แก้ตอนที่ลงข้ามค่ะ
หลังจากที่ลู่หยวนซีเร่งพากู้จิ่งเหยียนหนีออกมาจากหมู่บ้าน นางก็เดินเท้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดพัก เพราะไม่รู้ว่าอันตรายที่กำลังไล่หลังมาอยู่ไกลแค่ไหน ลู่หยวนซีเดินแบกร่างที่สูงกว่าตนเองไม่ยอมหยุดพัก จนกระทั่งพระอาทิตย์ของวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง
แรงทั้งหมดที่มีภายในกายเวลานี้ได้ใช้ไปจนหมดแล้ว นางค่อยๆ วางร่างของกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่อย่างเบามือ ก่อนตนเองจะล้มตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
“ข้า....เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ลู่หยวนซีอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างสูงที่นอนไม่ได้สติอยู่ไม่ไกล แต่แล้วเสียงตี๊ดๆ ก็ดังขึ้นภายในหัวของนางอีกครั้ง ทันใดนั้นกู้จิ่งเหยียนก็กระอักเืสีดำคล้ำออกมาเปรอะเปื้อนร่างกายของตน ลู่หยวนซีเห็นดังนั้นก็ใเป็อย่างมาก เืพวกนี้มีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งคล้ายกับว่าอวัยวะภายในของเขาได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว
“กู้จิ่งเหยียน!! เ้าเป็อะไร”
เพราะความใแม้แต่ชื่อจริงของเขานางก็เอ่ยออกมาอย่างลืมตัว ลู่หยวนซีประคองร่างสูงเอาไว้ในอ้อมแขนนางพยายามใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเืบริเวณปากของเขา แต่เสียงแจ้งเตือนที่ดังอยู่แล้วก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง
“เืของคุณมีลักษณะพิเศษ สามารถเจือจางพิษในร่างกายของผู้ป่วยได้ กรุณาให้เขาดื่มเืของคุณเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยเอาไว้”
แล้วเสียงแจ้งเตือนนั้นก็หายไป แต่กู้จิ่งเหยียนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของนางพลันชักเกร็งขึ้นอย่างแรง ลู่หยวนซีไม่มีเวลาให้คิดทบทวนแล้วเพราะตอนนี้การช่วยชีวิตของคนสำคัญกว่า นางคว้ามีดผ่าตัดออกมาจากช่องว่าอากาศ ก่อนจะกรีดลงไปที่มือของตนเบาๆ จากนั้นจึงบีบมันให้ไหลลงไปที่ปากของเขา
แต่เพราะร่างกายของกู้จิ่งเหยียนยังคงชักกระตุกเกร็งทำให้เืเข้าไปในปากไม่ได้ ลู่หยวนซีพยายามง้างปากของกู้จิ่งเหยียนจากนั้นจึงใช้มือของตนยัดเข้าไปแทน แรงกัดที่เกิดขึ้นส่งผลให้มือของนางมีาแเพิ่ม จากนั้นเืก็ไหลลงไปในลำคอของเขา ไม่นานอาการกระตุกของร่างสูงก็ค่อยๆ หยุดลง ลู่หยวนซีกัดฟันอดทนดึงมือของตนเองออกจากปากของเขา พลางร้องโอดโอยด้วยความเ็ป
“บ้าจริง มันเจ็บมากๆ เลยนะเนี่ย กู้จิ่งเหยียนเ้าเป็หนี้ชีวิตข้าอีกครั้งแล้ว หวังว่าในอนาคตเ้าจะทำดีกับข้ามากกว่านี้ ก่อนที่ข้าจะกลับไปยังโลกเดิมของตนเอง”
ลู่หยวนซีพ่นลมหายใจออกมาจากปาก ก่อนจะพูดเปรยๆ กับร่างที่ยังคงนอนหลับตาสงบนิ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกคนนั้นได้สติกลับมาแล้ว หลังจากที่เห็นว่าชายหนุ่มมีอาการสงบลงลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นเพื่อสำรวจรอบๆ ป่า ว่ามีที่ทางสามารถให้พวกเขาพอที่จะใช้พักได้บ้างหรือไม่ นางเดินมาตลอดั้แ่เมื่อวานยังไม่ได้นอนเลยสักงีบ ต่อให้แข็งแรงมากขนาดไหนร่างกายก็คงจะทนไม่ไหวแน่
“ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้ามานะ”
ลู่หยวนซีบอกกับร่างที่นอนไม่ได้สติของกู้จิ่งเหยียนก่อนจะเดินผละจากไป ทันทีที่เสียงเดินของนางหายไปร่างที่เคยนอนหลับตานิ่งพลันก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสีม่วงของเขาเวลานี้มันค่อยๆ จางลง แม้จะไม่มากแต่ก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าด้านข้างที่เคยมีร่องรอยของตะขาบไฟก็ค่อยๆ หายไปอย่างน่าอัศจรรย์
ความมืดมิดที่อยู่กับเขามาสองปีกว่า มันเริ่มสว่างจ้าขึ้นทุกที กู้จิ่งเหยียนยกมือขึ้นป้องดวงตาของตนที่มีแสงส่องลงมาอย่างรำไร ภาพที่ปรากฏอยู่รอบกายเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับสีม่วงที่เคยอยู่ในดวงตาของเขาก็จางหายไปด้วยเช่นกัน
กู้จิ่งเหยียนกระพริบตาหลายครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาก้มลงมองที่ฝ่ามือที่ซีดขาวของตน ก่อนจะหันมองไปรอบๆ อีกครั้ง ช่างน่าอัศจรรย์นัก เขากลับมามองเห็นได้แล้วอย่างนั้นหรือ กู้จิ่งเหยียนลองขยับเท้าของตนเองแต่มันยังคงไร้ความรู้สึก แต่เขาก็มิได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด อย่างน้อยเวลานี้เขาก็น่าจะพอยังมีความหวังที่ตนเองจะกลับมาหายเป็ปกติได้ เพราะแม้แต่ดวงตาที่มืดบอดของเขามันยังสามารถมองเห็นได้เลย สตรีผู้นั้นนางทำอะไรกับเขากันแน่
กู้จิ่งเหยียนยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตน เขาคิดว่าภาพที่เห็นก่อนหน้านี้น่าจะเป็เพียงความฝันเท่านั้น นางให้เขาดื่มเืของนางอย่างนั้นหรือ ทำไมล่ะ เืที่เปรอะเปื้อนอยู่รอบๆ หน้าอกของเขามันมีทั้งสีดำคล้ำและสีแดงสด นั้นหมายความว่านอกจากเืของเขาน่าจะยังมีเืของผู้อื่นปะปนอยู่ด้วย
แม้ดวงตาของกู้จิ่งเหยียนจะสามารถกลับมามองเห็นได้แล้ว แต่หูของเขาก็ยังคงใช้การได้ดีอยู่ เสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามาไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็ลู่หยวนซี ชายหนุ่มแสร้งหลับตาลงเช่นเดิมเพื่อรอดูว่านางจะทำเช่นไรกับเขาต่อไป
“ข้างหน้ามีถ้ำเล็กๆ อยู่ ข้าจะพาท่านไปพักที่นั่นก็แล้วกัน รอให้เ้าระบบกลับมาก่อนแล้วค่อยมาดูกันว่าเราจะสามารถกลับไปที่หมู่บ้านได้อีกครั้งหรือไม่”
ลู่หยวนซีพูดกับชายหนุ่มที่นอนหลับตานิ่ง โดยที่ไม่รู้ว่าทุกคำพูดของตนนั้นเขาได้ยินมันทั้งหมด ความสงสัยที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้กู้จิ่งเหยียนมั่นใจว่าสตรีนางนี้มิใช่สาวใช้ที่เคยดูแลตน เช่นนั้นแล้วนางเป็ใคร เหตุใดนางถึงได้อยู่ที่นี่แล้วยังต้องคอยกังวลว่าเขาจะอยู่หรือตาย
ลู่หยวนซีแบกร่างของกู้จิ่งเหยียนเดินไปตามทางที่นางพึ่งจากมา เพียงไม่นานก็ได้เห็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่นักอยู่ตรงหน้า หากไม่สังเกตให้ดีก็คงจะมองไม่เห็นเพราะมีต้นไม่ใหญ่ขึ้นบดบังอยู่ นางแหวกพงหญ้าเข้าไปด้านใน จากนั้นจึงวางร่างของกู้จิ่งเหยียนพิงผนังถ้ำเอาไว้ นางหยิบผ้านวมผืนใหม่ที่พึ่งซื้อมาปูบนพื้นก่อนอุ้มกู้จิ่งเหยียนวางลงไปอย่างแ่เบา จากนั้นจึงห่มผ้าให้เขา
หลังจากที่เตรียมที่ทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่หยวนซีก็ออกจากถ้ำไปอีกครั้ง นางเก็บฟืนมาเตรียมเอาไว้มากมายเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อใด
่บ่ายท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสกลับมืดครึ้ม เสียงคำรามที่ดังแว่วมาเบาๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนจะต้องเทลงมาแน่ กลิ่นชื้นในอากาศทำให้ลู่หยวนซีรู้สึกไม่สบายใจนัก
ตอนนี้อาการของกู้จิ่งเหยียนยังไม่มั่นคง นางเกรงว่าหากเขาต้องมาโดนความชื้นของอากาศเช่นนี้เขาอาจจะไม่สบายขึ้นมาอีก ลู่หยวนซีดึงเอาข้าวของที่เก็บเอาไว้ในช่องว่างอากาศออกมา นางเตรียมอาหารอ่อนๆ เอาไว้ให้เขา หลังจากที่กู้จิ่งเหยียนได้สติกลับมาเขาจะได้มีอะไรทานรองท้อง
ทุกการเคลื่อนไหวของตนลู่หยวนซีไม่รู้เลยว่ากู้จิ่งเหยียนมองเห็นทั้งหมด คราแรกที่เขาเห็นนางเอาสิ่งของออกมาจากความว่างเปล่าเขาใจนแทบหัวใจหยุดเต้น คิดว่าลู่หยวนซีเวลานี้อาจมิใช่มนุษย์อย่างเช่นตนเอง
แต่เมื่อได้เห็นท่าทางทำอาหารและชิมอย่างเอร็ดอร่อยของนาง เขาก็รู้สึกว่าตนเองอาจจะคิดมากไป หากว่านางเป็ภูตผีแล้วจะทานอาหารไปเพื่ออะไร แต่เขาก็ยังสงสัยว่านางเป็ใครกันแน่ถึงได้มีความสามารถที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มี
ลู่หยวนซีที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการทำอาหาร ก็หันมาทางกู้จิ่งเหยียนอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อทั้งสองสบตากันกู้จิ่งเหยียนก็แสร้งนั่งทำหน้านิ่งเหมือนกับว่าเขามองไม่เห็นนางอย่างที่แล้วมา
“คุณชายท่านตื่นแล้วหรือเ้าคะ ดีเลยจะได้ทานอะไรรองท้องสักหน่อย เมื่อวานท่านไม่ได้ทานอะไรเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้”
หลังจากที่นางเอ่ยจบ เสียงท้องของกู้จิ่งเหยียนก็ดังขึ้นแข่งกับเสียงฟ้าร้องด้านนอกถ้ำ ใบหน้าที่ยามปกติซีดขาวบัดนี้กลับร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตัวเขาเองก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าของตนนั้นกำลังเห่อแดง แต่เพราะภายในถ้ำไม่มีแสงสว่างที่มากนัก ทำให้ลู่หยวนซีไม่ทันได้สังเกตถึงอาการผิดปกติของเขา
กู้จิ่งเหยียนกระแอมไอเบาๆ จากนั้นจึงพยักหน้ารับ ลู่หยวนซีอดที่จะแปลกใจมิได้ที่วันนี้ของคุณชายผู้หยิ่งยโสของนาง กลับมีท่าทางว่าง่ายต่างจากทุกที แต่เพราะเื่ราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้นางมองข้ามรายละเอียนเล็กๆ น้อยๆ ของเขา นางตักโจ๊กที่พึ่งเคี่ยวเสร็จใส่ลงไปในชามที่เขาใช้ทุกวัน จากนั้นจึงคนไปมาและเป่าจนโจ๊กเกือบเย็นจึงนำไปวางลงในมือของกู้จิ่งเหยียน
ชายหนุ่มมองท่าทางที่เอาใจใส่ของนางอย่างเหม่อลอย ก่อนจะรับชามโจ๊กมาไว้ในมือ ใน่เวลาที่ดวงตาของเขามองไม่เห็นนางเอาใจใส่ดูแลเขาดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งที่นางไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ทำไมกัน
ความรู้สึกสายหนึ่งก็ตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ อาการอยากอาหารของเขาตอนนี้ได้หายไปเป็ปลิดทิ้ง มีเพียงความรู้สึกตื้นตันราวกับว่าเขากำลังถูกดูแลเอาใจใส่จากมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ไม่ได้ััมาเนิ่นนาน
ดวงตาสีรัติกาลมีน้ำใสเอ่อคลอขึ้นมารอบดวงตา กู้จิ่งเหยียนก้มหน้าลงทานโจ๊กในมือเพื่อปิดบังอาการของตน ไม่นานหลังจากที่เสียงฟ้าร้องดังอย่างต่อเนื่อง สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาสลับกับเสียงคืนครานที่ดังไม่หยุด ลู่หยวนซีทานโจ๊กในชามของตนจนหมด ก่อนจะนำไปล้างน้ำฝนที่หน้าทางเข้าถ้ำ
เถาวัลย์ที่ปรกย้อยลงมาทำให้น้ำฝนไม่สามารถกระเด็นเข้ามาด้านในได้ ลู่หยวนซีเติมฟืนเข้าไปในกองไฟอีกครั้ง จากนั้นจึงเอาที่นอนของตนออกมาปูบ้าง กู้จิ่งเหยียนที่ก้มหน้าทานโจ๊กเงียบๆ แต่สายตาก็มองการกระทำของนางอยู่ตลอด เมื่อได้เห็นนางดึงเอาสิ่งของออกมาจากความว่างเปล่า เขาก็อดที่จะนึกทึ่งในความสามารถของนางขึ้นมาอีกมิได้
ร่างสูงวางชามเปล่าเอาไว้ด้านข้าง หลังจากที่ทานจนหมดแล้ว ลู่หยวนซีเองก็เห็นเช่นกันนางหยิบชามเปล่าของเขาไปล้างก่อนที่จะเก็บเข้าไปในช่องว่างอากาศอีกครั้ง จากนั้นจึงหยิบกระโถนประจำตัวของเขาออกมาวาง
“คุณชายท่านอยากเข้าห้องน้ำหรือไม่”
ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็ปกติแล้วจะให้นางช่วยเื่นั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็แน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟ
เสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“คุณชายท่านปวดเบาหรือเ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”
กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็คำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็สตรีนะ
หลังเปลี่ยนชุดให้เขาเสร็จ ลู่หยวนซีก็หันมาเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดของตนบ้าง นางเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าเขาเพราะคิดว่าชายหนุ่มมองไม่เห็น กู้จิ่งเหยียนที่ใบหน้าเห่อแดงได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา เพราะกลัวว่านางจะรู้ว่าเขานั้นมองเห็นแล้ว
แก้ตอนที่ลงข้ามค่ะ
ในระหว่างที่ลู่หยวนซีและกู้จิ่งเหยียนนอนหลับพักผ่อนอย่างอบอุ่นอยู่ภายในถ้ำเล็ก เหล่ามือสังหารพวกนั้นก็ออกตามรอยของคนทั้งสองอย่างไม่ลดละ เมื่อตามรอยเท้ามาถึง่หนึ่ง สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้ภารกิจออกตามรอยเป้าหมายจำต้องยุติลง
ทางด้านเฮ่อเหวินเจ๋อ คนของเขาได้ส่งรายงานมาให้แล้ว ทำให้เขาได้รู้ว่าเรือนหลังน้อยที่ตั้งอยู่บนเนินเขานั้นเป็ของสตรีที่เคยช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ เื่าแที่หายสนิทของตนยังมิทันได้คลายความสงสัย กลับมีปริศนาเพิ่มขึ้นมาอีก เหตุใดมือสังหารเ่าั้ต้องตามฆ่านางด้วย
“ซือจิ่ง ให้คนของเราที่แฝงตัวอยู่ที่นี่ออกตามรอยพวกเขา ต้องถึงตัวนางก่อนนักฆ่าพวกนั้นให้ได้ สั่งการลงไปว่างานนี้สำคัญมากห้ามมีสิ่งใดผิดพลาดโดยเด็ดขาด”
ชายชุดดำที่เคยถือกระบี่ชี้หน้าของลู่หยวนซียกมือขึ้นประสานกัน ก่อนเดินออกจากห้องไปทำภารกิจของตนที่ได้รับมอบหมาย
สามวันผ่านไป สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักก็ได้ซาลง โชคดีที่ลู่หยวนซีเก็บฟืนใส่เอาไว้ภายในช่องว่างอากาศของนาง ทำให้ยังมีฟืนเหลือเฟือสำหรับหุงหาอาหาร
สามวันแล้วเช่นกันที่นางไม่สามารถติดต่อกับระบบได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ลู่หยวนซีแอบเรียกหาระบบในใจอยู่ตลอดแต่ก็ยังคงไม่ได้รับการตอบกลับมา
“เ้า...เล่าเื่ซุนหงอคงให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่”
เป็ครั้งแรกที่กู้จิ่งเหยียนเอ่ยปากกับนางก่อนั้แ่ที่ิญญาของนางเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ ลู่หยวนซียกยิ้มอย่างพอใจอย่างน้อยความลำบากของนางที่ผ่านมาก็ไม่เสียเปล่าไปซะทีเดียว คุณชายผู้หยิ่งยโสได้โน้มตัวลงมาหานางแล้ว
“ได้แน่นอนเ้าค่ะ แต่เื่ราวหลังจากนี้เป็ตอนที่ซุนหงอคงออกเดินทางไปยังชมพูทวีปพร้อมกับพระถังซัมจั๋งและศิษย์น้องทั้งสอง”
ลู่หยวนซีเล่าเื่ซุนหงอคงที่นางพอจะจำได้ให้ชายหนุ่มฟัง น้ำเสียงที่สม่ำเสมอและขึ้นลงตามจังหวะของเหตุการณ์ในเื่เล่า ทำให้กู้จิ่งเหยียนคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย
นางจะต้องเป็ผู้ที่มีความรู้ระดับนักปราชญ์เป็แน่ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเล่าเื่ราวที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างเป็ธรรมชาติ ราวกับว่านางเป็ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นเอง กู้จิ่งเหยียนจะไม่มีทางพูดเช่นนี้แน่ถ้าหากเขาได้ดูซีรีส์ที่ออนแอร์ทางโทรทัศน์เหมือนอย่างที่ลู่หยวนซีได้ดู
ผ่านไปอีกสามวัน ตอนนี้ท้องฟ้าแจ่มใสโปร่งโล่งมีก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยเฉื่อยไปมาผืนดินที่เคยชื้นแฉะก็เปลี่ยนเป็แห้งสนิท ลู่หยวนซีไม่อยากรอระบบอีกแล้ว นางคิดที่จะย้อนกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์ความเคลื่อนไหว แต่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจที่จะให้กู้จิ่งเหยียนอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ดังนั้นหลังจากที่เก็บข้าวของเข้าในช่องว่างอากาศแล้ว นางก็แบกกู้จิ่งเหยียนขึ้นหลัง พาเขาย้อนกลับไปยังทางเดิมที่นางเคยเดินมา
ลู่หยวนซีไม่จำเป็ต้องใช้ความคิดมากมาย เพราะเมื่อก่อนนางเดินขึ้นเขาเป็ประจำตอนอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าฉือชุน ต่อให้ที่นี่มิใช่ป่าที่นางเคยเดินมาก่อน แต่นางก็รู้วิธีแกะรอยจากสัญลักษณ์ที่ตนเองทำทิ้งเอาไว้ แน่นอนว่ามือสังหารเ่าั้ย่อมจะต้องมองไม่เห็นเพราะมีเพียงนางและเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุนเท่านั้นที่รู้
แต่ความซวยของนางยังไม่หมด เมื่อลู่หยวนซีเดินย้อนกลับไปได้เพียงครึ่งทาง คนชุดดำนับสิบก็ะโออกมาขวางพวกนางเอาไว้ ถึงแม้จะรู้วิธีต่อสู้เพราะโรงฝึกกังฟูอยู่ข้างบ้านเด็กกำพร้าที่นางเติบโตมา แต่นั่นคือกระบี่ที่มีคม อาวุธย่อมไร้ดวงตาถ้าหากถูกฟันถูกแทงก็เจ็บและตายได้เหมือนกัน
นางต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตนเองได้กลับไปยังโลกเดิมมาถึงขนาดนี้แล้ว กลับต้องมาพบจุดจบอย่างน่าอนาถเพราะปลายปากกาของผู้เขียนอย่างนั้นหรือ นางไม่มีทางยอมให้เป็เช่นนั้นแน่
ลู่หยวนซีวางกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ข้างโคนต้นไม้ใหญ่ นางคิดว่ายังไงวันนี้ตนเองก็ไม่มีทางหนีไปจากพวกเขาได้แน่ แต่ก็ไม่คิดที่ยอมให้ตนเองตายอย่างเสียเปล่า
“เ้าสองคนทำให้พวกเราเสียเวลาออกตามหาตั้งหลายวัน ไม่คิดว่าจะโง่ย้อนกลับมาตายด้วยน้ำมือตนเองเช่นนี้”
ลู่หยวนซีไม่สนใจคำเหยียดหยามที่ออกมาจากปากคนที่กำลังคิดฆ่านาง นางทำเพียงสะบัดมือเบาๆ ในมือก็มีขวดแก้วขนาดใหญ่สองขวด หลังจากที่ขว้างมันออกไปทางชายชุดดำเ่าั้ ขวดแก้วก็แตกกระจายพลันในมือของนางก็มีขวดแก้วออกมาเพิ่มไม่หยุด ชายชุดดำเ่าั้ะโหลบไปคนละทาง เพราะคิดว่าสิ่งที่นางปาใส่พวกตนคือยาพิษหรืออะไรบางอย่างที่สามารถสังหารพวกเขาได้
หลังจากที่ขวดแก้วแตกกระจายกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น มีเพียงกลิ่นฉุนที่ลอยเข้าจมูก พลันเสียงหัวเราะครื้นเครงก็ดังขึ้นสนั่นป่า พวกเขาไม่รู้ว่านางไปนำของเหล่านี้มาจากที่ใดแต่ท่าทางการดิ้นรนเอาตัวรอดของนางช่างดูน่าสมเพชเสียจริง ลู่หยวนซียังคงไม่คิดหยุดการกระทำของตน นางปาขวดแก้วเ่าั้ไปอีกสิบกว่าขวด ก่อนเดินถอยห่างออกมาทางกู้จิ่งเหยียน
ชายชุดดำทั้งสิบเห็นดังนั้นก็เดินย่างสามขุมตรงมาทางคนทั้งสอง เมื่อพวกเขาหยุดยืนอยู่ท่ามกลางน้ำที่ลู่หยวนซีปาออกไป นางก็ดึงเอากระบอกจุดไฟออกมาก่อนโยนไปทางมือสังหารเ่าั้ เพียงไม่นานเสียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ปก็ดังก้องสะท้านป่า แม้แต่กู้จิ่งเหยียนเองยังใไม่คิดว่าน้ำสีใสนั่นจะสามารถจุดไฟติดได้
ลู่หยวนซีไม่มีเวลามาอธิบายว่าสิ่งนั้นคือแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผล นางรีบแบกกู้จิ่งเหยียนขึ้นหลังแล้ววิ่งหนีออกไปจากที่นั่นทันที ชายชุดดำบางคนที่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในอาณาเขตของวงล้อมแห่งเปลวเพลิง จึงทำให้รอดไปได้ แต่ยังมีอีกหกชีวิตที่กำลังถูกย่างสดอยู่ข้างใน รวมถึงหัวหน้ามือสังหารคนที่หัวเราะการกระทำของลู่หยวนซีด้วย
“ช่วยพวกเขาไม่ทันแล้ว รีบตามเป้าหมายไปเร็วเข้า”
ชายชุดดำที่หายจากอาการตกตะลึง รีบออกคำสั่งให้พวกของตนรีบตามคนทั้งสองไป ลู่หยวนซีออกวิ่งเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นสี่คนที่ใช้วิชาตัวเบาทะยานตามมาได้ กระบี่สีขาววาววับที่สะท้อนแสงแดดส่องกระทบดวงตาของนาง ร่างบางที่แบกกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ ด้านหลังหลับตาลงคิดว่าตนเองคงจะหลบการแทงนี้ไม่พ้นแล้ว
แต่เสียงเคร้ง!!ก็ดังขึ้นข้างหูของนาง อาวุธลับสีนิลลอยกระเด็นไปปักอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ลู่หยวนซีที่เตรียมใจตายเอาไว้แล้วหรี่ตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า พบว่าชายชุดดำทั้งสี่ถูกปลิดชีพลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของใครบางคน และเมื่อลู่หยวนซีได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เป็ท่านเองหรือ”
กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สายตาจับจ้องไปยังชายร่างสูงใหญ่ในชุดอาภรณ์สีนิลพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหก พลางคิดในใจว่านางไปรู้จักกับคนน่าสงสัยเหล่านี้ได้อย่างไร
“แม่นางข้าให้คนตามหาเ้าตั้งหลายวัน หากไม่ได้ยินเสียงร้องของมือสังหารเ่าั้คงตามมาที่นี่ไม่ทันการณ์เป็แน่”
ลู่หยวนซียิ้มรับคำพูดของเขาอย่างยินดี นางไม่คิดว่าที่ระบบสั่งให้นางช่วยชีวิตเขา จะทำให้นางได้รับการตอบแทนเป็ความช่วยเหลือเช่นนี้ รู้อย่างนี้ก่อนหน้านี้นางน่าจะทำความรู้จักเขาเอาไว้สักหน่อย
“พวกเ้าเป็ใคร รู้จักกับสาวใช้ของข้าได้อย่างไร”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นทางด้านหลังของลู่หยวนซี นางมัวแต่ดีใจที่ตนเองรอดตายจนลืมไปเลยว่ายังมีอีกคนที่นางแบกเอาไว้อยู่ ลู่หยวนซีทำท่าจะว่างเขาลง แต่เฮ่อเหวินเจ๋อก็พยักหน้าให้คนของตนเข้าไปช่วยนาง
“อย่าได้มาแตะต้องตัวข้า”
เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นทันควัน ทำเอาคนทั้งหมดต่างชะงักไปตามๆ กัน ลู่หยวนซีเห็นว่าหลายวันมานี้เขาค่อนข้างว่าง่ายทำให้ลืมไปเลยว่าคุณชายผู้นี้เป็คนอย่างไร
“ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ ข้าดูแลคุณชายของข้าเอง ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยชีวิตเราสองคน เอาไว้มีโอกาสข้าจะตอบแทนพวกท่านแน่นอน”
ลู่หยวนซีก้มหัวให้เฮ่อเหวินเจ๋อเล็กน้อย จากนั้นจึงออกก้าวเดินจากที่นั่นไป แต่เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้นางจำต้องหันกลับไปมอง
“แม่นาง เ้ากลับไปที่นั่นไม่ได้แล้วล่ะ เรือนของเ้าถูกมือสังหารพวกนั้นเผาไปจนหมดแล้ว ครั้งนี้นักฆ่าเหล่านี้ทำงานพลาด อีกไม่นานพวกมันจะต้องส่งคนมาที่นี่อีกเป็แน่ ข้าว่าเ้าตามพวกเราไปไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อยข้าก็สามารถคุ้มครองให้ความปลอดภัยแก่เ้าได้”
ลู่หยวนซีไม่รู้ว่าตนเองควรจะใกับเื่ไหนก่อนดี เื่ที่นางไม่มีบ้านให้กลับไปหรือเื่ที่จะมีมือสังหารมาตามฆ่าพวกเขาสองคนอีก ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ เื่นี้นางสามารถตัดสินใจได้ที่ไหน คนข้างหลังต่างหากคือคนที่กุมชะตาชีวิตของนาง
“คุณชายเ้าคะ ท่านคิดว่าเราควรทำตามที่คุณชายผู้นั้นบอกดีหรือไม่”
ความจริงกู้จิ่งเหยียนไม่้าที่จะตามคนน่าสงสัยเหล่านี้ไป อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบสายตาที่บุรุษผู้นั้นใช้มองหญิงสาว เพราะสิ่งนั้นมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและร้อนใจ แต่ความปลอดภัยของนางย่อมต้องมาก่อน เขาเห็นด้วยตาตนเองแล้วว่าหญิงสาวนั้นพร้อมจะเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อเขาได้ทุกเมื่อ แต่เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็เช่นนั้นแน่
“อืม เ้าตามพวกเขาไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
ลู่หยวนซีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยครั้งนี้เขาก็ไม่ไร้เหตุผลและเอาแต่ใจตนเองจนเกินไป เห็นความปลอดภัยของคนทั้งสองมาเป็อันดับแรก ถึงแม้เขาจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ค่อยชอบคนเหล่านี้เท่าใดนัก
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามคนทั้งแปดก็เดินทะลุออกมาตรงเส้นทางที่ลู่หยวนซีคุ้นเคย มันเป็เส้นทางที่นางใช้เดินเข้าไปยังอำเภอถงอันและที่ตรงนั้นเป็ที่ที่นางเคยตีเถียนอวี้ซวน
ไม่รู้ว่า์เล่นตลกอะไรกับนางกันแน่ หลังจากที่กลุ่มของนางเดินออกมาได้สักพัก รถม้าที่วิ่งสวนมาก็มาหยุดลงตรงหน้านาง ร่างผอมที่อยู่ในชุดของบัณฑิตสีขาวก้าวลงมาจากรถม้าช้าๆ มองมายังลู่หยวนซีด้วยท่าทางดีใจ
“หนิงเอ๋อ เ้ากำลังจะไปที่ใดอย่างนั้นหรือ วันนี้ข้าซื้อของมาฝากเ้ามากมาย ดูสิ มีแต่เครื่องประดับราคาแพงที่เ้าชอบทั้งนั้น”
เ้าบัณฑิตหน้าขาวมิได้สังเกตเลยว่า รอบกายของนางมีบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำทมิฬถึงหกคนที่กำลังแผ่รัศมีการฆ่าฟันออกมา ลู่หยวนซีอยากจะะโถีบเ้าคนที่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลาคนนี้เสียจริง
“ข้าเคยบอกเ้าไปแล้วว่าให้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับข้า เ้าฟังภาษาคนไม่รู้เื่หรืออย่างไร”
ลู่หยวนซีพ่นลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ ก่อนทำท่าจะเดินจากไป แต่มีหรือนักตื๊ออย่างเถียนอวี้ซวนจะยอมรามือ ในเมื่อเขายังไม่เคยได้นางเลยสักครั้งทั้งที่เสียเงินเสียทองไปกับนางตั้งมากมาย
“เดี๋ยวก่อนหนิงเอ๋อ ข้ารู้ว่าเ้ายังโกรธข้าอยู่ แต่ข้าจริงใจกับเ้าจริงๆนะ เ้ายังไม่ยอมให้อภัยข้าอีกอย่างนั้นหรือ”
“ไสหัวไปซะ!! อย่าได้เข้าใกล้สาวใช้ของข้าอีก”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทางด้านหลังของนาง ทำให้เถียนอวี้ซวนชะงักเล็กน้อย ก่อนละความสนใจจากลู่หยวนซีหันไปมอง
“เ้าเป็ใคร ถึงได้กล้ามาขัดขวางความรักระหว่างข้าและหนิงเอ๋อ”
ท่าทางของเถียนอวี้ซวนยังไม่รู้ว่าตนเองวันนี้กำลังจะมีเคราะห์ ถ้าหากว่าทำให้คุณชายผู้เอาแต่ใจโมโห ลู่หยวนซีกว่าจะทำให้เขาอารมณ์เย็นลงได้ไม่ใช่เื่ง่าย แต่เ้าบัณฑิตโง่นี่กลับกล้ามาแหย่รังแตน เถียนอวี้ซวนจ้องใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้จิ่งเหยียน จากนั้นจึงพิจารณาท่าทางของเขาที่ถูกแบกเอาไว้บนหลังของหญิงสาว พลันเขาก็เข้าใจได้ทันที
“อ้อ เ้าคงจะเป็คุณชายง่อยที่หนิงเอ๋อดูแลอยู่สินะ เ้ารู้หรือไม่ว่าเป็เพราะเ้าหนิงเอ๋อของข้าต้องลำบากมากมายเพียงใด เหตุใดเ้าถึงไม่ตายๆ ไปซะเพื่อให้นางได้เป็อิสระ ก่อนหน้านี้นางมาระบายกับข้าเื่ของเ้าอยู่บ่อยๆ วันนี้ได้มาเห็นกับตาตนเอง เ้าทำให้นางลำบากจริงๆ”
ลู่หยวนซีไม่คิดว่าเ้าบ้านี่จะปากรั่วพูดเื่เหลวไหลเช่นนี้ต่อหน้ากู้จิ่งเหยียนได้ บุรุษผู้นี้เป็คนขี้ใจน้อยต่อไปเขาจะต้องปิดกั้นตนเองกับนางเป็แน่ ไม่ได้นางจะยอมให้เป็เช่นนั้นได้อย่างไร ลู่หยวนซียกเท้าขึ้นถีบไปยังยอดอกของเถียนอวี้ซวนจนเขาล้มหงายหลัง ก่อนจะกระทืบลงไปที่ขาทั้งสองข้างของเขาจนเสียงกระดูกแตกดังสนั่น
“โอ้ย!! หนิงเอ๋อเหตุใดเ้าถึงทำร้ายข้า”
ลู่หยวนซีส่งเสียงหึ!ออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนใช้สายตามองต่ำลงไปยังบัณฑิตชุดขาวที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น
“กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกินคุณชายของข้า ลองเป็ง่อยดูบ้างเป็อย่างไร บางทีอาจจะทำให้เ้าเลิกปากเสียแล้วเอาเวลาไปดูแลขาของเ้าแทน”
เอ่ยจบร่างบางที่แบกชายหนุ่มเอาไว้บนหลังก็เดินจากไป ทิ้งให้บุรุษอีกหกคนที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับการกระทำของนาง สตรีผู้นี้ฝีเท้ารวดเร็วเหลือเกิน ปากไม่พูดแต่กลับตีคนอย่างหน้าตาเฉย ลู่หยวนซีเดินไปได้สักพัก นางก็หันกลับไปมองพรรคพวกอีกหกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“พวกท่านไม่ไปหรือ”
นางะโถามพวกเขาก่อนออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เฮ่อเหวินเจ๋อและคนของเขาได้สติกลับมาหลังจากเสียงเรียกของนางดังขึ้น ทุกคนรีบก้าวยาวๆ ตามไปเพื่อเดินให้ทันนาง
“คุณชายท่านอย่าได้ใส่ใจคำพูดที่ออกมาจากปากเน่าๆ ของเ้าบัณฑิตนั่นเลยนะเ้าคะ เมื่อก่อนข้าอาจเลอะเลือนและดูแลท่านได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็คนใหม่แล้ว ข้าสัญญาว่าจะหาทางรักษาท่านให้หายดี ขอเพียงท่านเชื่อมั่นในตัวข้าก็พอ”
ลู่หยวนซีเอ่ยเสียงเบากับคนที่นางกำลังแบกเอาไว้บนหลัง ไร้เสียงตอบกลับมาของชายหนุ่ม นางคิดว่าเขาคงจะกำลังโกรธนางอยู่เป็แน่ ช่างเถอะ เอาไว้ถึงที่พักนางค่อยหาทางง้อเขาให้กลับมาคืนดีก็แล้วกัน
