‘บุษบามินตรา’ สาวน้อยเพิ่งทิ้งชุดนักศึกษาไปได้ไม่นาน มีความใฝ่ฝันอยากท่องเที่ยวก่อนจะเริ่มทำงานกับองค์กรหนึ่งในต้นเดือนหน้า
“แม่คะ...หนูขอไปเที่ยวก่อนเริ่มงานนะคะ” เธอแจ้งกับครอบครัวโดยเฉพาะผู้เป็แม่ ซึ่งในครอบครัวเหลือแค่แม่กับยายเท่านั้น พ่อจากเธอไป์นานแล้ว
“เออ...ไปไหนไกลไหม...” แม่บงกชถามอย่างเป็ห่วง
“ยุโรปค่ะ...มีเพื่อนชวน” เธอบอกสั้นๆ
“ไปเถอะ แม่บุษ... เปิดหูเปิดตาก่อนทำงาน” ยายบัวคำ กลับเห็นดีเห็นชอบ
“เราอย่าไปห่วงลูกมันมากเลย เด็กสมัยนี้เก่ง…ให้มันไปฝึกเอาตัวรอดก่อนไปเจอคนหมู่มากในที่ทำงาน” ยายน่ารักสุดๆ ในความรู้สึกของบุษบามินตรา
ต้นสัปดาห์ถัดมา สาวน้อยที่เพิ่งสลัดคราบนักศึกษาไปได้เดือนกว่าๆ เริ่มผจญภัยด้วยหัวใจอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ ณ ดินแดนแห่งนี้
“บุษ...ฉันไปได้ที่เที่ยวนี้จากเว็บหนึ่ง อ่านดูแล้วโคตรฟิน” ริต้าเพื่อนซี้ชี้ชวน
“ไหน ส่งมาที่ไลน์ให้ดูก่อน... ค่อยตัดสินใจ ดูงบก่อนกระเป๋าฉีก” เพื่อนอย่างเธอต้องสำรวจเื่เงินเื่ทอง เป็ของต้องคิดสาระตะให้ถี่ถ้วน
“เฮ้ย...เจ๋ง ไปโลด งบสามหมื่นนิดๆ เอาเงินมากองรวมหารสอง ค่าตั๋วต่างหาก อยู่มันหนึ่งอาทิตย์เลย อยากไปเอาออกซิเจนให้เต็มปอดก่อนกลับมาเผชิญความทุกข์ยาก” ริต้าฟังบุษบามินตราแล้ว หัวเราะทันที
“เออ... ให้มันได้อย่างนี้ ยังไม่ทันเริ่มงาน ทุกข์มาเคาะหัวแล้วเหรอ”
“คนเยอะแยะ ไม่รู้จะเจอเ้านายขี้เซ้าซี้ หงุดหงิด ด่าแรงแทงใจหรือเปล่า นะแก!!! ยังมีอีก...เพื่อนร่วมงานที่เหมือนเพื่อนร่วมคนละทาง” นางเข้าใจเปรียบเทียบ
“แก...นึกยังไงถึงชอบที่นี่วะ”
“ไปรื้อฟื้นตำนานกัน...”
“นี่ยังจำวิชานี้ไม่ลืมหรือไง...ฮะ” บุษบามินตราอมยิ้ม
“มันทำให้ฉันได้ C ตัวเบ้อเร่อเลย นึกแล้วแค้น” ริต้าขำตัวเอง ที่ยังจำฝังใจ
“เออ...เข้าใจ ไอ้มนุษย์ปีกหักอยากท้าเทพอย่าง อพอลโล”
“เฮ้ย...ไม่ใช่หัก มันถูกเผาจาก สุริยเทพ อย่างอพอลโล...แก” ริต้าแย้ง จำแม่นเพราะตอบข้อสอบผิด
“ใช่...ใช่ ลืมไป” บุษบามินตราหัวเราะกลบเกลื่อน
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ทั้งสองคนไปเจอกันที่สนามบิน เพื่อไปไฟลต์ที่บินลงเอเธนส์เลย
“แก...สั่งรถโรงแรมมารับไหมจากสนามบิน” ริต้าทำหน้าเหลอหลากับคำถามนี้
“ไม่เป็ไร...ไปถึงหาแท็กซี่จากสนามบินเอา และเตร่ๆ ในสนามบินถ่ายรูปขึ้นเฟสให้เพื่อนอิจฉา” บุษบามินตราหยวนๆ ไม่อยากไปตำหนิเพื่อนคนนี้ นางดีมากไปไหนไปกันไม่ค่อยบ่นให้ปวดหัว
เที่ยวบินที่พวกเธอเดินทางไปถึงเอเธนส์ประมาณ 8 โมงเช้า ทั้งสองสาวออกจากตรงที่เคลมกระเป๋าเดินทางเกือบเก้าโมง
“บุษ... ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ” ริต้าว่าแล้วก็ลากกระเป๋าออกมาหากาแฟร้อนๆ ก่อนจะเปิดข้อมูลในอากู๋
“พักแถวอโครโปลิส ใช้รถไฟใต้ดินได้” บุษบาหาข้อมูลไปดื่มกาแฟไป
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนดี..อ่ะ” ริต้ามองแผนที่ที่เคยวางแผนก่อนบินมาแล้ว
“วิหารพาร์เธนอน...มาย้อนรอยวิชาเทพปกรณัมกรีก” บุษบามินตราหัวเราะขำๆ วิชานี้เธอแทบแย่เหมือนเพื่อนสาวที่มาด้วยกัน
“เทพีอธีนา เป็เทพีแห่งปัญญา คือธิดาของซูส าาแห่งเทพทั้งหลาย” ริต้ายังพอจำได้บ้าง
“นี่...ชื่อเอเธนส์เลยมาจากเทพีนางนี้” บุษบามินตราเอ่ยถึงชื่อนี้
“ดีแล้วที่คนสมัยก่อนเลือกชื่อนาง เป็ชื่อเมือง เพราะหากเลือกชื่อโพไซดอน ก็คงไม่เพราะมั้ง” ริต้าเปรยๆ
“ฉันว่า คงเพราะนางมีต้นมะกอกเป็สัญลักษณ์ สมัยนั้นมีกีฬาบนยอดโอลิมปัสก็มีมงกุฎใบมะกอกน่ะสำหรับผู้ชนะ”
ทั้งสองสาวใช้บริการทัวร์ one day trip ที่โรงแรมจัดให้ ไม่ต้องยุ่งยาก ไปถึงใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ที่นี่
“สุดคุ้ม... เดินชมมันให้รอบ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็ที่ระลึก ถือเป็ souvenir ในชีวิตว่ะ...แก” ริต้าเปรยอย่างชื่นชอบ เดินถ่ายทุกซอกทุกมุม
“ทำด้วยหินอ่อน และสมัยนั้นทำได้ยังไง ขนลุกจริงๆ” บุษบามินตราพึมพำกับตนเอง
“ตั้งอยู่บนเนินเขาอีก... สุดอเมซิ่ง” ริต้าชื่นชมอยู่ในใจ สถาปัตยกรรมโบราณสุดยอด แกะลวดลายขนาดนี้และสูงด้วย
“มนุษย์สมัยก่อน เป็มนุษย์มหัศจรรย์...นะแก” บุษบามินตราชื่นชอบสถาปัตยกรรมเก่าแก่
“โน่น...เขมรอีก...ไว้เราไปกัน่แกว่าง ลางานได้ยาวๆ ไปกันว่ะ” ริต้าวางแผนเที่ยวต่อ
“จะว่า... คนโบราณนี่เก่ง สุดจึ้งเลย ถ้าทะลุมิติไปได้ แกเอ้ย... คงเห็นผู้ชายหล่อๆ เท่ๆ” บุษบามินตราหลับตาฝันหวาน
สาวน้อยสองนางรุ่งขึ้นไปสนามบินแต่เช้า ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็บินลงที่อิคาเรีย ประมาณ 10 โมงเศษก็ออกจากสนามบิน
“ริต้า... รถโรงแรมมารับแล้ว เรากินอาหารที่นั่น ลงไปชายหาดกัน” บุษบามินตราอยากไปเดินท่องตามรอยอิคารัส
“แต่ฉันขอนอนที่ห้องนะ นอนไม่พอ...แก”
หลังจากเช็คอินจัดการอาหารเช้าแล้ว สาวน้อยนางที่อยากตามรอยอิคารัส ก็ลงไปเดินตามหาดทราย ท่องไปเรื่อยๆ ที่นี่เป็หมู่บ้านป้องกันโจรสลัดมาแต่โบราณ รับสายลมพัดปะทะหน้าจากทะเลอีเจียนผืนน้ำเดียวกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สีฟ้าเข้มของน้ำทะเลสีฟ้าสดสุดสายตา ยามต้องแสงอาทิตย์ระยิบระยับบนผิวน้ำ สวยจนหาที่ติไม่ได้
“Blue Zone….” เธอเปล่งเสียงเบาๆ ออกไปไกลสุดทะเลเบื้องหน้า
“Yes…” เสียงหนึ่งดังสะท้อนก้องกลับมา
สาวน้อยลืมตาขึ้น เห็นชายหนุ่มคิ้วหนาเข้มกำลังจ้องมองเธอที่กำลังนอนแผ่หลาบนหาดทราย รับลมจากท้องทะเลเบื้องหน้า พระอาทิตย์กำลังจะเคลื่อนขึ้นสูงเรื่อยๆ ไปจนถึงตรงกลางกระหม่อม
“Why here? So hot!!! ทำไมอยู่ตรงนี้ ร้อนมากนะ” เสียงหนุ่มหน้าคมเตือนเธอ
“Yes… ร้อนมาก แต่ฉันชอบ” เธอตอบกลับไป
“too hot to lie on here ร้อนเกินไป”
“a minute ฉันจะกลับไปโรงแรมล่ะ”
“คุณพักที่นี่หรือ...” ภาษาอังกฤษของหนุ่มคนนี้ดีมาก แต่ยังมีกลิ่นอายของภาษาถิ่นปนๆ
“Yes…ฉันพักอยู่ที่นี่นะ”
“And you? แล้วคุณล่ะ”
“ผมมาพักอยู่กับเพื่อนแถวนี้เหมือนกัน” เขาตอบยิ้มๆ
“What can I call you? ผมจะเรียกคุณว่า...” เขาคงถามชื่อ
“Call me Bud… เรียกฉัน บุษ”
“Me, Ikarus… call me only Ika ผม อิคารัส ... เรียก อิคา” บุษบามินตราทำตาวาว... นึกในใจว้าว
“The name is the same as the myth นี่...นายชื่อนั้นเลยเหมือนตำนานกรีก” เธอเผลอปลื้มกับชื่อของเขา
“Why are you here? คุณมาที่นี่เพื่อ???” เขาถามถึงเป้าหมายของเธอที่มาที่นี่
“ฉันอยากมารับอากาศบริสุทธิ์... but especially on the place of Icarus แต่จริงๆ อยากมาที่ของอิคารัสในตำนานกรีก”
“ที่นี่ คนทำอะไรบ้าง” เธออยากรู้วิถีการดำรงชีพ
“agriculture…ทำเกษตร ปลูกพืชผักไว้กินเอง” สาวน้อยทำหน้าทึ่งมาก
“อิคา... หน้าตานายมีสีแดงแบบ healthy สุขภาพดีมาก” เธอเอ่ยชม
“ผมอยู่ที่นี่... กินถั่วและผัก ลดเนื้อสัตว์ เน้นปลา”
“ว้าว... คุณมาอยู่นานรึยัง”
“เป็ปีแล้ว...” บุษบามินตรานึกอยากมีชีวิตแบบนี้
“ขอโทษนะ... นายทำงานยังไง มาอยู่ที่นี่”
“ผมทำงานออนไลน์ Don’t be sad or stress.... try to make money พยายามหาเงิน แต่อย่าให้รู้สึกแย่หรือเครียด” อิคารัสพูดให้เธอได้คิด
“รู้ไหมว่า...ฉันมาตามรอยอิคารัสที่นี่… but I found you here…very lucky! แต่ฉันได้มาเจอนายที่นี่ โชคดีสุดๆ”
“Why? ทำไมเหรอ” เขามีสีหน้าสงสัย
“ก็นายทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของการมาหา Blue Zone เข้าใจวิถีแห่งสุขที่ยืนยาว long life is not bad... ฉันเคยคิดว่าชีวิตยืนยาวจะแย่ พอนายพูดขึ้นทำให้ฉันรู้สึกว่า เราต้องหาวิถีที่ทำให้ชีวิตของเราอยู่ยืนยาวอย่างมีความสุข” บุษบามีสีหน้าขอบคุณที่ได้มาเจอเขา
“อย่าลืมว่า... ไม่ใช่ว่าเราจะเปลี่ยนอะไรได้ง่ายๆ ควรเปลี่ยนวิธีคิดเราก่อน ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดไม่ได้ เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้ exactly not…แน่นอน” เขายิ้มให้เธอ
“ว้าว... great” เธอยิ้มให้เขาก่อนจากกัน
เขายังยิ้มและเอ่ยขึ้น ทำสาวน้อยจากแดนสยามรู้สึกแปลกๆ
“พรุ่งนี้เราเจอกันอีก...ไหม”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้