หลังจากทานอาหารเช้ากันไปเป็ที่เรียบร้อยแล้วหลินลั่วหรานก็เอาเมล็ดพันธุ์ผักในพื้นที่ลึกลับไปให้แม่
ความจริงแล้วในคฤหาสน์สไตล์ยุโรปแบบนี้ หากในบ้านเต็มไปด้วยพริกและถั่วก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการจัดรูปแบบตัวบ้านก็ได้แต่ว่าหลินลั่วหรานนั้นอยากให้พ่อกับแม่มีความสุขดังนั้นแม้ว่าจะต้องสร้างใหม่เธอก็ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรและให้พ่อกับแม่เป็คนกำหนดกันเอาเอง ว่าที่ไหนควรจะปลูกอะไร
ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าเป็เพราะหลินลั่วหรานชอบกินถึงขนาดที่ตลอดทั้งวันจะมัวแต่คิดเื่อาหารหรอกนะ เฮอๆโอเค ชีวิตนั้นยาวนานเชื่องช้า แม้ว่าอาหารนั้นจะจำเป็จนขาดไม่ได้แต่เื่รสชาติถูกปากก็เป็อีกสาเหตุหนึ่งและที่สำคัญอาหารของโลกธรรมดาในทุกวันนี้ มีที่ไหนที่ไม่มียาต่างๆ บ้าง?
ผักที่อยู่ในตลาดขายผัก ต่างก็สะอาดหมดจด แม้แต่รอยแมลงเล็กๆ น้อยๆยังไม่มีให้เห็น มันปกติเหรอ? พวกเนื้อก็เต็มไปด้วยสารได้ยินมาว่าแม้แต่หมั่นโถวก็ยังทำปลอมขึ้นมาการใช้ชีวิตในเมืองนั้นไม่มีอาหารที่สามารถจะวางใจได้เลยสักอย่าง
ก่อนหน้านี้เป็เพราะว่าความไม่พร้อมจึงทำให้เลือกอะไรไม่ได้ ในตอนนี้มีทั้งพื้นที่ลึกลับและพ่อกับแม่ก็มีเวลาว่างที่มากขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องทำไร่ทำสวนเพื่อเลี้ยงชีวิตทุกวันนี้พวกเขาก็เอาเวลาส่วนมากที่มีไปใช้ในการดูแลต้นไม้ใบหญ้าอีกทั้งการปลูกผักก็เป็เหมือนความเคยชินของพ่อกับแม่ไปแล้วด้วย
และอีกอย่าง ผักผลไม้ที่ผ่านการดูแลส่งเสริมจากพื้นที่ลึกลับมานั้นต่างก็ผ่านการกำจัดสารพิษที่เป็อันตรายต่อร่างกายออกไปหมดแล้วและมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาร่างกายให้ดีขึ้นอีกด้วยมันอาจจะดีต่อสุขภาพของคนทั่วไปเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับนักฝึกศาสตร์แล้วมันก็เป็สิ่งที่ช่วยในการฝึกได้อย่างหนึ่ง เมื่อปลูกให้ดีแล้วหากผักพวกนี้จะกลายเป็พวกผักผลไม้วิเศษ ก็ไม่มีอะไรแปลก
ผู้เป็แม่สั่งให้ผู้เป็พ่อขุดพรวนดินด้านหลังบ้านและบริเวณรอบๆรั้วเหล็กให้ร่วนหลินลั่วหรานเกรงว่าจะสิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการปรับปรุงจากพื้นที่ลึกลับมาจึงขุดนำเอาดินจากในพื้นที่ลึกลับออกมาคลุมผืนดินที่แม่ตั้งใจเตรียมเอาไว้ปลูกผักเสี่ยวลั่วตงรับหน้าที่ในการรดน้ำแน่นอนว่าน้ำพวกนั้นก็เป็น้ำที่มาจากบ่อน้ำวิเศษเช่นกัน...อย่างไรดินในพื้นที่ลึกลับก็ขุดออกมาได้ไม่มีวันหมดและไม่ว่าจะรดน้ำยังไงก็ไม่เห็นว่าจะน้อยลงเอาออกมาใช้เพียงแค่นี้ก็คือว่าเป็ปริมาณเพียงเท่ากับละอองฝนเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นว่าเป่าเจียไม่มีอะไรทำจนเบื่อหน่ายหลินลั่วหรานก็มอบหมายงานที่ทำอยู่ให้กับเธอแล้วตัวเองก็ไปเพิ่มการป้องกันและความปลอดภัยในคฤหาสน์เสียหน่อย
ในมือของเธอกำเมล็ดที่หน้าตาดูเหมือนเมล็ดบัวเอาไว้ มันคือพืชที่มีชื่อว่า“หนามเหล็ก” ที่หลินลั่วหรานเก็บมาได้จากในสถานที่ลึกลับ
แม้ว่าจะไม่ใช่พืชวิเศษอะไร ไม่สามารถใช้ทำยาได้แต่ของที่หลินลั่วหรานเก็บมานั้นไม่มีทางที่จะไร้ประโยชน์ เธอนำเอา “หนามเหล็ก” เ่าั้ แปะติดลงไปที่กำแพง หลังจากรดน้ำลงไปมือขวาก็เริ่มขยับร่ายเวทธาตุไม้ชนิดหนึ่งออกมา มันคือ “เวทเติบโต” ที่มีระดับเดียวกับ “เวทรักษา”
แสงสีเขียวรวมตัวกันอยู่บริเวณปลายนิ้วมือของหลินลั่วหราน่นี้เป่าเจียนั้นกำลังกระตือรือร้นสนใจ จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดมองเธอปล่อยพลังออกมา
เมื่อหลินลั่วหรานร่ายเวทเสร็จเรียบร้อย “เวทเติบโต” ก็ปรากฏรูปร่างขึ้นในมือของเธอ เมื่อได้ยินเธอพูดว่า “เวทสมบูรณ์ ไป!” ลำแสงในมือของเธอก็กระจายออกและกลายเป็ฝนโปรยปรายลงที่้าของเมล็ดหนามเหล็กทุกๆ เมล็ดอย่างแม่นยำ
สักพักเสียง “แกรก” ก็ดังขึ้นต้นอ่อนของต้นหนามเหล็กนั้นโผล่ออกมาจากเปลือกแข็งด้านนอกแล้วเป็ที่เรียบร้อยมันทะลุออกมายัง้าดิน โผล่หัวที่มีใบอยู่้าสองใบออกมา
ดวงตาของเป่าเจียเกือบจะถลนออกมา พ่อและแม่ก็หยุดสิ่งที่กำลังกระทำอยู่แม้แต่เสี่ยวลั่วตง สิ่งนี้สั่นคลอนโลกใบน้อยของเด็กผู้ชายคนหนึ่งไปแล้วดวงตากลมโตเปล่งประกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
หยาดเหงื่อสองเม็ดผุดขึ้นบริเวณหน้าผากของหลินลั่วหรานนั้นแม้ว่าหลังจากที่เป็ระดับฝึกลมปราณเต็มขั้นแล้วจะสามารถปล่อยพลังแกร่งกล้าแบบนี้ออกมาที่ไหนก็ได้แต่ว่าการปล่อยพลังครั้งนั้นเป็ไปในวงกว้าง ทำให้เกิดอาการเหน็ดเหนื่อยขึ้น
เมื่อต้นหนามเหล็กเติบโตขึ้นมาจนมีใบอยู่สี่ห้าใบก็หยุดการเติบโตลง“เวทเติบโต” นั้นไม่ได้เหมือนกับ “เวทรัดกุม” เวทรัดกุมนั้นสามารถเร่งความสามารถต่างๆของพืช สามารถเร่งให้ต้นไม้เล็กๆโตขึ้นมาเป็ราวกับเส้นเหล็กเพื่อใช้ในการโจมตีได้ในพริบตาแต่ว่ามันก็ต้องแลกมาด้วยระยะชีวิตของพืชเ่าั้เช่นกัน
แต่ “เวทเติบโต” นั้นไม่เหมือนกันมันใช้พลังธาตุไม้บริสุทธิ์มาเร่งการเติบโตของพืชแต่ไม่ได้ไปทำลายพลังชีวิตของพวกมัน แม้ว่าความเร็วนั้นจะช้ากว่าแต่ก็ส่งผลต่อไปในระยะยาว
ตอนแรกที่หลินลั่วหรานได้เห็น “เวทเติบโต” เธอก็ใเช่นกันแม้ว่าจะช้ากว่าพื้นที่ลึกลับแต่ว่าเวทที่นักฝึกศาสตร์ระดับฝึกลมปราณตอนปลายก็สามารถปล่อยออกมาได้แบบนี้แล้วพืชที่ปลูกเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับของเธอจะมีค่าอะไร? โชคดีที่ภายหลังเห็นตัวอักษรสีแดงลอยขึ้นมาโดยรวมก็เพื่อเตือนให้หลินลั่วหรานรู้ว่า นักฝึกศาสตร์มือใหม่แบบเธอนั้นไม่สามารถที่จะใช้กับพวกสมุนไพรวิเศษได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ฤทธิ์ของมันหายไป!
ในตอนที่หลินลั่วหรานกำลังถอนหายใจออกมานั้น ก็คิดขึ้นมาอย่างชั่วร้ายเมื่อเห็นว่ามีการเตือนแบบนี้ขึ้นมา ก็แสดงว่าก่อนหน้านี้คงมีคนเคยทำอยู่ไม่น้อยและก็ทำลายยาวิเศษไปแล้วมากมาย คนที่เขียนหนังสือ “ศาสตร์เวททั้งห้า” ออกมาก็คงจะต้องเคยโมโหฉุนเฉียวกับเื่นี้มาก่อน
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานหยุดกิริยาของเธอลงแล้วต้นอ่อนพวกนั้นก็ไม่ได้เติบโตต่อไป เป่าเจียก็น้ำลายไหลออกมาด้วยความอิจฉา “เสี่ยวหลินจึ ถ้าเธอมีพลังแบบนี้นะ ก็คงจะไม่ต้องลำบากเื่ข้าวแล้วสะบัดมือแค่ครั้งเดียว ในปีหนึ่งก็ได้ผลตั้งเท่าไรแล้ว?”
หลินลั่วหรานได้แต่อึ้ง นี่คือกำลังชมกันอยู่ใช่ไหม?
เป่าเจียยังคงไม่รู้อะไร เธอพูดจามั่วซั่วออกมาต่อไม่หยุด “มันจะสบายแค่ไหน? เธอลองคิดดูสิ ทุกๆวันเธอก็นั่งเครื่องบินปล่อยพลังออกไป แบบนั้นสิถึงจะเรียกว่ากล้าหาญแล้วก็ได้ผลผลิตเยอะด้วย...”
ประโยค “สรรเสริญ” เ่าั้ทำเอาหลินลั่วหรานรู้สึกว่าตัวเองปวดขมับขึ้นมาก่อนที่เธอจะนึกไปถึงครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกันขึ้นมาอีกครั้งในตอนนั้นเป่าเจียยังเป็นักขับผู้เ็าอยู่เลย แล้วทำไมถึงเปลี่ยนเป็แบบนี้ได้?
หรือแม้แต่ก่อนที่เธอจะได้รับาเ็ท่าทางของเธอก็ยังดูเป็สาวสูงศักดิ์อยู่เลยเธอกลายเป็คนปากมากแบบนี้ไปั้แ่เมื่อไร...หลินลั่วหรานได้แต่สงสัยว่าเป่าเจียถูกผู้เป็แม่ของเธอเองทำให้กลายเป็แบบนี้แล้วหรือเปล่า!
“หยุดเลย เธอน่ะมีธาตุไม้และน้ำ หน้าที่อันยิ่งใหญ่จึงขอมอบให้เธอแล้วกัน! แม้แต่จะรดน้ำก็ยังประหยัดได้นะมีเธอแค่คนเดียวก็เป็ประโยชน์ให้คนจีนได้ทั่วแล้ว”
ดวงตาของเป่าเจียเป็ประกายขึ้นมา ความจริงที่เธอพูดออกมามากมายขนาดนี้ก็เพราะว่าเธออิจฉาเวทมนตร์ที่หลินลั่วหรานปล่อยออกมา ส่วนเื่ที่เธอมี “ธาตุน้ำและไม้”นั้น เป่าเจียเคยไปรบกวนให้นักปราชญ์เฒ่าในวัดชิงเฉิงดูมาก่อนแล้ว
ถ้าหากว่าวันหนึ่งตัวเธอสามารถทำให้ต้นไม้โตขึ้นมาได้ตาม้า...เป่าเจียกำลังเมามัวไปกับความคิดเ่าั้หลินลั่วหรานก็หัวเราะคิกคักออกมา “คุณพี่สาวเป่าพี่กำลังเพ้อฝันอะไรอยู่อีกแล้วใช่ไหมคะ ถ้าพี่ไม่ตั้งใจฝึกศาสตร์อีกสิบปีก็อย่างหวังว่าจะทำได้เลยค่ะ”
เป่าเจียรู้ดีว่าหลินลั่วหรานกำลังพยายามกระตุ้นเธออยู่จึงได้แต่ส่งเสียงตอบรับออกมา โดยไม่ได้สนใจอะไร ในตอนนี้ก็ใกล้จะบ่ายแล้วเธอจึงดึงตัวของผู้เป็แม่เข้าไปเตรียมอาหารกลางวันแทน
หลินลั่วหรานส่ายหน้าพร้อมทั้งรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเสี่ยวลั่วตงกำลังส่งสายตาแสดงความอยากรู้มาที่เธออีกครั้งเธอก็ได้แต่คิดว่าจะลองทดสอบดูว่าเขามีพื้นฐานพลังดีไหม?
แต่ว่า ไม่ว่าจะมีหรือว่าไม่มี เื่อาการเก็บตัวของเขาก็เป็สิ่งแรกที่หลินลั่วหรานควรจะแก้ไขมันให้ได้เสียก่อน เธอดึงตัวของเสี่ยวลั่วตงเข้ามาก่อนที่จะทำท่าทางบอกไม่ให้เขาพูดอะไรออกมา แล้วพูดออกมาเบาๆ
“ไปเถอะ พี่สาวจะพาไปปลูกต้นไม้นะ!”
เสี่ยวลั่วตงกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตามหลินลั่วหรานไปที่หลังบ้านในหัวของเขาก็ได้แต่คิดว่า ก็แค่ปลูกต้นไม้ไม่ใช่เหรอทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ด้วย แปลกเกินไปแล้ว
หลินลั่วหรานจัดการขุดหลุมใหญ่สองหลุมขึ้นมาในบริเวณข้างบ้านที่ไม่ดึงดูดสายตาคนก่อนที่จะหายไปต่อหน้าต่อตาของหลินลั่วตง...ในตอนที่เสี่ยวลั่วตงกำลังใจนจะวิ่งไปบอกพวกพ่อหลินลั่วหรานก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับต้นท้อในมืออีกครั้ง ความจริงแล้วตัวต้นท้อก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปเท่าไรหรอกแต่ที่แปลกคือใครจะเอาต้นท้อที่เต็มไปด้วยลูกท้อสีแดงอยู่เต็มต้นแบบนั้นอยู่แล้วมาปลูกกัน?
เด็กชายมองไปยังหลินลั่วหรานที่กำลังปลูกต้นไม้พร้อมทั้งเก็บลูกท้อลงมากินความรู้สึกราวกับโลกกำลังสั่นไหวก็เข้ามาโจมตีเขาอีกครั้งอย่างรุนแรงทำให้แม้แต่อาการเก็บตัวของเขาก็ยังไม่อาจจะซ่อนเอาไว้ได้อีก เมื่อคิดทบทวนแล้วเขาก็วิ่งเข้าไปในตัวบ้านเพื่อตามหาตัวพี่เป่าเจียที่ดูแลเขาอย่างดีมาตลอดสามเดือนเพื่อเล่าเื่ราวประหลาดนี้ให้ฟัง
เสี่ยวลั่วตงเพิ่งจะวิ่งเข้าไปในตัวบ้านประตูเหล็กของคฤหาสน์ก็ปรากฏหัวของใครคนหนึ่งยื่นออกมา ใบหน้ากลมๆของเ้าสำนักเสี่ยวอัน ความจริงแล้วก็มีใบหน้าที่คมคายงดงามเขาสวมชุดคลุมนักปราชญ์ แต่กลับดูหลุดลุ่ยอยู่เล็กน้อย
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ารุ่นพี่หลินอยู่ไหม?”