หลินฟู่อินหัวเราะตอบ “เถ้าแก่เมิ่งลงโทษบ่าวที่ทำผิด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์ออกปาก ฟู่อินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเ้าค่ะ”
ความหมายของนางก็คือ ก็ไม่ได้มีอะไรให้พอใจหรือไม่พอใจนี่ เ้าลงโทษลูกกะจ๊อกของตัวเองเพราะทำผิดอยู่แล้ว ส่วนไอ้ที่ชดเชยให้ข้านี่ถือเป็ทางผ่าน
ข่าวดีคือหลินฟู่อินได้ยินเื่นายท่านผู้เฒ่าที่เมิ่งจวิ้นกับผู้ดูแลฮวาพูดถึงมาเล็กน้อย นางไม่พลาดความเป็ศัตรูที่เผยออกมาชั่วแวบหนึ่งในตอนที่ผู้ดูแลฮวากล่าวถึงนายท่านผู้เฒ่า
เหอะๆ เกรงว่าผู้ดูแลฮวาคงจะเป็แค่เหยื่อจากการงัดข้อระหว่างเมิ่งจวิ้นกับนายท่านผู้เฒ่ากระมัง
ตระกูลใหญ่พวกนี้นี่ต้องมีเื่ซับซ้อนกันทุกบ้านเลยใช่หรือไม่?
ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็ต้องขอบคุณเมิ่งจวิ้นที่ชดเชยให้นาง
สุดท้ายเมิ่งจวิ้นก็ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น
แต่คนที่มุงอยู่ไม่รู้เื่ด้วย ต่างก็พากันชื่นชมบ้านของเถ้าแก่เมิ่งที่ตรงไปตรงมามีความยุติธรรม ลงโทษคนผิดอย่างสาสมโดยไม่มีความเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย
“คุณชายขอรับ ลงโทษผู้ดูแลฮวาเรียบร้อยแล้ว คนหมดสติไปขอรับ” ผู้ติดตามของเขาเดินเข้ามารายงาน
เมิ่งจวิ้นพยักหน้า หันไปมองหมอหลี่แล้วประสานมือ "ทางนี้คือท่านหมอหลี่ บ่าวของข้าถูกลงโทษแล้ว หวังว่าท่านหมอหลี่จะช่วยรักษาอาการาเ็ให้ด้วย"
หมอหลี่ผายมือ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบผู้ดูแลฮวา แต่ตอนนี้อีกฝ่ายคือคนเจ็บ คนเป็นายก็ขอให้เขาไปช่วยรักษาอาการ จึงไม่มีเหตุผลให้ไม่ไป
“แม่นางหลิน ผู้ดูแลฮวาถูกลงโทษแล้ว เรามาคุยเื่ค่าชดเชยกันดีกว่า ข้าไม่รู้ว่าแม่นางหลินมีคำขอเื่อันใดอีกหรือไม่” เมิ่งจวิ้นถามหลินฟู่อินด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เทียบกับวิธีจัดการปัญหาแล้วก็ถือว่าย้อนแย้งทีเดียว
หลินฟู่อินส่ายศีรษะ “ในเมื่อผู้ดูแลฮวาถูกลงโทษแล้ว ข้าก็พอใจแล้วเ้าค่ะ ไม่้าการชดเชยอะไรอีก”
สำหรับจุดจบของผู้ดูแลฮวา หลินฟู่อินก็พอใจมากจริงๆ ค่าชดเชยที่เมิ่งจวิ้นกล่าวมานั้นนางไม่สนใจ
เื่นี้นับว่าหาได้ยากจริงๆ
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินปฏิเสธ เมิ่งจวิ้นก็ประหลาดใจ เขายิ่งพบว่าแม่นางหลินคนนี้น่าสนใจมากขึ้นทุกที
ไม่ทราบหรือว่าเขาทั้งร่ำรวยทั้งมีอำนาจ?
หากรู้แล้วเหตุใดจึงได้ยอมทิ้งโอกาสเรียกร้องค่าชดเชยจากคนมีอำนาจเช่นเขาได้กัน?
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและยิ้ม “ขอบคุณแม่นางที่อดกลั้นด้วย!”
จากนั้นก็มองผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีสกุลเจียงด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ลูกค้าท่านนี้ คุณชายผู้นี้ได้ยินสิ่งที่ท่านหมอหลี่กล่าวแล้ว ในเมื่อท่านป่วยเพราะอาหารของภัตตาคารเยว่เค่อของเรามันเยิ้มเกินไปจนปวดท้อง ในฐานะเถ้าแก่ภัตตาคารเยว่เค่อย่อมต้องชดเชยให้ท่าน”
คนร่ำรวยเ้าของภัตตาคารเยว่เค่อที่มีสาขาทั่วต้าเว่ยเป็ผู้กล่าวว่าจะชดเชยให้เขาด้วยตัวเอง ผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีสกุลเจียงจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที
เขา้าสร้างความประทับใจให้แก่เถ้าแก่หนุ่มผู้นี้ อย่างไรเสียตัวเขาเองก็เป็พ่อค้าคนหนึ่งเช่นกัน จึงกล่าวอย่างตะกุกตะกัก "เถ้า… เถ้าแก่ ไม่จำเป็ ไม่จำเป็เลย เพียงแค่คำพูดของท่านก็พอ... พอแล้ว!"
“นี่ เช่นนี้มิได้ เื่ครานี้ฝ่ายข้าทำผิด สมควรชดใช้ค่าเสียหาย” เมิ่งจวิ้นหัวเราะเสียงทุ้มแล้วหันไปหาชายหนุ่มอีกคนในชุดดำแล้วพูดว่า "เอาเงินจำนวนแปดร้อยแปดสิบแปดตำลึงเงินออกมา"
"มิกล้า มิกล้า!" ผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีสกุลเจียงปฏิเสธทันที จำนวนนี้มากเกินไป เป็เื่ใหญ่เกินไปแล้ว!
เมิ่งจวิ้นยิ้มแต่สายตากลับหันมามองหลินฟู่อินแวบหนึ่ง แล้วหันไปหาผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีอีกครั้ง “ขอให้บ้านเถ้าแก่เจียงเงินทองไหลมาเทมา"
หลินฟู่อินหลุบตาลงเล็กน้อย เถ้าแก่เมิ่งผู้นี้ตลกจริงๆ ก็แค่ให้เงินชดเชยผู้อื่นก้อนใหญ่หน่อยแล้วจะหันมามองนางเพื่ออะไร?
หากนางไม่้าก็คือไม่้า จะมาเสียใจที่ไม่ได้ค่าชดเชยจากเขาทำไม?
ดูถูกนาง หลินฟู่อินผู้นี้เกินไปแล้ว!
“เถ้าแก่เมิ่ง ท่านให้คำอธิบายแก่ฟู่อินแล้ว อย่างไรเสียท่านก็คงยุ่งมาก ข้าขอไม่รบกวนท่าน” หลินฟู่อินเผยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบ เอ่ยลาด้วยน้ำเสียงสงบ
เมิ่งจวิ้นรู้อย่างชัดเจนว่ารอยยิ้มของหลินฟู่อินเป็เพียงการเสแสร้ง แต่ดวงตาเขาก็ยังสั่นไหว ชายหนุ่มลดสายตาลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เอนกายเข้าหาหลินฟู่อินแล้วกระซิบเสียงเบาที่ข้างหู “แม่นางหลิน เื่ผู้ดูแลฮวานี้ข้าจัดการให้ท่านแล้ว แต่ทางฝั่งของนายน้อยสามของรองเ้าเมืองเจียงผู้นั้นท่านต้องหาทางจัดการเอง”
หลินฟู่อินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเถ้าแก่เมิ่งที่ช่วยเตือนเ้าค่ะ ฟู่อินทราบแล้ว ตอนนี้ขอตัวก่อน ไม่รบกวนเวลาส่วนตัวท่านแล้ว”
คุณชายเมิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ก่อนจะประสานมืออย่างสุภาพ "แม่นางหลิน โปรดรักษาสุขภาพด้วย"
หลินฟู่อินพยักหน้าแล้วพูดกับเถ้าแก่หลิวและหลิวฉิน "ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ"
เถ้าแก่หลิวและหลิวฉินพยักหน้า สองพ่อลูกกล่าวลาเมิ่งจวิ้นอย่างสุภาพ อีกฝ่ายยังคงสุภาพอ่อนโยนทำให้ผู้อื่นยากจะหาจุดผิดพลาด แต่ก็ทำให้ยากจะมองทะลุเช่นกัน
เมื่อหลินฟู่อินเดินผ่านหลี่อี้ นางก็เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ แล้วขอให้เขาช่วยแจ้งหมอหลี่ว่านางขอตัวกลับก่อน
“ได้ กลับไปก่อนเถอะ ข้าจะรออาจารย์ก่อน” หลี่อี้พยักหน้าและถามด้วยท่าทางเป็กังวล “ฟู่อิน เ้าไม่เป็ไรจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“พี่หลี่อี้วางใจเถอะ ข้าสบายดีเ้าค่ะ” หลินฟู่อินหัวเราะแล้วดึงมือหลินฟางที่ใบหน้าแดงก่ำจากไป
เมิ่งจวิ้นหมุนกายมองตามแผ่นหลังของหลินฟู่อินที่เดินจากไป หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย
น่าสนใจ!
เมื่อสองพี่น้องเดินมาได้สักพัก หลินฟู่อินก็หันไปหาหลินฟาง ชี้แก้มอีกฝ่ายที่ขึ้นสีระเรื่อ “เหตุใดจนป่านนี้พี่ก็ยังหน้าแดงอยู่อีกเล่า?”
หลินฟางผงะ ยกมือแตะแก้มตัวเอง มองหลินฟู่อินด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย “ข้าก็แค่คิดว่า… เถ้าแก่สกุลเมิ่งนั่นหน้าตาดีเสียจริง!”
“อะไรกัน พี่ชอบเขาหรือ?” หลินฟู่อินมองนางด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แม้ว่าเมิ่งจวิ้นจะดูดี แต่ก็ยังไม่เท่าหวงฝู่จินอยู่ดี
แน่นอนว่าหวงฝู่จินยังนิสัยใจคอดีกว่า เป็คนที่ดูสว่างไสวสดใส…
“ฟู่อินพูดอะไรกัน? เด็กบ้านนอกอย่างข้าจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?”หลินฟางถอนใจยาวเหยียด นางรู้สึกต่ำต้อยกว่า ที่มาของนางคือที่นี่ กระทั่งต่อหน้าหลิวฉินนางยังไม่กล้าเดินเสมอเขา เอาแต่รู้สึกว่าตนต่ำต้อยกว่าตลอดเวลา
“นี่ ที่มาของคนผู้หนึ่งไม่ใช่ตัวตัดสินหรอกนะ อนาคตต่างหากที่จะเป็ตัวตัดสินเรา อย่างเมิ่งจวิ้นคนนั้น อีกหน่อยอาจตกหลุมรักสาวชาวบ้านอย่างพี่ก็ได้ใครจะรู้” หลินฟู่อินหัวเราะ
นางเรียนรู้มาแล้ว พวกท่านอ๋องแม่ทัพทั้งหลายนั่นจะสูงส่งกว่าพวกเาาวบ้านสักเท่าไรกันเล่า?
ตราบใดที่นางทำงานหนัก มีทักษะและโชคลาภ นางเชื่อว่าสตรีเองก็สามารถโดดเด่นขึ้นมาในสังคมศักดินาที่แทบจะกัดกินเนื้อคนได้
คำพูดของหลินฟู่อินนี้หลินฟางไม่ได้เก็บเอาไปคิดมาก ถือว่ามันเป็คำปลอบใจเท่านั้น ก่อนจะกล่าว “เถ้าแก่เมิ่งใบหน้ายิ้มแย้มแต่จิตใจโเี้นัก! ถึงกับสั่งโบยผู้ดูแลฮวานั่นไปห้าสิบไม้!”
หลินฟู่อินยิ้ม ไม่ตอบคำ
ห้าสิบไม้นั่นไม่ได้โหดร้ายที่สุด สิ่งที่โหดร้ายที่สุดคือการส่งทั้งครอบครัวไปยังเหมืองเหล็กเหมยซานต่างหาก!
เห็นที่ผู้ดูแลฮวาหวาดกลัวขนาดนั้น ก็พอทราบได้ว่าเหมืองเหล็กเหมยซานย่ำแย่เพียงใด
แต่เื่นี้ไม่ใช่ความผิดนางเสียหน่อย คนผิดคือเ้านายของอีกฝ่ายที่อยากกำจัดเขาต่างหาก นางไม่ได้รู้สึกกดดันสักนิด
หลินฟู่อินยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่าวันนี้อารมณ์ดียิ่งนัก ยิ่งแตะกล่องไม้ในแขนเสื้อ คิ้วก็ยิ่งขยับอย่างมีความสุข
“เห็นเ้าคนสกุลฮวาเจอจุดจบเช่นนี้ ข้าละดีใจจริงๆ!” หลินฟางยิ้มกริ่ม จากนั้นก็ชี้แผงขายของกระจุกกระจิกข้างทาง “ฟู่อิน วันนี้ข้าอารมณ์ดีจัง ไปเที่ยวเล่นซื้อของซื้อแป้งชาดก่อนกลับบ้านกันเถอะ”
หลินฟู่อินรู้สึกว่าความคิดนี้ดีจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“อ้าว มิใช่แม่นางหลินหรอกหรือ?” หลินฟู่อินจูงมือหลินฟางเพื่อดูร้านรวงตามถนน ก็มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินข้ามฝั่งมาทักทายพร้อมรอยยิ้มพอดี
พอหลินฟู่อินเงยหน้าขึ้นมองก็ประหลาดใจ นั่นมิใช่นายหน้าเมิ่งหรอกหรือ?
นางกำลังอยากซื้อที่นาอยู่พอดี กำลังคิดว่าจะหาเวลาเดินทางไปพบนายหน้าเมิ่ง ไม่คิดว่าวันนี้จะมาพบเขาเสียได้
“เป็ท่านเมิ่งนี่เอง” หลินฟู่อินทักทายด้วยรอยยิ้ม
“แม่นางทั้งสองมาซื้อของหรือขอรับ?” ก่อนหน้านี้นายหน้าเมิ่งทำเงินจากหลินฟู่อินได้มากทีเดียว แน่นอนว่าย่อมต้องสุภาพต่อนาง พอเห็นสองพี่น้องจับมือกันดูสินค้าตามร้านแผงลอยก็เป็ต้องเดินเข้ามาเอ่ยทักทายเสียหน่อย
“เ้าค่ะ มาซื้อของไปเล่นกัน” หลินฟู่อินหัวเราะ ดูม้วนกระดาษในมืออีกฝ่ายแล้วถามว่า “ท่านเมิ่งติดธุระอยู่หรือเ้าคะ?”
ม้วนกระดาษในมือของนายหน้าค้าที่ดิน หากไม่ใช่แผนผังอาคารร้านค้าก็มักเป็สถานที่ตั้งหรือที่นาอยู่แล้ว
ดังนั้นหลินฟู่อินจึงเอ่ยถามเมื่อเห็นกระดาษในมือเขา
“อา เื่นี้ที่จริง่นี้ข้าไม่ได้มีธุระอะไรขอรับ หากยุ่งหน่อยคงจะดีเสียกว่า” นายหน้าเมิ่งสายหน้าอย่างอับจน
หลินฟู่อินหัวเราะก่อนจะพูด "จริงสิ ข้า้าซื้อที่ดิน อยากจะขอให้ท่านเมิ่งช่วยให้คำแนะนำเ้าค่ะ"
พอได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน เขาก็โยนเื่อื่นทิ้งทันที นายหน้าเมิ่งอารมณ์ดีขึ้นทันควัน แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังไม่น่ามีที่ดินที่เหมาะกับหลินฟู่อินอยู่ในมือ
หลินฟู่อินเห็นเขาทำท่าเช่นนี้ก็กล่าวยิ้มๆ “อะไรกันเ้าคะ? ตอนนี้ท่านเมิ่งไม่มีคนที่คิดอยากขายที่นาหรือเ้าคะ?”
ทันทีที่นายหน้าเมิ่งคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็พูดว่า "แม่นางหลิน ในเมื่อท่าน้าซื้อที่ดิน จะมายืนคุยกันกลางถนนเช่นนี้ก็คงไม่ดีนัก ด้านหน้านี้มีโรงน้ำชาอยู่ ค่อนข้างเงียบสงบทีเดียว ไปนั่งคุยที่นั่นเป็อย่างไรขอรับ?”
หลินฟู่อินคิดว่าเข้าท่าดี ดังนั้นนางจึงเห็นด้วย
ทั้งสามคนไปที่โรงน้ำชาด้านหน้าเพื่อหาที่นั่งคุยกัน
นายหน้าเมิ่งรินน้ำชาให้หลินฟู่อินและหลินฟางด้วยตัวเอง และพูดกับหลินฟู่อินตรงๆ ว่า “ข้าไม่ปิดบังพวกท่าน ตอนนี้ข้ามีการค้าใหญ่อยู่ในมือที่ไม่อาจปล่อยได้สักพัก” เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ข้าดูการค้าใหญ่นี้มาหลายวันแล้ว แต่คนที่คิดอยากซื้อที่ก็เห็นว่าที่ดินผืนนี้ใหญ่เกินไป”
เขาพูดอย่างนี้ หลินฟู่อินจึงสนใจมาก รีบถามทันที “ใหญ่เพียงใดเ้าคะ?”
ที่จริงนายหน้าเมิ่งไม่คิดว่าหลินฟู่อินจะซื้อมันด้วยซ้ำ ด้วยคิดว่านางถามด้วยความอยากรู้เท่านั้น อย่างไรเขาก็เหนื่อยใจอยู่แล้ว จึงพูดออกมา “แม่นางยังจำเจียงฮูหยินได้หรือไม่?”
“เ้าค่ะ แน่นอนว่าจำได้ ข้าซื้อบ้านจากนางนี่” หลินฟู่อินพยักหน้า เห็นว่านายหน้าเมิ่งคงไม่พูดถึงเจียงฮูหยินขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล นางจึงเลิกคิ้วแล้วถาม “หรือจะเป็การค้าขายของเจียงฮูหยินอีกเ้าคะ?”
นายหน้าเมิ่งพยักหน้า "ขอรับ เพราะเจียงฮูหยินไว้วางใจ นางจึงได้มอบที่นาอุดมสมบูรณ์อีกห้าร้อยกว่าหมู่ ยังมีที่ดินเปล่าอีกสองร้อยกว่าหมู่ให้ข้าช่วยขายให้"
ที่ดินห้าร้อยกว่าหมู่กับสองร้อยกว่าหมู่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ไม่แปลกใจที่นายหน้าเมิ่งจะลำบากใจ
หลินฟู่อินคิดถึงเงินหมื่นกว่าตำลึงเงินที่ถืออยู่ ทันใดนั้นนางก็อยากซื้อที่ทั้งหมดขึ้นมา
“ท่านเมิ่ง ที่ดินพวกนั้นอยู่ที่ไหนหรือเ้าคะ” เด็กหญิงถาม
“อยู่ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้านหูลู่ของท่านขอรับ ชื่อว่า… หมู่บ้านต้าซู่”นายหน้าเมิ่งส่ายหัวและถอนหายใจ “เพราะไกลเช่นนี้เองลูกค้าหลายท่านที่สามารถซื้อได้ก็ไม่อยากจะซื้อ ส่วนคนที่ซื้อไม่ไหวก็เพราะมันใหญ่เกิน เจียงฮูหยินเองก็อยากจะขายด้วยวิธีดั้งเดิม คือขายให้ลูกค้าคนเดียวทีเดียวทั้งหมดเลย”
หลินฟู่อินรู้สึกว่าข้อกำหนดของเจียงฮูหยินแปลกมากเช่นกัน คนมักจะขายที่ดินทั้งผืนทีเดียว น่าสนใจยิ่งนัก
“ราคาล่ะเ้าคะ?” หลินฟู่อินถาม
“อันที่จริงตรงนั้นเป็เขตชนบทขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่ดินห้าร้อยหมู่ข้าไปดูกับตามาแล้ว ที่ดินดีมากทีเดียว อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก! พื้นที่กว้างขวาง มีแม่น้ำไหลผ่าน ทั้งปีไม่มีแห้งแล้ง กระทั่งฤดูน้ำหลากก็น้ำไม่ท่วม หายากยิ่งนัก!” นายหน้าเมิ่งพูดโอ้อวดข้อดีออกมาก่อน
พอเห็นประกายริษยาในดวงตา หลินฟู่อินก็ทราบว่าที่ดินตรงนั้นคงดีมากจริงๆ
“แม่นางหลิน คือราคามันแพงจริงๆ” นายหน้าเมิ่งหัวเราะ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้วให้หลินฟู่อินดู “สิบห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งหมู่!”
อันที่จริงราคาสิบห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งหมู่ ที่ดินติดแหล่งน้ำ ไม่แห้งแล้งและไม่มีน้ำท่วม ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย
ทั้งยังมีชนบทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย
“หากแม่นางหลินมีเงิน ข้าก็อยากให้ท่านซื้อนะขอรับ เจียงฮูหยินต้องยินดีแน่นอน ท่านผู้นั้นมักคาดหวังให้ผู้รับ่ต่อที่ดินเป็คนเดิม” นายหน้าเมิ่งมองหลินฟู่อินอีกครั้ง ลอบคิดในใจว่าหลินฟู่อินกับเจียงฮูหยินมีวาสนาต่อกันจริงๆ
หลินฟู่อินยิ้ม “ท่านเมิ่งอย่าพูดยืดเยื้อเลย ข้าอยากซื้อมันจริงๆ เ้าค่ะ"
นายหน้าเมิ่งกำลังยกถ้วยจิบชาอยู่ พอได้ยินหลินฟู่อินกล่าวว่าอยากจะซื้อ คนก็ลุกพรวดพราดจนชาแทบหกออกมา
“ข้าหยาบคายแล้ว หยาบคายจริงๆ…” นายหน้าเมิ่งเอาแขนเสื้อเช็ดปากด้วยท่าทีขายหน้า จากนั้นก็มองหลินฟู่อินที่ยังคงยิ้มแล้วถาม “แม่นางหลินพูดจริงหรือขอรับ?”
“หากที่ดินตรงนั้นดีจริง ข้าก็พูดจริงเ้าค่ะ” หลินฟู่อินหัวเราะ
สายตาของนายหน้าเมิ่งเต็มไปด้วยความปีติยินดี แต่เมื่อคิดถึงพื้นที่แห้งแล้งอีกสองร้อยหมู่ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย พอคิดดูแล้วก็พูดกับหลินฟู่อิน “แต่ว่าแม่นางหลินขอรับ ที่ดินจุดที่ดีก็ดีจริงๆ แต่ที่ดินอีกจุดหนึ่งที่ว่างเปล่านั่นท่านไม่ติดใจหรือขอรับ?”
“ที่ดินจุดนั้นราคาเท่าไรเ้าคะ?” หลินฟู่อินถาม
ที่จริงต่อให้ที่ดินจุดที่มีปัญหานั้นจะราคาแพง แต่เพื่อที่ดินห้าร้อยกว่าหมู่นั่นนางก็ยินดีซื้อ
แต่ในสายตาของนาง นางรู้สึกว่าเจียงฮูหยินไม่ใช่คนที่จะโก่งราคาอะไร
“ที่ดินจุดนั้นไม่แพงขอรับ สองร้อยห้าสิบเจ็ดหมู่ หนึ่งพันตำลึงเงิน หนึ่งหมู่ตกราคาไม่ถึงสี่ตำลึงเงิน” นายหน้าเมิ่งมองหลินฟู่อินอย่างระมัดระวัง
ถึงดูไปแล้วหลินฟู่อินจะไม่เหมือนคนที่ควักเงินเกือบหมื่นตำลึงออกมาได้ แต่ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนเขาก็พลาดจุดนี้ไปหรอกหรือ?
ดังนั้นครั้งนี้นายหน้าเมิ่งจึงมีความคาดหวังในตัวเด็กสาวอยู่
สิ่งที่หลินฟู่อินคิดก็คือพื้นที่แห้งแล้งตรงนี้ราคาไม่ถึงสี่ตำลึงเงินต่อหนึ่งหมู่ ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว
ที่นาเหล่านี้รวมกันแล้วไม่ถึงหมื่นตำลึง สามารถใช้เงินที่เถ้าแก่หลิวเพิ่งจะมอบให้มาซื้อได้พอดี
ตอนนี้นางรับปากเถ้าแก่หลิวแล้วว่าจะเปิดภัตตาคารหลิวจี้ที่ชิงเหลียนร่วมกับหลิวฉิน ที่ดินที่ได้มาพวกนี้เหมาะแก่การเพาะปลูก ถึงเวลานางก็เอาผักที่ได้ส่งไปให้ภัตตาคารที่ชิงเหลียนโดยตรง จะไม่ดีตรงไหนกัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งงดงาม หลินฟู่อินจึงหยิบถ้วยชาขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะวางลงแล้วมองหน้านายหน้าเมิ่งที่ดูวิตกกังวลแล้วแย้มยิ้ม “ข้าคิดว่าราคานี้ยอมรับได้เ้าค่ะ ลงตัวแล้ว ข้าจะซื้อทั้งหมดเอง”
นางกล่าวว่าจะซื้อทั้งหมดหรือ? นายหน้าเมิ่งไม่รู้สึกตัวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหัวเราะจนเห็นฟันแล้วประสานมือให้หลินฟู่อิน “แม่นางหลินช่างตัดสินใจได้ดียิ่งนัก! ข้าจะเล่าเื่ที่ดินแปลงนี้ให้ท่านฟังขอรับ ข้าบังเอิญมีแผนที่ติดมาด้วยพอดี…”
ที่จริงเขายังไม่เชื่อเลยว่าเด็กตัวเล็กๆ แค่นี้จะจ่ายเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเงินออกมาได้ง่ายๆ แต่เห็นสีหน้าจริงจังของหลินฟู่อินแล้วดูไม่คล้ายล้อเล่น เขาจึงตัดสินใจเชื่อนางอีกครั้ง
นายหน้าเมิ่งชี้จุดที่ตั้งของที่ดินให้หลินฟู่อินดู เด็กสาวมองที่ดินบนแผนที่แล้วก็รู้สึกว่าดีมาก
แม้พื้นที่เปล่าจะธรรมดา แต่ก็ยังมีบ่อน้ำเล็กๆ อยู่ตรงกลาง แหล่งน้ำก็ดีมาก ถึงแม้คุณภาพดินจะไม่ได้ดีมากก็ตามที
แต่เื่คุณภาพดินนั่นนางไม่กลัว เพราะยังสามารถปรับปรุงดินได้
“กล่าวตามตรงนะขอรับแม่นางหลิน ที่ดินที่ท่านซื้อจากเจียงฮูหยินนี้คุ้มค่าแน่นอน! เจียงฮูหยินยังมอบชาวไร่หลายคนบนที่นาเหล่านี้ให้ผู้ซื้อด้วย และก็ยังมียุ้งฉางหลายสิบแห่งที่สร้างเอาไว้ น่าจะพอเดาได้นะขอรับว่าให้ผลผลิตดีเพียงใด?” นายหน้าเมิ่งร่ายผลประโยชน์ให้หลินฟู่อินฟัง
หลินฟู่อินถามอย่างสงสัย “ในเมื่อที่ดินของเจียงฮูหยินดีมาก เหตุใดจึงขายไม่ได้เ้าคะ? ระยะทางไม่น่าจะเป็ปัญหา อย่างไรก็มีชาวไร่เดิมอยู่แล้ว ก็ไม่น่าเป็ห่วงกระมัง?”
“แม่นางหลิน ท่านไม่รู้อะไร คนทั่วไปล้วนไม่อาจจับเงินถึงหมื่นตำลึง! หมื่นตำลึงเงินเลยนะขอรับ” นายหน้าเมิ่งสูดลมหายใจก่อนจะมองรอบกายแล้วพูด “ต่อให้มีเสือซุ่มัซ่อนในชิงหยางก็ไม่อาจเอาเงินมากกว่าจำนวนนี้ออกมาได้ง่ายๆ”
หลินฟู่อินมองนายหน้าเมิ่งที่ทำท่ายกสิบนิ้ว
ตอนนี้นางจึงได้หัวเราะในใจ ใช่แล้ว ่หลังนางกับหลิวฉินขายถั่วปากอ้าสดกับถั่วงอกจนทำเงินได้มากมาย จึงคิดว่าเงินหามาได้ง่ายๆ
“โอ ยังมีเจียงฮูหยิน อย่าให้ข้าเปิดเผยเื่ของผู้ที่ไม่ตกลงใจซื้อเลยขอรับ เจียงฮูหยินกล่าวว่าคนที่อยากซื้อของของท่านก็สมควรจะ้าซื้อจริงๆ ในเมื่อท่านวางใจฝากฝังข้า ข้าย่อมไม่อาจผิดต่อความ้านั้นได้” นายหน้าเมิ่งอธิบายด้วยรอยยิ้มแหย
ยิ่งหลินฟู่อินได้ยินก็ยิ่งรู้สึกว่าเจียงฮูหยินเป็คนที่น่าสนใจจริงๆ “ที่เจียงฮูหยินพูดมาก็ถูกเ้าค่ะ”
นายหน้าเมิ่งไม่รู้ความหมายของหลินฟู่อิน แต่ขอเพียงอีกฝ่าย้าซื้อก็พอแล้ว เขารีบถาม “แม่นางหลินจะไปทำโฉนดเมื่อไรขอรับ?”
“โอ พรุ่งนี้ก็ได้เ้าค่ะ คงต้องขอให้ท่านเมิ่งช่วยมาที่บ้านข้าในวันพรุ่งนี้เสียแล้ว” หลินฟู่อินพูดด้วยท่าทีสบายๆ
อย่างไรตอนนี้ก็มีเงินเพียงพอ รีบจัดการให้เสร็จดีกว่า
“ขอรับ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะนำโฉนดไปให้ที่บ้านของแม่นางหลิน ประเดี๋ยวข้าจะไปออกโฉนดที่เขตใหม่นะขอรับ” นายหน้าเมิ่งหรี่ตาอย่างมีความสุข แม่นางน้อยตรงหน้าเขา หลินฟู่อินผู้นี้สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ออกมาได้จริงๆ
พอคิดแล้วเขาก็รีบหยิบลูกคิดเล็กออกมาคำนวณ “แม่นางหลิน มาคำนวณราคากันขอรับ ที่ดินห้าร้อยแปดสิบสามหมู่ หมู่สิบห้าตำลึงเงิน กับสองร้อยห้าสิบเจ็ดหมู่ทั้งหมดหนึ่งพันตำลึงเงิน รวมทั้งหมดเป็เก้าพันเจ็ดร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงิน”
หลินฟู่อินคำนวณในใจอีกครั้งก็พบว่าถูกต้อง
“จำนวนถูกต้อง ไม่ทราบว่าข้าต้องจ่ายเงินก้อนนี้กับผู้ใดหรือเ้าคะ” หลินฟู่อินถาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้