาก และส่วนมากก็มีความสอดคล้องกับความเป็จริง ดังนั้นจึงมีหลายจุดที่สามารถนำมาใช้จริงได้”
รั่วปินสรุปออกมาอย่างเป็เหตุเป็ผล ฉินหลางประกายความชื่นชมออกมาทางสีหน้า “ไม่เลว เจาะตรงประเด็น! รั่วปิน คิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะมีพร์ในด้านเศรษฐศาสตร์มากขนาดนี้!”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะสมัครคณะเศรษฐศาสตร์หรือไม่ก็การบัญชี” รั่วปินกล่าว “ดังนั้นฉันจึงรวบรวมข้อมูลในด้านนี้ไว้ค่อนข้างเยอะ แล้วอีกอย่าง มหาลัยดีๆ หลายแห่ง ก็ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับการสะสมความรู้นอกหลักสูตรนอกตำราเรียน—ขอโทษนะ เริ่มออกนอกเื่แล้ว”
“ไม่เป็ไร เธอเก่งมากจริงๆ ฉันชื่นชมมาก!” ฉินหลางพูดด้วยความจริงใจ “งั้น รบกวนเธอช่วยแก้แผนธุรกิจนี้ให้หน่อยได้ไหม? แต่ถ้าเธอไม่สะดวก ก็ไม่เป็ไรนะ”
“สะดวก” รั่วปินกล่าว “แต่ว่า ฉันจำเป็ต้องทำความเข้าใจกับบริษัทรักษาความปลอดภัยในอุดมคติของนายก่อน เพราะเท่าที่ฉันรู้มา การเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัย นอกจากจะต้องมีกำลังคนจำนวนมากแล้ว ยังต้องมีเงินทุนอีกหนึ่งก้อน ดังนั้นถ้าตัดสินใจผิดพลาด ก็อาจจะขาดทุนย่อยยับจนไม่เหลือแม้แต่ต้นทุนเลยนะ” รั่วปินพูดอย่างมืออาชีพ
“เื่เงินทุนกับกำลังคน ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ด้านกำลังคน ฮานซานฉางกับกระทิงมีลูกน้องเหลือเฟือ ด้านเงินทุน ฉินหลางรับ่กิจการทั้งหมดของอันเต๋อเซิ่งกับซางคุน แค่เงินสดอย่างเดียวก็มีหลายล้านแล้ว เปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
“กำลังคนกับเงินทุน เป็พื้นฐานของบริษัท นอกจากนี้ฉันยังรู้ว่า บริษัทนี้ในอุดมคติของนายเป็ยังไง? อย่างเช่น อนาคตของบริษัทนี้ ขอบเขตของธุรกิจ ความคิดเห็นและความคาดหวังของนาย”
“อันนี้…” คำถามนี้ของรั่วปิน ทำเอาฉินหลางพูดไม่ออก เขาคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “สาเหตุที่ทำให้ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมามีสองข้อหลักๆ ข้อแรกคือถูกกฎหมาย ข้อสองคือสร้างรายได้ ถูกกฎหมาย ก็คือขอบเขตของธุรกิจจะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย สร้างรายได้ อันนี้คงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกมั้ง”
“ถูกกฎหมาย สร้างรายได้? บริษัทไหนไม่เป็แบบนี้บ้าง” รั่วปินยิ้มจางๆ “ดูไปแล้วนายมีพร์ในการทำธุรกิจน้อยมาก ฉันเริ่มจะเป็ห่วงว่าบริษัทของนายจะขาดทุนย่อยยับแล้วสิ แต่ว่ายังโชคดีที่เริ่มเปิดบริษัทตอนนี้ ถ้านายเป็นายทุน นายไม่จำเป็ต้องมีความรู้ในทางการค้ามากก็ได้ อย่างนาย ทางที่ดีไม่ต้องมีบริหารจัดการบริษัทโดยตรงจะดีกว่า”
“นี่เธอบอกว่าฉันไม่มีหัวการค้างั้นเหรอ?” ฉินหลางฝืนยิ้มด้วยความขมขื่น
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันอาจจะพูดตรงเกินไป แต่มันจะทำให้นายรู้ข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เื่เลวร้ายอะไร” รั่วปินอธิบาย “นายน่าจะรู้ว่า ต่างประเทศมีกามเทพนักเล่นหุ้นหรือนักลงทุน พวกเขาจะเป็คนออกเงินให้คนจำนวนมากเปิดบริษัท แต่กลับมีส่วนร่วมในการบริหาร จัดการน้อยมากๆ พวกเขาให้ความสำคัญกับการลงทุนและผลกำไรที่ได้รับเท่านั้น ดังนั้นถ้านายบริหารจัดการไม่เก่งและไม่มีหัวการค้า นายเป็เพียงทำหน้าที่เป็นักลงทุนที่ดีก็พอแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้