เมื่อเห็น ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ที่ตัวน้อยลงทุกที เสวียนเทียนก็อดหนักใจไม่ได้
ยังเหลืออีกหลายวันถึงจะไปเรือนยาพลังปราณรับรางวัลยาควบปราณของเดือนใหม่ได้ถึงตอนนั้นยังซื้อ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ได้อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองของเสวียนเทียนมั่นคงแล้วต้องเตรียมพร้อมเพื่อเรียนวิทยายุทธ์วิชาปราณชั้นนิลขั้นกลางต้องออกไปข้างนอกทำภารกิจของสำนักจำนวนหนึ่ง เก็บแต้มภารกิจ
ออกจากสำนักออกไปข้างนอกเก็บประสบการณ์ทำภารกิจสำนัก ระยะเวลามียาวมีสั้น
โดยทั่วไป ส่วนใหญ่ในหนึ่งเดือนก็ได้กลับสำนักแล้ว
แต่บางภารกิจสำนักที่ได้แต้มภารกิจมากหน่อยเทียบแล้วความยากมากกว่าอยู่บ้าง สองถึงสามเดือนก็อาจไม่ได้กลับสำนัก
บนแผ่นดินเสินโจวปราณต้นกำเนิดแห่งฟ้าดินเบาบางมาก ผู้ฝึกยุทธ์ดูดกลืนปราณต้นกำเนิดฟ้าดินโดยตรงมาฝึกฝนเชื่องช้าอย่างยิ่ง แม้เป็อัจฉริยะ หากไม่มียาควบปราณก็ยากจะสำเร็จผลได้
ความหวังที่จะผงาดขึ้นมาอยู่แค่ตรงหน้าเสวียนเทียนย่อมไม่อยากเสียเวลาในการฝึกฝนไป ต้องมั่นใจว่าทุกวันจะมียาควบปราณฝึกฝนถึงจะทำได้การกักตุนยาควบปราณเป็เื่จำเป็อย่างมาก
“ครั้งก่อนขาย ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ให้ข้าเจ็ดสิบเม็ดไม่รู้ครั้งนี้จะขายให้ข้าได้เท่าไร? เกรงว่าคงไม่มากไปกว่าครั้งที่แล้วรวมกับที่ตัวข้ามีอยู่ก็แค่ประมาณร้อยเม็ด พอดีให้ข้าฝึกฝนหนึ่งเดือน หากเวลาที่ออกไปข้างนอกเกินหนึ่งเดือนยาควบปราณก็ไม่พอใช้แล้ว!”
“จะไปหายาควบปราณมาจากไหนได้อีกนะ?”
ในใจของเสวียนเทียนครุ่นคิดการฝึกฝนวิทยายุทธ์วิชาปราณชั้นนิลขั้นต้นมีผลสำเร็จไปบ้างแล้วในเวลาอันใกล้ยากจะก้าวหน้าได้อีก เสวียนเทียนจึงเริ่มขบคิดเื่ยาควบปราณที่จำเป็ต้องใช้ระหว่างการออกไปเก็บประสบการณ์
ทันใดนั้น ในใจของเสวียนเทียนก็สว่างขึ้นคิดวิธีดีๆ ออกวิธีหนึ่ง
วันนี้เอง ตัวอักษรที่แกะอยู่บนแผ่นป้ายไม้นอก ‘เรือนหวงเทียน’ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไป
จาก ‘เก็บตัว กรุณาอย่ารบกวน’ เปลี่ยนเป็ ‘ยินดีรับคำท้า คนแพ้เสียยาควบปราณแท้ชั้นล่างหนึ่งเม็ด’
เสวียนเทียนยืนอยู่ในเรือน มุมปากโค้งขึ้นเป็วงในใจคิด ในเมื่อพวกเ้าอยากท้าข้าสู้ ข้าก็จะให้พวกเ้าท้าสู้ให้พอ!
เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ทุกครั้งที่เสวียนเทียนไปกินข้าวที่ตำหนักโภชนา เป็ต้องมีศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองจำนวนหนึ่งมาท้าสู้กับเขาแต่เพราะยุ่งกับการฝึกฝนอยู่ เสวียนเทียนถึงปฏิเสธไปทุกคนต่อมาเสวียนเทียนจึงเสียเงินนิดหน่อยขอให้ศิษย์จากตำหนักโภชนาส่งอาหารน้ำมาให้ถึง ‘เรือนหวงเทียน’ ทุกวัน หลบเลี่ยงพบหน้าศิษย์ที่เห็นเขาก็เข้ามาขอท้าสู้มาได้
ศิษย์ที่้าท้าสู้กับเขา มีมากเกินไปจริงๆเสวียนเทียนไม่คิดจะประลองกับพวกเขาทีละคนสักนิด แต่ถ้าสู้ชนะแล้วได้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งเม็ดล่ะก็!
“ฮึๆ...! ก่อนหน้านี้ทำไมคิดไม่ได้กันนะ ดูท่าประลองกับพวกเขาเสียหน่อยก็ไม่เลว!” มุมปากเสวียนเทียนยกยิ้ม พูดกับตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสวียนเทียนก็หุบยิ้ม รวมสมาธิร่างกายขยับราวกับเงาภูตผี พริบตาก็ขยับไปข้างหน้า เหินไปสิบเมตร
่เวลาหลายวันต่อมาเสวียนเทียนจะรอคนมาท้าสู้กับเขาอยู่ที่เรือน พลางฝึกฝน ‘เงาภูตเทวยาตรา’ วิชาตัวเบาชั้นนิลที่ได้มาจากมือกระบี่เงาผีไปพลาง
‘เงาภูตเทวยาตรา’ แม้จะมีเพียงครึ่งเดียว แต่ก็บันทึกวิธีฝึกฝนของสามขั้นแรกเอาไว้ขั้นที่สามเป็ถึงวิชาตัวเบาของชั้นนิลขั้นกลาง เมื่อฝึกฝนถึงขั้นที่สาม เทียบกับ ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ชั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้วยังเร็วกว่า
แน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือ ‘ท่าเท้าเงาผีลวงิญญา’ ท่าเท้าสำหรับต่อสู้ชนิดหนึ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ ‘เงาภูตเทวยาตรา’ ถึงกับสร้างเงาร่างลวงขึ้นมาได้ทำให้ศัตรูสับสน ยามเผชิญศัตรูมีประโยชน์อย่างมหาศาล ถึงขนาดที่อาศัยท่าเท้านี้ทำให้อ่อนแอชนะแข็งแกร่งได้ พิสดารยิ่งนัก
ที่เสวียนเทียนฝึกฝนเป็หลักก็คือ ‘ท่าเท้าเงาผีลวงิญญา’ ใน ‘เงาภูตเทวยาตรา’
เรือนแห่งนี้กว้างสามสิบเมตร ยาวสี่สิบกว่าเมตรรอบด้านล้อมด้วยกำแพง เมื่อเสวียนเทียนปิดประตูหน้า ใครก็มองเข้ามาไม่เห็นจะฝึกฝนวิชาตัวเบาพื้นที่เล็กเกินไป แต่พอดีกับการฝึกฝน ‘ท่าเท้าเงาผีลวงิญญา’
ถึงแม้ ‘เรือนหวงเทียน’ จะไม่ได้ตั้งอยู่บนเส้นทางผ่านของศิษย์ในแต่ศิษย์ในที่บังเอิญผ่านมาบางครั้งก็มีอยู่บ้าง
วันนี้ตัวอักษรสลักบนป้ายไม้ที่เสวียนเทียนวางไว้ข้างนอกเปลี่ยนไปแล้วเปลี่ยนเป็ ‘ยินดีรับคำท้า’ ไม่นานก็มีศิษย์ในที่ผ่านทางมาเห็นเข้าหลังจากนั้นก็แพร่ไปถึงหูของศิษย์ในคนอื่น
เวลาเพิ่งผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นอก ‘เรือนหวงเทียน’ ก็ได้ยินเสียงคนะโดังขึ้น “หวงเทียนศิษย์พี่หลีิเจียง ขั้นที่สอง ลำดับที่เก้าสิบหก มาขอท้าประลอง!”
เสวียนเทียนหยุดฝึก ‘ท่าเท้าเงาผีลวงิญญา’ ร่างกายแวบผ่านไป ปรากฏตัวอยู่ที่ข้างประตู
เสียงแอ๊ดดังขึ้น ประตูใหญ่เปิดออกเสวียนเทียนเดินออกมา
นอก ‘เรือนหวงเทียน’ ตอนนี้มีศิษย์ในยี่สิบกว่าคนมารวมตัวกันอยู่คนเหล่านี้คือคนที่ได้ยินข่าวแล้วมาร่วมวงดูเื่สนุกส่วนใหญ่เป็พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง
ข่าวที่เสวียนเทียนข้ามระดับชั้นเอาชนะซือซุ่นชางและหยางเวยแพร่ไปในหมู่ศิษย์ในตั้งนานแล้วเมื่อรู้ว่าเสวียนเทียนเอาชนะคู่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้ศิษย์ในชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งย่อมไม่มีใครกล้าท้าสู้กับเขาแล้ว
แต่ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจทำใจยอมรับได้สำนักกระบี่์มีฉู่เฟิงคนหนึ่งที่ต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้เหยียบศิษย์ที่ระดับสูงกว่าเขาหนึ่งขั้นเก้าในสิบส่วนลงไปก็ทำให้ศิษย์ทั้งหลายหดหู่พอแล้ว ตอนนี้ยังมีเสวียนเทียนโผล่ออกมาอีกเหมือนจะเหยียบพวกเขาลงไปอีกครั้ง บรรดาศิษย์ทั้งหลายจะยอมได้อย่างไร?
หยางเวยกับซือซุ่นชาง ในขั้นสองคนหนึ่งอันดับที่หนึ่งร้อยแปดอีกคนหนึ่งอันดับที่หนึ่งร้อยสามสิบเก้า ล้วนแต่อันดับเกินกว่าหนึ่งร้อยในหมู่ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองเป็พวกหางแถว
แม้เสวียนเทียนจะเอาชนะหยางเวยกับซือซุ่นชางได้แต่ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่อันดับน้อยกว่าหนึ่งร้อยในขั้นที่สองล้วนไม่คิดว่าเสวียนเทียนมีความสามารถจะสู้ชนะพวกเขา อยากท้าสู้กับเสวียนเทียนเอาชนะเสวียนเทียน พิสูจน์ว่าการต่อสู้ข้ามระดับของเสวียนเทียนจะหยุดอยู่แค่หลังอันดับที่ร้อยของขั้นที่สองเท่านั้น
ศิษย์ร้อยอันดับแรกของขั้นที่สอง้าขีดแบ่งตนเองออกมาจากร้อยอันดับหลัง เพราะนี่เป็ชื่อเสียงของพวกเขา ร้อยอันดับหลังมีศิษย์พ่ายแพ้ให้แก่เสวียนเทียน พวกเขาย่อมต้องยกตัวเองขึ้นหนึ่งขั้น แบ่งแยกตนเองออกจากอีกฝ่าย
ไม่เพียงศิษย์ขั้นที่สองร้อยอันดับแรกขนาดอันดับที่หนึ่งร้อยเจ็ดก็ยังอยากท้าสู้เสวียนเทียนอยู่ตลอดเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองต่างชั้นกับอันดับที่หนึ่งร้อยแปดหยางเวยคนละชั้นโดยสิ้นเชิง
แม้กระทั่งศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองที่อันดับอยู่หลังหยางเวยก็มีใจคิดอยากสู้กับเสวียนเทียน
ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองมีมากอันดับรายชื่อข้างหอกระบี่ไม่แน่ว่าจะเที่ยงตรงทั้งหมด เวลาเปลี่ยนพลังของบรรดาลูกศิษย์ก็เปลี่ยน ศิษย์ที่อยู่ลำดับข้างหลังเกิดพลังเพิ่มขึ้นทันทีทันใดก้าวข้ามศิษย์ลำดับข้างหน้าสิบคนยี่สิบคนในคราวเดียวก็เป็เื่ที่เป็ไปได้
ดังนั้น ตอนที่เสวียนเทียนไปทานข้าวที่ตำหนักโภชนาศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองแทบจะทั้งหมด เมื่อเห็นเขา ไฟสู้ก็ลุกโชติ่ในดวงตา
พอเสวียนเทียนออกมาจาก ‘เรือนหวงเทียน’ สายตาก็จับอยู่บนร่างของศิษย์คนหนึ่งที่ยืนอยู่ลำพังหน้า ‘เรือนหวงเทียน’ “เ้าคือหลีิเจียง?”
คนผู้นี้อายุประมาณยี่สิบปีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาแข็งแกร่งกว่าหยางเวยอยู่ไม่น้อย
หลีิเจียงพยักหน้า เอ่ยว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องหวงเทียนได้ยินว่าเ้าไม่เคารพศิษย์พี่ เื่นี้ใช้ไม่ได้ วันนี้ข้าจะให้เ้ารู้ข้าศิษย์พี่หลีิเจียง ไม่เหมือนคนบางพวกที่เรียกศิษย์พี่เสียเปล่า”
มุมปากของเสวียนเทียนยกยิ้ม เอ่ยว่า “คนแพ้เสีย ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งเม็ด”
“ได้!” หลีิเจียงรับปากทันที
‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ แม้ราคาจะไม่ธรรมดา แต่แค่หนึ่งเม็ดสำหรับศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองคนหนึ่งแล้วไม่นับเป็อะไร
เสวียนเทียนก็รู้จุดนี้ดีแต่หนึ่งเม็ดไม่นับเป็อะไร หนึ่งคนหนึ่งเม็ดรวมกันขึ้นมาก็มีค่ามากมายขึ้นมาแล้ว
“เ้าลงมือเถอะ!” เสวียนเทียนชัก ‘กระบี่แรกฟ้า’ ออกมาแล้วเอ่ยขึ้น
“รับกระบี่!”
หลีิเจียงได้ยินคำพูดก็ชักกระบี่ออกจากฝักในทันใดรัศมีกระบี่สีแดงชาดสายหนึ่งแทงเข้ามาหาเสวียนเทียน
เพลงกระบี่สายอัคคี เพลงกระบี่อัคคีสีชาด!
วิชาปราณที่หลีิเจียงฝึกฝนก็เป็วิชาปราณสายอัคคี...วิชาปราณอัคนีบริสุทธิ์!
เสวียนเทียนโคจร ‘ปราณเก้าอัคนีอนธการ’ เช่นกันใช้ ‘กระบี่เพลิงโลกันตร์ผลาญฟ้า’ ออกรับ ควบคุมพลังให้อยู่ในระดับขั้นประมาณเดียวกันกับหลีิเจียง แต่แกร่งกว่าเขาอยู่นิดหน่อย
หากเอาชนะหลีิเจียงด้วยพลังที่กล้าแข็งเกินไปเช่นนั้นศิษย์ที่อันดับประมาณเดียวกันกับหลีิเจียงย่อมไม่กล้าเข้ามาประลองกับเสวียนเทียนอีกที่เสวียนเทียน้าไม่ใช่เอาชนะคู่ต่อสู้ แต่เป็การชนะได้ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หลังเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว
ดังนั้นไม่จำเป็ต้องแสดงพลังที่กล้าแข็งเกินไปออกมาและไม่จำเป็ต้องเล่นงานคู่ต่อสู้ให้อนาถเกินไปนัก ไม่มีเื่โกรธเคืองไม่มีความแค้น อีกฝ่ายไม่ใช่คนของฉู่เฟิงที่จงใจมาหาเื่เขานี่เป็เพียงการประลองท้าสู้เท่านั้น!
หลังสิบกระบวนท่าเสวียนเทียนก็หาช่องโหว่ของหลีิเจียงพบที่หนึ่ง ในตอนที่อีกฝ่ายป้องกันไม่ทัน ‘กระบี่แรกฟ้า’ ก็แทงจ่อไปที่คอของเขาด้วยความพิสดาร เฉียดฉิวนิดเดียวเอาชนะหลีิเจียงไปได้อย่าง ‘ยากลำบาก’
หลีิเจียงพ่ายแพ้แล้ว แต่ในใจยังคงไม่สบอารมณ์อยู่มากเพราะเขามองว่าความสามารถของเสวียนเทียนสูสีกับเขาเพียงเพราะพลังของเขาไม่ได้เปล่งประกายออกมาอย่างดี ถึงถูกเสวียนเทียนเอาชนะได้ หากไม่ใช่เพราะตนเองไม่ระวังสู้กันต่อไปโอกาสที่เขาจะได้ชนะอย่างน้อยก็มากกว่าห้าส่วน!
ขนาดหลีิเจียงเองยังคิดเช่นนี้ศิษย์คนอื่นที่ชมการต่อสู้อยู่ยิ่งมองว่าพลังของเสวียนเทียนมีเพียงแค่นี้เท่านั้น
ตอนนี้ข่าวที่เสวียนเทียนแขวนป้ายรับท้าประลองแพร่ออกไปทั่วแล้วศิษย์ที่มาเยือน ‘เรือนหวงเทียน’ จำนวนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่เสวียนเทียนกับหลีิเจียงต่อสู้กันก็มีศิษย์ในอีกยี่สิบกว่าคนรีบเร่งมาคนไม่น้อยเป็ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองมาเพื่อท้าสู้กับเสวียนเทียน
เห็นหลีิเจียงพ่ายแพ้ด้วยความบังเอิญก็มีศิษย์สองคนที่อันดับอยู่หลังยิ่งกว่าหลีิเจียง ในใจคิดก่อการขึ้นมาอยากท้าสู้กับเสวียนเทียน สู้กับเขาสักตั้ง
ปลายกระบี่ของ ‘กระบี่แรกฟ้า’ เผยปราณแท้เบิกนภาสายอัคคีอันร้อนแรงทำให้คอของหลีิเจียงแสบร้อนขึ้นมา
“‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ หนึ่งเม็ดศิษย์น้องหลีิเจียง!”
เสวียนเทียนเลื่อน ‘กระบี่แรกฟ้า’ ออก เสียงชิ้งดังขึ้นแล้วกลับลงในฝัก มองหลีิเจียงพลางยิ้มละไม ก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าไม่ยอมข้าท้าสู้กับเ้าอีกครั้ง ข้าจะสู้กับเ้าอีกที เมื่อครู่ข้าพลาดไป!” หลีิเจียงหายใจฮึดฮัดพลางพูดขึ้นถึงกับพ่ายแพ้เพราะตนเองเผยช่องโหว่ออกมา นี่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
เสวียนเทียนเอ่ยว่า “วันเดียวกัน คู่ต่อสู้คนเดียวกันข้ารับท้าสู้ครั้งเดียวเท่านั้น เ้าอยากท้าสู้อีก ก่อนอื่นส่ง ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ ที่แพ้มา พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“ดี พรุ่งนี้ เ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
หลีิเจียงหยิบ ‘ยาควบปราณแท้ชั้นล่าง’ เม็ดหนึ่งออกมาแล้วโยนข้ามไป ในใจกดเก็บความโกรธไว้ พูดขึ้นอย่างโมโห
“หวงเทียน ข้าเฉียนเฟิงขั้นที่สองอันดับที่เก้าสิบเก้า ขอท้าสู้กับเ้า!”
หลีิเจียงเพิ่งส่ง ‘ยาปราณแท้ชั้นล่าง’ มา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในหมู่คนที่อยู่ด้านข้าง คนผู้หนึ่งก้าวออกมาเป็ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองอีกคนหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้