“ฮ่าๆ พวกเ้าดูนั่นสิ เ้าเด็กนั่นยังหลอมโอสถอยู่เลย เขายังหลอมโอสถออกมาไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว หากเป็เช่นนี้เขาก็ไม่มีทางผ่านการทดสอบไปได้หรอก”
“ถูกต้อง จื่ออวี้เริ่มหลอมโอสถตัวที่สองแล้ว แต่ยาเม็ดแรกของเขายังไม่เป็รูปเป็ร่างด้วยซ้ำ หากว่าเขาทดสอบไม่ผ่านแล้วยังกล้ามาท้าประลองจางไต้ซือ คาดว่าคงมีเื่สนุกให้ได้ขำขันกันแล้ว”
ผู้คนต่างก็เอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์มู่เฟิง ทั้งยังชี้นิ้วมาทางเขาอย่างไม่เกรงใจ
ส่วนทางมู่เฟิงนั้น ใบหน้าภายใต้หน้ากากยังคงสงบนิ่ง เขาทำการหลอมโอสถอย่างไม่เร่งรีบ
หลังจากธูปมอดลงไปอีกครึ่งก้านธูป โอสถในเตาหลอมของเซี่ยวจื่ออวี้ก็เริ่มเป็รูปเป็ร่างขึ้นมาแล้ว จากนั้นนางก็เริ่มลงลายเส้นโอสถเป็ครั้งที่สอง
ดวงตาคู่สวยของเด็กสาวเหลือบมองไปทางมู่เฟิง มุมปากของนางบิดโค้งขึ้นอย่างดูแคลน
จนกระทั่งถึงตอนนี้มู่เฟิงยังหลอมยาเม็ดแรกออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ เวลาของการทดสอบก็ล่วงเลยผ่านมาถึงครึ่งทางแล้ว หากมองจากความเร็วของเขาในตอนนี้ คาดว่าในเวลาสามก้านธูปอีกฝ่ายคงไม่สามารถหลอมโอสถออกมาได้ครบตามกำหนดอย่างแน่นอน
ในขณะนั้นเอง มู่เฟิงก็หยิบมีดแกะสลักที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา หลังจากปลายมีดดูดซับแก่นหมึกเข้าไปแล้ว เขาก็เริ่มลงลายเส้นโอสถไปพร้อมกับเซี่ยวจื่ออวี้
การเคลื่อนไหวปลายมีดของมู่เฟิงดึงดูดความสนใจเหล่านักสลักลายเส้นในทันที พวกเขาต่างก็มองมันด้วยความประหลาดใจ เพราะปลายมีดของมู่เฟิงนั้นเคลื่อนไหวได้ไหลลื่นเป็อย่างมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยวจื่ออวี้ที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายปีเลยสักนิด ซึ่งหากพิจารณาจากมุมนี้ คาดว่าเขาคงฝึกฝนการสลักลายเส้นมานานหลายปีแล้ว แต่เหตุใดความเร็วในการหลอมโอสถของเขาถึงได้ช้านัก
จากความเร็วของเด็กหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางหลอมยาสามเม็ดออกมาได้ทันตามเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน
เพียงไม่นานเวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งก้านธูป ในตอนนี้เวลาได้ผ่านไปสองก้านธูปแล้ว เมื่อเซี่ยวจื่ออวี้เคาะเตาหลอม เม็ดยาสีเขียวซึ่งถูกสลักลายโอสถลงไปเรียบร้อยแล้วก็ลอยออกมา
เด็กสาวเหลือบมองมู่เฟิงอีกครั้ง แววตาของนางเผยให้ถึงเห็นร่องรอยของการดูถูกถากถาง
คาดไม่ถึงว่าพี่ชายท่านนี้จะสามารถวาดลายเส้นโอสถได้ด้วย
แต่ถึงจะวาดได้แล้วอย่างไร พี่ใหญ่เ้าใช้เวลาในการหลอมโอสถนานเกินไปแล้ว กระทั่งการสลักลายเส้นยังช้ากว่าคนอื่น เช่นนี้แล้วเ้าจะยังไปสู้กับใครได้อีก?
นี่ไม่ใช่ว่าทำช้าๆ แล้วจะได้พร้าเล่มงามเสียหน่อย อย่าได้ลืมว่ามันมีเวลาจำกัด!
จากนั้นเซี่ยวจื่ออวี้ก็เริ่มหลอมโอสถตัวที่สามต่อในทันที ส่วนมู่เฟิงนั้นยังคงทำการสลักลายเส้นโอสถ ให้ตายเถอะ คนอื่นเขารีบร้อนจะตายอยู่แล้ว
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ต่อให้หลอมโอสถช้าก็ช่างเถอะ แต่กระทั่งการลงลายเส้นก็ยังช้าไปด้วยแบบนี้ คนอื่นเขาหลอมยาออกมาได้สองเม็ดแล้ว แต่เ้ายังหลอมออกมาไม่ได้สักเม็ด เ้าคิดหรือว่าคุณสมบัติของเ้าจะสามารถผ่านการทดสอบไปได้ แล้วเ้ายังคิดจะมาท้าแข่งกับข้าอีก ช่างน่าขันสิ้นดี”
จางไต้ซือหัวเราะออกมาเสียงดัง
มู่เฟิงที่ยังคงวาดลายเส้นโอสถไม่ได้สนใจเขามากนัก เด็กหนุ่มเพียงเอ่ยออกมาอย่างเฉยชาว่า “สุนัขที่ไม่รู้จักบุญคุณคนอย่างเ้า ยังมีอะไรให้น่าภาคภูมิใจอีกหรือ เ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเปลี่ยนของเดิมพันให้เป็ชีวิตของเ้าแทน”
“ของเดิมพัน เ้ายังกล้าพูดเื่ของเดิมพันอีกรึ เ้ามีคุณสมบัติใดมาเดิมพันกับข้า? แม้แต่นักสลักลายเส้นเ้าก็ยังเป็ไม่ได้”
จางไต้ซือเย้ยหยัน
“เป็ไม่ได้?"
มุมปากของมู่เฟิงกระตุก แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ในขณะเดียวกันนั้นเซี่ยวจื่ออวี้ที่อยู่ด้านข้างก็ทำการหลอมยาเม็ดที่สามออกมาแล้ว และนางกำลังเริ่มวาดลายเส้นโอสถ
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากเตาหลอมโอสถสามครั้ง ซึ่งมันดังก้องไปทั่วบริเวณ
เมื่อมู่เฟิงละมีดแกะสลักออก เขาก็ตบเตาหลอมโอสถสามครั้ง ทันใดนั้นก็ปรากฏลำแสงสามสายพุ่งออกมาจากเตาหลอมโอสถ
เพียงมู่เฟิงโบกมือ พลังปราณของเขาพลันพุ่งเข้าไปห่อหุ่มเม็ดยาเ่าั้เอาไว้ ทำให้พวกมันลอยค้างอยู่กลางอากาศเหนือเตาหลอม ซึ่งยาทั้งสามเม็ดนี้มีสีแตกต่างกัน และกลิ่นของมันก็ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ
ทุกคนพากันจ้องมองด้วยสายตาตะลึงงัน แน่นอนว่าเื่นี้ล้วนเป็สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
กระทั่งเซี่ยวจื่ออวี้ยังชะงักการลงลายเส้นโอสถของนางไปทันที เด็กสาวมองไปยังยาอายุวัฒนะที่กำลังลอยอยู่เหนือเตาหลอมโอสถของมู่เฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง กระทั่งชายแซ่ซุนยังมองจนตาค้าง ส่วนจางไต้ซือนั้นตื่นตะลึงยิ่งกว่าใคร
“ยาอายุวัฒนะสามเม็ด! เขาหลอมมันออกมาั้แ่เมื่อใดกัน?”
“เป็ไปไม่ได้ เขาเพิ่งลงลายเส้นโอสถไปเพียงครั้งเดียวไม่ใช่รึ เขาหลอมยาออกมาสามเม็ดได้อย่างไรกัน!”
ทุกคนทึ่อยู่ที่นี่ต่างก็ตื่นใ พวกเขามองมู่เฟิงอย่างเหลื่อเชื่อ
มู่เฟิงนำยาทั้งสามเม็ดใส่ลงไปในขวดหยกสามขวด จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเอามือไพล่หลัง และรออยู่ข้างเตาหลอมโอสถ
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยวจื่ออวี้เพิ่งจะเริ่มลงลายเส้นโอสถในยาเม็ดที่สาม ผลลัพธ์ในตอนนี้คือมู่เฟิงเร็วกว่านางครึ่งก้านธูป!
ชายแซ่ซุนรีบเดินไปเปิดขวดยาทั้งสามของมู่เฟิงทันที ก่อนจะพบว่าเม็ดยาในขวดเ่าั้ล้วนเป็ยาต่างชนิดกัน ซึ่งประกอบไปด้วยยารักษาอาการาเ็ ยาบ่มเพาะพลังปราณและยาแก้พิษ
“ยาทั้งสามเม็ดมีประสิทธิภาพครบถ้วนสมบูรณ์”
หลังจากตรวจสอบจนแน่ชัดแล้ว ชายแซ่ซุนก็หันไปมองมู่เฟิงด้วยความประหลาดใจก่อนจะขานผลลัพธ์ออกมาเสียงดัง
ว้าว...!
“เขาสามารถหลอมยาอายุวัฒนะทั้งสามชนิดออกมาได้จริงหรือ!”
“เขาทำได้อย่างไร? นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือไม่?”
ฉับพลันนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในฝูงชนทันที แม้แต่จางไต้ซือยังจ้องมองมู่เฟิงอย่างเหลื่อเชื่อ
จางไต้ซือเดินมาหยิบยาของมู่เฟิงไปตรวจสอบ เขาพบว่าเม็ดยาเหล่านี้มีสีสันสดใสและเต็มไปด้วยกลิ่นหอม นี่ไม่ใช่ยาอายุวัฒนะขั้นหนึ่งธรรมดาเท่านั้น เพราะมันคือยาอายุวัฒนะขั้นหนึ่งระดับสูง
“เป็ไปไม่ได้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเ้าเพิ่งจะใส่สมุนไพรลงไปและทำการหลอมเพียงครั้งเดียว อีกทั้งการลงลายเส้นโอสถเ้าก็เพิ่งลงไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เหตุใดจึงมีตัวยาสามชนิดได้ เ้าเล่นกลอันใด”
จางไต้ซือกล่าวอย่างเ็า เขากำลังกล่าวหาว่ามู่เฟิงโกงผลการทดสอบ
“เล่นกล?”
ร่องรอยของความเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของมู่เฟิง “ดวงตาสุนัขของเ้ามันมืดบอดแล้ว ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ข้าจะเล่นตุกติกได้อย่างไร ใครบอกเ้ากันว่าข้าสามารถหลอมโอสถและลงลายเส้นโอสถได้เพียงครั้งละหนึ่งชนิด?”
“ว่าอย่างไรนะ หรือว่าก่อนหน้านี้ที่เ้าโยนสมุนไพรลงไปสามชนิด ก็เพื่อทำการหลอมโอสถทั้งสามชนิดนี้ออกมา เ้าสามารถหลอมโอสถได้สามชนิดในเวลาเดียวกัน ทั้งยังสามารถลงลายเส้นโอสถสามรูปแบบได้ในครั้งเดียว เพราะแบบนี้ทั้งสองขั้นตอนของเ้าจึงช้ากว่าปกติอย่างนั้นหรือ?”
ชายแซ่ซุนกล่าวขึ้นด้วยความใ
มู่เฟิงพยักหน้า
“เป็ไปไม่ได้ การจะทำเช่นนั้นได้จำเป็ต้องมีพลังิญญาที่แข็งแกร่งมาก เ้าจะทำได้อย่างไร?”
จางไต้ซือยังคงไม่เชื่อ
“เป็ไปไม่ได้? หากว่ามันเป็ไปไม่ได้แล้วข้าจะสามารถหลอมยาทั้งสามเม็ดนี้ออกมาได้รึ? ข้าไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็กบก้นบ่อ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
คำกล่าวเย้ยหยันของมู่เฟิงทำให้ใบหน้าของจางไต้ซือพลันแดงก่ำด้วยความโกรธ
ในเวลาเดียวกันนั้น เซี่ยวจื่ออวี้ก็ทำการหลอมยาเม็ดที่สามออกมาได้สำเร็จ ซึ่งใช้เวลาห่างจากมู่เฟิงครึ่งก้านธูป
ดวงตาคู่สวยของเซี่ยวจื่ออวี้มองไปยังมู่เฟิงด้วยความใ
แม้ว่าจะหลอมตัวยาออกมาได้สามชนิดเท่ากัน แต่วิชาโอสถของใครจะสูงกว่ากันนั้น เพียงแค่หนึ่งคะแนนก็สามารถแบ่งแยกได้แล้ว
“เ้าหนุ่ม เ้าอย่าได้ลำพองใจไป ตอนนี้เ้าเป็เพียงนักสลักลายเส้นขั้นหนึ่ง แต่ข้าคือนักสลักลายเส้นขั้นสอง ข้าไม่คิดจะแข่งหลอมโอสถขั้นหนึ่งกับเ้าหรอกนะ ผลแพ้ชนะมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ฉะนั้นตระกูลมู่ก็จงเตรียมเงินหนึ่งแสนเหรียญตำลึงทองเอาไว้ได้เลย”
จางไต้ซือกล่าวออกมาอย่างโหดร้าย
“สุนัขอย่างเ้าต่างหากที่เตรียมตัวถูกตัดมือเถอะ”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็หันมองไปทางบุรุษแซ่ซุนและกล่าวว่า “ผู้าุโ ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นักสลักลายเส้นแล้วหรือยังขอรับ?”
“แน่นอน นับจากนี้ทางวิหารสลักลายจะยอมรับเ้าในฐานะนักสลักลายเส้นอย่างเป็ทางการ อีกเดี๋ยวเราจะทำตราประจำตัวให้กับเ้า นับจากนี้ทั้งเ้าและอวี้เอ๋อร์ต่างก็มีสถานะเป็นักสลักลายเส้นแล้ว”
บุรุษแซ่ซุนกล่าวกับเด็กหนุ่มสาวทั้งสอง
สีหน้าของเซี่ยวจื่ออวี้พลันเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง เด็กสาวเม้มปากแน่น นางหันไปมองมู่เฟิงก่อนจะเอ่ยถามเขาว่า “เ้าทำได้อย่างไร? หลอมโอสถสามชนิดในเวลาเดียวกัน ทั้งยังลงลายเส้นโอสถสามรูปแบบในครั้งเดียวอีก”
มู่เฟิงหันไปมองเซี่ยวจื่ออวี้ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ถ้าเ้าอยากรู้ อย่างนั้นก็เรียกข้าว่าพี่ชายสิ”
“ลืมมันไปเถอะ แต่เฟิงเย่ข้าจะจำเ้าเอาไว้”
เซี่ยวจื่ออวี้กัดฟันกรอด เผยให้เห็นถึงความโกรธ
“เอาละเ้าหนุ่ม เ้าอย่าได้ชะล่าใจไป ถึงเวลาที่เราจะต้องมาแข่งขันกันแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้