คืนวันศุกร์เป็คืนแห่งการปล่อยผีของใครหลายๆคน เนื่องด้วยใช้พลังงานชีวิตตลอดทั้งสัปดาห์ไปกับทำงานและการเรียน หลังจากที่ห่างหายจากความมึนเมาไปเป็ระยะเวลาหนึ่งเพราะต้องเอาเวลาไปโฟกัสกับการสอบมิดเทอม ในที่สุดวันนี้เพื่อนๆชาวแก๊งศิลปกรรมก็ได้นัดรวมตัวกันที่ร้านเหล้าร้านประจำโดยมีเส้นตายของเวลานัดหมายคือไม่เกินสามทุ่ม แต่ไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงเข็มสั้นของนาฬิกาเดินมาถึงเลขแปดทุกเก้าอี้บนโต๊ะก็ถูกจับจ้องไว้ครบแล้ว
“วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะทำไมถึงมาเร็วกันได้” บาสที่ปกติจะทำหน้าที่มาจองโต๊ะที่ร้านก่อนตลอดอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
บรรยากาศในร้านค่อนข้างที่จะครึกครื้นน่าจะเป็เพราะพรุ่งนี้เป็วันหยุด ลูกค้าจึงหนาแน่นกว่าทุกวัน
“ก็ห่างหายจากแสงสีไปนาน มันก็เลยคิดถึงนิดหน่อย” ขิมจีบปากจีบคอตอบพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ ตอนหัวค่ำแบบนี้ก็ต้องเผาหัวกันไปก่อนไว้ดึกกว่านี้ค่อยสั่งเหล้ามาจะได้เผาไปเลยทั้งตัวและสติ
“จริงค่ะ ชีวิตกูไม่ได้วูบวาบแบบนี้มานานแล้ว”
“หยุดเที่ยวไปเดือนกว่าๆมึงเก็บกดกันเกินไปมั้ย” สกาวฟ้าได้แต่ส่ายหัวไปมาให้กับความเล่นใหญ่เล่นโตของเพื่อนตัวเอง
“เนี่ยกูไม่ได้เที่ยวไปเดือนกว่าเห็นหน้าใครในร้านก็ไม่คุ้นไปหมดเลย”
“ทานโทษนะมึงเป็ใครหรอถึงต้องคุ้นหน้าคนทั้งร้านอะ”
“มึงนั่งเงียบๆไปอิทิมมี่ ทำตัวแบบอิแทนน่ะ กูคิดว่าลืมหยิบปากออกมาจากบ้าน”
“ก็กูไม่รู้จะพูดอะไร”
ร่างบางที่ถูกพาดพิงถึงเอ่ยตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะยื่นแก้วที่ถูกดื่มเบียร์หมดแล้วไปทางทิมมี่ที่ทำหน้าที่เป็นักชงในค่ำคืนนี้
“มาเที่ยวทั้งทีมึงก็ทำหน้าให้สนุกหน่อยดิแทน”
“นั่นดิทำหน้าตาแบบนั้นได้หมดสนุกกันทั้งโต๊ะพอดี”
“พวกมึงก็อย่ามองหน้ากูสิ”
“เถียงคำไม่ตกฟากเลยนะคะ”
“กูออกไปข้างนอกก่อนนะ” พอเบื่อจะต่อปากต่อคำกับเจสเขาจึงหาเื่ออกไปด้านนอกแทน
“ไปไหนวะ”
“ดูด” มือบางชูบุหรี่ขึ้นมา ก่อนจะเดินเบียดกับคนอื่นเพื่อออกไปยังโซนที่ทางร้านจัดไว้ให้สำหรับลูกค้าที่ต้องพื้นที่ในการสูบบุหรี่
“เป็แบบนี้ต่อไปกูว่าไม่ดีแน่” พอแทนเดินออกไปเจสก็เริ่มเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาทันที
“กูก็ว่างั้น”
“เราช่วยอะไรได้บ้างวะ” พอเห็นเพื่อนมีปัญหาแล้วมันก็อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเพียงแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองนั้นสามารถเข้าไปยุ่งกับเื่นี้ได้มากน้อยแค่ไหน
“ทางจีนว่าอย่างไงบ้าง” ทิมมี่กลายเป็เป้าสายตาของคนทั้งโต๊ะขึ้นมาทันทีเมื่อขิมถามขึ้นมาแบบนั้น
“มันบอกว่าไอ้ปลื้มยังไม่พร้อมจะเจอหน้าไอ้แทน”
“แล้วเมื่อไรมันจะพร้อม”
“กูจะไปรู้หรอ”
กูไม่ใช่ไอ้ปลื้มสักหน่อยพวกมึงจะมาคาดคั้นกูกันเพื่ออะไร
“โอ้ยอิดอก ถ้าไม่คุยกันชาตินี้จะเข้าใจกันมั้ยคะ” เจสซี่ล่ะหนหวย
ยุบหนอ พองหนอ เื่ของเขาหนอ ไม่ใช่เื่ของเราหนอ อย่าอินมากหนอ แต่เขาที่ว่าเป็เพื่อนกูหนอขออินหน่อยแล้วกันอิสัด
“กูว่าเราต้องร่วมมือกันว่ะ ขืนปล่อยไว้แบบนี้แม่งได้ค่อยๆหายไปจากกันเองแน่”
“ถ้ามัวแต่รอไอ้ปลื้มพร้อมกูว่าอาจจะสายเกินไป”
“อือ กูเห็นด้วย”
“อย่างน้อยก็ต้องได้เคลียร์ใจกันก่อน หลังจากนั้นจะว่ายังไงก็ค่อยว่ากันอีกที”
“แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่คนหนึ่งอยากคุยส่วนอีกคนเอาแต่หนีนี่แหละ”
“กูว่าเราต้องวางแผน” เจสซี่เสนอ
“ล่มอีกแน่ไม่ต้องเสียเวลาเดา” บาสบอกก่อนจะยกเบียร์ในแก้วขึ้นกระดกดื่มดับความกระหายที่เริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่นั่งคุยกันมาสักพัก
“ก็แค่แผนหลอกให้มันสองคนมาเจอกัน ถ้ายังล่มอีกกูว่าก็เกินไป”
“แล้วแผนที่ว่าคือยังไง”
“เมนหลักของแผนการในครั้งนี้คืองานดนตรีคณะเราที่จะจัดวันอาทิตย์นี้” เจสซี่เอ่ยบอกด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
“แล้วไงต่อ”
“แผนกูในครั้งนี้ง่ายมาก เราแค่พาอิแทนไปงาน แล้วก็ให้ฝั่งนั้นลากไอ้ปลื้มมาที่งานเหมือนกัน ปล่อยให้มันสองคนเจอกันหลังจากนั้นก็ให้อิแทนจัดการเอง”
“ก็น่าจะเวิร์คอยู่แหละมั้ง”
“มึงรีบไปบอกแผนนี้กับน้องจีนเลยนะอิทิมมี่ รู้มั้ย”
“เออเดี๋ยวบอกให้”
“บอกไรกันวะ” แทนถามขึ้นเมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วบังเอิญได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี
“บอกให้จีนลากไอ้ปลื้มมาเจอมึง”
“อิทิมมี่” เจสซี่รีบยื่นมือไปหยิกเข้าที่แขนของเพื่อนตัวดีอย่างไว ทางด้านคนที่โดนทำร้ายร่างกายก็รีบชักแขนหนีทันทีหลังจากที่เจอหยิกไปหนึ่งครั้งจนแขนขึ้นรอยแดง
“มึงหยิกกูทำเหี้ยไรเนี่ยเจส”
“แล้วใครใช้ให้มึงปากสว่างล่ะค่ะอิเหี้ย กูบอกให้มึงไปบอกอิน้องจีน ไม่ใช่ให้มึงบอกอิแทน พังหมดแล้วแผนกู”
“แล้วทำไมจะบอกไอ้แทนไม่ได้อะ มันจะได้เตรียมตัวไว้ไงว่าจะพูดอะไรกับไอ้ปลื้ม ขืนปล่อยแม่งไปเจอกันแบบไม่เตรียมตัวเดี๋ยวก็ได้เดดแอร์ใส่กันอีก” ปากก็อธิบายไปส่วนมือก็ยกขึ้นมาลูบแขนของตัวเองไปด้วยเช่นกัน
“ก็ถูกของไอ้ทิมมันนะ” บาสเองก็เห็นด้วยแทนเองก็ควรจะมีเวลาเตรียมตัวก่อนที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับปลื้มเช่นกัน
“นี่พวกมึงวางแผนอะไรกันอีก” ร่างบางที่พอจะจับต้นชนปลายขึ้นมาได้บ้างถามขึ้น ดวงตากลมหรี่มองไปยังเจสซี่ที่ดูจะเป็คนต้นคิดทุกอย่างขึ้นมา
“กูก็แค่อยากให้มึงกับไอ้ปลื้มได้เคลียร์กัน ที่ทำไปก็หวังดีทั้งนั้นเลยนะคะ” ตีสีหน้าเศร้าเต็มที่เพราะกลัวว่าอาจจะถูกดุเอาได้ที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ปรึกษาก่อน
“แต่กูว่าแผนของอิเจสมันก็ดีอยู่นะ ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร” ขิมพูดขึ้นพร้อมกับหันไปส่งสายตาปิ๊งๆให้กับแทนเพื่อให้อีกคนยอมโอนอ่อนและทำตามแผนของเจสซี่
“แผนคืออะไร” ถ้าน่าสนใจก็จะยอมลองทำตามดูแล้วกัน
ทุกวันนี้เขาพยายามด้วยตัวเองทุกทางแล้วเพื่อที่จะให้ได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลย ไลน์ไปก็ไม่อ่านไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับแต่ก็ยังดีที่ไม่ปิดเครื่องหนีกัน ไปดักรอเจอตอนเลิกเรียนปลื้มก็ยังหลบหลีกไปได้ ไปหาถึงห้องก็ไร้เงาเ้าของนอนค้างเป็คืนปลื้มก็ยังไม่กลับมาจนแทนเองก็เริ่มที่จะท้อแล้ว
“กูจะให้อิน้องจีนพาปลื้มมางานที่คณะวันอาทิตย์นี้ แล้วพวกกูก็จะชวนมึงไปด้วยทำให้เหมือนบังเอิญเจอกันอะไรแบบนี้”
“แล้วมันจะยอมมาหรอ” ไม่ใช่ว่าปลื้มก็จะรู้ทันแผนนี้เหมือนกันหรือไง
“ต้องให้อิทิมไปคุยกับจีนว่าจะทำได้มั้ย”
“กูว่ามันอาจจะไม่มานะ เพราะ่นี้มันหลบหน้ากูอยู่ ไม่มีทางที่มันจะมาเยือนถึงถิ่นเราแน่”
“มึงต้องเชื่อใจจีนของกูว่ามันจะลากไอ้ปลื้มมาได้” ทิมมี่พูดพร้อมกับยืดอกขึ้นด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจ
“ลองดูก็ไม่เสียหาย”
“จริงมึง” บาสตบมือลงบนบ่าของเพื่อนสนิทแทนการเพิ่มความมั่นใจให้อีกคน
“เออ เอาก็เอาวะ” แทนยกแก้วของตัวเองที่ถูกวางทิ้งเอาไว้จนน้ำแข็งละลายเจือจางความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไปหมดแล้วขึ้นก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
“นะปลื้มน้า” จีนกอดแขนของปลื้มแน่นก่อนจะเอ่ยจาออดอ้อนเพื่อนสนิทให้ยอมออกไปเที่ยวงานดนตรีของคณะศิลปกรรมฯด้วยกัน
“กูไม่อยากไป”
“่นี้มึงเอาแต่เรียนแล้วก็กลับบ้าน วันไหนไม่มีเรียนก็คลุกตัวอยู่บ้านทั้งวัน มึงไม่เบื่อบ้างหรอวะ”
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าด้านหลังบ้านของปลื้ม โดยมีคุณหญิงของบ้านนั่งร่วมวงอยู่ด้วย
“นั่นสิ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น จีนหันไปยิ้มกว้างให้เธอที่เขาข้างเขาก่อนจะซุกหน้าลงกับแขนของปลื้มอีกครั้ง
“แม่ครับ” ชายหนุ่มหันไปเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อกับผู้เป็มารดาที่เข้าข้างคนอื่นต่อหน้าต่อตาของเขา
“ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างสิ แม่เห็นปลื้มอยู่บ้านเอาแต่ทำหน้าเศร้าทั้งวัน”
“ก็ปลื้มไม่อยากออกไป”
“อยู่แต่บ้านมันเสียสุขภาพจิตนะมึง ออกไปเปิดหูเปิดตากับกูดีกว่า” โอเมก้าตัวเล็กยอมผละตัวออกมาเพราะเขาเองก็เริ่มรู้สึกร้อนแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนวิธีมาพูดด้วยท่าทางที่ดูจริงจังแทน
“ก็ถ้ามึงชวนไปที่อื่นกูก็คงจะไปอยู่ แต่นี่มึงชวนไปสินกำ”
“อาจจะไม่เจอก็ได้ป่ะ”
“มึงคิดงั้นจริงหรอ”
“คนที่ทำให้ลูกของแม่หงอยเป็หมาแบบนี้เรียนอยู่คณะศิลปกรรมฯหรอเนี่ย” คุณหญิงของบ้านพูดขึ้นมาด้วยความสนอกสนใจ
“ใช่ครับคุณแม่ แถมหล่อมากด้วยนะครับ”
“หรอ แม่อยากเห็นจัง จีนมีรูปให้แม่ดูหรือเปล่า” คนตัวเล็กรีบพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบกดเปิดรูปของแทนส่งให้คนที่อายุมากกว่าดูทันที
“หล่อซะด้วย” ริมฝีปากอมชมพูเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา ในขณะที่สายตาก็พินิจพิจารณาใบหน้าของเด็กหนุ่มไปด้วย
“แม่ก็ไปบ้าตามจีนมัน” มือหนายื่นมือออกไปแย่งโทรศัพท์มือถืออกมาจากมือของมารดา จัดการกดล็อกหน้าจอให้เสร็จสับก่อนจะยื่นมันคืนให้กับผู้เป็เ้าของ
“แม่ไม่รู้หรอกนะว่าปลื้มกำลังมีปัญหาอะไร แต่การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอกนะลูก”
เธอดูออกว่าลูกชายของเธอกำลังเสียใจแม้ว่าเ้าตัวจะไม่เคยเอ่ยเล่าให้ฟังว่ากำลังทุกข์ใจเื่อะไรอยู่ แต่คนเป็แม่ย่อมรู้ทันคนเป็ลูกเสมอ เธอคิดว่าเด็กทั้งสองคนน่าจะมีปัญหาอะไรกันสักอย่าง และวิธีการแก้ปัญหาของลูกชายเธอคือการหลบหน้าอีกคนมาพักใจที่บ้านเพื่อรอให้ตัวเองพร้อมก่อนแล้วค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาที่เจออีกครั้ง
“จริงครับคุณแม่” จีนยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างขึ้นมาให้คนที่โตกว่า แทนการบอกว่าเยี่ยมมากเลยครับคุณแม่
“ไม่ว่าปัญหามันจะคืออะไร แต่ถ้าเรายิ่งหนีมันมากเท่าไร”
“...”
“มันก็อาจจะยิ่งแย่ลงไปมากขึ้นกว่าเดิมนะลูก”
“ก็ปลื้มยังไม่อยากเจอหน้าเขานี่ครับ”
“ถ้าไม่เจอหน้ากันแล้วจะเคลียร์กันได้ยังไงล่ะครับ”
“...”
“คนรักกันทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เราควรที่จะรีบคุยกันปรับความเข้าใจกันไม่ควรปล่อยมันทิ้งเอาไว้ให้เป็แผลในใจของเราทั้งคู่นะ” ฝ่ามือที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตาม่วัยยื่นไปแตะลงบนหลังของผู้เป็ลูกชายที่เป็ดั่งแก้วตาดวงใจของเธอ “ไปคุยกับเขาเถอะ เพื่อความสบายใจของลูกและก็เขาด้วย”
“แต่ตอนนี้ปลื้มยังสับสนอยู่เลย ปลื้มไม่เข้าใจตัวเองเลยครับแม่ เราสามารถรู้สึกรักคนคนหนึ่งแล้วก็ผิดหวังกับเขาในเวลาเดียวกันได้มั้ยครับ”
“ความรู้สึกของมนุษย์เรามันอาจจะซับซ้อนหน่อย แต่ความซับซ้อนนั่นแหละคืุ์”
“...” ฝ่ามือหนาหงายมือขึ้นก่อนจะจับมือของผู้เป็แม่เอาไว้เหมือนขอกำลังใจ “แม่ครับ”
“ว่าไงจ๊ะ”
“ถ้าความจริงมันโหดร้ายกับเรามากเกินไป เราควรจะทำอย่างไงดีครับ”
ผู้เป็แม่เผยรอยยิ้มออกมาเธอบีบมือของลูกชายเบาๆ
“ความจริงก็คือความจริง ไม่ว่ามันจะโหดร้ายแค่ไหน สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการยอมรับกับความโหดร้ายนั้นให้ได้”
“...”
“จำไว้นะลูก ความรักใช้แค่เหตุและผลไม่ได้ มันต้องใช้ความรู้สึกเป็ตัวนำพา แม่เชื่อว่าถ้าลูกยอมฟังคำอธิบายของเขาลูกจะต้องให้อภัยในความผิดหวังที่เกิดขึ้นได้ เพราะลูกรักเขา”
งานดนตรีถูกจัดขึ้นที่บริเวณลานกว้างหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ผู้คนมากมายต่างเดินสวนกันจนควักไขว้ไปหมดเพราะต่างก็้าจับจองพื้นที่เพื่อชมการแสดงที่จะเกิดขึ้นบนเวที ปลื้มรู้มาจากจีนว่าจะมีศิษย์เก่าของคณะที่เป็คนมีชื่อเสียงมาร่วมแสดงในคืนนี้ด้วยคนจึงดูเยอะแน่นตาไปหมด
“ปลื้ม” ร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นโอเมก้าตัวเล็กยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก ทั้งที่ทำร้ายเขาไปขนาดนั้นยังกล้าที่จะยิ้มแล้วยืนโบกมือให้กันอยู่อีกหรอ
“ตายยากตายเย็น” จีนคว่ำปากมองบน
“มาฟังเพลงเหมือนกันหรอ”
“งานดนตรี มาดูเขาจัดเวทีมั้ง ถามมาได้” เรนเหลือบตาไปมองจีนด้วยสายตาไม่พอใจ
“อือ”
“แล้วปลื้มเห็นแทนบ้างมั้ยอะ”
“...” ร่างสูงตัวแข็งทื่อไปทันทีเมื่อถูกเอ่ยถามแบบนั้น
“ปกติเจอปลื้มต้องเจอแทนตลอดวันนี้ไม่ได้มาด้วยกันหรอ”
“ถ้ามาก็คงเห็นแล้วแหละ” จีนที่ไม่สามารถอดทนยืนฟังต่อไปได้ไหวโผล่หน้าออกไปตอบคำถามแทนปลื้ม
“เสียมารยาทจัง เราคุยกับปลื้มอยู่นะ” เรนมองจีนด้วยสายตาเหยียดๆอย่างไม่ปิดบังต่อหน้าปลื้มอีกต่อไป
“มึง...”
“หมากัดเขาว่าอย่ากัดตอบนะ” ทิมมี่รั้งแขนของจีนเอาไว้ก่อนที่เ้าตัวจะเดินไปจิกหัวของเรน “ที่รักไม่ใช่หมานะคะ อย่าลดตัวลงไปกัดกับมันเลย” ร่างสูงเอ่ยบอกพลางยกมือขึ้นมาจัดผมหน้าม้าของคนตัวเล็กให้เป็ทรงมากขึ้นโดยไม่แม้แต่จะชายตามองคนที่ตัวเองพาดพิงถึงเลยแม้แต่น้อย
“ทิมว่าเราเป็หมาหรอ” เรนเอ่ยถามขึ้นเสียงแข็งกว่าปกติ
“สะดวกจะรับหรอ”
“...” เรนไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากยืนกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ
“วันนี้ก็มาด้วยกันค่ะ หายข้องใจแล้วนะคะ” เสียงของเจสซี่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของแทนที่ถูกดันให้ไปยืนอยู่ข้างกับปลื้ม
“มึง...” ร่างบางหันไปเรียกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเสียงเบา เขาไม่ได้สนใจเรนเลยแม้แต่น้อย “ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”
นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากที่ปลื้มพยายามตีตัวออกห่างจากแทน พอได้มายืนอยู่ตรงหน้ากันแบบนี้แล้วมันทำให้ปลื้มรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเขาโคตรจะคิดถึง โคตรจะโหยหาคนคนนี้เลย แต่ลึกๆมันก็ยังคงรู้สึกผิดหวังในตัวของคนคนนี้เช่นกัน
“พี่แทน” ปลื้มกำลังจะพยักหน้าตกลงแต่ความสนใจของพวกเขาก็ถูกดึงไปเพราะเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นเสียก่อน “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” โอเมก้าคนหนึ่งเดินผ่านเรนเข้ามาหาแทน
ร่างบางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ เขาจำได้ว่าน้องคนนี้คือหนึ่งในคู่นอนของเขาแต่เราไม่ได้ติดต่อกันตั้งนานแล้วทำไมวันนี้ถึงได้เดินมาทักทายกันได้ล่ะ
“อ้าวแทน” ยังไม่ทันหายคล้องใจจากน้องคนนั้น ก็มีคนใหม่เข้ามาเพิ่มอีก
“นั่นมันพี่แนนกิ๊กเก่าอิแทนไม่ใช่หรอวะ” ขิมกระตุกชายเสื้อของเจสซี่ก่อนจะเอ่ยกระซิบกระซาบกันสองคน
“แผนกูคือทำให้อิแทนกับปลื้มได้เจอกัน ไม่ใช่ให้รถไฟทุกขบวนของอิแทนมาชนกันแบบนี้”
“เละแน่เลยอิเจสกูว่า” ขิมบอกพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“หายหน้าหายตาไปเลยนะเรา”
“อ่าครับ”
“พี่คิดถึงแทนมากเลยนะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับส่งสายตาที่แฝงความ้าบางอย่างมาให้เขา
“พี่คนนี้คือใครหรอครับพี่แทน”
“เด็กนี่ใครอะ”
“ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณคือใคร ทำไมต้องส่งสายตาน่าเกลียดแบบนั้นให้พี่แทนด้วย”
“อ้าวอินี่”
“พี่แทนทำแบบนี้หมายความอย่างไงครับ” เด็กหนุ่มหันไปคาดคั้นร่างบางที่ดูเหมือนจะเป็คนกลางแต่กลับเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“พี่ทำอะไร” เขายืนอยู่เฉยๆยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
“แทนปล่อยให้อิเด็กนี่มายืนด่าพี่แบบนี้ได้อย่างไงฮะ”
“คือทั้งสองคนใจเย็นๆก่อนนะ ตอนนี้แทนไม่เข้าใจเลยว่าทั้งสองคน้าอะไร”
“ทำไมพี่แทนพูดแบบนี้ล่ะครับ”
“แทนพูดแบบนี้หมายความอย่างไง”
“เื่ของเรามันจบไปแล้ว ทำไมวันนี้พี่แนน” ร่างบางหันไปมองหน้าหญิงสาวที่อายุมากกว่า “แล้วก็น้อง” ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่พอใจใส่เขาอยู่
“...”
“ถึงมาทำแบบนี้ล่ะครับ”
“...”
“แทนว่าแทนบอกทุกคนชัดเจนแล้วนะว่าเื่คืนนั้นก็ให้มันจบที่คืนนั้น เราจะไม่สานต่ออะไรกันอีก”
“ทำไมพี่แทนพูดง่ายจังล่ะครับ”
“ตอนนั้นเราเองก็บอกเข้าใจแล้วก็ยอมรับในเงื่อนไขของพี่ไม่ใช่หรอ”
“พอได้กันแล้วไม่คิดจะผิดรับชอบอะไรกันหน่อยเลยหรือไง”
“ไม่ครับ ก็เราตกลงกันแล้ว...”
เพี๊ยะ!
ใบหน้าของอัลฟ่ากลิ่นฝนหันไปตามแรงตบจากฝ่ามือของหญิงสาวที่อายุมากกว่า ใบหน้าฝั่งที่โดนตบเริ่มเกิดอาการชาหนึบก่อนจะค่อยๆเพิ่มความแสบขึ้นพร้อมกับผิวเนื้อที่เริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงขึ้นริ้วเป็รูปฝ่ามือประดับอยู่บนใบหน้าของเขา
“เฮงซวย”
“อิเหี้ย ตบเลยหรอวะ” สกาวฟ้าไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าของเขาจะเป็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆแบบไม่ใช้ตัวแสดงแทน
“พี่เขาดูละครหลังข่าวมากไปป่ะมึง” เจสซี่พูดขึ้นเสียงเบา
เสียงตบที่ดังขึ้นเริ่มทำให้ผู้คนโดยรอบหันมาสนใจที่พวกเขามากขึ้น แทนยังคงช็อกค้างอยู่อย่างนั้นเพราะเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะโดนตบ
ทางด้านเด็กหนุ่มเมื่อเห็นว่าอีกคนตบได้ก็อยากที่จะลงไม้ลงมือบ้างเพื่อไม่ให้ตัวเองดูเป็ตัวตลกที่ถูกปฏิเสธ แขนขาวง้างขึ้นเตรียมจะฟาดฝ่ามือลงมาบนหน้าของแทนเช่นกัน ร่างบางที่เห็นการกระทำของรุ่นน้องผ่านทางหางตาปิดเปลือกตาลงเตรียมรับแรงตบที่จะกระทบเข้ากับหน้าของตัวเองอีกรอบ
เพี๊ยะ!
น่าแปลกที่คราวนี้ไม่รับรู้ได้ถึงความเ็ปเหมือนรอบแรกเลยทั้งที่เสียงดังฟังชัดแท้ๆ เปลือกตาบางเริ่มขยับไปมาและภาพเบื้องหน้าที่แทนเห็นก็คือภาพแผ่นหลังกว้างของใครคนหนึ่งที่เขารู้จักเป็อย่างดี
“ปลื้ม...” ร่างบางเอ่ยเรียกชื่ออีกคนเสียงสั่น
ทำไมถึง...ยอมโดนตบแทนเขาล่ะ
“เด็กใหม่แทนหรอ ดูโง่ดีนะ” หญิงสาวแค่นเสียงพูดก่อนจะเดินจากไป
“ผมไม่ได้จะตบพี่นะ พี่เอาหน้ามาให้ผมตบเอง” เด็กหนุ่มโวยวายออกมาเสียงดัง ยิ่งทำให้ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่พวกเขามากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งที่ปลื้มตั้งใจจะมาเคลียร์กับแทนแท้ๆแต่เขากลับต้องมาเจอเื่บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ที่ทำให้เขารู้แย่กับอีกคนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
“แทนอีกแล้วว่ะ”
“คราวนี้เื่อะไรวะมึง”
“โดนตบหรือเปล่าวะ หน้าแดงเป็รอยมือเลยอะ”
“เื่ของเรามันจบไปแล้วคืนนั้นพี่พูดชัดเจนมากว่าระหว่างเรามันเป็แค่วันไนท์สแตนด์เท่านั้น เราก็เป็คนที่ยอมรับเงื่อนไขนั้นเองแล้ววันนี้เราจะมาเรียกร้องอะไรจากพี่อีก โตแล้วนะเว้ย ควรรับผิดชอบคำพูดของตัวเองที่พูดออกมาคืนนั้นด้วยดิ”
“อ้าว คดีพลิกว่ะ”
“ตกลงกันแล้วทำไมยังไม่ยอมจบอะ”
“ยอมให้เขากินฟรีเองแล้วจะมาเรียกร้องอะไรอีกวะ”
“เอาตัวเองออกมาประจานชัดๆ”
“ส่วนเรน เราจะบอกเรนชัดๆตรงนี้เลยนะว่าตอนนี้เรามีคนที่เราชอบแล้วซึ่งไม่ใช่เรน เพราะงั้นขอเถอะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับเราแล้วก็คนที่เราชอบสักที”
“...”
“แล้วไม่ว่าเรนจะพูดปั่นหัวเราแค่ไหนเราก็ไม่มีทางเลิกชอบมันได้หรอก” เพราะถ้าจะเลิกได้ก็คงจะเลิกไปตั้งนานแล้ว
แทนรู้ว่าที่เรนเข้ามาพูดกับเขาเกี่ยวกับเื่อัลฟ่าและโอเมก้าก็เพื่อที่จะใช้เื่นี้บีบเขาให้ถอยห่างจากปลื้ม แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเรนทำแบบนั้นไปทำไม เหตุผลเดียวที่แทนพอคิดออกในตอนนี้คืออาจจะเป็เพราะเรนอยากกลับมาหาเขา ถึงได้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับปลื้ม
“กูขอตัวก่อนนะ” ทีปกรหันไปบอกกับจีนที่ยืนอยู่
ไม่ใช่ว่าปลื้มไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองที่เสนอหน้าไปรับแรงตบแทนอีกคน เขารู้อยู่เต็มอกว่าที่ทำแบบนั้นเพราะเขาอยากจะปกป้องแทน เขาทนที่จะเห็นแทนเจ็บตัวไม่ได้
แต่สถานการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อครู่มันกำลังกระตุ้นความสับสนในใจของเขาให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแทนมีแค่เขาจริงหรือไม่เขาไม่สามารถที่จะรู้ได้เลย สองคนนั้นคือใคร มาจากไหน โผล่มาได้ยังไง เื่เก่าก็ยังเคลียร์กันไม่จบ นี่ยังมีเื่ใหม่เข้ามาเพิ่มอีก วุ่นวายไปหมด
“ปลื้มมึงฟังกันก่อนได้มั้ย” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่คว้าข้อมือหนาเอาไว้
“จะให้กูฟังอะไรอีกอะ หรือมึงยังหลอกกูไม่พอ” ร่างสูงหยุดเดิน ตอนนี้เขาเองก็อยากจะคุยให้มันจบๆไปสักทีเหมือนกัน ถ้าจะเจ็บแม่งก็เจ็บให้มันถึงที่สุดทีเดียวไปเลย ไม่ต้องยืดเยื้อเหี้ยอะไรกันอีกแล้ว
“...”
“แค่นี้กูยังโง่ไม่พอใช่ป่ะ ทั้งเื่เรน ไหนจะเื่สองคนนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมามึงมีแค่กูคนเดียวจริงมั้ยวะ”
“ั้แ่ที่กูรู้จักกับมึง กูก็ไม่ได้คุยกับใครอีกเลย”
“หลอกกูมันสนุกมากเลยดิ กูนี่แม่งโง่สัดเลยใช่ป่ะ”
“มึงกำลังหมายถึงเื่อะไร” แทนเริ่มตามไม่ทันว่าอีกคนกำลังพูดถึงเื่ไหน
“จะว่าโกหกก็ไม่ได้ดิเน๊อะ มึงแค่เล่าไม่หมดต่างหาก” ใช่การกระทำของแทนไม่สามารถใช้คำว่าโกหกได้หรอก อีกคนก็แค่เล่ามันออกมาไม่หมดก็เท่านั้น “มึงบอกกูว่ามึงชอบเรน”
“...”
“แต่มึงแค่ไม่ได้บอกว่ามึงเคยเอากันด้วย”
“เื่เรนกูผิดเองที่กูบอกมึงไม่หมด กูไม่มีอะไรจะแก้ตัวทั้งนั้น แต่กูมีเหตุผล”
“เหตุผลที่ว่าคืออะไร คือสนุกที่เห็นกูโง่ใช่หรือเปล่า” การได้เห็นเขาเป็ควายมันคงจะสนุกมากเลยสินะ
“ในสายตากูมึงไม่เคยเป็คนโง่เลยปลื้ม” ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่จะคิดแบบนั้น “ที่กูไม่บอกก็เพราะกูกลัวว่ามึงจะรับไม่ได้”
กลัวว่ามึงจะเป็แบบที่เป็อยู่ตอนนี้
กลัวว่าจะต้องเสียมึงไป
“ใช่กูรับไม่ได้...” ปลื้มเลือกที่จะพูดออกไปตรงๆตามความรู้สึกของเขา เพราะไม่ว่าจะพยายามทำความเข้าใจอย่างไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี “แฟนเก่าเคยมีอะไรกับคนที่กำลังจะเป็แฟนใหม่ ใครจะรับได้บ้างวะ”
“กูรู้ กูรู้แล้วปลื้ม รู้แล้วว่ามึงรับไม่ได้”
เขาตัดสินใจแล้วว่าการคุยกันของเราในครั้งนี้ก็เพื่อเคลียร์ใจของเราทั้งคู่ ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเข้าใจผิด เขาจะอธิบายให้มันกระจ่างและจบปัญหาที่มันค้างคาลงสักที ต่อไปจะได้มองหน้ากันได้บ้าง...อย่างน้อยในฐานะของคนที่เคยรู้จักกันก็ยังดี
จบกันแบบที่ยังพอมองหน้ากันติดก็ดีกว่าจบกันแบบเกลียดขี้หน้ากันไปเลย
“แล้วก็จะไม่ขอร้องให้มึงรับได้ด้วย”
นี่คือสิ่งที่เขาจะทำเพื่อตัวของเขาเอง ที่ผ่านมาเขายอมให้คนอื่นตัดสินเขามามากพอแล้ว จากวันนี้ไปเขาจะไม่เป็แทนที่ยอมให้คนอื่นมาตัดสินตัวเขาจากความคิดที่คนอื่นคิดไปเองฝ่ายเดียวอีกแล้ว
“แต่กูไม่อยากให้มึงเข้าใจกูผิดเื่ที่กูมีอะไรกับเรน” แทนยอมรับว่าเขาผิดที่ไม่บอก แต่เขาจะไม่ยอมรับว่าเขาผิดที่มีอะไรกับเรนเพราะเขาในตอนนั้นที่ทำเื่แบบนั้นลงไปไม่ได้ผิดอะไรเลย
“ที่กูอยากจะบอกมึงคือมึงต้องทำความเข้าใจในตัวกูใหม่เพราะกูไม่เคยเอาแฟนของมึง ไม่เคยสวมเขาให้มึง ไม่เคยเลยสักครั้ง กูไม่เคยหักหลังหรือแทงข้างหลังมึงเลย เื่ของกูกับเรนมันเกิดขึ้นก่อนที่มึงสองคนจะคบกันด้วยซ้ำ ตอนนั้นกูโสดเรนก็โสด มันเป็ความเต็มใจของพวกกูทั้งคู่ที่จะให้เื่แบบนั้นเกิดขึ้น มึงที่มาทีหลังไม่มีสิทธิ์มาเข้าใจว่ามันคือเื่ที่ผิด” เปลือกตาบางเริ่มกะพริบถี่ขึ้นเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่หัวตา ปากอิ่มเริ่มสั่นไหวจนร่างบางต้องเม้มมันเอาไว้
“...”
“กูเคารพในอดีตที่กูได้เลือกทำมันลงไปแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็เื่ที่ทำให้ชีวิตของกูในตอนนี้ดูผิดพลาดแค่ไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นได้โปรดเคารพอดีตของกูด้วย” เพราะเขาเองก็ไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมาแล้วได้
“...”
“ถ้ามึงจะผิดหวังในตัวกู เื่เดียวที่มึงผิดหวังได้คือเื่ที่กูไม่ยอมบอกมึงว่ากูเคยนอนกับเรนให้มึงรู้ก่อนที่ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มันจะมาไกลขนาดนี้ แต่มึงอย่าลืมนะปลื้มว่ากูเองก็มีสิทธิ์ที่จะบอกเื่ของตัวเองให้มึงรู้หรือไม่บอกก็ได้”
“...” มันก็จริงอย่างที่แทนพูด อีกคนมีสิทธิ์จะบอกหรือไม่บอกเื่ส่วนตัวของตัวเองให้เขารู้ก็ได้
“ส่วนเื่สองคนนั้นกูก็ไม่รู้เขามาได้อย่างไง กูจบกับพวกเขาไปตั้งนานแล้ว ั้แ่รู้จักกับมึงกูก็ไม่ได้กลับไปทำตัวแบบนั้นอีกเลย อึก” แทนหยุดพูดไปพักหนึ่งเมื่อมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรตีขึ้นมาบนอกของ “มึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้มันเป็เื่ของมึง”
“...”
“กูก็แค่...กูก็แค่อยากให้มึงถอนคำพูดที่บอกว่าไม่น่ามาชอบคนอย่างกูเลย กูไม่อยากให้มึงรู้สึกผิดพลาดที่มาชอบกู”
ไม่อยากให้การที่มาชอบคนอย่างเขาต้องกลายเป็เื่แย่ๆในชีวิตของอีกคน
“แทน...”
เอาอีกแล้วเพราะความปากพล่อยของเขาอีกแล้วที่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียใจ
ปลื้มกำมือของตัวเองแน่น เขาอยากจะต่อยตัวเองสักหมัดให้สาสมกับการที่ชอบพูดอะไรออกไปโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของคนฟัง สักแต่จะพูดเพื่อระบายอารมณ์ของตัวเอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่เขาพูดไปในวันนั้นมันจะไปตกเป็ตะกอนอยู่ในใจของคนฟังจนถึงวันนี้
“ถึงแม้ว่าหลังจากวันนี้เราจะกลายเป็แค่คนที่เคยรู้จักกัน แต่กู...ฮึก...แต่กูไม่อยากให้มึงมองกูด้วยสายตาแบบนั้น”
การที่ถูกคนที่เราแอบรักมาตลอดมองด้วยสายตาเหยียดหยามและผิดหวัง
แม่งโคตรเจ็บเลยนะเว้ย...