หญิงสาวที่เคาะประตูคือเฉินโหรวบุตรสาวผู้นำหมู่บ้านแซ่เฉินของหมู่บ้านชิงอวี่นางคือหญิงงามผู้โดดเด่นที่สุดในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง หลังจากเยื้องย่างเข้ามาในลานเรือนระหว่างก้าวเดิน พู่ระย้าของกระโปรงหางหงส์สีชมพูดังดอกบัวสั่นไหวแต่ละย่างก้าวอ่อนช้อยงดงาม
"ร่างกายเ้ายังสบายดีอยู่หรือไม่?" ขณะเฉินโหรวเดินอยู่ข้างกายอวี๋ฉี่เจ๋อ นางเอ่ยถามพลางแย้มยิ้มบาง
อวี๋ฉี่เจ๋อตอบกลับอย่างกระชับ "ยังพอใช้ได้"
เฉินโหรวพยักหน้า ราวกับว่าภายในใจของนางยังเป็ห่วงสุขภาพของอวี๋ฉี่เจ๋อมาโดยตลอดเอ่ยเสียงเบาว่า "ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว"
อวี๋ฉี่เจ๋อเดินเข้ามาในห้องโถงกับเฉินโหรว เอ่ยกับอวี๋หรูไห่ที่นั่งอ่านตำราหมออยู่บนเก้าอี้ว่า"ท่านปู่ มีคนมาหาหมอขอรับ"
อวี๋หรูไห่เงยหน้าขึ้น ครั้นเห็นว่าคือบุตรสาวสกุลเฉินใบหน้าพลันฉายแววประหลาดใจนับั้แ่ปีนั้นที่เขาไปสกุลเฉินเพื่อขอหมั้นหมายเฉินโหรวให้อวี๋ฉี่เจ๋อแล้วถูกสกุลเฉินปฏิเสธอย่างสุภาพทั้งสองสกุลก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนักนึกไม่ถึงว่าเฉินโหรวผู้มีความสัมพันธ์ค่อนข้างลึกซึ้งกับสกุลอวี๋จะมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตนเอง
อวี๋หรูไห่ได้สติกลับคืนมา เขาวางตำราหมอในมือลงกล่าวทักทายอย่างเหมาะสมว่า "ที่แท้ก็คือบุตรสาวคนสุดท้องของสกุลเฉินนี่เองรีบนั่งลงเร็วเข้า ไม่สบายส่วนใดกัน?"
"ท่านปู่อวี๋ยังร่างกายแข็งแรงถึงเพียงนี้ดูท่าท่านจะยิ่งมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ เลยนะเ้าคะ" เฉินโหรวปากหวานมาแต่ไหนแต่ไรรู้จักทำให้ผู้อื่นรักใคร่เอ็นดูเพียงสองประโยคนี้ก็ทำเอาอวี๋หรูไห่ยินดีปรีดาไม่น้อย
"แม่หนูคนนี้ยังน่าเอ็นดูเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด" อวี๋หรูไห่หัวเราะ
เฉินโหรวเอามือป้องปากหัวเราะ "ท่านปู่อวี๋อาการไอของท่านย่าข้ากำเริบอีกแล้วเ้าค่ะ ข้ามาเพื่อเอายาให้นางเ้าค่ะ"
ขณะทั้งสองกำลังสนทนากัน อวี๋ฉี่เจ๋อได้เดินออกไปจากห้องโถงเสียแล้วเฉินโหรวหันกลับไปมองแผ่นหลังยามเดินจากไปของเขาชั่วครู่ ภายในดวงตางดงามดังดอกซิ่งฉายแววเศร้าสร้อย
ภายในห้องครัวดับฟืนไฟแล้ว อวี๋ฝูหลิงยกอาหารเข้ามาในห้องโถงเมื่อพบเฉินโหรวพลันรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง "อาโหรว เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?"
อวี๋ฝูหลิงและเฉินโหรวเป็เพื่อนเล่นกันในสมัยเด็ก ก่อนหน้านี้นางพยายามอย่างหนักเพื่อจับคู่เฉินโหรวกับอวี๋ฉี่เจ๋อหากไม่ใช่เพราะร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อทรุดโทรมโดยสิ้นเชิงหลังจากสอบได้ตำแหน่งจอหงวนสามสนามการหมั้นหมายในครั้งนั้นคงสำเร็จไปนานแล้ว
หัวคิ้วของเฉินโหรวหยักโค้ง ใบหน้ารูปไข่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา“ข้าจะมาเอายาแก้ไอไปให้ท่านยาสักสองสามชุด”
อวี๋ฝูหลิงวางกับข้าวลงบนโต๊ะเดินไปตรงหน้าเฉินโหรวแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงว่า“โรคไอของท่านย่าเ้ายังไม่หายดีอีกหรือ?”
“ยังคงเป็เช่นเดิม อาจเพราะอายุมากแล้ว มักไอไม่ยอมหยุดกินยาไปตั้งมากมายก็ไม่ดีขึ้น” เฉินโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้ามนดุจดอกบัวปรากฏความกังวล
ภายในใจของอวี๋หรูไห่สั่นไหวเล็กน้อยก่อนหน้านี้นักพรตบอกว่าต้องหาสตรีมาเสริมมงคลให้เ้าห้าอาจสามารถกดข่มการสิ้นอายุขัยก่อนวัยอันควรเอาไว้ได้หลังจากเ้าห้าสอบได้ตำแหน่งจอหงวนสามสนาม เฉินโหรวกับเขาสนิทสนมกันยิ่งนักทางฝั่งตระกูลเฉินก็แสดงออกถึงเจตนาอยากจะเป็ดองกันหลายต่อหลายครั้ง
ทว่านับั้แ่ร่างกายของเ้าห้าทรุดโทรมท่าทีของตระกูลเฉินกลับเ็าลง เมื่อสามปีก่อนพี่ชายของเฉินโหรวสอบได้ตำแหน่งขุนนางซิ่วไฉหลังจากนักพรตบอกให้เสริมมงคล เขาจึงบากหน้าชราไปขอหมั้นหมายแต่กลับถูกเ้าคนสกุลเฉินปฏิเสธ ความหมายในวาจาสื่อว่าไม่พอใจสกุลอวี๋ของพวกเขา
หากยามนี้สามารถรักษาอาการไอของแม่เฒ่าสกุลเฉินให้หายดีไม่เท่ากับสามารถทำให้คนสกุลเฉินเปลี่ยนความคิดในเวลาอันสั้นอย่างนั้นหรือ?
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปเอ่ยกับอวี๋ฝูหลิงว่า“เรียกแม่หนูเมิ่งเข้ามา”
อวี๋ฝูหลิงยังอยากทักทายเฉินโหรวอีกหลายประโยคเมื่อได้ยินคำกล่าวของท่านผู้เฒ่าจึงเดินออกไปข้างนอกอย่างไม่เต็มใจ เอ่ยกับอวี๋เจียวที่กำลังล้างมือด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีว่า“เมิ่งอวี๋เจียว ท่านปู่เรียกเ้าไปหา”
อวี๋เจียวใช้ผ้าซับมืออย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอวี๋ฝูหลิงพลันเกิดความคิดหนึ่งในใจ เอ่ยว่า“เ้ารู้หรือไม่ว่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องคือผู้ใด?”
อวี๋เจียวส่ายหน้า ผู้เฒ่าอวี๋เรียกนางไปหาก็เพื่อตรวจคนไข้อย่างแน่นอนนางไม่ได้คาดเดาประการอื่น
“นางคือบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้านเฉิน เป็สตรีที่หน้าตางดงามที่สุดในหมู่บ้านละแวกนี้เมื่อปีที่แล้วพี่ชายของนางสอบได้ขุนนางซิ่วไฉ ที่สำคัญที่สุด นางคือสตรีในดวงใจน้องเล็กของข้า!หากไม่ใช่เพราะร่างกายน้องเล็กของข้าไม่ดี นางคงออกเรือนกับน้องเล็กไปแล้วไม่มีทางตกมาถึงเ้า!”อวี๋ฝูหลิงจงใจเอ่ยเช่นนี้เพื่อทำให้อวี๋เจียวรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ