ครอบครัวของเมิ่งอู่ยากจนข้นแค้นยิ่ง เมื่อมารดาป่วยหนัก ย่าของนางจึงถือโอกาสรับเงินจากตระกูลหวังในหมู่บ้านด้วยหวังจะขายเมิ่งอู่ไปเป็สะใภ้
บุตรชายของตระกูลหวังมีนามว่าหวังสี่ซุ่น อายุปาเข้าไปยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังคงครองตัวเป็โสด
มิใช่เพียงเพราะรูปโฉมอัปลักษณ์ แต่อุปนิสัยยังชั่วช้าสามานย์ ยามเหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านเห็นเขาต่างพากันหลีกเลี่ยงไม่ต้องเอ่ยถึงการเป็ภรรยาของเขาเลย
ครั้งนี้นางเซี่ย มารดาของเมิ่งอู่ล้มป่วยจนได้แต่นอนอยู่บนเตียงมิอาจดูแลตัวเอง นางเหอผู้เป็ย่าจึงคิดจะยกนางให้แต่งงานออกไปนานแล้ว
เมื่อบุตรสาวถึงวัยออกเรือน ไฉนถึงยังเกาะครอบครัวกินอยู่เช่นนี้? ไม่รีบแต่งออกไปเล่า? นี่มิใช่ว่าสิ้นเปลืองข้าวปลาอาหารหรือ? ต้องทำงานหนักมากกว่าจะเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่เช่นนี้ก็สมควรรีบส่งไปอยู่กับครอบครัวอื่นเพื่อรับสินสอดทองหมั้นได้แล้ว
ยิ่งกว่านั้นบ้านสกุลหวังยังให้สินสอดมากกว่าบ้านอื่น นางเหอจึงไม่สนใจว่าหวังสี่ซุ่นเป็คนเช่นไร และมิได้จัดแจงแม้แต่พิธีวิวาห์ที่เรียบง่าย นางเพียงบอกกล่าวกับบ้านสกุลหวังไว้ล่วงหน้าว่าบ้านสกุลเมิ่งจะมิให้สินเดิมติดตัวนางไป ให้หวังสี่ซุ่นมารับเมิ่งอู่กลับไปร่วมหลับนอนก็ถือเป็อันเสร็จพิธี
วันนี้หวังสี่ซุ่นที่หื่นกระหายจึงมารับคนพร้อมความยินดีปรีดา และความคาดหวัง
ทว่าผลลัพธ์นั้นเกินกว่าจะคาดหมาย นางเหอเผอเรอจนเมิ่งอู่ปีนหน้าต่างหนีไปได้
หวังสี่ซุ่นจึงรีบร้อนออกไล่ตามร่องรอยของนาง
เวลานี้เที่ยงวันแล้ว แดดร้อนแรงกล้า ชาวบ้านที่ทำงานในทุ่งนาล้วนกลับเรือนไปกินข้าว บนถนนจึงมีผู้คนผ่านไปผ่านมาน้อยนัก
หวังสี่ซุ่นวิ่งไล่ตามออกมาก็เห็นเมิ่งอู่วิ่งอย่างเอาเป็เอาตายอยู่บนทางเล็กๆ ในหมู่บ้าน เขาจึงเร่งฝีเท้าตามติดอย่างไม่ลดละ
เมิ่งอู่ยังไม่ทันร้องขอความช่วยเหลือ หวังสี่ซุ่นที่วิ่งตามหลังมาก็ยกมือหนึ่งปิดปากนาง อีกมือหนึ่งรวบเอวนาง แล้วกระชากลากถูเข้าไปในทุ่งข้าวฟ่างข้างทาง
เมิ่งอู่พยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่เดิมทีนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว
หวังสี่ซุ่นหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยตุ่มหนองน่าขยะแขยง ิัเป็หลุมเป็บ่อ เมื่ออ้าปากเอ่ยวาจากลิ่นปากเหม็นฉุนโชยมา “ย่าของเ้าขายเ้าให้ข้าแล้ว เ้ายังคิดจะวิ่งหนีไปที่ใดอีกเล่า?”
เมื่อมาถึงขั้นนี้ หวังสี่ซุ่นไฉนเลยยังจะมีความอดทนที่จะพานางกลับเรือนเพื่อเข้าพิธีวิวาห์อีก เขาหมายมั่นว่าจะปลุกปล้ำนางที่ทุ่งข้าวฟ่างแห่งนี้เสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน
หลังนางตกเป็ของเขาแล้ว ถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาไปชั่วกาล!
ในฤดูนี้ข้าวฟ่างในนากำลังเจริญงอกงาม ความเขียวขจีแผ่กว้างใหญ่ไพศาล และแน่นขนัดไปทั่วบริเวณ
ทันทีที่เมิ่งอู่ถูกเขาฉุดลากเข้าไปก็เห็นเพียงสีเขียวจากกลุ่มใบไม้ไหวเอนนิดๆ ข้าวฟ่างเต็มรวงที่สุกงอมไหวไปมาราวกับมีสายลมกระโชกแรงพัดผ่าน เพียงครู่เดียวมันก็ปิดซ่อนเื่ราวที่กำลังเกิดขึ้นไว้อย่างมิดชิด
กระทั่งเข้าไปถึงทุ่งข้าวฟ่าง ส่วนลึกที่นั่นมีเพียงทุ่งข้าวฟ่างที่เชื่อมต่อกันเป็ผืนเดียว แม้เมิ่งอู่จะะโจนคอแตกก็ไม่มีผู้ใดได้ยิน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการมองเห็นเลย
หวังสี่ซุ่นกระชากเรือนผมของเมิ่งอู่อย่างแรงก่อนจะลากนางลึกเข้าไปในทุ่งข้าวฟ่างอย่างป่าเถื่อน แขนของเขามีรอยข่วนจนเืซึมอยู่สองสามรอย นี่ยิ่งทำให้ไฟแค้นและโทสะยิ่งพลุ่งพล่าน เขาผลักนางครั้งเดียวก็ล้มลงกับพื้น ก่อนจะกระโจนขึ้นคร่อมทับร่างของนาง
เสื้อผ้าของเมิ่งอู่หลุดลุ่ย ท่ามกลางความสิ้นหวัง นางคว้าก้อนดินแข็งๆ ก้อนหนึ่งจากพื้น จากนั้นฟาดเข้าที่หน้าผากของหวังสี่ซุ่นอย่างจังด้วยแรงทั้งหมดที่มี
หวังสี่ซุ่นถูกฟาดจนทั่วหน้าเปรอะเปื้อนดินโคลน บนหน้าผากยังมีของเหลวเหนียวๆ ติดอยู่ เมื่อเห็นเมิ่งอู่ลุกขึ้นจะวิ่งหนี เขาก็รีบคว้าข้อเท้านาง แล้วลากกลับมาทันควัน
หวังสี่ซุ่นใช้มือหนึ่งบีบคอนางไว้แน่น อีกมือพยายามจะดึงกางเกงของนางลง กล่าวด้วยท่าทางชั่วช้าสามานย์ว่า “ไม่รู้ดีชั่ว! ประเดี๋ยวข้าจะดูว่าเ้าจะร้องขอความเมตตาอย่างไร!”
ดวงหน้าของเมิ่งอู่แดงก่ำรู้สึกหายใจไม่ออก รูม่านตาของนางค่อยๆ พร่ามัว สูญเสียทั้งประกายและความมีชีวิตชีวา
ทว่าหวังสี่ซุ่นกลับมุ่งแต่จะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเ่าั้
หวังสี่ซุ่นจ้องมองนางด้วยสายตาหื่นกระหายอีกครา เขากำลังจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดเรือนร่างของนางออก ทันใดนั้นก็มีก้อนดินเย็นๆ แข็งๆ พุ่งออกมาจากหลังพุ่มข้าวฟ่างเขียวขจี แล้วปะทะหลังมือของหวังสี่ซุ่นอย่างแม่นยำ
หวังสี่ซุ่นรู้สึกเ็ปจึงรีบชักมือกลับก่อนมองไปรอบๆ ด้วยความระแวง แล้วะโถามว่า “ใครกัน?!”
ภายในทุ่งข้าวฟ่างเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัดโชย ปราศจากเสียงตอบรับ
เขารออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นสิ่งผิดปกติก็หมดความอดทน เริ่มปลดกางเกงของตนออก
ทว่าขณะนั้นเองจู่ๆ ข้อมือของเขาก็ถูกมือหนึ่งจับไว้แน่น
มือข้างนั้นของเขายังคงบีบคอของเมิ่งอู่แน่น ยังไม่ทันที่เขาจะตอบสนอง มองเห็นเพียงเมิ่งอู่ที่ดูเหมือนไร้สติยกมือขึ้นบีบข้อมือของเขากะทันหัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระดูกหัก
ความเ็ปแสนสาหัสแล่นปราดไปทั่วร่างจนหวังสี่ซุ่นทนไม่ไหว ได้แต่กุมมือตนเองเอาไว้พลางส่งเสียงโหยหวนปานสุกรถูกเชือด
เวลานี้เมิ่งอู่ลืมตาขึ้นแล้ว แววตาทั้งคู่ของนางกลับมาแวววาวดุจเดิม แต่ในั์ตาคู่นั้นเปี่ยมด้วยความสุขุมสงบนิ่ง และกระหายเื
ต่างจากเมิ่งอู่ที่สิ้นหวังและอับจนหนทางเมื่อครู่ ราวกับเป็คนละคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้