หากเป็ชาติก่อนซูิเยว่ก็คงเข้าไปอยู่ในแผนของเขาแต่โดยดี แต่นางที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้วครั้งหนึ่งแถมยังรู้แผนของพวกเขาดีอีกจึงไม่กลัวแต่อย่างใด
เดิมนางคิดว่าแผนนี้จะไม่มีอีกแล้วเพราะองค์ชายห้าถูกกักบริเวณ คิดไม่ถึงว่าเขายังคิดจะลงมืออีก
แต่แล้วก็เป็อย่างที่คิด จ้าวอวี้ถิงนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นไปหยิบกาน้ำชามา “น้องิเยว่ ดื่มชาสักหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง”
นางพูดไปพลางรินน้ำชาให้ซูิเยว่หนึ่งแก้ว จากนั้นก็รินให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้ว
ซูิเยว่มองนางรินชาอยู่ตลอด ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่แล้วซูิเยว่ก็จับได้ว่าตอนที่รินชาอยู่นั้นปลายนิ้วของจ้าวอวี้ถิงขยับเล็กน้อย ถึงจะขยับเพียงนิดเดียว แต่นางก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายซ่อนยานอนหลับไว้ในเล็บ
ซูิเยว่หน้านิ่ง แววตามีประกายแสงวาบ นางอาศัยช่องว่างตอนที่จ้าวอวี้ถิงเอากาน้ำชากลับไปวางที่เดิมนั้นรีบสลับตำแหน่งแก้วชาทั้งสองใบทันที
พอจ้าวอวี้ถิงกลับมาก็หยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มก่อน ซูิเยว่ไม่ได้กล่าวอะไร นางยกชาแก้วนั้นมาดื่มจนหมด
หลังดื่มชาจนหมดนางก็จ้องจ้าวอวี้ถิงอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ายาจะออกฤทธิ์ หากจ้าวอวี้ถิงรู้ว่าได้โยนก้อนหินใส่เท้าตัวเองแล้วจะรู้สึกอย่างไรนะ
ส่วนจ้าวอวี้ถิงเมื่อเห็นว่าซูิเยว่ดื่มชาแก้วนั้นจนหมดแล้ว นางก็นั่งรอให้ยาออกฤทธิ์
แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งซูิเยว่ที่อยู่ตรงข้ามกันนอกจากแววตาเหม่อลอยเล็กน้อยก็ไม่มีท่าทีง่วงงุนเลย ยานอนหลับนี้ก็เป็ของที่องค์ชายห้าเอามาจากในวังให้นาง ฤทธิ์ของมันดีมาก ไม่ควรจะเป็เช่นนี้สิ
จ้าวอวี้ถิงคิดในใจก่อนจะเริ่มแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกง่วงเล็กน้อย แต่ความจริงก็เป็เช่นนั้น ภาพของซูิเยว่ที่อยู่ตรงข้ามกับนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็เงาทึบ หนังตาบนกับล่างเริ่มถ่างไม่ไหวแล้ว
มุมปากของซูิเยว่ยกขึ้นแล้วเอ่ยเรียกเสียงเบา “อวี้ถิง อวี้ถิง?”
แววตาของจ้าวอวี้ถิงเลื่อนลอย ต่อมาเสียงดังตึงของศีรษะที่กระแทกกับโต๊ะก็ดังขึ้น นางสลบไปโดยไม่สนใจใครแล้ว
“อ๊ะ...” เสี่ยวอวี่เห็นภาพนี้ก็ร้องออกมาเสียงเบา นางเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณ....คุณหนู เกิดเื่อะไรขึ้นเ้าคะ?”
ซูิเยว่ไม่ได้อธิบาย นางยันโต๊ะลุกขึ้น รอยยิ้มในแววตายิ่งเข้มข้นขึ้น “ในเมื่อคุณหนูจ้าวเองก็เหนื่อยเช่นกัน งั้นพวกเราไปพักผ่อนที่ห้องข้างๆ กันเถิด”
“อ๋อ เ้าค่ะ” เสี่ยวอวี่ไม่ได้พูดอะไรอีก นางพยุงซูิเยว่ไปที่ห้องข้างๆ ที่เดิมทีเป็ห้องของจ้าวอวี้ถิง
ที่ด้านนอกประตูสาวใช้ที่ติดตามจ้าวอวี้ถิงมาก็หายไปแล้ว ตอนนี้คงจะไปรายงานองค์ชายห้าที่อยู่เรือนหน้าว่าตนอยู่ห้องไหนแล้ว
อีกไม่นานสาวใช้ของจ้าวอวี้ถิงคงจะเริ่มะโลั่นจวนว่าโจรเข้าห้องของซูิเยว่ ต่อมาทุกคนก็จะเห็นนางที่สวมชุดไม่เรียบร้อย
แต่หากพวกเขาเปิดประตูมาพบจ้าวอวี้ถิงในห้องนั้น สีหน้าก็คงดูน่าสนุกไม่ใช่น้อย
ขณะที่ซูิเยว่กำลังคิดเช่นนี้อยู่ พอหันหน้าไปก็เห็นก้อนหินอยู่บนถนนเส้นเล็กๆ ไม่ไกลเท่าไรนัก องครักษ์ของจี๋โม่หานกำลังเข็นรถเข็นให้จี๋โม่หานพร้อมทั้งมองมาทางนี้อย่างเงียบๆ
ฝีเท้าของซูิเยว่ที่เพิ่งก้าวเข้าไปในห้องก็ชะงักพลางขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เหตุใดจี๋โม่หานถึงมาอยู่ที่นี่?
แต่จี๋โม่หานไม่ได้อยู่ที่นี่นาน เพียงครู่เดียวก็ถูกองครักษ์เข็นไปทางเรือนข้างๆ
ซูิเยว่ดึงสายตากลับมาไม่ได้คิดอะไรมาก อย่างไรนางก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย หลังจากเข้าห้องด้านข้างมาแล้ว นางก็ล้มตัวลงนอนบนตั่งนุ่มตั้งใจว่าจะนอนพักสักงีบ นางสั่งเสี่ยวอวี่ว่าไม่ว่าจะมีเสียงอะไรก็ไม่ต้องปลุกนาง
ตอนนี้เองที่สาวใช้ของจ้าวอวี้ถิงได้นำเื่แผนการสำเร็จไปบอกกับองค์ชายห้า จากนั้นก็จะเป็องค์ชายห้าที่เริ่มลงมือ
เขาได้สั่งให้คนไปที่กำแพงด้านนอกเรือนหลังของจวนช่างชู [1] ขอแค่ถึงเวลาเท่านั้น พวกเขาก็จะเริ่มทำตามแผนที่วางไว้ คนพวกนี้ล้วนเป็ทหารที่เขาได้ฝึกเอาไว้ ไม่มีใครเคยพบเห็น แม้แต่จ้าวอวี้ถิงเองก็ไม่รู้
องค์ชายห้าส่งสายตาให้สาวใช้ของจ้าวอวี้ถิง รอให้ผ่านไปอีกครู่หนึ่งก่อนนางถึงจะเริ่มะโร้องจับขโมยอยู่ที่เรือนหลัง ถึงตอนนั้นเขาก็แค่เป็วีรบุรุษไปช่วยสาวงามก็เท่านั้น ซูิเยว่จะต้องซาบซึ้งในบุญคุณของเขา
ไม่นานนักสาวใช้ของจ้าวอวี้ถิงก็กลับไปที่เรือนหลัง แต่ที่เรือนหลังกลับเงียบสนิทไม่เห็นจ้าวอวี้ถิง
นางจึงเดินไปที่ห้องที่เดิมทีเป็ของซูิเยว่แล้วเอาตัวแนบประตูอยู่ครู่หนึ่ง ภายในห้องนั้นเงียบสงบ
จากนั้นนางก็เดินไปที่ห้องด้านข้าง ตอนที่กำลังคิดจะเปิดประตูก็ชะงักและเอามือลง คุณหนูของตนคงจะเหนื่อยแล้ว ไม่ไปรบกวนนางจะดีกว่า นางรออยู่เฝ้าด้านนอกก็พอ
ตอนนี้เองในขณะที่เรือนหน้ากำลังพูดคุยกันสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกกครื้น พวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าที่เรือนหลังนั้นแผนร้ายจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
องค์ชายห้าดื่มสุราที่คนมาชนแก้วไปพลางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวจากทางเรือนหลัง หากไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์นัก ตอนนี้คนที่เขาสั่งการเอาไว้คงจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ที่เรือนหลังคนชุดดำสองคนปีนกำแพงเข้ามาอย่างเงียบเชียบ วันนี้ที่จวนช่างชูได้จัดงานครบรอบเดือนขององค์ชายจึงทำให้การคุ้มกันส่วนใหญ่ไปอยู่ทางเรือนหน้า ดังนั้นการคุ้มกันที่เรือนหลังจึงค่อนข้างอ่อน
หลังจากคนชุดดำสองคนปีนกำแพงเข้ามาแล้ว พวกเขาก็เริ่มทำตามที่เ้านายได้สั่งเอาไว้โดยการเข้าไปยังห้องทางด้านซ้ายห้องนั้น
หน้าต่างด้านหลังห้องถูกเปิดออกจนเกิดเสียงเอี๊ยดดึงความสนใจของสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอก นางจึงเดินไปที่นอกห้องที่เดิมควรจะเป็ของซูิเยว่ จากนั้นก็เอาหน้าแนบฟังเสียงที่ประตูก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน
มุมปากของสาวใช้ยกขึ้น นางเดินไปเคาะประตูห้องด้านข้างแล้วพูด “คุณหนูเ้าคะ แผนสำเร็จแล้วเ้าค่ะ”
แผน? แผนอะไร?
จู่ๆ เสี่ยวอวี่ที่อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงคนพูดจากด้านนอกจึงใไปครู่หนึ่ง ตอนนั้นนางไม่รู้ว่าควรจะตอบหรือทำอย่างไรดีจึงหันไปมองซูิเยว่ที่นอนงีบอยู่บนตั่งนุ่ม
โชคดีที่สาวใช้ด้านนอกเพียงแค่รายงาน ไม่ได้มีความคิดที่จะเข้ามา
พอพูดจบแล้วก็เดินออกไป เสี่ยวอวี่รอจนเสียงฝีเท้าเงียบไปถึงได้ถอนหายใจแล้วเดินไปที่ตั่งนุ่มอย่างระมัดระวัง ตอนที่คิดจะปลุกคุณหนู ซูิเยว่ที่เดิมทีควรจะหลับลึกไปแล้วก็พลันลืมตาขึ้น
ดวงตานั้นแจ่มใสไม่ได้มีท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
เสี่ยวอวี่ใก่อนจะพูดเสียงเบา “คุณหนูไม่ได้หลับหรือเ้าคะ?”
ซูิเยว่ยันแขนลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว อาการเมาได้หายไปแล้ว ตอนนี้นางไม่ได้มึนหัวขนาดนั้นอีกแล้ว แถมในท้องก็ไม่ทรมานแล้ว
“ไม่นี่ ข้าหลับไปแล้ว เพิ่งจะตื่น มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“อ๋อ” เสี่ยวอวี่พูดเสียงเบา “เมื่อครู่สาวใช้ของคุณหนูจ้าวมาเ้าค่ะ พูดอะไรอยู่ด้านนอกว่าแผนสำเร็จแล้วเ้าค่ะ นางคงจะคิดว่าคุณหนูจ้าวอยู่ในห้องนี้เ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่ได้ตอบกลับไปด้วย”
ซูิเยว่ยกมุมปากขึ้น ในแววตาแฝงความสนุก “ไม่ต้องไปสนใจหรอก พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น พวกเราก็แค่มาพักผ่อนที่เรือนหลังเท่านั้น แต่คุณหนูจ้าวเหนื่อยมากเกินไปจึงเผลอหลับที่ห้องนั้นทำให้พวกเราต้องเปลี่ยนมานอนห้องนี้แทน”
เชิงอรรถ
[1] ช่างชู (尚書) แปลว่า เสมียนผู้ช่วย ต่อมาในสมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581–618) ให้ช่างชูเป็หัวหน้าของปู้ (กระทรวง) ตำแหน่งช่างชูจึงกลายเป็เ้ากระทรวงไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้