บรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลายไม่ปล่อยให้ลั่วเสี่ยวซีแอบอยู่แบบนั้นได้นานนัก
ในงานเลี้ยงไม่ได้ขาดหญิงสาวสุดเซ็กซี่ลั่วเสี่ยวซีก็ไม่ใช่คนที่เซ็กซี่ที่สุด หญิงสาวที่สวมชุดโป๊กว่าเธอก็มีเยอะแยะแต่ลั่วเสี่ยวซีชนะหญิงสาวเ่าั้ที่หน้าตาอันงดงามรวมถึงบรรยากาศรอบกายอันเป็เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ความเปิดเผยที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปบุคลิกสง่างามที่ถูกขัดเกลามาั้แ่เด็กใบหน้าที่งดงามผสมผสานระหว่างความอ่อนหวานและยั่วเย้าเป็ได้ทั้งนางฟ้าและซาตานในคนคนเดียวกันทำให้เธอกลายเป็เหยื่ออันโอชะที่คนทั้งงานพากันจับจ้องจะไขว่ขว้า
เธอเคยถ่ายแบบลงปกนิตยสารมาหลายเล่มถือเป็หัวข้อเปิดการสนทนาที่ดีมากสำหรับหนุ่มๆ ที่คิดจะเข้ามาทักทาย
บรรดาชายหนุ่มพากันเดินเข้าพูดคุยบางคนก็สื่อความหมายชัดเจน บางคนก็พูดแบบมีนัยลั่วเสี่ยวซีเคยเจอคำพูดประเภทนี้มาหมดแล้วและยังมีพวกมือปลาหมึกที่ชอบมาแต๊ะอั๋งอีก เป็อะไรที่เธอสะอิดสะเอียนมากที่สุด
ถ้าเป็เมื่อก่อนเธอคงจัดการพวกเขาจนหมอบไปแล้ว แต่ในเมื่อเธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงทางที่ดีเธอไม่ควรเป็ศัตรูกับใคร
ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำได้แค่สะบัดพวกมือปลาหมึกเ่าั้ให้หลุดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำซึ่งตอนนี้คงเป็ที่เดียวที่เธอสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้
แต่เธอไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่ซูอี้เฉิงพามาด้วยก็จะมาเข้าห้องน้ำเวลานี้เช่นเดียวกันหญิงสาวร่างบางกำลังยืนล้างมืออย่างตั้งอกตั้งใจ
ลั่วเสี่ยวซีเดินเข้าไปหาเธออย่างลืมตัวก่อนจะแกล้งเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างมือพลางลอบมองเธอคนนั้นผ่านกระจกเงา
รสนิยมของซูอี้เฉิงดูเปลี่ยนไปหญิงสาวคนนี้ดูอย่างไรอายุคงแค่ยี่สิบต้นๆ ดีไม่ดีอาจจะยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำใบหน้าขาวเนียนที่ดูใสบริสุทธิ์ไม่ว่าใครก็คงเกลียดไม่ลงเหมือนกับูเี่อันตอนสมัยเรียนไม่มีผิด
ผู้หญิงแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็คงถูกความสะอาดสะอ้านสบายตาของเธอดึงดูดหัวใจเอาไว้แน่
ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกหนักอึ้งที่หัวใจอีกครั้งหลังไม่ได้เป็มานานเธอปิดก๊อกน้ำก่อนจะเดินก้มหน้าออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็ดมือ
เธอก้าวเท้าอย่างรวดเร็วจนลืมไม่มองทางเลยเผลอไปชนคนอื่นเข้าให้
“โอ๊ย!”
เธอร้องออกมาก่อนจะโค้งศีรษะเป็การขอโทษ
“ขอโทษค่ะ”
“...”
อีกฝ่ายไม่พูดไม่จาหรือว่าที่เธอเดินชนจะไม่ใช่คน?
ลั่วเสี่ยวซีเงยหน้าขึ้นและช็อกไป
ซูอี้เฉิง...ทำไมบังเอิญแบบนี้เขากำลังรอคู่ควงของเขาอยู่อย่างนั้นเหรอ?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอก็เริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก จึงเอ่ยคำขอโทษซ้ำอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะชนนาย”พูดจบเธอก็ทำท่าจะเดินอ้อมตัวเขาไป
ซูอี้เฉิงรั้งมือเธอไว้“คนพวกนั้นกำลังหาตัวเธอ ออกไปตอนนี้ก็เท่ากับหาเื่ใส่ตัว”
“ถ้าฉันจะทำงานในวงการนี้ก็ควรทำตัวให้ชิน”ลั่วเสี่ยวซีพูดสีหน้าเรียบ “คิดซะว่าเป็การฝึกอย่างหนึ่ง”
เธอพยายามสะบัดมือออกมาแต่เขาไม่ยอมปล่อยพลางมองจ้องเธอ
“เสี่ยวซีเธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ”
ริมฝีปากของลั่วเสี่ยวซีขยับเล็กน้อย
มีสิเธอมีเื่จะพูดกับเขา เธออยากพูดกับเขามาตั้งนานแล้ว แต่ว่า...คู่ควงของเขาจะออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเข้าใจผิดก็ได้
เธอลองสะบัดมืออีกครั้งแต่ก็ยังไม่หลุดจนเธอเริ่มหงุดหงิด
“โอเค ฉันจะบอกก็ได้ที่คืนนั้นฉันเข้าไปกอดฉินเว่ยไม่ใช่เพราะเขาสำคัญกับฉันแต่เพราะฉันไม่อยากเห็นพวกนายสู้กันอีกแล้ว!”
“ทำไมตอนนั้นฉันไม่เข้าไปกอดนายน่ะเหรอ? ก็เพราะฉันรู้ว่าฉันกอดนายเอาไว้ไม่ได้แน่!ถ้าฉันเตือนฉินเว่ยเขาอาจจะฟังฉัน แต่ถ้าฉันเตือนนายนายมีแต่จะต่อยฉินเว่ยให้หนักกว่าเดิม!”
“ฉินเว่ยไม่มีทางสู้นายได้แต่เขาก็คงไม่ยอมจบง่ายๆ อนาคตอาจจะมาหาเื่อะไรนายอีกก็ได้”
“เพราะฉะนั้นฉันเลยเข้าไปกอดฉินเว่ยไว้เพราะไม่อยากให้นายเดือดร้อนภายหลัง ที่ฉันอยากพูดมีเท่านี้นายจะปล่อยฉันได้หรือยัง?”
ซูอี้เฉิงยิ้มมุมปากราวกับพอใจอะไรบางอย่างแต่เขายังคงกุมมือเธอไว้
“ยังมีอีกไม่ใช่เหรอที่เมื่อกี้เธออ้าแขนพร้อมรับทุกคนล่ะ มีอะไรจะอธิบายไหม”
ลั่วเสี่ยวซีไม่อยากอธิบายอะไรกับเขาทั้งนั้นแต่ที่บอกว่าเธออ้าแขนรับทุกคน มันหมายความว่าอย่างไร?!
“ซูอี้เฉิง!”ลั่วเสี่ยวซีผลักเขาอย่างโมโห “นายไปเห็นฉันอ้าแขนรับใครตอนไหน มีแต่พวกโรคจิตเข้ามาหาฉันทั้งนั้นต่อให้อยากปฏิเสธฉันก็ต้องทำอย่างมีมารยาท นายรู้ไหมว่าฉันต้องอดทนมากแค่ไหน”
ซูอี้เฉิงไม่สนใจกับคำอธิบายของลั่วเสี่ยวซีสักเท่าไรเขายิ้มมุมปากอย่างมีนัย
ต้องแบบนี้สิลั่วเสี่ยวซีต้องเป็แม่สิงโตสาวแบบนี้ถึงจะถูก ลั่วเสี่ยวซีคนที่ยิ้มกลบเกลื่อนความไม่พอใจอย่างมีชั้นเชิงแบบเมื่อกี้เขาไม่ชอบเลยสักนิด
ทางด้านลั่วเสี่ยวซีเธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่กัน จึงได้แต่หงุดหงิดก่อนจะพูดออกมา
“นายนี่มันพิลึกคน!”
ซูอี้เฉิงออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อรั้งลั่วเสี่ยวซีเข้าสู่อ้อมกอด
“เธอไม่ได้ดื่มเหล้าเลยเพราะอะไร?”
“ฉัน...”ลั่วเสี่ยวซีกำลังจะพูด แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่ามันแปลกๆ“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้กินเหล้า? นายจ้องฉันอยู่ตลอด?”
ซูอี้เฉิงก้มหน้าเข้ามาใกล้“เสี่ยวซี บอกฉันมา เพราะอะไร?”
ลั่วเสี่ยวซีมีส่วนสูงที่น่าภูมิใจแถมตอนนี้เธอยังสวมรองเท้าสูงกว่าสิบเิเ คนที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเิเแบบซูอี้เฉิงถ้าพูดตามจริงแล้วเขาไม่ควรทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกดดันแบบนี้ได้
แต่บรรยากาศรอบกายเขาทำให้เธอปั่นป่วนลมหายใจของเขา ไออุ่นของเขา เธอรู้สึกร่างกายเหมือนจะหมดแรง
ยังดีที่เธอยังพอเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาได้
“ทำไมฉันต้องบอกนาย?” เธอพูดพลางเชิดหน้า“ฉันอยากดื่มอะไรมันก็เื่ของฉัน นายไม่เกี่ยว”
ใบหน้างามที่แสนเย่อหยิ่งน้ำเสียงที่ไม่ยอมแพ้ใครของเธอนั้นซูอี้เฉิงคุ้นเคยดี
ถึงลั่วเสี่ยวซีจะเปลี่ยนไปแต่หากใครมายั่วโมโหเธอเธอก็ยังคงเป็สิงโตสาวที่พร้อมจะกัดฝ่ายตรงข้ามอยู่ทุกเมื่อ
“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนาย...”ลั่วเสี่ยวซีชี้ไปทางห้องน้ำ “คู่ควงของนายคงใกล้จะออกมาแล้วถ้าไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด ทางที่ดีนายควรปล่อยฉันเสียที!”
“ทำให้คู่ควงฉันเข้าใจผิดจนหนีกลับไปไม่ใช่สิ่งที่เธออยากเห็นหรือไง” ซูอี้เฉิงยังไม่ยอมปล่อยเขายิ่งกุมมือเธอเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม
ลั่วเสี่ยวซีโมโหจนพูดไม่ออก“ซูอี้เฉิง นายเป็บ้าอะไรของนาย? นายไม่รู้สึกว่าตัวเองแปลกบ้างเหรอที่ทำแบบนี้? เมื่อกี้นายยังทำเป็ไม่รู้จักฉันอยู่เลยแล้วตอนนี้ดันมาจับตัวฉันไว้ไม่ปล่อย มันหมายความว่ายังไง?”
ซูอี้เฉิงจ้องลึกลงไปในั์ตาของเธอก่อนจะพูดออกมาหลังนิ่งไปนาน
“ลั่วเสี่ยวซีเธอนี่มันโง่ชะมัด”
เขายังจะกล้าว่าเธออีกเหรอ? ลั่วเสี่ยวซีชักจะทนไม่ไหว!
เธอดึงมือซูอี้เฉิงขึ้นมาทำท่าจะฝังเขี้ยวลงไปแต่กลับถูกซูอี้เฉิงเชยคางขึ้นพร้อมประทับจูบลงมาแทน...
“อื้อ...”
ลั่วเสี่ยวซีเบิกตากว้างเธอช็อกไปและเริ่มดิ้น
ทำไมเื่ถึงกลับกลายเป็แบบนี้ไปได้เมื่อกี้ต้องเป็เธอที่กำลังจะกัดเขาไม่ใช่เหรอ?
ในเมื่อกัดมือเขาไม่ได้งั้นก็กัดส่วนอื่นที่น่าจะได้แผลง่ายกว่าแล้วกัน
ว่าแล้วเธอจึงกัดริมฝีปากของเขาซูอี้เฉิงร้องซี้ดออกมา
“ลั่วเสี่ยวซี!”
“เืไม่ออกเหรอ?”ลั่วเสี่ยวซีมองริมฝีปากของเขาที่แดงขึ้นเล็กน้อยอย่างพิจารณา
“แสดงว่าฉันกัดเบาไปหน่อยสินะถ้านายกล้าแตะต้องฉันอีก ฉันจะ...อื้อ...”
เธอยังพูดไม่ทันจบก็ถูกรั้งเอวเข้าสู่อ้อมกอดเขาอีกครั้งคราวนี้เรียวปากบางถูกเขาอย่างดุดันกว่าเดิม
ซูอี้เฉิงค่อยๆ รุกล้ำเข้าไปหาความหวานในเรียวปากบางเธอจะขัดขืนอย่างไรก็ไม่ได้ผล จึงกัดริมฝีปากเขาอีกรอบแต่ซูอี้เฉิงก็ไม่ยอมปล่อยเสียที จนเธอััได้ถึงรสชาติความคาวของเื
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนซูอี้เฉิงถึงยอมปล่อยเธอเธอยกมือจัดผมที่ยุ่งไปเล็กน้อย ริมฝีปากของซูอี้เฉิงยังคงมีเืไหล
“นายบ้าไปแล้วเหรอ?”เธอเพิ่งเคยตะคอกซูอี้เฉิงแบบนี้เป็ครั้งแรก มือที่ทิ้งอยู่ข้างกายขยับเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเอื้อมไปััแผลของเขา
“เสี่ยวซีฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร” ซูอี้เฉิงกล่าว
“...”ลั่วเสี่ยวซีมองหน้าซูอี้เฉิงพลางคิด เขาบอกว่าเขารู้ตัวว่าทำอะไรลงไปนี่เขาหมายความว่าอย่างไร?
คืนนั้นเขาเดินออกจากห้องเธออย่างไม่ลังเลวันต่อมาก็ตัดสายเธออย่างไม่ไยดี จนเธอมั่นใจว่าเขาคงไม่สนใจเธออีกแล้วแต่สิ่งที่เขาพูด ที่เขาทำในตอนนี้ เขา้าจะสื่ออะไรกันแน่?
“เธอช่วยรอฉันก่อนได้ไหม”ซูอี้เฉิงกล่าว “หลังจบรายการ TopModel ฉันจะไปหาเธอ”
“ฉันรู้เื่ทุกอย่างแล้ว”ลั่วเสี่ยวซีหลุบตาลง “วันที่ฉันเข้าวงการวันแรกนายจองร้านอาหารเอาไว้รวมถึงเื่ที่นายไปคุยกับพ่อ พ่อบอกฉันทุกอย่าง แต่ว่าซูอี้เฉิงฉันทำข้อมูลของบริษัทนายรั่วไหล ฉันสร้างความเสียหายให้กับพวกนายมากขนาดนั้นเราสองคนไม่มีทางคบกันได้ ฉันคงไม่มีหน้าจะไปเหยียบเครือเฉิงอันอีกแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”ซูอี้เฉิงจ้องลั่วเสี่ยวซีนิ่งอยู่นานพลางประคองแก้มของเธอ
“เสี่ยวซีเื่นี้ไว้ทีหลังฉันจะอธิบายให้ฟัง แต่่นี้เธอรอฉันก่อนได้หรือเปล่า”
ตอนนั้นเองเสียงไอก็ดังขึ้นจากในห้องน้ำ ตามด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เข้ามาใกล้
ตอนที่ลั่วเสี่ยวซีเข้าไปในห้องน้ำมีเพียงคู่ควงของเขาคนเดียวที่อยู่ในนั้น ตอนนี้เธอกลับออกมาแล้ว!
ลั่วเสี่ยวซีผลักซูอี้เฉิงให้ออกห่างก่อนจะเดินกลับเข้าห้องจัดเลี้ยงไป
“นานจริงๆ เลย”หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเท้าตรงมา “เธอถามหรือเปล่าว่าฉันกับพี่เป็อะไรกัน?”
ซูอี้เฉิงยักไหล่ก่อนตอบ“เธอไม่เห็นน้องเป็คู่แข่งด้วยซ้ำ”
“เชอะ อย่ามา!”หญิงสาวพูดแทงใจดำซูอี้เฉิงทันที “คนเขาไม่สนใจว่าพี่จะมีคู่ควงหรือเปล่าต่างหากเมื่อก่อนเวลามีผู้หญิงโผล่มาข้างกายพี่ เธอก็รีบวิ่งมาก่อกวนทันทีแต่ตอนนี้ไม่เป็แบบนั้นอีกแล้ว พี่คงไม่ชินล่ะสิ”
“ไม่ชิน?” ซูอี้เฉิงขมวดคิ้ว “เปล่านะ”
เขาก็แค่รู้สึกหวั่นใจนิดหน่อย
เมื่อกี้ที่ลั่วเสี่ยวซีเจอเขาเขานึกว่าเธอจะเดินยิ้มแป้นเข้ามาหา ใครจะไปคิดว่าเธอกลับเดินหนีออกไป วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียของล้ำค่าที่เก็บรักษามานานไป
ตอนแรกเขาวางแผนว่าก่อนที่รายการ Top Model จะจบลงจนกว่าเขาจะจัดการเื่นั้นให้เรียบร้อย เขาจะไม่ไปหาลั่วเสี่ยวซีอีกแต่เมื่อเห็นเธอที่กำลังรับมือกับชายหนุ่มหื่นกามพวกนั้นแล้วเขาก็อดกำหมัดอย่างอดกลั้นไม่ได้
“พี่หึงใช่ไหมล่ะ!”ในตอนนั้น อวิ๋นอวิ๋นที่ควงแขนเขาอยู่ก็พูดขึ้นมา
หึง?
คำนี้ไม่เคยมีในพจนานุกรมของซูอี้เฉิงมาก่อน
แฟนเก่าคนก่อนๆ ของเขายังไม่เคยทำให้เขารู้สึกหึงได้สักครั้งแม้จะเลิกรากันไปแล้ว เวลาเขาเห็นพวกเธออยู่กับชายอื่นอย่างใกล้ชิดเขาก็ไม่เคยรู้สึกอะไร ถึงแม้ตอนคบกับพวกเธอ เขาจะไม่เคยนอกใจเลยก็ตาม
เวลามีใครถามเขาว่าอี้เฉิง นายเคยหึงใครหรือเปล่า?
เขาก็มักจะส่ายหน้าสิ่งที่เขาชอบที่สุดคือความสบายใจ ไม่ต้องมีใครเป็ภาระ เวลาจากกันก็จากกันด้วยดีต่อให้เจอกันในภายภาคหน้าก็ยังสามารถยิ้มให้กันได้
เพราะฉะนั้นการหึงคืออะไร รู้สึกอย่างไร เขาไม่เคยเข้าใจ
จนกระทั่งเมื่อกี้เขาถึงได้ััว่าความหึงทำให้เขาต้องพยายามใช้สติควบคุมความโกรธเอาไว้
ถ้าเขาไม่พอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างเขาคงพุ่งตัวเข้าไปจัดการพวกบ้ากามที่ยืนล้อมลั่วเสี่ยวซีไปแล้ว
“พี่คะหนูจะบอกอะไรให้อย่าง” อวิ๋นอวิ๋นควงแขนซูอี้เฉิงพลางยิ้มอย่างใสซื่อ
“การที่เราหึงใครแสดงว่าเราชอบคนคนนั้นจากใจจริงนะคะ”
