เื่ของซือเยี่ยถึงแม้จะไม่มีการแพร่กระจายปัญหาออกมา แต่ก็ไม่ต้องไปตระกูลถังอีกแล้ว เมื่อมีเวลาว่างจึงเริ่มเฝ้ารอการกลับมาของเหยียนลั่ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แม้เหยียนชิงและเว่ยซูหานจะดูแลเขาเป็อย่างดี แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความอุ่นใจในยามที่รู้ว่ามีเหยียนลั่วอยู่ในจวน แม้ว่าเหยียนลั่วมักจะไม่พูดคุยกับเขาแต่มันก็ยังดีกว่า...
“ซือเยี่ย รอพี่ใหญ่กลับมาก่อนนะ หากเขาถามก็ให้เ้าพูดไปตามจริง”
เหยียนชิงบอกกับซือเยี่ยในขณะที่กำลังเปลี่ยนยาให้กับเขา
“ไม่ต้องกลัว ถ้าหากพี่ใหญ่ให้อภัยเหยียนิฮ่วนอย่างไร้เหตุผล ข้าจะเรียกร้องให้เ้าเอง”
ยิ่งเขารักเว่ยซูหานมากขึ้นเพียงใดเขาก็ยิ่งเกลียดเหยียนิฮ่วนมากขึ้นเพียงนั้น ชาติที่แล้วภรรยาของเขาต้องทนทุกข์ทรมานและยังไม่ได้เอาคืน จะได้ถือโอกาสนี้สั่งสอนเขาไปด้วย ไม่ต้องพูดถึงว่าซือเยี่ยไม่ใช่บ่าวรับใช้ภายในจวน แม้แต่บ่าวรับใช้มันก็ไม่ได้หมายความว่าเหยียนิฮ่วนจะทำตัวอยู่เหนือกฎบ้านเมืองได้
ซือเยี่ยอ้าปากอวดฟันพร้อมกับนวดเบา ๆ ตรงบริเวณใบหน้าที่บวมแดงแล้วพยักหน้า “ได้”
เขาจะทำ เขาจะบอกกับเหยียนลั่ว...
ในยามบ่ายของวันที่สามหลังจากวันที่ซือเยี่ยถูกรังแกเหยียนลั่วก็กลับมาถึงจวน เวลาสามวัน อาการบวมบนหน้าของซือเยี่ยยังไม่ลดลงเลย มือก็ยังไม่หายดี ดังนั้นสิ่งแรกที่ชายผู้ลงมาจากรถม้าที่ด้านนอกประตูได้เห็นก็คือใบหน้าของซือเยี่ยที่ซีดเซียวทั้งยังบวมครึ่งซีก และด้วยผ้าพันแผลบนมือของเขายิ่งทำให้เขาดูน่าสงสาร
“คุณชายใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว”
ซือเยี่ยกล่าวทักทาย ฮูหยินน้อยและคุณชายสามล้วนออกไปข้างนอก ฮูหยินเหยียนก็ไปที่จวนถัง ทุกคนยุ่งมากจึงมีเพียงแค่เขาที่ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นเหยียนลั่วกลับมาอารมณ์หดหู่ใน่สองสามวันมานี่ของเขาก็ดีขึ้นมากในทันที
“อืม”
เหยียนลั่วพยักหน้าตอบรับ แต่สายตากลับมองสลับไปมาระหว่างใบหน้าและมือของเขา สุดท้ายก็เข้าไปด้านในโดยไม่ถามอะไรออกมา ซือเยี่ยเดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด ตามไปจนสุดทางเดินกลับไปที่ห้องโถงในเรือนเซียวเหยา
“เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อยแล้ว ท่านนั่งพักผ่อนบนเบาะสักครู่ ข้าจะไปชงชามาให้ท่าน”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าไม่อยากดื่ม” เหยียนลั่วส่ายหัวปฏิเสธ หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็โบกมือมาทางเขา “เข้ามานี่”
“อืม”
ซือเยี่ยเม้มริมฝีปากก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง
เหยียนลั่วจ้องมองเขาดูแล้วดูอีก ยกมือขึ้นแตะใบหน้าข้างที่บวม สักพักก็ถามเสียงเข้มขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
เขาเพิ่งออกจากบ้านไปเพียงเดือนเดียว คนน่ารักเช่นนี้จะตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้อย่างไร
ซือเยี่ยก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไร เอามือข้างที่ได้รับาเ็ไปพาดไว้ด้านหลัง กัดริมฝีปากของตน ดวงตาหลุบลง ขนตายาวกระพือขึ้นลงตลอดเวลา หน้าตาดูราวกับคนที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม
“ซือเยี่ย” เหยียนลั่ววางมือบนไหล่และตบลงไปเบา ๆ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “บอกข้า เกิดอะไรขึ้น? ใครรังแกเ้า?”
เป็ไปไม่ได้ที่ชิงเอ๋อร์และเว่ยซูหานจะลงมือรุนแรงเช่นนี้ หรือเป็เพราะฐานะบ่าวรับใช้ทำให้เขาถูกคนเก่าแก่ผู้อื่นในจวนรังแกเอาได้ ตบตีรุนแรงถึงเพียงนี้เป็เพราะทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่?
แต่คนที่ประพฤติตัวดีเช่นนี้จะทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนถูกเฆี่ยนตีได้อย่างไร? ตระกูลเหยียนมีความปรองดองเป็อย่างมาก โดยทั่วไปยามมีการลงโทษผู้กระทำความผิดจะไม่มีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้น อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ที่เขาเติบใหญ่ขึ้นมาก็ยังไม่เคยเห็นท่านพ่อท่านแม่ลงโทษบ่าวโดยการทำร้ายร่างกายมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นซือเยี่ยไม่ใช่บ่าวรับใช้ พวกชิงเอ๋อร์ก็รู้อยู่...
เป็การปลอบประโลมที่เหมือนกัน การปลอบของเว่ยซูหานกับเหยียนชิงทำให้เขารู้สึกอุ่นใจมากขึ้น แต่วันนี้การทำเช่นนี้ของเหยียนลั่วกลับทำให้ความอึดอัดใจของเขาที่เริ่มจางหายไปปะทุออกมาอีกครั้ง จมูกเริ่มรู้สึกแสบ จนอดไม่ได้ที่จะเล่าให้คนที่กำลังพูดปลอบได้ฟังถึงเหตุที่ทำให้รู้สึกอึดอัดใจ...
ติ๋ง ติ๋ง
น้ำตาไหลลงราวกับเม็ดถั่ว ใจของเหยียนลั่วสั่นสะท้าน ดังนั้นในยามที่ซือเยี่ยกระโจนเข้าหาเขาจึงไม่ปฏิเสธ ฝ่ามือใหญ่โอบกอดเขาเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
“อย่าร้อง...”
คนผู้นี้อายุเท่ากับชิงเอ๋อร์แต่กลับได้รับความทุกข์ทรมานมากมาย ทั้งยังน่าสงสารอีกด้วย
“เหยียนลั่ว...”
น้ำเสียงของซือเยี่ยเจือสะอื้น กดใบหน้าไปกับหน้าอกที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่เขา หมดความอดทนต่อความอึดอัดใจจึงะเิออกมาในทันที หากมีคนคอยปกป้องเขา เขาจะไม่ต้องถูกเหยียบย่ำ...
“นี่... นี่คือการได้รับความไม่เป็ธรรมครั้งใหญ่...”
เหยียนลั่วมองดูชายที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา หยิบผ้าฝ้ายออกมาเช็ดหน้าให้เขา เป็เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่ชิงเอ๋อร์ยังเป็เด็กที่ได้รับความไม่เป็ธรรมในยามที่เขาทำตัวเสียมารยาท มันทำให้ใจเขาอ่อนลง
ซือเยี่ยระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา ในที่สุดก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น ชุดตรงหน้าอกของเหยียนลั่วเปียกโชก แต่เขาไม่คิดที่จะขอโทษ ยังคงซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไป
“เฮ้อ...” เหยียนลั่วตบหลังของเขา “ไม่เป็ไรแล้ว มีความอึดอัดใจก็ร้องไห้ออกมาแล้ว ควรบอกข้าได้แล้วว่าเหตุใดถึงไม่ได้รับความเป็ธรรม?”
“เหยียนลั่ว...”
ซือเยี่ยลูบไปที่หน้าอกของเขา เรียกชื่อเขาอย่างแ่เบาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฟังดูเว้าวอนเล็กน้อย เหยียนลั่วใ น้ำเสียงยิ่งอ่อนลงไปอีก
“ไม่ต้องกลัว พูดออกมา ใครทำร้ายเ้า? ข้าจะช่วยเ้ามอบบทเรียนให้เขา...”
“เหยียนิฮ่วน...”
ซือเยี่ยกัดฟันพูดออกมาในที่สุด แล้วกลั้นหายใจเฝ้ารอการตอบสนองของเขา
“ิฮ่วน?” เหยียนลั่วกุมมือของอีกคนไว้แน่น หลังจากการแสดงออกทางสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเขาก็ถามเสียงเข้มว่า “เพราะเหตุใด?”
“…” ซือเยี่ยเงียบไป ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกเขินอาย บางอย่างทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถพูดกับเขาได้ว่าตนเองถูกเหยียนิฮ่วนเหยียบย่ำ รู้สึกอับอาย...
“ไม่ต้องกลัว บอกข้า... มันจะไม่เป็ไร หืม?”
เหยียนลั่วปลอบโยนอีกครั้ง เขาไม่ได้โง่ คุณธรรมของพี่ถังเป็อย่างไรเขาย่อมรู้ดี เขาพอจะเดาได้จากปฏิกิริยาของซือเยี่ยว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ยังต้องได้รับการยืนยัน
ซือเยี่ยหลับตาก่อนกัดฟันแล้วเล่าออกมาเป็่ ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมาโดยเล่าเรียงไปตามเหตุการณ์
หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่ซือเยี่ยเล่า เหยียนลั่วก็เงียบไปเป็เวลานาน แล้วจึงปล่อยคนออก มองดูคนคับข้องใจซึ่งยังคงซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอธิบายไม่ถูกว่า
“เขากล้าดีอย่างไร... เป็เพราะตาไม่ดีหรือมีหัวอยู่ตรงหว่างขา ภายในจวนตระกูลเหยียน แม้เป็เพียงมดตัวหนึ่งในเรือนของข้าผู้อื่นก็ไม่อาจแตะต้อง นับประสาอะไรกับคนผู้หนึ่ง”
“…”
ซือเยี่ยไม่ค่อยเต็มใจที่จะปล่อยมือจึงยังจับมือเขาไว้ มองเขาอย่างมั่นคง สายตาดูประหม่าและกังวล...
“ขอโทษนะ ที่ทำให้เ้าต้องมาเห็นความสกปรกของตระกูลเหยียน...” เหยียนลั่วใช้นิ้วปาดน้ำตาที่อยู่ใต้ตาออกไปก่อนจะลูบหัวอีกครั้ง “เ้าวางใจได้ ข้าจะจัดการเอง”
“ขอบคุณเ้าที่เชื่อข้า...”
ผ่อนคลายลงได้เสียที สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือเหยียนลั่วไม่เชื่อ เพราะได้สอบถามกับคนในจวนมาบ้างแล้ว ว่ากันว่าเหยียนลั่วและเหยียนิฮ่วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เหยียนลั่วหัวเราะ “เ้าเหมือนกับชิงเอ๋อร์ไม่มีผิด ข้าจะไม่เชื่อได้อย่างไร”
แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยที่จะนำคนกลับมาในยามนั้น แต่ในเมื่อนำกลับมาด้วยแล้วก็ปล่อยทิ้งไปไม่ได้
ซือเยี่ยกัดริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก เขาจะเหมือนกับเหยียนชิงได้อย่างไร? เขาเป็ทำตัวดีก็เพราะรู้ว่าตนเองอ่อนแอกว่าผู้อื่น เหยียนชิงทำตัวดีเพราะเขาเพียง้าอยู่อย่างสงบสุขก็เท่านั้น จะได้ไม่ต้องคิดมาก และแม้ว่าจะไม่มีตระกูลเหยียนแล้วเขาก็ยังมีเว่ยซูหานคอยปกป้อง ในฐานะผู้ที่ถูกทอดทิ้งและถูกข่มเหงรังแกมาหลายปี เขาอิจฉามาก...
เหยียนลั่วหยุดพักเพียงครู่หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วก็ออกไปจากเรือน บอกว่าผู้กระทำผิดไม่ควรได้อยู่อย่างสุขสบาย ถึงแม้ซือเยี่ยจะไม่กล้าถาม แต่ก็เดาได้ว่าเขากำลังจะไปทำอะไรที่ฝั่งจวนถัง เหยียนลั่วเพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็จะออกไปอีกครั้ง
ข่าวการกลับมาของคุณชายใหญ่ได้ถูกส่งมาถึงจวนถังแล้ว จากนั้น ก่อนที่เขาจะออกจากประตูไปบ่าวของตระกูลถังก็เดินเข้ามา เชิญเขาไปทานอาหารเย็นด้วยความสุภาพ เหยียนลั่วไม่พูดอะไรมากนักก่อนจะขึ้นรถม้าไป
