หกเดือนผ่านไป
“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”
เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรง
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า
“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าาจะตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็สุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”
ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ
“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าางานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”
น้ำตารื้นขอบตา
“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็พระราชกุศลให้กับฝ่าาในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”
“อืม ฝ่าาหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเื่นี้”
“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็พระราชกุศลอีกทาง”
เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ
“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงิ่กับหานจงคอยอารักขา”
จื่อจื่อประสานมือ
“ขอบใจท่านองครักษ์”
สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าิคุน ที่มีคำต่อท้ายว่า….พร่ำเพ้อคะนึงหา... เอ่อหลันเล่อก้มลงสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเหมยกุ้ยฮวาแต่หยาดน้ำตาไหลรินลงบนกลีบดอก ปาดน้ำตาเร็วรี่
“สัญญากับท่านอาฝ่าาว่าจะไม่ขี้แย แต่ทุกทีที่มาที่นี่หลันเล่อไม่เคยอดใจไม่ให้ ร้องได้แม้แต่สักครั้งเดียว ท่านอาอย่าโกรธหลันเล่อนะว่าหลันเล่อขัดบัญชาท่านอาดื้อด้านกับท่านอา หลันเล่ออยากให้ท่านอากลับมาลงทัณฑ์เสียจริง”
“ท่านอาฝ่าาหลันเล่อคิดถึงท่านอาเหลือเกิน คิดถึงทุกลมหายใจ”
สูดลมหายใจเข้าลึกสุดลึกกลั่นลมหายใจไม่ให้น้ำตารินไหล
“ท่านอาฝ่าาสบายดีไหม หลันเล่อยังชอบกิน... ซาลาเปาไส้ถั่วแดง...ยังชอบถีบผ้าห่มยามดึก อึก..อึก ยังชอบแอบเทยาขมทิ้ง ท่านอาไม่อยู่ยายังเลอะที่ริมฝีปาก แต่หลันเล่อเก็บกระต่ายน้อยไว้ใต้หมอน เพราะคิดถึงท่านอาฝ่าา หลันเล่อยังเก็บข้อตกลงของเราไว้ หวังว่าสักวันท่านอาจะกลับมาทำตามสัญญาในข้อตกลงยกเว้นข้อหนึ่ง เราจะต้องทำความคุ้นเคยกันฉันสามีภรรยา”
น้ำตาไหลรินหยางซานชิง กอดอกจ้องมองไม่ไกลนัก
“กาลเวลาจะเยียวยาทุกอย่าง”
“ข้าจะพยายาม พยายามที่จะลืมท่านอาฝ่าา แต่ตอนนี้ข้าไม่อาจฝืนใจจริงๆ แม้จะพยายามเพียงใดก็จะต้องมีน้ำตาทุกครั้งไป”
“หลันเล่อ เ้ายังมีข้า”
“หลันเล่อขอบคุณฝ่าายิ่งแล้วแต่ใจข้ามอบให้กับท่านอาฝ่าาไปแล้ว ท่านก็อย่าได้รอคอยข้าอีกเลย”
หยางซานชิงยิ้ม
“คนที่รอเ้ามิใช่มีเพียงข้าคนเดียวพยักหน้าไปทางถงิ่ที่ยืน อยู่ไม่ไกลนัก”
“ทุกคนล้วนเป็คนที่ห่วงใยข้า เช่นนั้นข้าควรจะเชื่อฟังพวกท่านให้มากจริงไหม”ซ่อนความทุกข์ตรมเผยรอยยิ้มกว้าง
“เฮ้อ หยางซานชิงเองก็ไม่ต่างจากต้าิคุน ข้าลำบากเสียกว่าที่ต้องรับรู้ว่ารักแต่ไม่อาจแต่ต้าิคุนเขาไม่ต้องรับรู้สิ่งใดแล้ว”
“หลันเล่อรู้ดีว่าฝ่าารู้สึกเช่นไร แต่หลันเล่อไม่อาจลืมเลือนท่านอาฝ่าาได้จริงๆ ”
“ข้าจะรอแม้สิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปีข้าก็จะรอ”หลันเล่อถอนหายใจ
“หากหลันเล่อจะลืมท่านอาฝ่าา คนแรกที่หลันเล่อจะพิจารณาคือฝ่าาดีไหม”หยางซานชิงยิ้มเศร้าๆ ในใจรู้ดีว่าหลันเล่อไม่มีทางลืมต้าิคุนได้
เอ่อหลันเล่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าพระโพธิสัตว์ในวัดบุปผาแดง หยางซานชิงยืนกอดอกมองด้วยสายตาห่วงใย
“พระโพธิสัตว์ได้โปรดข้าขอเพียง หวนกลับไปอีกครั้งกลับไปแก้ไขเื่ราวในอดีตอีกครั้งไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม”
ปาดน้ำตาที่ไหลรินหยดลงพื้นเป็ด่างดวง ประนมมือก้มลงกราบอย่างงดงามที่สุดเสียงฟ้าลั่นครั่นครื่นอีกครั้ง เอ่อหลันเล่อปาดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ
ก้าวเดินกลับไปยังเรือลำน้อยที่ ลอยลำรออยู่บนแผ่นหินหยางซานชิง ก้าวลงลำเรือไปก่อน ยื่นมือส่งให้เอ่อหลันเล่อจับทว่าเอ่อหลันเล่อกลับก้าวพลาดตกลงไปในน้ำสีเขียวมรกต
“หลันเล่อ”
หยางซานชิงะโลงไปในน้ำควานหาทว่าไม่พบเจอ เอ่อหลันเล่อว่ายน้ำไม่เป็ดำดิ่งจมลงไปกับน้ำสีมรกรตลึกสุดลึกถงิ่ะโลงไปในน้ำพร้อมกับหานจง
“ไม่พบฮองเฮาถงิ่เ้าพบฮองเฮาหรือไม่”
หยางซานชิงถามดังๆ ถงิ่ส่ายหน้าไปมาดำน้ำลงไปควานหาหลันเล่ออีกครั้งฃ…………………………………………………………………………..
“เมิ่งเม่ย ไท่จือยิ้มได้ตราตรึงใจยิ่งนักเมิ่งเม่ยเ้าเห็นหรือไม่”
สาวน้อย ลี่หลันเล่อกับ ถังเมิ่งเม่ยเดินชมตลาดกับพานพบต้าิคุนเข้าโดยบังเอิญรอยยิ้มพิสุทธิ์ที่ลี่หลันเล่อเผลอยิ้มตามจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาตาไม่กะพริบ คนอะไรยิ้มสวยเพียงนั้น
“เ้าคง ต้องตาไท่จือผู้หล่อเหลาผู้นั้นเข้าเสียแล้ว”
เมิ่งเม่ยอมยิ้มกับท่าทีตื่นเต้นของลี่หลันเล่อ
“ก็..ก็เ้าเห็นหรือไม่ ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มเปิดเผยเช่นนั้นข้าเคยสงสัยมานานมากแล้วว่าเหตุใดไท่จือจึงไม่แย้มยิ้มบ้าง หากเขาแย้มยิ้มจะน่ามองเพียงใดวันนี้ได้เห็นกับตาช่างตราตรึงใจยิ่งนัก”
ยิ้มเขินอายเหมือนประหนึ่งว่าต้าิคุนยิ้มให้ลี่หลันเล่อ
“ข้าก็เห็นว่าคุณหนูลี่ ไม่ว่าจะเป็เื่ไหนของไท่จือก็จะชื่นชมไปเสียหมด”
พูดเื่ที่เป็ที่รู้กันมานาน
“เมิ่งเม่ยเราเดินไปตรงนั้นกัน เดินไปข้างหน้านั่นกัน ข้าอยากเห็นไท่จือชัดๆ กว่านี้”เมิ่งเม่ยยิ้มส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ
เมิ่งเม่ยยกมือดันร่างเล็กของลี่หลันเล่อไปตรงหน้า
“เ้าเข้าไปก่อน”
ทั้งดึงทั้งฉุดแต่ลี่หลันเล่อขืนตัวไว้
ร่างบางในอาภรณ์บุรุษส่ายหน้าไปมาก้มหน้ามองพื้น
“คุณหนูลี่เ้าไม่ใช่คนแบบนี้”
“เ้าเห็นหรือไม่ข้าอยู่ในเครื่องแต่งกายบุรุษ”
เดินนำลี่หลันเล่อที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆปกติลี่หลันเล่อกล้าพูดกล้าทำ นางไม่มีทางเขินอายไม่ว่าเื่ใดแต่มาวันนี้กลับทำท่าทีดังสาวน้อยเดียงสาพบบุรุษต้องตาถูกใจ หลบอยู่ด้านหลังเมิ่งเม่ย
“ถังเมิ่งเม่ย คารวะไท่จือ”
ต้าิคุนหันหน้ามามองเมิ่งเม่ยที่ย่อกายลงช้าๆ ตาประสานตารอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ส่งผ่านมายังลี่หลันเล่อที่ยืนนิ่งตะลึงตาค้างกับรอยยิ้มนั้น
“ละละลี่หลันเล่อคารวะไท่จือเช่นกัน”
“แม่นางลี่ ลี่หลันเล่อดีใจที่ได้พบเ้า”
เมิ่งเม่ยเดินหลบออกมาเสีย
หยางซานชิง เดินมาหยุดตรงหน้าเมิ่งเม่ย
“แม่นางผู้นี้พอจะอาสา พาข้าเยี่ยมชมวังหลวงแคว้นหานบ้างได้ไหม”
เมิ่ยเม่ยยิ้มกว้างย่อกายลงงดงาม
“หากคุณชายไม่รังเกียจข้าถังเมิ่งเม่ยยินดีที่ได้พบคุณชาย”
หยางซานชิงยิ้มกว้างชี้ชวนให้ถังเมิ่งเม่ยมองพลุสว่างบนฟากฟ้า
“คุณหนูลี่คืนนี้ให้ข้าได้ชมพลุพร้อมกับเ้าจะได้ไหม”
ต้าิคุนเอ่ยปากพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน
หูอื้อตาลาย ใน่เวลาโพล้เพล้ก่อนที่พลุแสงสีจะถูกจุดขึ้นบนฟ้าดำมืดต้าิคุนไม่มองพลุสว่างนั้น แต่กลับมองใบหน้างดงามของลี่หลันเล่อ ตาสบตาเมื่อลี่หลันเล่อนั้นเล่าก็มองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของต้าิคุนมิได้มองพลุสว่างบนฟ้าเช่นกัน
ที่ขอบฟ้านั้นหัวใจสองดวงเชื่อมโยงผูกพัน ความสัมพันธ์ก่อตัวขึ้นสวยงามราวกับพลุบนท้องฟ้าที่ส่องสว่าง
จบบริบูรณ์
ขอได้รับคำขอบคุณ
จันทร์ส่องแสง
