ยอดเขาิเฟิงในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยเื่ประหลาด ทั้งยังมีลางร้ายปรากฏตามซากโบราณอีกหลายแห่งบนไหล่เขา
ภายนอกกระท่อมที่หนิงเทียนพักพิงอยู่ เงาบงกชสีมรกตในโอ่งหินลอยสูงขึ้นกว่าแปดพันจั้ง ทัณฑ์์เผยความอำมหิตและขู่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
หนิงเทียนที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถขยับตัวได้ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า พลันกลิ่นอายกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างกัน การต่อสู้อันเหี้ยมโหดภายใต้ความมืดมิดแห่งราตรีกาลแสนเงียบงันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ด้านในบงกชสีมรกตขนาดใหญ่แปดใบ หญิงร่างชมพูยืนอยู่บนเกสรแหงนมอง์ทั้งเก้า อัสนีสีชาดสำแดงฤทธิ์ผ่านความมืดและพุ่งตรงไปยังบงกชสีมรกต
หญิงร่างชมพูส่งเสียงคำรามก่อนจะสอดประสานเรียวนิ้วสร้างตราประทับแสนงดงามเหนือใบบัวทั้งแปด พลันร่างงูสาวงาม ต้นไม้โบราณ หินขายาว ผีเสื้อร่างคน นกหัวมนุษย์ หญ้าเก้าใบ ปลาบิน และเถาวัลย์เจ็ดสีล้วนแสดงอิริยาบถของตน แสงสว่างเจิดจ้าฉายออกมาจากร่างแล้วเชื่อมเป็เส้นเดียวกันจากล่างขึ้นบน ก่อนจะรวมเข้ากับร่างของนาง
เสียงดังกึกก้องราวฟ้าถล่ม นภายามราตรีแตกกระจาย สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวถูกบงกชสีมรกตสกัดไว้ หญิงร่างชมพูลอยขึ้นไปในอากาศและร่วมมือกับสหายทั้งแปดเพื่อต้านทัณฑ์์
ภายใต้เวหาแห่งรัตติกาล สายฟ้านับร้อยสายฟาดฟันกันราวพายุกำลังคืบคลานเข้ามาจนความมืดมิดยามราตรีสว่างจ้าคล้ายทิวากาล
เงาบงกชสีมรกตยังคงแกว่งไกวและบานสะพรั่งอย่างต่อเนื่อง ัั์บินโฉบเวียนวนไปมา ร่างสีชมพูห่อหุ้มไปด้วยทัณฑ์์จากการต่อกรกับเบื้องบน
ปรากฏการณ์นี้สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาผู้สังเกตการณ์จากระยะไกลเป็อย่างมาก และเยี่ยหลิงหลานก็ยืนมองฉากนี้อยู่ใต้ต้นไม้ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
มีสิ่งเหล่านี้ดำรงอยู่ในยอดเขาิเฟิงจริงหรือ?
ทั้งบงกชสีมรกต ทั้งัั์ที่เกิดจากการผสานพลังของิญญาเก้าดวง พวกมันคิดจะทำสิ่งใดกัน?
นอกจากความหายนะนั้น ขณะนี้ิญญานับหมื่นดวงก็เริ่มสั่นไหวแล้ว
ไม่ว่าจะเป็ิญญาอสูร ิญญาอาวุธ หรือิญญาพฤกษาล้วนกลัวภัยพิบัติจากอสนีบาตทั้งสิ้น ไม่มีิญญาตนใดกล้ากระตุ้นทัณฑ์์อันศักดิ์สิทธิ์
ทว่าค่ำคืนนี้กลับบังเกิดสิ่งที่เหนือความคาดคิดขึ้นเสียแล้ว...
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี เงาต้นไม้กวัดแกว่งไปมา นกและงูต่างส่งเสียงร้อง ปลาบินสยายปีก และพลังปราณสลายเมฆา
บงกชสีมรกตเริ่มพร่าเลือน ัั์ถาโถมเข้าหาความหายนะแห่ง์อย่างสุดกำลัง กลีบดอกบานสะพรั่งพยายามส่งต่อความสุกใสแห่งชีวิต
อสนีบาตฟาดเงาบงกชสีมรกตดังเปรี้ยงเสมือนน้ำตกที่ไหลจากยอดเขา ก่อนจะสาดใส่ร่างัั์ราวกับแสงกระบี่
หนิงเทียนยืนอยู่หน้าโอ่งหิน อาจเป็เพราะเขาอยู่ใกล้เกินไปจึงรู้สึกถึงพลังแห่ง์ ทั้งยังััได้ถึงจิติญญาที่ไม่ย่อท้อของบงกชสีมรกต
ดวงิญญาทั้งเก้าร่วมกันแผดเผาพลังชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด ยอมสละทุกสิ่งเพื่อต่อกรกับหายนะในคราวนี้
ความพินาศรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนพลังทำลายล้างสั่นะเืไปทั่วดินแดนหยวนซิง ทั้งยังทำให้เวหาเบื้องบนก่อเกิดเป็แดนฟ้าคำราม
เมื่อได้เผชิญกับอำนาจสูงสุดแห่ง์ ิญญาบงกชสีมรกตค่อยๆ มลายและัั์ก็หดตัวลง ถึงกระนั้นพวกมันกลับไม่สูญสิ้นขวัญกำลังใจ ดวงิญญาทั้งหมดรวมกันเป็หนึ่งเดียว ก่อนจะเปล่งแสงเจิดจ้าแล้วเผยรูปลักษณ์ดุจมนุษย์
ในเวลาเดียวกัน ซากปรักหักพังเก้าแห่งบนยอดเขาิเฟิงก็สลายหายไปทันที รวมถึงกระท่อมและโอ่งหินข้างกายหนิงเทียนด้วย
ทว่าเหนือเวหามืดมิดก็มีร่างเงาเลือนรางราวภาพฝันกำลังมองมาท่ามกลางความโกลาหล ดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งกำลังจับจ้องหนิงเทียนอยู่ ซึ่งในแววตากึ่งยิ้มคู่นั้นก็แฝงไปด้วยความกังวล
ชายหนุ่มกำลังจะเปิดปากถามด้วยความสับสน แต่ภัยพิบัติจาก์กลับสลายไปเสียก่อน และร่างเงาราวภาพฝันที่ล้อมรอบตัวเขาก็หายไปในพริบตาเช่นกัน
แม้อสนีบาตบนท้องฟ้าจะสงบลง ทว่าลางร้ายของยอดเขาิเฟิงก็ยังคงดำเนินต่อไป
ณ จุดสูงสุดของยอดเขา จู่ๆ ก็มีแสงประหลาดปรากฏขึ้น แสงสีเขียวเข้ม สีม่วงอมดำ และสีฟ้าอ่อนส่องสว่างปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ
ค่ำคืนนั้น ิญญาอสูรปรากฏกาย ิญญาพฤกษาพลิ้วไหว ิญญาอาวุธและอาวุธวิเศษโบยบินออกอาละวาดภายในม่านแสง
พลันเสียงอุทานและเสียงยินดีดังสนั่นขึ้นมาจากไหล่เขา
“อำนาจแห่งยอดเขาถูกทำลายแล้ว! ทั้งรากบ่มเพาะและอาวุธิญญา ใครดีใครได้!”
“นี่เป็โอกาสในรอบสหัสวรรษ ไม่แน่ว่าอาถรรพ์อาจกลับมาอีก่รุ่งสาง แม้จะเสี่ยงแต่ก็คงต้องลองดู”
เพียงพริบตาเดียว ผู้บำเพ็ญจำนวนมากต่างก็พุ่งตัวขึ้นไปบนยอดเขาิเฟิง
หนิงเทียนมองท้องนภายามราตรีด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
บงกชสีมรกตยอมสละร่างของตนเองเพื่อต่อกรฝืนกฎ์เช่นนี้ มัน้าสื่อถึงสิ่งใดกันแน่?
“เ้าเป็อะไรไป?”
หลินเสี่ยวซินเดินมาอยู่ข้างหนิงเทียนและมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“บนยอดเขามีอาวุธิญญาจื๋อซิว เ้าไม่ไปดูหน่อยหรือ?”
หนิงเทียนสะดุ้งก่อนจะโพล่งออกมาว่า “ไป! ต้องไปสิ เร็วเข้า!”
เขาหันหลังกลับแล้ววิ่งควบออกไป ทั้งยังรู้สึกว่าร่างของตนเบาราวกับนกนางแอ่นแต่ก็คงไว้ซึ่งความทรงพลัง ตอนนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่ายามนี้ตนอยู่ใน่ปลายของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า และทักษะโดยกำเนิดก็ถูกปลุกขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เพียงนึกถึงยุทธศาสตร์ครอง์ พลังิญญาในร่างก็ไหลเวียนราวคลื่นแม่น้ำโหมกระหน่ำ ทั้งยังดำเนินไปอย่างไม่สิ้นสุด พร้อมปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อพลังิญญาแผ่ออกมาจากฝ่าเท้า ทั้งร่างของเขาก็ลอยขึ้นโดยไม่มีทีท่าจะร่วงหล่น แต่ละย่างก้าวราวกับกำลังลอยตัวเหนือพื้นหญ้า ส่วนความเร็วนั้นน่าตื่นตระหนกเพียงใดไม่จำเป็ต้องกล่าวถึงเลย
“เฮ้! รอข้าด้วย” หลินเสี่ยวซินไล่ตามไปอย่างสิ้นหวัง แต่ก็ตามไม่ทัน
...
ยอดเขาิเฟิงภายใต้รัตติกาลมีสิ่งแปลกประหลาดที่ยากจะอธิบาย ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขามากเท่าไร ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ที่ระดับความสูงหนึ่งร้อยจั้งจากจุดสูงสุด ผู้บำเพ็ญหลายร้อยคนจำต้องหยุดลงตรงนี้ ใบหน้าของพวกเขาล้วนเคร่งขรึม ในแววตามีเพียงความยุ่งเหยิง
พืชพรรณบริเวณนี้ค่อนข้างกระจัดกระจายจึงมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เปลวเพลิงสีชาดที่สุกสว่างเป็ดั่งคำใบ้ ไม่แน่ว่าิญญาที่ปรากฏอยู่ภายในอาจเป็เพียงภาพมายา
จากจุดนี้ไปจนถึงยอดเขามีเปลวเพลิงสีชาดสว่างไสวช่วยปัดเป่าความมืดมิด เบื้องหน้ามีแปดเส้นทางที่ทอดตรงไปสู่ยอดเขา ทว่าน้อยคนนักที่จะกล้าเสี่ยง
ผู้บำเพ็ญกว่าห้าสิบคนจบชีวิตที่นี่ และทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า่สมบูรณ์ แม้บางคนจะโชคดีพอให้ถอยกลับได้ แต่ก็กลับมาในสภาพาเ็สาหัสทั้งนั้น
หนิงเทียนวิ่งมาถึงจุดหมาย เขาได้ยินเสียงของกลุ่มคนโดยรอบเถียงกันวุ่นวายไม่จบสิ้น ทว่าน้อยคนนักที่จะเคลื่อนไหว เขาจึงตัดสินใจเข้าไปถามคนผู้หนึ่งด้วยความสงสัย
“สหาย เหตุใดไม่ขึ้นไปเล่า?”
“ขึ้นไปไม่ได้ ตรงนี้มีข้อจำกัด หลายคนเสียชีวิตแล้ว”
“ไม่มีใครทำสำเร็จเลยหรือ?”
“มี แต่น้อยมาก”
ทันใดนั้นเอง ดูเหมือนกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างของหนิงเทียนจะัับางสิ่งได้ ใบทั้งสามของมันชี้ไปบนยอดเขาโดยพร้อมเพรียง
พลันเสียงอุทานดังขึ้นจากทางด้านซ้าย
“ดูนั่น เยี่ยอวิ่นลงมือแล้ว! ศิษย์หยวนซิวจากสำนักเพลิงผลาญ ผู้มีสายเืร่างเพลิงซานหยาง”
“เมื่อสองวันก่อน เฉินชีจากสำนักร้อยอสูรเข้าไปขอคำชี้แนะจากเขา แต่กลับแพ้ในกระบวนท่าเดียว สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนนับไม่ถ้วน”
“ในบรรดาหยวนซิวหลายสิบคนที่มาเยือนยอดเขาิเฟิง เยี่ยอวิ่นต้องเป็ผู้ที่เก่งที่สุดเป็แน่”
หนิงเทียนได้ยินดังนั้นก็เกิดความอยากรู้ เขามองเยี่ยอวิ่นผู้สวมชุดสีเขียวและอายุประมาณยี่สิบปี ซึ่งกำลังเดินไปตามเส้นทางสู่ยอดเขาด้วยใบหน้าแสนเด็ดเดี่ยว
เปลวเพลิงโชติ่กักเก็บรากบ่มเพาะอยู่ภายใน หากมีความแข็งแกร่งมากพอก็จะสามารถฉกฉวยรากบ่มเพาะมาจากเปลวเพลิงอันสว่างไสวได้ และการกระทำที่สุ่มเสี่ยงเช่นนี้ก็คร่าชีวิตของผู้บำเพ็ญไปเป็จำนวนมากแล้ว
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าครานี้มาจากทางด้านขวา
“นั่น! เลี่ยชิงอีจากสำนักั์พฤกษาก็ลงมือแล้ว ได้ยินว่าเขาเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกสำเร็จแล้ว!”
“หานคุนจากสำนักร้อยอสูรก็เช่นกัน!”
ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้บำเพ็ญเลื่องชื่อหลายคนก็เริ่มเคลื่อนไหว
หลินเสี่ยวซินมาอยู่ข้างๆ หนิงเทียน เมื่อมองขึ้นไปบนยอดเขา ความกลัวที่มองไม่เห็นก็ห่อหุ้มจิติญญาของนาง
“ช่างเป็สถานที่ที่เลวร้ายยิ่งนัก รากบ่มเพาะของข้าแสดงความหวาดกลัวต่อสถานที่แห่งนี้อย่างชัดเจน”
หนิงเทียนกล่าวว่า “เ้ารอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปดูว่ามีของดีอะไรบ้าง”
“จะ...เ้าระวังด้วย” แม้จะอยากรั้งเขาไว้ แต่สุดท้ายนางก็ยอมแพ้
หนิงเทียนเดินไปยังบริเวณที่เปลวเพลิงลุกโชน ภายในเปลวเพลิงเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหน ทั้งยังมีภาพลวงตาของิญญาซึ่งยากจะคาดเดา
เมื่อเปลวเพลิงเข้าจู่โจม การเคลื่อนกายหลบหนีเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถรอดไปได้ ผู้ท้าชิงจำนวนมากจึงพ่ายแพ้และสิ้นชีพอยู่ใต้เปลวเพลิง แน่นอนว่าหลังจากหนิงเทียนก้าวเข้ามาแล้ว เขาก็ต้องพบการทดสอบนี้เช่นกัน
ใน่แรก การรับมือของหนิงเทียนค่อนข้างทุลักทุเล วิชาทะยานหลงเงาตัดผกาอันทรงพลังก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ เขาจึงตัดสินใจเปิดใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างปลดปล่อยพลังงานลึกลับออกมา เมื่อเส้นลมปราณแรกเจาะลงดิน สถานการณ์ในเขตเปลวเพลิงทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นในใจของหนิงเทียนทันที
เปลวเพลิงเหล่านี้ก่อตัวเป็เขตแดนประหลาด มีเพียงสองวิธีที่จะผ่านมันไปได้
หนึ่ง บุกเข้าไป
สอง ทำลายเขตแดนประหลาดลงเสีย
แม้หนิงเทียนจะไม่รู้วิธีทำลายเขตแดน แต่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตสามารถทำได้
ขณะที่ก้าวไปข้างหน้า หนิงเทียนก็สนใจการเคลื่อนไหวของผู้อื่นไปด้วย
เยี่ยอวิ่นเคลื่อนไหวเร็วมาก ดูเหมือนเขาจะเชี่ยวชาญการทำลายเขตแดนและใกล้จะพิชิตยอดเขาแล้ว ส่วนเลี่ยชิงอีและหานคุนก็ไม่ได้อ่อนแอ พวกเขานำหน้าหนิงเทียนไปไกลแล้ว ทั้งยังเป็รองเพียงเยี่ยอวิ่นเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญอีกหลายสิบคนก็เร่งรีบขึ้นไปบนยอดเขาเช่นกัน เสียงกรีดร้องและร่ำไห้ดังระงมเป็พักๆ เมื่อมีคนเสียชีวิตระหว่างทาง
การรับรู้ของหนิงเทียนน่าทึ่งมาก ด้วยความช่วยเหลือจากกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต เขาสามารถแยกแยะความถูกต้องของรากบ่มเพาะในเปลวเพลิงได้อย่างชัดเจน
ถึงจะอยากรากบ่มเพาะมากเพียงใด แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็การทำลายข้อจำกัด ยิ่งไปกว่านั้น กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตยังไม่สนใจรากบ่มเพาะเ่าั้เลยแม้แต่น้อย หนิงเทียนจึงพุ่งกายไปยังยอดเขาอย่างรวดเร็ว
พ้นจากเขตเปลวเพลิงมีร่างแปดร่างยืนอยู่ และหนิงเทียนเป็คนที่เก้า นอกจากเยี่ยอวิ่น เลี่ยชิงอี และหานคุนแล้ว เขาก็ไม่รู้จักห้าคนที่เหลือ และทั้งเก้าคนก็ร่วมกันมุ่งความสนใจไปที่ยอดเขา
เสาหินสามต้นจัดเรียงเป็สัญลักษณ์บางอย่าง สีกระดำกระด่างเผยให้เห็นร่องรอยแห่งกาลเวลา บริเวณยอดแหลมกำลังปล่อยลำแสงสีเขียวเข้ม สีม่วงอมดำ และสีฟ้าออกมาผสานกัน ก่อนจะกลับกลายเป็ม่านพลังโปร่งใส ภายในมีิญญาอสูรวิ่งพล่าน ิญญาพฤกษาชวนฝัน เหล่าจิติญญาโบยบิน และอาวุธิญญาลี้ลับ
“รากบ่มเพาะระดับนิลกาฬ!” เขาตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อััได้ถึงรากอสูรและรากพฤกษาระดับนิลกาฬ ทั้งยังเป็ระดับนิลกาฬขั้นสูงอีกด้วย
ส่วนอาวุธิญญา หนิงเทียนไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับพวกมันมากนัก ในหมู่อาวุธเ่าั้มีอาวุธิญญาจื๋อซิวบ้างหรือไม่ เื่นี้จำเป็ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตส่งสารอันทรงพลังออกมา มันชี้ตรงไปยังเสาหินที่เปล่งลำแสงสีม่วงอมดำ
มันซ่อนสิ่งใดเอาไว้กันแน่? เหตุใดถึงดึงดูดความสนใจของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตได้?
ในยามนี้ม่านพลังโปร่งใสปิดสนิท ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นต่างก็ครุ่นคิดกันว่าจะผ่านเข้าไปได้อย่างไร
“เ้าหนู เ้าจงไปลองเสียหน่อย” ชายชุดขาวจ้องมองและกล่าวกับหนิงเทียนเพื่อดูว่าเขาจะสามารถทะลุม่านพลังโปร่งใสได้หรือไม่
“ข้ารู้จักเ้าหรือ?” หนิงเทียนหรี่ตามองชายผู้นั้นอย่างไม่พอใจ
“ไม่จำเป็ต้องรู้จัก แค่เ้าเชื่อฟังก็พอ ไม่เช่นนั้นข้าจะสอนการเป็มนุษย์ให้เอง” ชายชุดขาวแสดงสีหน้าหยิ่งผยอง ทั้งยังมองหนิงเทียนอย่างดูแคลน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ให้ค่ากับหนิงเทียนเลย
เมื่อคนอื่นเห็นสถานการณ์นี้ พวกเขาก็ยิ้มโดยไม่กล่าวอะไรราวกับกำลังรับชมเื่สนุก
หนิงเทียนไม่พอใจอย่างมาก ชายผู้นี้คิดว่าตนกลั่นแกล้งได้ง่ายหรือ! “สอนข้าให้เป็มนุษย์อย่างนั้นหรือ? เ้าที่ล้มเหลวแม้กระทั่งการเป็สุนัข ยังคิดจะสอนผู้อื่นให้เป็มนุษย์อีกหรือ?”
“เ้าพูดบ้าอะไร!” ชายชุดขาวตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
“ว่ากันว่าสุนัขจมูกดีแต่หูไม่ได้เื่ ดูเหมือนจะเหมาะกับเ้ายิ่งนัก” หนิงเทียนยังคงเย้ยหยันอีกฝ่าย ทุกคำพูดของเขาล้วนทำร้ายจิตใจ
คนอื่นๆ ต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดราวกับพวกเขาไม่คาดคิดว่าหนิงเทียนจะกล้าตำหนิชายชุดขาว
เยี่ยอวิ่นหยอกล้อ “ถังจิ้นอวี่ ไม่คิดเลยว่าตาสุนัขของเ้าจะมองคนผิด เ้าช่างรู้จักหาเื่ใส่ตัว”
ชายชุดขาวพูดอย่างโกรธเคือง “หุบปากเสีย! เ้าหนูนี่ไม่รู้จักดีชั่ว ข้าจะทำให้มันอยู่ไม่สู้ตาย!”
ดวงตาของถังจิ้นอวี่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ภัยคุกคามที่มองไม่เห็นกำลังพุ่งเข้าหาหนิงเทียน
“เ้าหนู หากเ้ายอมคุกเข่าขอความเมตตาเสียแต่บัดนี้ ข้าจะยอมไว้ชีวิตเ้า เพราะหากข้าลงมือแล้ว เ้าจะต้องตายโดยไร้ดินกลบฝัง!”
“เ้ากลัวผู้อื่นจะไม่รู้ว่าเ้าโง่หรือ ถึงได้สวมชุดโดดเด่นถึงเพียงนี้?”
ถังจิ้นอวี่สวมชุดขาวแต่กลับถูกเรียกว่าคนโง่ ความโกรธของเขาจึงพลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้