"ท่านแม่ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว"
เฉียวเยว่ออกจากบ้านไปหลายวัน ยามกลับมาถึงจวนยังรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีไว้ได้ แต่พอมาถึงเรือนสามเท่านั้นก็กลับไปเป็ตัวเองแทบไม่ทัน
ไท่ไท่สามตื่นเต้นดีใจมาก ไม่นึกว่าพวกเขาจะกลับมาก่อนกำหนด
นางวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว กอดบุตรสาวของตนเองไว้ในอ้อมแขน หลังจากนั้นก็หันไปกอดฉีอัน ขอบตาแดงด้วยความดีใจ "ไยพวกเ้ากลับมาก่อนกำหนดเล่า?"
นางประหลาดใจมากจริงๆ
เฉียวเยว่ยิ้มหวาน "ก็พวกเราคิดถึงท่านแม่ ถึงรีบกลับมา"
"ท่านแม่คิดถึงพวกเราหรือไม่?" นางถามแกมหยอกเย้า
"คิดถึงอะไรกันเล่า พวกเ้าสองคนกลับมาก็ก่อเื่วุ่นวายให้เรือนสาม ข้าจะคิดถึงพวกเ้าไปไย?"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่กลับซ่อนเร้นความยินดีบนสีหน้าไม่อยู่
"ไหนแม่ดูซิ มาให้แม่ดูว่าพวกเ้าสูงขึ้นหรือไม่" ไท่ไท่สามกล่าว
เฉียวเยว่หัวเราะลั่น ไปแค่กี่วัน จะสูงขึ้นได้อย่างไร แต่นางก็ปล่อยให้มารดาตรวจสอบ อย่างไรเสียคนเป็แม่ย่อมเป็ห่วงบุตรชายบุตรสาวที่สุด
ไท่ไท่สามส่งสารไปแจ้งซูซานหลาง หลังจากนั้นก็กล่าวว่า "พวกเ้ากลับมาไม่บอกไม่กล่าวสักคำ"
เอ่ยถึงเื่นี้ เฉียวเยว่ก็มีถ้อยคำต้องบอก "ท่านลุงบอกว่าทำเช่นนี้ท่านจะได้ประหลาดใจ" นางพูดทันที
ไท่ไท่สามมองพี่ชายของตนเอง จากนั้นก็หัวเราะออกมา "ก็ประหลาดใจอยู่นี่อย่างไรเล่า แต่แค่ประหลาดใจไม่ยินดีเท่าไร" นางเว้นจังหวะชั่วขณะหนึ่ง แล้วเอ่ยอีกว่า "พวกเขาซนเกินไป ไม่กลับมาถึงจะดี"
ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ
เฉียวเยว่ไหนเลยจะเชื่อ นางหัวเราะออกมา แล้วทำเสียงเข้ม "ท่านแม่ทำเช่นนี้ข้าจะไปอยู่บ้านท่านตาแล้วนะ อย่าเสแสร้งหน่อยเลย ข้ารู้ ท่านชอบข้า ชอบจนไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว"
ดูเอาเถอะ มั่นใจตนเองถึงเพียงนี้
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่นาง แต่ก็อดขำออกมาไม่ได้
สองพ่อลูกสกุลฉีไม่ได้อยู่ที่นี่ หลังจากไปเรือนหลักมอบของขวัญให้ฮูหยินผู้เฒ่าเรียบร้อย ก็ลากลับอย่างรวดเร็ว
"พวกเ้าควรรั้งพวกเขาอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย
"ท่านตากับท่านลุงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ให้พวกเขากลับไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนเร็วหน่อยดีกว่าเ้าค่ะ แท้จริงแล้วการอยู่ข้างนอกแม้ว่าจะเป็การพักผ่อน แต่ก็สู้อยู่บ้านไม่ได้" เฉียวเยว่ตอบอย่างฉาดฉาน
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า เห็นด้วยกับเหตุผลข้อนี้ แต่ก็ยังพูดหยอกเย้า "เมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดเ้าถึงชอบออกไปข้างนอกนักเล่า"
"เพราะข้ายังอายุไม่มาก คนอายุน้อยควรเดินทางเยอะๆ อ่านตำราหมื่นเล่มมิสู้เดินทางหมื่นลี้ คำกล่าวนี้ก็คือเหตุผลเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบอย่างมีหลักการ
ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้ม "ช่างรู้จักหาเหตุผลให้กับการไปเที่ยวของตนเองเสียจริง แม่นางน้อยที่หาข้ออ้างเก่งสุดเท่าที่ข้าเคยพบมาก็คือเ้านี่แหละ"
เฉียวเยว่ยักไหล่ "แต่ข้ารู้สึกว่าตนเองเป็ผู้บริสุทธิ์นะเ้าคะ"
"เอาล่ะ เอาล่ะ อย่ามัวแต่มาทำเสแสร้งอยู่ที่นี่ รีบกลับเรือน เ้าควรพักผ่อนเร็วหน่อย เดินทางมาเยี่ยงนี้คงจะอ่อนเพลียมากสินะ"
แท้จริงแล้วสีหน้าของเฉียวเยว่ก็มีความอ่อนล้าอยู่บ้าง สามารถมองเห็นได้
เฉียวเยว่รับคำเสียงหวาน แล้วจากไปด้วยรอยยิ้ม
หลังกลับถึงห้อง ไท่ไท่สามก็เอ่ยว่า "เมื่อกลับมากันแล้ว แม่ก็จะไม่ปิดบังพวกเ้า"
นางเรียกบุตรชายบุตรสาวมานั่งข้างกาย ฉีอันสบตากับเฉียวเยว่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"อนุหวังของลุงใหญ่เ้าตั้งครรภ์แล้ว" ไท่ไท่สามบอก
เฉียวเยว่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนยิ้มออกมา "ตั้งครรภ์ย่อมเป็เื่ดี"
แต่ไท่ไท่สามกลับพูดอีกว่า "บางเื่มันก็พูดยาก แต่แม่ต้องขอเตือนพวกเ้าไว้ก่อน จำไว้ อยู่ให้ห่างจากนางหน่อย เข้าใจหรือไม่?"
เฉียวเยว่กับฉีอันเป็เด็กฉลาด เข้าใจทันทีว่าเื่นี้อาจมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบรับปากอย่างเชื่อฟัง
"เดิมทีข้าคิดว่าพวกเ้าออกไปนอกบ้านอาจสามารถหลบเลี่ยงจากเื่นี้ได้ แต่พอมานึกดู ไหนเลยจะประจวบเหมาะถึงเพียงนั้น"
บัดนี้หวังหรูเมิ่งมีบุตรแล้ว พวกเขาย่อมต้องระมัดระวังเป็พิเศษ นางกับซานหลางไม่น่าเป็ห่วงอันใดแต่ถึงอย่างไรบุตรก็ยังเยาว์นัก
"ต่อให้มีเื่ร้ายแรงเพียงใด พวกเ้าก็อย่าไปเรือนใหญ่เป็อันขาด และอย่าเข้าใกล้นางด้วย" ไท่ไท่สามกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เฉียวเยว่มาไตร่ตรองดู ก็รู้สึกว่าคำกล่าวนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง หลังจากนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก็ถามว่า "บุตรของอนุหวัง... นาง..."
เฉียวเยว่ไม่รู้จะพูดอย่างไร นางอยากถามว่า บุตรคนนี้มิอาจคลอดออกมาได้ใช่หรือไม่
แต่ไม่กล้าถามจริงๆ
"เื่อื่นพวกเ้าไม่ต้องสนใจ" ไท่ไท่สามตำหนิ
เฉียวเยว่รีบรับคำ
โชคดีนางยังต้องไปเรียนที่สำนักศึกษา ลดความวุ่นวายไปได้ส่วนหนึ่ง
เฉียวเยว่ลาหยุดครึ่งเดือน พอกลับมาอีกที ทุกคนเห็นนางผอมลง เด็กผู้หญิงที่กลัวอ้วนก็พูดว่า "ดูท่าข้าคงต้องขอท่านพ่อท่านแม่ให้พาออกไปเที่ยวบ้าง การออกจากบ้านช่วยให้ผอมลงได้ไม่น้อยจริงๆ"
เฉียวเยว่หัวเราะแล้วตอบกลับไป "นั่นก็แน่อยู่แล้ว หากพวกเ้าออกไปข้างนอกต้องผอมมากกว่าข้าแน่นอน เพราะไม่เคยชิน ข้านับว่ามีประสบการณ์ออกจากบ้านมาแล้ว จึงปรับตัวได้ดี เลยผอมลงไม่มากเท่าไร"
คำพูดของนางไม่มีความหมายอื่นใดแอบแฝง พวกนางเรียนด้วยกันมาปีครึ่งแล้ว ต่างรู้อุปนิสัยของกันและกันเป็อย่างดี จึงไม่รู้สึกว่านางโอ้อวดหรือมีความหมายอย่างอื่น
เฉียเยว่หัวเราะอีกครา "่นี้อาจารย์สอนอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าข้าตามหลังอยู่มากแค่ไหน"
"เ้าไม่มีทางตามทันหรอก" หรงฉางเกอค่อนแคะ
นางก็เป็เสียอย่างนี้ ไม่มีวันแก้นิสัยพูดไม่เข้าหูคนได้
เฉียวเยว่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่นาง แล้วคุยข่ม "ไม่สนเ้าหรอก ข้าฉลาดที่สุด ต้องตามทันแน่นอน"
"มีข่าวใหญ่" ฉินอิ๋งเดินเข้ามาจากนอกห้อง นางหันกลับไปมองจนแน่ใจว่าอาจารย์จะไม่โผล่เข้ามาด้านหลัง ถึงแสดงความตื่นเต้นออกมา "พวกเ้ารู้กันแล้วหรือยัง ได้ยินว่าสำนักศึกษาตัดสินใจจะดูแลอาหารกลางวันของพวกเราแล้ว"
จุดนี้ชวนให้คาดไม่ถึงแม้แต่น้อย
ไม่ว่ากั๋วจื่อเจียนหรือสำนักศึกษาสตรีต่างก็ให้นักเรียนเตรียมอาหารมาเอง ไม่มีการเตรียมอาหารกลางวันให้พวกเขา ั้แ่อากาศเริ่มหนาวเย็นก็จะช่วยอุ่นอาหารให้พวกเขา ใช่ว่าเพราะตระหนี่ถี่เหนียว แต่กลัวจะมีปัญหาตามมามากว่า
อย่างไรเสียทุกคนต่างก็เป็คุณหนูมีฐานะ หากกินแล้วเกิดเป็อะไรขึ้นมา ทางสำนักศึกษาก็ไม่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน
แท้จริงแล้วก็มีบางคนที่รู้สึกว่าไม่เห็นจะเป็อันใด เช่นเฉียวเยว่เป็ต้น ชาติก่อนนางเคยกินอาหารที่โรงอาหารมานับไม่ถ้วน จึงค่อนข้างจะเบื่อกับจุดนี้ เคยบ่นไปหลายต่อหลายครั้ง แต่นางพูดอยู่เสียงเดียวย่อมไม่มีความหมายอะไร
แต่จู่ๆ มาได้ยินข่าวนี้ เฉียวเยว่ก็เลิกคิ้วด้วยความดีใจ แทบอยากจะะโไปรอบๆ
"จริงหรือ? เริ่มเมื่อไร?"
นางตื่นเต้นที่สุด
โม่หลันอมยิ้ม "ที่แท้ซูเฉียวเยว่ผู้ปราดเปรื่องเหนือผู้อื่นก็มีจุดอ่อนของตนเองเหมือนกัน"
เฉียวเยว่ยิ้มแสร้งทำเสียงเข้ม "สำหรับปวงประชาอาหารสำคัญเทียมฟ้า ไม่กินให้อิ่มจะมีเรี่ยวแรงเรียนหนังสือเขียนอักษรได้อย่างไร ไม่กินให้อิ่มแล้วจะเอากำลังวังชาที่ไหนไปขี่ม้ายิงธนู?"
โม่หลันยอมแพ้ เมื่อพูดเื่หลักการและเหตุผล คุณหนูผู้นี้เต็มไปด้วยตรรกะ สามารถเชื่อมโยงและอ้างอิงได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
"แต่ถึงเ้าจะกินอิ่มก็สู้หรงฉางเกอไม่ได้" นางกล่าว
นับั้แ่ชนะการแข่งขันกับซีเหลียงเป็ต้นมา หรงฉางเกอก็ยิ่งให้ความสนใจกับการขี่ม้ายิงธนูมากขึ้น สำหรับนางแล้วไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่จะได้การยอมรับจากผู้อื่นในทางที่ดี
หรงฉางเกอเชิดหน้า "นี่เป็ประโยคที่น่าฟังที่สุดของเ้าในปีนี้เลย"
โม่หลัน "เหอะๆ"
คร้านจะสนใจเ้า
ฉินอิ๋งพูดต่อ "ข้าได้ยินว่าจะเริ่มเดือนหน้า มานับดูแล้วก็อีกครึ่งเดือนที่พวกเราจะได้กินอาหารกลางวันร้อนๆ กันเสียที ฮิฮิ"
เอาเข้าจริงการนำอาหารมาจากบ้านตนเองย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เพียงแต่ให้ความรู้สึกต่างกันเท่านั้นเอง
แต่คนเรามักซึมซับความคิดจากสิ่งรอบข้างโดยไม่รู้ตัว พวกนางถูกซูเฉียวเยว่พูดกรอกหูทั้งวัน ประกอบกับท่าทางอันตื่นเต้น ไม่ช้าทุกคนก็รู้สึกว่านี่เป็ข่าวดีมากๆ เริ่มจะตื่นตัวกัน
"ไม่รู้ว่าใครเป็คนเสนอ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ" เฉียวเยว่เอามือประคองใบหน้ารู้สึกว่าคนผู้นี้เป็ดังทูต์
ฉินอิ๋งเป็สายข่าวซุบซิบตัวยง ไม่ว่าเื่อะไรล้วนสามารถไปล้วงคำตอบมาได้ "ได้ยินว่าเป็ท่านอ๋องอวี้"
เฉียวเยว่ "..."
สายตาของทุกมองมาที่เฉียวเยว่อย่างพร้อมเพรียง
จะว่าไปก็พิกลนัก ปรกติบุรุษสตรีไปมาหาสู่กัน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็เื่ความรักระหว่างชายหญิง แต่พอเป็ซูเฉียวเยว่กับท่านอ๋องอวี้กลับไม่มีใครคิดอย่างนี้
แน่นอนว่าอาจเพราะพวกนางคุ้นเคยกับเฉียวเยว่เป็อย่างดี ประกอบกับนางเป็คนกันเองไม่อินังขังขอบเื่พิธีรีตองมากนัก ทุกคนจึงรู้สึกว่าพวกเขาสองคนไม่น่าจะมีอะไรกัน
ส่วนท่านอ๋องอวี้... ถึงอย่างไรก็ไม่อาจใช้สามัญสำนึกของคนปรกติมาตัดสินบุรุษที่แปลกจนเข้ากระดูกอย่างเขาได้อยู่แล้ว
"เขาไม่เคยพูดกับข้า มิเคยแย้มพรายความคิดออกมาเลยแม้แต่น้อย" เฉียวเยว่ร้อนตัว
"พวกเราก็ไม่ได้บอกว่าเ้ารู้เสียหน่อย แต่ท่านอ๋องอวี้นับว่าใจกว้างกับพวกเราอยู่นะ ทางกั๋วจื่อเจียนยังไม่ได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้เลย" ฉินอิ๋งกล่าว
เฉียวเยว่ อะไร?
"ได้ยินท่านอ๋องกล่าวว่า เด็กผู้ชายใช้ชีวิตลำบากก็ไม่เป็ไร ไม่ถึงกับตาย หากทนทุกข์เพียงเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้ ก็เป็คนที่ไร้ประโยชน์จริงๆ แต่เด็กผู้หญิงไม่เหมือนกัน อย่างไรเสียก็เป็สตรี จะให้...จะให้..."
นางพูดต่อไปไม่ได้
"อะไรหรือ?" เฉียวเยว่ถาม
ฉินอิ๋งกระดากเล็กน้อย "จะให้กินอาหารสุกรได้อย่างไร?
ทุกคนต่างเงียบกริบ
เฉียวเยว่พูดในใจ อุตส่าห์ทำความดีทั้งที จะพูดจาแสลงหูเยี่ยงนี้ไปทำไม อาหารกลางวันที่พวกเรานำมาเองไฉนกลายเป็อาหารหมูไปได้? พูดซะเสียหมด แต่ถึงจะไม่ดีอย่างไร เวลานี้ก็ควรถนอมน้ำใจกันหน่อย พูดเช่นนี้ทุกคนก็กระอักกระอ่วนกันหมดน่ะสิ
"ทางกั๋วจื่อเจียนไม่ได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้จริงหรือ?"
ฉินอิ๋งยักไหล่ "ยังไม่มีชั่วคราว ได้ยินว่าอาจารย์ใหญ่ของพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อเื่นี้ ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า พูดตามตรงนะ ถึงแม้ท่านอ๋องอวี้จะว่าพวกเรากินอาหารหมู แต่ข้ากลับรู้สึกว่าแท้จริงแล้วผู้อื่นก็เป็คนใช้ได้"
พอมีการเปรียบเทียบก็ทำให้คนรู้สึกดี
เห็นอยู่ชัดเจนว่ามิใช่ของล้ำค่า แต่หากได้มายาก หรือผู้อื่นต้องลำบากมากกว่าจะได้มา แต่ตนเองกลับได้รับการดูแลในด้านนั้น ความรู้สึกย่อมแตกต่างกันลิบลับ
วันนี้ทั้งวันสำนักศึกษาสตรีเต็มไปด้วยความสุขสันต์เปรมปรีดิ์
หลังจากเลิกเรียนตอนเย็น เฉียวเยว่เห็นจื้อรุ่ยยืนอยู่ที่หน้าประตูสำนักศึกษา นึกได้ว่าไม่เจอเขามานานแล้ว ก็โบกมือทักทาย "พี่จื้อรุ่ย"
ิ่จื้อรุ่ยตั้งใจมารอนางโดยเฉพาะ พอเห็นนางก็ยิ้มเอ่ยว่า "ข้าตั้งใจมารอเพื่อขอบคุณพวกเ้าโดยเฉพาะ ปูแม่น้ำอร่อยมาก"
เขาหยุดเว้นจังหวะ แล้วพูดต่อ "เห็ดก็สดใหม่ยิ่งนัก พวกเราเอาไปต้มเป็น้ำแกงเห็ด"
ความมีน้ำใจส่วนนี้ทำให้คนรู้สึกอบอุ่น
"นี่เอามาให้เ้า" ิ่จื้อรุ่ยยิ้ม
เฉียวเยว่ก้มลงมอง "อะไรหรือ?"
"โรงครัวในจวนทำขนมเปี๊ยะถั่วแดง เอากลับไปอุ่นให้ร้อนจะอร่อยยิ่งกว่าตอนทำเสร็จใหม่ๆ เสียอีก"
นี่คือสาเหตุที่ไม่ส่งไปให้ทันทีที่ทำเสร็จ
เฉียวเยว่ยิ้มด้วยความดีใจ "อื้อ ขอบคุณเ้าค่ะ พี่จื้อรุ่ย"
"ตอนนี้คิดว่าคนทั่วเมืองหลวงคงรู้กันหมดแล้ว ว่าข้าเป็นักกินตัวยง"
จื้อรุ่ยเลิกคิ้วมุมปากประดับรอยยิ้ม "จุดนี้ ไม่ใช่ว่ารู้กันทั่วั้แ่เ้าสี่ห้าขวบแล้วหรือ?"
เฉียวเยว่ "..."
น่าชังนัก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้