เด็กนักเรียนคนนั้นวิ่งเข้าไปในโรงเรียนเพื่อไปหาเซี่ยเฉินเฟิง ก่อนจะบอกว่าคุณตามาทำธุระในตำบลพอดีเลยมารับเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ปกติเวลานี้คุณตาจะต้อนวัวอยู่ในหมู่บ้าน แล้ววันนี้มาทำธุระอะไรแถวโรงเรียนกัน
ตอนแรกเขาไม่คิดจะออกไป แต่อีกใจก็กลัวว่าจะเป็คุณตามารอรับจริง ด้วยเหตุนี้เด็กชายเลยรีบเดินไปที่หน้าประตูโรงเรียน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลืมคำกำชับของพี่สาวว่า เวลาจะไปไหนให้พาสือโถวกับโฉ่วหวาไปด้วย อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาประจำที่พี่สาวมารับกลับบ้าน
เด็กชายเดินไปยังหน้าโรงเรียนพร้อมสอดส่องมองหาคุณตา ทว่ากลับพบแค่กลุ่มเด็กหนุ่มหน้าตาเอาเื่กำลังเดินตรงมาที่โรงเรียน
เขาชะงักฝีเท้าในทันที สือโถวกับโฉ่วหวาที่เดินตามมาด้านหลังจึงต้องหยุดเดินไปด้วย
เวลานี้เองเพื่อนนักเรียนที่ไปตามเขาก็หมุนตัววิ่งไปอีกทาง พร้อมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะหนี “ผมเรียกออกมาให้แล้ว หมดเื่ของผมแล้ว…”
เด็กหนุ่มท่าทางเหมือนอันธพาลราวหกเจ็ดคนเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน คนพวกนั้นจ้องมองเด็กชายทั้งสามคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบกระบองที่แอบอยู่ในแขนเสื้อออกมา จากนั้นเดินเข้าไปในเขตโรงเรียน ตรงมาทางเด็กชายทั้งสามคนอย่างมาดร้าย
โบราณมีคำกล่าวว่า ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]
เซี่ยโม่เดินเข้ามาทางด้านหลังของเด็กหนุ่มอันธพาลเหล่านี้
ตอนที่เด็กนักเรียนคนนั้นะโแล้ววิ่งหนีไป เซี่ยเฉินเฟิงก็รู้สึกได้แล้วว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ยิ่งเห็นอันธพาลกลุ่มนี้เดินเข้ามาในโรงเรียนก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงสถานการณ์อันตราย
เซี่ยเฉินเฟิงหันไปบอกเพื่อนทั้งสองคนในทันที “รีบหนีไป…”
เขากลับหลังหันแล้ววิ่งหนี โดยมีสือโถวกับโฉ่วหวาวิ่งนำอยู่ด้านหน้า
แต่เนื่องจากเขาอายุน้อยกว่าทั้งสองคนอยู่สองปี ตัวจึงเตี้ยกว่า ทั้งขายังสั้นกว่าเพื่อนเลยวิ่งได้ไม่เร็วเท่า ทั้งสองคนเห็นเช่นนั้นก็หันหน้ากลับมา ก่อนจะยื่นมือมาจูงแขนเขาคนละข้างแล้วพาออกวิ่ง
“พวกพี่ไม่ต้องสนใจผม รีบหนีไป…” เซี่ยเฉินเฟิงเอ่ยอย่างร้อนใจ เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนต้องเดือดร้อนไปด้วย
ทว่าทั้งสองคนกลับตอบด้วยน้ำเสียงดื้อดึง “พวกเราเป็เพื่อนกัน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน…”
เขารู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน พยายามเร่งฝีเท้าให้วิ่งเร็วขึ้น
ครั้นรับรู้ได้ว่ากลุ่มอันธพาลที่วิ่งไล่ทางด้านหลังตามมาจนจะถึงตัวพวกเขาแล้ว เซี่ยเฉินเฟิงจึงะโขอความช่วยเหลือดังลั่น “ช่วยด้วย มีคนไล่ฆ่าเด็ก…”
สือโถวกับโฉ่วหวาะโออกมาเช่นกัน “ช่วยด้วย มีคนไล่ฆ่าเด็ก…”
ในโรงเรียนยังมีเด็กนักเรียนหลงเหลืออยู่ประปราย และยังมีคุณครูบางคนที่ยังไม่ได้กลับบ้านนั่งอยู่ในห้องทำงาน พอได้ยินเสียงะโดังมาจากทางหน้าโรงเรียน คุณครูทุกคนก็รีบออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
หากมีอะไรเกิดขึ้นในโรงเรียน ทางสถานศึกษากับคุณครูจะต้องเป็คนรับผิดชอบ
แล้วพวกเขาก็พบว่ามีอันธพาลจำนวนเจ็ดถึงแปดคนกำลังถือกระบองไล่ทำร้ายเด็กชายตัวน้อย เด็กนักเรียนที่น่าสงสารทั้งสามคนนั้นวิ่งหนีไปด้วยะโร้องขอความช่วยเหลือไปด้วย
นี่มันเื่อะไรกันเนี่ย!
ทำร้ายกันกลางวันแสกๆ ยังเห็นกฎหมายอยู่ในสายตาอยู่อีกหรือ?
คุณครูและนักเรียนที่ยังไม่กลับบ้านต่างวิ่งไปยังหน้าโรงเรียน
กลุ่มอันธพาลที่วิ่งไล่ตามอยู่ด้านหลังรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน พวกเขาไม่รู้เลยว่าในบรรดาเด็กสามคนนี้ใครกันแน่คือเป้าหมาย แต่จะให้ล้มเลิกกลางคันพวกเขาก็ทำไม่ได้
พวกคุณครูและนักเรียนต่างวิ่งตรงมาทางนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดจะเข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นะโออกมาว่า “อันธพาลพวกนี้นี่ใจกล้าไม่เบา กล้ามาทำร้ายเด็กนักเรียนถึงในโรงเรียนเลยเหรอ!”
“ช่วยกันจับพวกมันเอาไว้ จะได้เอาตัวส่งตำรวจ”
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลตัดสินใจได้ในทันทีก่อนจะรีบสั่งการ “เร็ว รีบจัดการจะได้รีบแยกย้าย”
“จัดไป”
ขณะที่อันธพาลกลุ่มนี้ชูกระบองขึ้น ทำท่าจะฟาดไปที่เด็กชายทั้งสามคน ทันใดนั้นเองทั้งหมดรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังพุ่งมาทางด้านหลัง ก่อนที่ท่อนแขนของสามคนในกลุ่มจะโดนเข้ากับอะไรบางอย่าง
อันธพาลทั้งสามคนล้มลงไปกองกับพื้นทันที พอหันไปมองก็ได้พบกับเด็กสาวอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปียืนอยู่ ในมือเธอถือกระบองด้วยท่าทางเอาเื่
ทั้งสามคนคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เหตุใดกระบองของเด็กสาวฟาดถูกตัวพวกเขาแล้วถึงทำให้มึนหัวและชาไปทั้งตัวแบบนี้ กระบองของเด็กสาวอานุภาพร้ายแรงยิ่ง
ทั้งสามคนที่โดนเซี่ยโม่เล่นงานพยายามเค้นคำพูด แต่ก็พูดได้แค่ว่า ‘เธอ’ คำเดียว จากนั้นก็ได้แต่อ้าปากพะงาบ
อันธพาลคนที่เหลือเข้าไปล้อมเด็กสาวเอาไว้ ก่อนจะฟาดกระบองใส่เธอ เซี่ยโม่เอี้ยวตัวหลบ เหวี่ยงกระบองในมือโต้ตอบกลับไป อันธพาลสองคนถูกเล่นงานเข้าให้ในจังหวะนี้
แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า เธอจึงถูกพวกนั้นรุมฟาดหลายทีอยู่เหมือนกัน เซี่ยโม่แทบยืนประคองตัวไม่อยู่ อีกนิดเดียวก็จะลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว
พวกเซี่ยเฉินเฟิงเห็นเช่นนั้นก็รีบหยิบก้อนหินบนพื้นใกล้ตัวมาปาใส่กลุ่มอันธพาล
เวลานี้เอง ยามของโรงเรียนรวมถึงคุณครูและเด็กนักเรียนต่างวิ่งกรูกันเข้ามา กลุ่มอันธพาลเห็นท่าไม่ดีหันมองหน้ากัน ก่อนที่ผู้เป็หัวหน้าจะะโขึ้น “แยกย้ายกันหนี!”
กลุ่มอันธพาลแยกย้ายกันวิ่งหนีไป ส่วนอันธพาลสามคนที่ก่อนหน้านี้ถูกเซี่ยโม่ใช้กระบองไฟฟ้าจัดการจนหมดสภาพถูกทุกคนจับกดลงกับพื้น ก่อนจะโดนมัดมือด้วยเชือกที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน
เซี่ยโม่อาศัย่เวลาชุลมุนนี้รีบเก็บกระบองไฟฟ้าเข้าไปในโกดังสินค้า ก่อนจะโน้มตัวลงไปหยิบกระบองของพวกนั้นขึ้นมาฟาดใส่อันธพาลสามคนนี้ไม่ยั้ง
ไม่กี่นาทีต่อมาสถานการณ์ถึงค่อยสงบลง คุณครูท่านหนึ่งเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “มีใครได้รับาเ็ไหม”
ทุกคนหันไปมองที่เซี่ยโม่เป็ตาเดียวกัน
เธอรีบไปตอบออกไปว่า “ไม่ได้เป็อะไรมากค่ะ ถ้าทุกคนมาช่วยไม่ทัน พวกน้องของฉันต้องแย่แน่ๆ”
ใครคนหนึ่งถามอย่างสงสัย “พวกเธอรู้จักกับพวกมันไหม”
“ไม่รู้จักค่ะ” เซี่ยโม่ส่ายหน้า
เวลานี้เองตำรวจหลายนายพลันเดินเข้ามาในโรงเรียน ทั้งยังจับกลุ่มอันธพาลที่วิ่งหนีไปเมื่อครู่ได้อีกด้วย เธอพบว่าหัวหน้าของกลุ่มตำรวจเหล่านี้คือ พี่ชายตำรวจคนเดียวกับที่เจอในสถานีตำรวจก่อนหน้า
พออีกฝ่ายเห็นเธอก็แกล้งพูดหยอก “สาวน้อย เธอนี่วิ่งเร็วจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันฉลาด พวกนี้ต้องหนีไปได้แน่ๆ”
เธอเข้าใจในทันที พี่ชายตำรวจต้องไปถามคุณป้าฝ่ายทะเบียนคนนั้นมาแน่
พี่ซ่งคงขอให้พี่ชายตำรวจคนนี้ช่วยดูแลเธอ น้ำใจของอีกฝ่าย เธอขอรับไว้ก็แล้วกัน
“ขอบคุณมากนะคะที่พาคนมาช่วยเหลือ” เธอกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
พี่ชายตำรวจพูดอย่างไม่พอใจนัก “เธออย่าเอาอย่างคนแซ่ซ่งนั้นได้ไหม ที่มีอะไรก็ไม่ยอมพูดยอมบอก”
คนแซ่ซ่งที่อีกฝ่ายพูดถึงไม่แคล้วว่าคงเป็พี่ซ่ง
เธอยิ้มรับก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า แท้จริงแล้วคือล้วงมือเข้าไปในโกดังสินค้าเพื่อหยิบห่อกระดาษไข ซึ่งข้างในคือเนื้อวัวแห้งรสหม่าล่าน้ำหนักหนึ่งจินออกมา “พี่ชาย ฉันมีอาหารติดตัวมาด้วย พวกพี่เอาไปแบ่งกันกินนะคะ”
อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะโบกไม้โบกมือ “ของที่เด็กผู้หญิงอย่างพวกเธอชอบ พวกเราไม่ชอบหรอก ฉันพาคนพวกนี้กลับโรงพักก่อนนะ ต้องเอาตัวไปสอบสวนอีก จะได้รู้ว่าใครเป็คนสั่งการมา”
เดิมทีเธอคิดจะบอกพี่ชายตำรวจถึงเื่หาตัวการอยู่เหมือนกัน พอได้ยินเขาพูดเองเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีก
“พี่ชาย ของนี่ต้องถูกปากพวกพี่แน่นอนค่ะ ถ้าชอบก็บอกฉันนะคะ ฉันยังมีอีก” เธอพูดพลางยัดห่อเนื้อวัวแห้งใส่มืออีกฝ่าย
พอพี่ชายตำรวจได้ยินว่าที่เด็กสาวยังมีของอยู่อีกจึงยอมรับเอาไว้ในที่สุด
เขาเปิดห่อดูอย่างใคร่รู้ ก่อนจะพบว่ามันคือเนื้อแห้ง
ตำรวจหนุ่มหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปาก เคี้ยวแค่ไม่กี่ครั้ง รสชาติเผ็ดร้อนก็แผ่กำจายอยู่ในโพรงปาก ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย
นี่ไม่ใช่เนื้อหมู แต่คือเนื้อวัว
ยุคนี้คนมักใช้วัวไถและพรวนดิน ไม่นำมาฆ่าเพื่อกินเนื้อ แต่เด็กสาวคนนี้กลับนำเนื้อวัวมาทำเป็อาหารได้เลิศรสถึงเพียงนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ!
“เด็กสาวคนนี้ใจกว้างกว่าเ้าคนแซ่ซ่งเยอะเลย” ตำรวจหนุ่มยิ้มพลางพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“ใส่กุญแจมือพวกนี้แล้วเอาตัวไป หากเสร็จงานแล้วฉันมีของอร่อยจะให้”
ตำรวจหลายนายมีท่าทีสนอกสนใจขึ้นมาในทันใด “หัวหน้า ของอร่อยอะไรเหรอ”
“ความลับ” เขายิ้มอย่างมีลับลมคมใน
-----------------------------
[1] ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง หมายถึง คนผู้หนึ่งที่จ้องแต่จะคิดบัญชีผู้อื่น โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะถูกผู้อื่นเล่นงาน
