ชาติก่อนเหอตังกุยอยู่ที่วัดสุ่ยซังถึงครึ่งเดือนกว่าจะได้กลับตระกูลหลัว นางก็เคยได้ยินเื่น่าสนใจอยู่บ้าง
คุณชายจู หลานชายของนางเคย “เสียชีวิต” แล้วหนึ่งครั้ง ขณะนั้นคนทั้งตระกูลต่างโศกเศร้ายิ่งนัก จวนหลัวตงทั้งด้านนอกและด้านในถูกตกแต่งเรียบง่าย นายท่านใหญ่ที่ออกไปท่องยุทธภพก็ยังไปได้ไม่ไกลนัก กล่าวให้ชัดเจนคือนายท่านใหญ่ตั้งแผงขายยาต้มที่หน้าประตูตระกูลหลัว เมื่อพบว่ามีสิ่งผิดปรกติในจวนจึงเก็บแผงแล้วกลับเข้าจวน ได้ยินว่าคุณชายจูลูกชายของหลัวไป๋เฉียนเสียชีวิต ขณะตายก็มีร่างกายผ่ายผอมจนน่าใ นายท่านใหญ่จึง้าดูศพคุณชายจู
สามวันหลังคุณชายจูตาย นายท่านใหญ่ที่ได้ััตัวเขาก็บอกว่าหัวใจยังไม่เย็น แม้ภายนอกจะเหมือนคนตายทว่าเขายังไม่ตาย น่าจะพอมีทางช่วยเหลือได้ นายท่านใหญ่จึงนำศพคุณชายจูแช่ในน้ำมันงาอุ่นเป็เวลาหลายชั่วยาม จากนั้นก็เทส่วนผสมล้ำค่าหลายอย่างลงไปเพื่อถ่ายทอดฤทธิ์ยาทั้งหมดเข้าสู่ร่างกายโดยใช้น้ำมันงาเป็ตัวกลาง ผ่านไปสามชั่วยาม คุณชายจูก็ฟื้นคืนชีพอย่างปาฏิหาริย์ แม้แต่ดวงตาก็ยังลืมได้ เพียงแต่ยังผ่ายผอมจนหนังหุ้มกระดูก ต้องเลี้ยงดูอย่างระมัดระวังเป็เวลาหกเดือนจึงจะฟื้นตัว
ทุกคนล้วนดีใจมาก ทั้งยังสงสัยว่าคุณชายจูป่วยเป็โรคอะไรแน่? เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้?
หลัวไป๋เฉียนชื่นชมวิชาแพทย์ของท่านปู่ทวดมาโดยตลอดจึงเอ่ยถามเื่นี้กับเขา ขณะนั้นเหล่าไท่เหยียนั่งจิบน้ำชาในห้องนอนคุณชายจู หลังดื่มชาผลเกาลัดได้ครึ่งถ้วย จู่ ๆ ก็ย่นจมูกพลางเอ่ย “มีกลิ่นปัสสาวะในห้อง” ทุกคนที่ได้ยินก็ตกตะลึงทันที เมื่อดมอย่างละเอียดพบว่าเป็กลิ่นดังกล่าวจริง ต่งซื่อจึงเอ่ยอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน นี่คือห้องของเด็ก หากมีกลิ่นน้ำนมก็ไม่ใช่เื่แปลก
เอ้อร์ไท่ไท่ไหวศีรษะพลางเอ่ยเสียงแหลมจากลำคอ “นี่ไม่ใช่กลิ่นน้ำนม เหม็นยิ่งนัก คล้ายโชยมาจากใต้เตียงคุณชายจู” คุณหนูสี่คลี่ผ้าเช็ดหน้าพลางหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าหลานชายอายุสามขวบจะยังแอบฉี่ใต้เตียงอีก ฮ่า ๆ ๆ ไร้มารยาทเสียจริง
ต่งซื่อเดินไปยกฟูกนอนพลางบ่นพึมพำ ก่อนนั่งยองแล้วยื่นศีรษะลงด้านล่างเตียงเพื่อพิสูจน์ว่าลูกชายของนางบริสุทธิ์ เมื่อนางยื่นศีรษะเข้าไปได้ไม่ได้นาน ทุกคนก็พลันได้ยินเสียงกรีดร้องเสียดแทงแก้วหู ขาของต่งซื่อกำลังเตะบางอย่างก่อนเป็ลมล้มพับไป
หลัวไป๋เฉียนผู้เปี่ยมล้นด้วยจิติญญา “หากข้าไม่ลงนรกไปเสี่ยงอันตรายแล้วผู้ใดจะเสี่ยง” เขายื่นศีรษะมองเข้าไปใต้เตียง อยากรู้ว่าสิ่งของน่ากลัวอันใดที่ทำให้ภรรยาชั่วร้ายของเขาใจนเป็ลม แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเขายื่นหัวเข้าไปได้ไม่นาน เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลัวไป๋เฉียนวิ่งไปหลบหลังเหล่าไท่ไท่ ก่อนะโอย่างห้วน ๆ “หนู มันคือหนู หนูเยอะมาก รังหนูชัด ๆ”
คนชั้นสูงส่วนใหญ่ในตระกูลนี้หวาดกลัวหนู เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกจากเรือนด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ต่งซื่อที่เป็ลมอยู่บนพื้นก็ยังไม่สนใจ เหล่าไท่ไท่ตื่นตระหนกพลันร้องะโขึ้นฟ้า “เนี่ยชุน” ด้วยเหตุนี้เนี่ยชุนจึงลอยลงมา ก่อนทำลายรังหนูด้วยพลังเหนือธรรมชาติภายใต้คำสั่งของเหล่าไท่ไท่
กลุ่มคนนำโดยเหล่าไท่ไท่ต่างตกอยู่ในอาการหวาดกลัว พวกเขารีบวิ่งไปเอ่ยถามคุณชายจูในห้องถัดไปว่าเหตุใดจึงมีหนูมากมายอยู่ใต้เตียง คุณชายจูซูบผอมจนตาลึกโบ๋ เขาบอกกับทุกคนอย่างอ่อนแรง “พวกนางเป็...ลูกของท่านพี่...ท่านพี่บอกว่าท่านแม่รังเกียจพวกนาง เขาจึงไม่วางใจหากส่งให้ผู้อื่น...จึงทำได้เพียงให้พวกนางอยู่ใต้เตียงของตน...เขาจะยอมกินผักในถ้วยของข้าทั้งหมดเป็การแลกเปลี่ยน ข้าจึงอนุญาตให้เขาทำเช่นนั้น...”
ทุกคนจึงมองโดยรอบ ในที่สุดก็พบตัวคุณชายเว่ยที่ซ่อนอยู่หลังประตู เขาจ้องมองเนี่ยชุนเทพที่ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนร้องะโ “เ้าฆ่าลูกของข้า เ้าฆาตกร เ้าปีศาจ” เนี่ยชุนแค่นเสียงเ็าก่อนเอ่ย “คนโง่” พลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลัวไป๋เฉียนดุด่าลูกชายของตน “เหตุใดจึงนำสิ่งสกปรกและอันตรายเช่นนั้นไปซ่อนใต้เตียงของน้องชายเ้า?”
คุณชายเว่ยบอกอย่างไร้เดียงสา “เพราะท่านแม่เคยบอกว่าการนอนกับพวกนางจะทำให้ข้าไม่สบาย ข้ากลัวป่วยจึงให้พวกนางนอนกับน้องชาย พวกนางไม่เป็อันตรายสักนิด หนูพวกนี้มีอยู่ทั่วเรือนท่านป้า แต่ท่านป้าก็ยังอยู่ได้ถึงครึ่งปี ไม่เห็นจะป่วยเลยไม่ใช่หรือ?”
ทุกคนอึ้งไปพักใหญ่ คนแรกที่ได้สติคือคุณหนูสี่ นางกรีดร้องเสียงแหลม “อ๊ะ...ในเรือนเหอตังกุยมีหนูหรือ? ข้าเคยไปเรือนซีคั่วบ่อยครั้ง...ฮือ ๆ ๆ ”
ด้วยเหตุนี้ คนกลุ่มใหญ่เสียงดังเซ็งแซ่ต่างพากันเดินไปที่เรือนซีคั่วของเหอตังกุย ระหว่างทางเหล่าไท่ไท่ก็ไม่เห็นเหล่าไท่เหยียจึงกระซิบถามหยางมามา “ท่านผู้เฒ่าหลัวล่ะ?” หยางมามาเอ่ยรายงานเสียงเบา “เมื่อครู่หม่าโตวหลิงคนเฝ้าประตูเพิ่งรายงานว่าเหล่าไท่เหยียแต่งตัวเป็ขอทาน ไม่รู้เอาชุดมาจากที่ใด ทั้งยังโกนหนวดเครา ก่อนแอบออกจากจวนทางประตูข้าง แม้เหล่าไท่เหยียจะไม่มีเครา แต่หม่าโตวหลิงจำดวงตาสดใสของเหล่าไท่เหยียได้ จึงรู้ว่าคนผู้นั้นคือเขา”
เหล่าไท่ไท่ถอนหายใจ ในจวนเกิดเื่เช่นนี้แต่เขาในฐานะผู้าุโกลับมีเวลาว่างแต่งตัวเป็ขอทานไปเที่ยวเล่น? ช่างเถอะ อย่าเพิ่งพูดถึงเหล่าไท่เหยียจะดีกว่า “หงเจียง เหตุใดจึงเหลือพวกเราเพียงไม่กี่คน? ชวนป๋อเล่า? สะใภ้ใหญ่ไปไหน? คุณหนูใหญ่อี? คุณหนูรองและคุณหนูสี่เล่า? เหมยเหนียงครอบครัวสาขาสามไปไหน?”
หยางมามาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ต้าไท่เหยียและต้าไท่ไท่ใเื่เมื่อครู่มากจึงปวดหัวกะทันหัน ตอนนี้กลับไปพักผ่อนแล้วเ้าค่ะ เหล่าคุณหนูก็ทนเห็นสิ่งสกปรกเ่าั้ไม่ได้จึงกลับไปเรียนหนังสือที่ห้องหนังสือ เหล่าไท่ไท่จำไม่ได้หรือเ้าคะ? วันนี้มีมามาชั่งก่วนจากวังหลวงมาที่จวนของพวกเรา เพื่อสอนบทเรียนเื่มารยาทและการเย็บปักถักร้อยของสตรีให้เหล่าคุณหนูเ้าค่ะ”
เหล่าไท่ไท่แตะศีรษะของตน สองวันมานี้นางเสียใจเื่คุณชายจูจนลืมเื่นี้ไปเสียสนิท เกือบละเลยแขกผู้สูงศักดิ์เช่นมามาชั่งก่วนเสียแล้ว “หงเจียง เ้ารีบไปต้อนรับมามาชั่งก่วนแทนข้าที” หยางมามารับคำแล้วจากไป
กลุ่มเ้านายและบ่าวรับใช้ที่เดิมทีเป็กลุ่มใหญ่ ตอนนี้จึงเหลือเพียงเหล่าไท่ไท่ เอ้อร์ไท่ไท่และคุณชายใหญ่หลัวไป๋เฉียน พร้อมบ่าวรับใช้อาวุธครบมือกลุ่มหนึ่ง เหล่าไท่ไท่ตัวสั่นสะท้านทั้งที่อากาศไม่หนาวเย็น เมื่อนึกถึงคำที่คุณชายน้อยเว่ยบอกว่า “หนูพวกนี้มีทุกที่ในเรือน” นางจึงรีบเรียกเนี่ยชุนลงมาช่วย หลัวไป๋เฉียนกลัวหนูที่สุด ความจริงเขาอยากจะหนีไป แต่เดิมทีเื่นี้เกิดจากครอบครัวของเขา หากครอบครัวสาขาแรกไม่มาสักคนก็จะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เอ้อร์ไท่ไท่ที่ใกลัวสัตว์เ่าั้จนร้องไห้เมื่อครู่ยังมากับเหล่าไท่ไท่โดยไม่ลังเลสักนิด เขาตำหนิมารดาและบิดาที่ด่วนจากโลกเร็วเกินไป ตอนนี้ตนจึงทำได้เพียงเข้มแข็งเท่านั้น
ทันใดนั้นหลัวไป๋เฉียนก็นึกขึ้นได้ว่าสองวันก่อนตนได้ยินว่าคุณชายจูป่วยหนัก จึงรีบวิ่งไปดูอาการที่เรือนหลิวหลี่ แต่ระหว่างทางกลับลื่นล้มก่อนพบหนูฝูงใหญ่ในสวนดอกไม้ จึงนำเื่นี้ไปรายงานเหล่าไท่ไท่ทันที แต่เหล่าไท่ไท่กลับตัดสินใจว่าจะไปดูสถานการณ์ที่เรือนซีคั่วก่อนค่อยว่ากัน
ในเวลานี้ของชาติที่แล้วเหอตังกุยยังอยู่ในวัดเพื่อขัดเกลานิสัย สาวใช้สองสามคนที่เหลือในเรือนแทบทนรอไปรับใช้เ้านายคนใหม่ไม่ไหว เรือนซีคั่วจึงไม่มีใครทำความสะอาดมาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว สภาพทรุดโทรมเหมือนถูกทิ้งร้างมาหลายปี เมื่อถึงเรือนซีคั่ว ภายใต้คำแนะนำที่น่าใของเนี่ยชุน ทุกคนจึงค้นพบรังหนูที่ซ่อนอยู่ในห้องครัวเล็ก ห้องเก็บของ โถงด้านหน้าและด้านในห้องโถงบางส่วน ทำให้เหล่าไท่ไท่ เอ้อร์ไท่ไท่และหลัวไป๋เฉียนใจนวิ่งหนีออกจากเรือนทันที
เหล่าไท่ไท่สั่งให้บ่าวรับใช้ทุกคนฆ่าหนูทุกตัวในเรือนซีคั่ว ค้นหาทุกซอกทุกมุมในจวนตระกูลหลัวแล้วฆ่าหนูทุกตัวหลงเหลือให้สิ้นซาก จากนั้นก็ไปซื้อแมวตัวใหญ่สิบกว่าตัวเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้ เพื่อให้พวกมันฆ่าหนูให้หมดจากจวน
หลัวไป๋เฉียนคิดว่าลูกชายของเขาได้สิ่งสกปรกมาจากที่นี่แล้วนำไปวางใต้เตียงคุณชายจูจนทำให้ลูกชายเสียชีวิต หากไม่ใช่เพราะในบ้านมีเหล่าไท่เหยียที่มีวิชาการแพทย์สูงส่ง เขาคงต้องสูญเสียคุณชายจูไปตลอดกาลเป็แน่ คุณชายเว่ยเป็เพียงเด็กสามขวบ ยังไม่เข้าใจอันใดนัก แต่เหอตังกุยอายุสิบปีแล้ว ในเรือนของนางมีสิ่งสกปรกทั่วเรือน เหตุใดจึงไม่บอกผู้อื่นั้แ่เนิ่น ๆ ? หากกำจัดปัญหาเสียั้แ่แรก ครอบครัวสาขาแรกก็คงไม่ถึงขึ้นเกือบสูญเสียบุตรชายอันเป็ที่รักไป
เมื่อนึกถึงเื่นี้ หลัวไป๋เฉียนก็เดือดดาลทันที พลันรีบบอกเหล่าไท่ไท่ “ดูจากสถานการณ์ในเรือนของน้องสามแล้ว หนูเหล่านี้สร้างปัญหาไม่ต่ำกว่าหนึ่งหรือสองเดือน แต่น้องสามกลับไม่นำเื่ไปบอกทุกคน ทำให้คุณชายเว่ยนำสิ่งสกปรกเข้าเรือนหลิวหลี่จนเกือบฆ่าคุณชายจู คุณหนูสามทำเกินไปจริง ๆ ”
เหล่าไท่ไท่ใกลัวหนูที่คลานยั้วเยี้ย จึงเอ่ยตำหนิเหอตังกุย “เสี่ยวอี้ช่างไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรเสียจริง หากนางไปบอกป้าสะใภ้รอง นางคงส่งคนมาจัดการทำความสะอาดไปตั้งนานแล้ว เื่ก็คงไม่ร้ายแรงถึงเพียงนี้ ทำให้คุณชายเว่ยที่เป็เด็กดีมาโดยตลอดชอบหนูเ่าั้ในเรือนของนาง จนถึงขั้นนำมันไปไว้ใต้เตียงคุณชายจู ต้องเป็สัตว์เหล่านี้แน่นอนที่ทำให้คุณชายจูเป็โรคร้าย ดูสิ คุณชายจูซูบผอมเพียงใด”
ความจริงแล้ว ตอนคุณชายเว่ยบอกว่ามีหนูในเรือนของเหอตังกุยเมื่อครู่ เอ้อร์ไท่ไท่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครึ่งปีก่อนเหอตังกุยเคยบอกตนแล้วว่าในครัวเล็กของเรือนนางมีหนู นางจึง้าเบื่อหนูจำนวนหนึ่ง ในเวลานั้นคุณชายเว่ยก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาร้องไห้และขัดขวางไว้ บอกว่าหนูเ่าั้เป็สัตว์เลี้ยงของเขา มารดาของเขาไม่ยอมให้เลี้ยงในเรือนหลิวหลี่ เมื่อเห็นเขาร้องจะเป็จะตายตลอดเวลา มารดาจึงทำได้เพียงบอกให้เขาไปเลี้ยงที่อื่น เขาจึงเลือกห้องครัวในเรือนซีคั่วของเหอตังกุยเป็บ้านของพวกนาง
ขณะนั้นซุนซื่อเห็นท่าทีโมโหของคุณชายเว่ยจึงไม่กล้าพูด ทว่าในใจกลับพอใจยิ่งนัก ก่อนรีบปลอบใจคุณชายเว่ย “อย่าร้อง เราจะไม่ให้ยาเบื่อนางไปฆ่าลูกของเ้า แต่พวกเราจะไปที่ครัวแห่งนั้นแล้วมอบอาหารแสนอร่อยให้พวกมันอีก” กล่าวจบก็แสดงสีหน้าเ็าพลางเอ่ย “ข้างานยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวไปทำเื่อื่นได้ คุณหนูอี้อย่ามาวุ่นวายที่นี่” สิ้นเสียงก็ไล่เหอตังกุยกลับไป
เหอตังกุยมาขอยาเบื่อหนูบ่อยครั้ง แต่ซุนซื่อกลับมีความสุขที่ได้เห็นท่าทางกระวนกระวายของอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าหนูคือพาหะเชื้อโรค ไม่ใช่ของเล่นหรือสัตว์เลี้ยง แต่เรือนซีคั่วก็อยู่อีกมุมหนึ่งที่ไกลที่สุดของจวนตระกูลหลัว ห่างไกลจากเรือนตนนัก หนูเ่าั้ไม่สามารถวิ่งมาถึงเรือนนางแน่นอน เหอจิ้งเซียนเอ๋ยเหอจิ้งเซียน เฮอะ ๆ เ้าคงไม่เคยเห็นภาพนี้ใช่หรือไม่ ตอนนี้ลูกสาวของเ้าอยู่กับหนูทุกวัน นางอาจถูกหนูกัดตายเข้าสักวันก็เป็ได้ สิ่งที่เ้าติดค้างข้า ตอนนี้ข้าจะให้ลูกสาวของเ้าชดใช้มันแทนเ้าทีละนิด
เมื่อมองใบหน้ามืดทะมึนเต็มไปด้วยความเดือดดาลของเหล่าไท่ไท่และหลัวไป๋เฉียน ซุนซิ่งฮวาจึงหัวเราะเยาะในใจ “เฮอะ ผิดแล้ว ความจริงคือคุณชายเว่ยไม่ได้นำสิ่งเ่าั้มาจากเรือนเหอตังกุย แต่เขาเป็คนนำสิ่งเ่าั้ไปวางในเรือนเหอตังกุยต่างหาก ไม่เพียงข้าเท่านั้นที่รู้ แม่ของคุณชายเว่ยก็รู้เื่นี้ด้วย ทว่าตอนนี้มันกลายเป็เื่ใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว ข้าย่อมไม่มีทางยอมรับแน่ แม่ของคุณชายเว่ยก็คงสั่งกำชับลูกชายไม่ให้พูดเื่นี้ออกไป ดังนั้น...”
ซุนซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว “คิดไม่ถึงว่าในเรือนมีของสกปรกเหล่านี้แต่ข้ากลับไม่รู้เื่ คุณหนูอี้ทำเกินไปจริง ๆ เลี้ยงหนูไว้ในเรือนมากมายเพียงนี้ ไม่รู้คิดอันใดแน่ หรือ้าฆ่าพวกเราทุกคน? วันนี้ฆ่าคุณชายจู วันหน้าไม่รู้ใครจะเป็รายต่อไป จิตใจช่างโเี้นัก ไปที่ใดก็เป็ตัวหายนะทำร้ายทุกคน”
เมื่อหลัวไป๋เฉียนได้ยินซุนซื่อพูดรุนแรงเช่นนั้นก็รู้สึกผิดที่ตนตำหนิน้องสามมากเกินไป เขาจึงเอ่ย “น้องสามอาจเคยคิดรายงานเื่นี้ก็เป็ได้ แต่ยังไม่ทันรายงานก็เกิดอุบัติเหตุจนถูกส่งไปวัดสุ่ยซังเสียก่อน อย่างไรนางก็พูดน้อยที่สุดในตระกูล เป็ไปได้ว่านางคิดช้ากว่าคนอื่นจึงไม่ได้รายงานเื่นี้...”
เหล่าไท่ไท่เอ่ยแทรกคำพูดของเขาด้วยความโมโห “ไม่ว่ากรณีใดก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ในเมื่อเื่เกิดในเรือนคุณหนูอี้ ไม่ให้ตำหนินางแล้วจะให้ตำหนิผู้ใด? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สะใภ้ใหญ่เชิญซินแสหวงมาทำนายความฝันของคุณหนูอี้ที่ฝันว่า “นางเก็บถั่วเชื่อมที่เด็กสามคนทิ้งไว้ หลังกินเข้าไปก็กลับมามีชีวิต” คำทำนายนั้นไม่ใช่เื่ดีนัก ข้าได้ฟังก็กังวลใจไม่น้อย อีกทั้งตอนนี้นางก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ มิสู้ให้นางอยู่ที่วัดสุ่ยซังนานกว่านี้เป็การลงโทษ วัดคือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการขัดเกลานิสัย”
ด้วยเหตุนี้ เหอตังกุยในชาติก่อนจึงต้องขัดเกลานิสัยอยู่ในวัดสุ่ยซังนานถึงครึ่งปี เหล่าไท่ไท่จะสั่งซุนซื่อให้ส่งคนไปเยี่ยมนางทุกเดือนเพื่อดูว่าขาดเหลืออะไรบ้าง จากนั้นก็บริจาคให้ทางวัดสิบหรือแปดสิบตำลึง ขอให้พวกนางใส่ใจคุณหนูเหอให้มากขึ้น
แม้ซุนซื่อจะลงชื่อรับ “ค่าดูแล” ในบัญชีส่วนกลางทุกเดือน แต่นางกลับไม่เคยส่งเงินให้วัดแม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้เหอตังกุย “ผู้ไร้เดียงสา” ถูกแม่ชีไท่ซั่นและแม่ชีไท่เฉินรังแกอย่างหนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้