เมื่อครู่ที่ผู้าุโพูดมันหมายความว่าิอวี่อาจจะเสียสิทธิ์ในการลงสมัครไปแล้ว แต่ถ้าไม่ลองดูก่อนจะรู้ผลได้อย่างไรกัน?
เมื่อิอวี่ขึ้นขี่เ้าวิหคัอีกครั้งหลังจากผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน เขาก็พบว่าเ้าวิหคัเหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ตอนนี้กระดูกเ้าวิหคัหนาขึ้นเยอะมาก ร่างกายก็เหมือนจะใหญ่ขึ้นด้วย ปีกของมันหนาและดกกว่าเดิม ขนสีดำเมื่อถูกแสงแดดส่องลงมาก็เหมือนจะมีประกายสีทอง เมื่อมันสยายปีกออกก็เห็นรูปร่างที่ดูงดงามสมบูรณ์อย่างยิ่ง มันทำให้รู้สึกมีกำลังอย่างมาก
ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ิอวี่คนเดียวที่ก้าวหน้า เ้าวิหคัก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน เพราะในสายเลี่ยนเหยียนมีพลังแห่งฟ้าดินหนาแน่นมาก เ้าวิหคัเองก็กินอาหารและสมุนไพรจากป่าข้างเคียงอยู่ตลอด
ดังนั้น ตอนนี้เ้าวิหคัก็เหมือนจะเติบโตไปอีกครั้งแล้ว
ิอวี่คิดว่าเป็เื่ธรรมชาติ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าปกติแล้วการเติบโตของอสูรนั้นมีระดับความเร็วที่ช้ามาก แต่การเติบโตในระดับของเ้าวิหคันั้นเหนือกว่าอสูรปกติหลายเท่าตัว
หากดูจากพัฒนาการความเร็วในเวลานี้ ขอแค่ให้พลังงานเ้าวิหคัมากพอ มันก็จะเติบโตไปเป็อสูรระดับสิบได้อย่างรวดเร็ว
เฮยจีเคยบอกว่า เมื่อเ้าวิหคัไปถึงระดับาาเมื่อไหร่ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนั้นมันคืออะไร ิอวี่ไม่รู้เลย
หลังจากที่เ้าวิหคัเติบโตแล้วก็จะมีความเร็วที่มากขึ้น มันบินทะลวงเมฆไปบนท้องฟ้า ิอวี่บังคับมันให้ไปที่ลานประลองสายเลี่ยนเหยียนอย่างรวดเร็ว
แค่เวลาครึ่งชั่วยาม ิอวี่ก็ขี่เ้าวิหคัผ่านแนวเขามาจนเห็นูเาที่ใหญ่มากลูกหนึ่ง
บนยอดเขาที่สูงสุดนั้นเป็แอ่งลงไป มีบันไดล้อมรอบ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งร้อยเมตร เป็ลานประลองที่กว้างมาก
ลานประลองสายเลี่ยนเหยียนปกติเป็สถานที่ประลองวิชาของบรรดาศิษย์ รอบๆ มีลานกว้างสำหรับผู้ชม เพื่อที่จะให้ศิษย์แต่ละคนเห็นประสบการณ์การต่อสู้ของคนอื่นได้อย่างชัดเจน เมื่อเวลาผ่านเลยไป การประลองการต่อสู้ใหญ่ๆ ก็จะมาจัดกันที่นี่ให้คนหลายหมื่นได้มาชมกัน
ดังนั้น ลานประลองของสายเลี่ยนเหยียน ในความเป็จริงแล้วก็คือลานการต่อสู้ขนาดใหญ่นั่นเอง!
ในเวลานี้ลานประลองบนยอดเขาก็มีคนเต็มความจุห้าหมื่นที่นั่ง เสียงของผู้คนอึกทึกไปหมด บนลานประลองนั้นมีศิษย์กำลังต่อสู้กันอยู่ เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว
ด้านหน้าของลานประลองมีแท่นสูงสีทอง บนแท่นนั้นมีผู้าุโกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ ิอวี่ไม่เคยเจอลมปราณที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้เหมือนที่พบจากตัวพวกเขาเลย แต่ละคนเหมือนหลุมที่มองไม่เห็นก้นบ่อ ต่อให้ิอวี่ใช้พลังจิตทั้งหมดที่มีก็ไม่อาจมองทะลุผ่านไปได้เลย
ความรู้สึกแบบนี้ ถือเป็สิ่งที่น่ากลัวที่สุดอย่างแท้จริง
เขาเห็นซ่งหยวนหยวนที่สวมชุดสีขาวนั่งอยู่บนแท่นประธาน มือทั้งสองข้างกำลังกอดอก ขานั่งไขว้ห้างกำลังมองการต่อสู้บนลานประลองอยู่ ท่าทางของนางนิ่งมาก ส่วนผู้าุโข้างๆ นั้นก็มีสีหน้านิ่งเหมือนกัน พวกเขาไม่มีการพูดคุยใดๆ กันเลย ทำให้คนรู้สึกถึงความเข้มงวดและน่าเกรงขาม
ิอวี่ขี่เ้าวิหคัมาถึงกลางเขาแล้วผูกมันเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปที่ประตูใหญ่
ในเวลานี้เอง ศิษย์ที่อยู่หน้าประตูสองคนก็ยกมือขึ้นมาขวางิอวี่เอาไว้ “ที่นั่งเต็มหมดแล้ว กลับไปเถอะ”
รอบตัวของิอวี่นั้นก็มีศิษย์คนอื่นๆ อยู่ประมาณสิบกว่าคน พวกเขาก็คิดที่จะมาดูการประลองคัดเลือกศิษย์ชั้นยอดเช่นกัน แต่เสียดายที่มาช้าเกินไปเลยถูกศิษย์ที่เฝ้าประตูขวางเอาไว้ด้านนอก ทำได้แค่ยืนออกันอยู่แล้วพยายามมองลอดช่องประตูเข้าไปแทน
เนื่องจากเหล่าผู้าุโใหญ่อยู่ที่นี่ พวกเขาเลยไม่มีสิทธิได้ขี่อสูรสัตว์ปีกเพื่อดูการประลองบนท้องฟ้า เพราะมันถือเป็การไม่ให้ความเคารพต่อผู้าุโใหญ่
ิอวี่พูดว่า “ข้าไม่ได้มาดูการประลอง ข้า้ามาเข้าร่วมการประลอง ไม่ทราบยังลงสมัครได้หรือไม่?”
“เ้า?”
ศิษย์เฝ้าประตูคนหนึ่งมองิอวี่ั้แ่หัวจรดเท้า เขาพบว่าิอวี่มีลมปราณของดวงจิตเทวะอยู่แค่ที่เดียวจึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อย่าหาว่าข้าว่าเ้าเลยนะ ข้ามาที่สายเลี่ยนเหยียนนี่มาตั้งสองปีแล้ว เป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง แค่คิดอยากจะเป็ศิษย์ชั้นยอดข้ายังไม่กล้าเลย น้องชาย ข้าว่าอย่าไปเสี่ยงเลยนะ”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ิอวี่พูดแล้ว สิบกว่าคนรอบตัวเขาก็หันมามองิอวี่ด้วยสายตาประหลาด
เ้าบ้านี่คิดอยากจะเป็ศิษย์ชั้นยอดจนบ้าไปแล้วหรือไง?
ิอวี่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าแค่อยากรู้ว่าข้ายังมีสิทธิลงสมัครคัดเลือกอีกไหมเท่านั้น”
ศิษย์เฝ้าประตูหลับตาแล้วเอามือแตะหน้าผาก เขาเงียบไปสองวินาทีแล้วลืมตาขึ้นมามองิอวี่ ก่อนจะพูดอย่างอดทนว่า “มี ยังพอมีที่เหลือยู่ แต่ข้าจำเป็ต้องบอกกฎเกณฑ์ให้เ้ารู้ก่อน เ้าจะได้เจียมตัวเอาไว้บ้าง”
“การคัดเลือกศิษย์ชั้นยอดรอบนี้คัดทั้งหมดสิบคน กฎการเลื่อนขั้นก็คือการประลองบนเวที คนมีความสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ต่อเนื่องก็จะได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้าุโ ขอแค่เ้าคิดว่าเ้ามีดีก็สามารถขึ้นไปประลองได้ ไม่ว่าเ้าจะชนะได้กี่รอบ ขอแค่เ้าได้รับการยอมรับจากผู้าุโก็ถือว่าผ่าน”
“บางคนชนะห้าหกรอบ แต่ความสามารถและพร์ไม่เป็ที่ต้องตาต้องใจของผู้าุโใหญ่ก็ไม่ได้รับการยอมรับเช่นกัน กลับกัน บางคนแพ้ติดกันสองสามรอบ แต่ผู้าุโใหญ่กลับสนใจก็มี พูดตรงๆ ก็คือ เ้าต้องแสดงพร์ที่เหนือกว่าปกติออกมาเท่านั้น แต่ผู้าุโใหญ่พวกนี้หัวสูงมาก ศิษย์ที่มีพร์หลายคนที่คนดูคิดว่ายอดเยี่ยมแต่กลับไม่ได้รับคัดเลือก เ้ายังคิดจะไปเสี่ยงอีกหรือ?”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้คำพูดของศิษย์เฝ้าประตูจะไม่ค่อยน่าฟังเท่าไร แต่ก็ตรงประเด็นและมีเหตุผล
ิอวี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณที่พูดอะไรไร้สาระเยอะแยะขนาดนี้ แต่ข้าจะลงสมัคร”
“เ้า ... ”
ศิษย์ที่เฝ้าประตูสีหน้าเ็ามาก “พูดจากับศิษย์พี่แบบนี้ได้อย่างไร ...”
แต่ทันใดนั้นเอง ิอวี่กลับชักกระบี่ของเขาออกมา ลมปราณที่ร้อนแรงพุ่งไปบนกระบี่หวงฉวนจนแดงไปหมดแล้วจ่อไปที่คอของศิษย์เฝ้าประตู
เหอะๆ ในเมื่อทุกคนในสายเลี่ยนเหยียนมองคนต่ำต้อยแล้วก็ดีแต่ปาก ทำไมข้าจะต้องไปเสียเวลากับเ้าด้วย!
หลังจากที่ไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้ว ิอวี่ก็เหมือนมีความรู้สึกทรงพลังดุดันเพิ่มขึ้น มันก็เหมือนกระบี่หวงฉวนในมือของเขาที่มีความแหลมคมแบบไม่มีอะไรต้านทานได้!
“ลงสมัคร ขอบคุณ”
ิอวี่พูดแค่ไม่กี่คำที่เรียบง่ายออกมา
ศิษย์เฝ้าประตูสีหน้าซีดเซียว เมื่อครู่ิอวี่ปล่อยลมปราณสังหารออกมาจนทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเผาอยู่ในทะเลเพลิง แล้วยังมีกระบี่ที่จ่ออยู่ที่คอมันเลยทำให้เขาหวาดกลัว “ได้ ... สมัคร ... นี่เป็เครื่องหมายแสดงสถานะ เสียค่าผลงานหนึ่งร้อยแต้มก็ลงทะเบียนได้เลย ... ”
ระหว่างที่พูดเขาก็เอาหินเปลวเพลิงเครื่องหมายแสดงสถานะออกมา
ิอวี่หยิบเอาบัตรแก้วแห่งเปลวเพลิงออกมาแล้วชำระค่าผลงานหนึ่งร้อยแต้มเพื่อลงทะเบียน มีแสงสีแดงสว่างขึ้นมา จากนั้นเขาก็เอามันมาห้อยเอาไว้ที่หน้าอกแล้วเดินเข้าประตูใหญ่ไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย เหลือแค่ความตะลึงเอาไว้ให้กับคนที่อยู่ด้านหลัง
“บ้าชะมัด!”
ศิษย์ที่เฝ้าประตูมองไปที่แผ่นหลังของิอวี่ด้วยสายตาที่อาฆาตมาก เขาถือเป็ศิษย์พี่ของิอวี่ แต่เมื่อครู่ิอวี่ลงมือแบบนั้นมันทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก เขาเกลียดิอวี่สุดๆ ไปเลยตอนนี้
“เ้าเข้าไปเลย ให้พวกมีความสามารถสูงพวกนั้นเล่นงานเ้าให้ตายไปเลย”
ศิษย์เฝ้าประตูยืนบ่นคนเดียวอยู่หน้าประตูใหญ่
ิอวี่ไม่ได้ไปสนใจใยดีศิษย์เฝ้าประตูคนนั้นเลย เขาเดินตรงเข้าไปในประตูใหญ่แล้ว้เดินไปที่ห้องพักผู้เข้าคัดเลือก
เพราะลานต่อสู้นั้นใหญ่มาก ดังนั้น ทุกทิศรอบลานต่อสู้จึงได้มีการจัดห้องพักผู้ลงคัดเลือกเอาไว้ ส่วนิอวี่นั้นเดินไปห้องพักทางทิศใต้
ในห้องพัก ทุกคนกำลังตั้งสติจดจ้องไปยังการต่อสู้ที่อยู่ด้านนอก ลมปราณของพวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก คนส่วนมากเป็ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด และก็มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สองบ้างเป็ประปราย
เมื่อทุกคนมาอยู่รวมกันเลยมีลมปราณที่บ้าคลั่งมาก ทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกเลยทีเดียว!
หากเป็เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ิอวี่อาจจะรู้สึกว่ามีแรงกดดันมหาศาล แต่หลังจากที่เขาสร้างดวงจิตเทวะบริสุทธิ์ออกมาแล้ว ตัวเขาเองก็มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเช่นกัน
แรงกดดันแบบนี้ข้าก็รับมันไหว
หลังจากที่ิอวี่เดินเข้ามาแล้ว ผู้ร่วมคัดเลือกก็แค่มองมาที่เขาครู่เดียว จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรเขาอีกเลยก่อนจะหันไปคุยกันเอง
“การแข่งขันคัดเลือกศิษย์ชั้นยอดคราวนี้ เ้ามีความมั่นใจไหมว่าจะได้รับการยอมรับจากผู้าุโใหญ่?” ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดคนหนึ่งพูดขึ้นมา
อีกคนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ทำเต็มที่ก็พอ ข้ารู้สึกว่ามันยาก”
“นี่ เ้าอย่าถ่อมตัวไปเลย เ้ามีขอบเขตอมฤตขั้นที่สองนะ เ้ายังรู้สึกว่ายากอีกหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าคงหมดหวัง?” คนก่อนหน้ายิ้มอย่างลำบากใจ
อีกคนก็มาตบบ่าแล้วหยอกกลับไปว่า “อย่าท้อสิ ไม่แน่ว่าความหล่อกับรูปร่างของเ้า อาจจะเอาชนะใจผู้าุโใหญ่ซ่งหยวนหยวนก็ได้นะ ฮ่าฮ่า!”
“ไปไกลๆ เลย”
อีกคนพูดอย่างเคืองๆ ว่า “นั่นมันหนึ่งในสามผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนะ! ข้าจะไปมีความสามารถอะไร เ้าประชดข้าไปเถอะ แต่ว่ามันก็แปลกนะ ที่ผ่านมาผู้าุโใหญ่ทั้งสิบคนมากันครบ ผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนล้วนแย่งชิงกันอย่างดุเดือด แต่ปีนี้ผู้าุโใหญ่ที่สุดสามคนกลับมาแค่ซ่งหยวนหยวนคนเดียว เ้าว่าแปลกไหมล่ะ?”
อีกคนส่ายหน้า “ก็ไม่แปลกนะ ได้ยินมาว่าเมื่อเดือนที่แล้วในการคัดเลือกเด็กใหม่มีคนพิเศษสองสามคน ซ่งหยวนหยวนรับศิษย์ไปสองคน แล้วก็ยังให้โอกาสอีกคน คิดว่าในการคัดเลือกครั้งนี้นางคงมีคนที่เล็งเอาไว้แล้ว เราก็ให้ผู้าุโใหญ่อีกเจ็ดคนที่เหลือยอมรับก็พอ เพราะถ้าได้กลายเป็ศิษย์ชั้นยอดก็ถือว่ามีบุญมากแล้ว”
“เหอะๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พยายามเต็มที่ก็แล้วกัน” อีกคนก็ตอบอย่างจนใจ
ทั้งสองคนไม่ได้พยายามกดเสียงให้เบาลง ทุกคนจึงล้วนแต่ได้ยินเต็มสองหู ิอวี่เองก็ได้ยินที่สองคนนั้นพูดเหมือนกัน
เมื่อมองไปบนแท่นที่อยู่สูงขึ้นไป ก็เห็นมีผู้าุโใหญ่แค่แปดคนจริงๆ อีกสองคนไม่ได้มา
“ตู้ม!”
ในเวลานี้เอง ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นบนเวทีประลอง ชายหนุ่มคนหนึ่งใช้ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก เพียงหมัดเดียวก็ซัดจนชายหนุ่มอีกคนกระเด็นลอยไปไกลจนกระอักเืออกมา ลุกขึ้นมาอีกไม่ได้เลย
“เหลียวหาน ประลองรอบที่สี่ สำเร็จ!” ผู้าุโซึ่งเป็กรรมการคนหนึ่งะโขึ้นมา
ผู้ชมกว่าห้าหมื่นคนรอบๆ นั้นส่งเสียงโห่ร้องะโอึกทึกทั่วลานประลอง ถึงแม้เหลียวหานจะมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่กลับสามารถเอาชนะคนในระดับเดียวกันได้ถึงสี่คน ความสามารถและพร์แบบนี้มันเป็อะไรที่ใครหลายคนไม่สามารถทำได้
ส่วนคนที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด หรือผู้กล้าขั้นที่สอง ล้วนแต่ไม่กล้าขึ้นไปบนลานประลอง เพราะการใช้ระดับพลังที่เหนือกว่าข่มคู่ต่อสู้ ต่อให้ชนะก็ไม่สมศักดิ์ศรีและไม่สามารถแสดงความสามารถและพร์ออกมาได้ และเพราะสาเหตุนี้จึงมีเพียงคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันสี่คนที่คิดอยากจะสู้กับเหลียวหานเพื่อเอาชนะใจผู้าุโใหญ่
