หลี่ลู่ลู่มองเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของหลี่เทียนเผิงได้อย่างชัดเจน แล้วเธอก็คิดไปถึงบรรยากาศอึมครึมในตอนที่เธอเพิ่งจะเข้ามา เธอเดาว่าระหว่างพวกเขาคงจะมีความขัดแย้งกันเนื่องมาจากสาเหตุอะไรบางอย่าง เธอรีบยกยิ้มให้ซูเฟยเฟยแล้วพูดออกไป “เฟยเฟย ดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังไม่รู้จักกันเลยนะ คนนี้คือพี่ชายของฉันที่ฉันเคยพูดให้เธอฟังไง........”
“ไม่ต้องแนะนำแล้วล่ะ ฉันรู้แล้ว” เสียงของซูเฟยเฟยกลายเป็แข็งกระด้าง จากนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ “พี่ชายของเธอคนนี้ดูไม่เหมือนกับที่เธอเคยเล่าไว้เลยนะ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว แล้วฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรแล้วด้วย ให้พี่ชายของเธอจ่ายเงินค่าแพ้พนันมาสามร้อยล้านซะ แล้วพวกเราจะได้ไปกันซักที”
“ห๊ะ......ห๊ะ!? สาม.......สามร้อยล้าน? เธอพูดอะไรน่ะ?” ดวงตาและปากของหลี่ลู่ลู่อ้าปากกว้าง เธอจะคิดว่าหูของตัวเองอาจจะมีปัญหา
แต่ซูเฟยเฟยก็พูดซ้ำอีกครั้ง “สามร้อยล้าน! พี่ชายของเธอท้าแฟนของฉันเล่นพนัน ผลก็คือเขากากมาก แพ้พนันไปตั้งสามร้อยล้านแต่ตอนนี้กลับจะเบี้ยวซะงั้น แล้วยังจะมาบังคับให้พวกเรากลับไปอีก พี่ชายที่เธอพูดไว้ดีเลิศขนาดไหนฉันได้เห็นหมดแล้วล่ะ”
“สาม....สาม........สามร้อยล้าน? พี่คะ พี่แพ้พนัน......สามร้อยล้านจริงๆเหรอ?” หลี่ลู่ลู่พูดติดๆขัดๆ เธอมองไปที่หลี่เทียนเผิงอย่างอึ้งๆ ตัวเลขมหาศาลขนาดนั้นมันสามารถทำให้เธอเป็ลมล้มลงไปตรงนั้นได้เลย
“หึ!” หลี่เทียนเผิงหัวเราะออกมาเสียงเย็นแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ในใจของเขายังคงสับสนว่าควรจะจบเื่นี้อย่างไร หลังจากที่เขามองซูเฟยเฟยเขาก็ได้แต่นึกเสียใจทีหลังที่ไม่ตรวจสอบที่มาที่ไปของฝ่ายตรงข้ามให้ละเอียดก่อนจะลงมือ
เสียงหัวเราะนั่นเท่ากับการยอมรับไปโดยปริยาย หลี่ลู่ลู่มองไปทางซูเฟยเฟยอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร จิตใต้สำนึกของเธออยากจะเอ่ยปากขอร้องออกไป เธออยากจะพูดออกไปอย่างหน้าด้านๆว่า “แค่การเล่นแค่ขำๆไม่น่าจะถือเป็จริงเป็จังอะไร” แต่เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธของซูเฟยเฟยเธอก็เกิดอาการไม่อาจสู้สายตาขึ้นมา จากนั้นเธอจึงเบนสายตาไปยังเย่เทียนเซี่ยที่ยืนปิดปากเงียบมาโดยตลอด........ ในที่สุดเธอก็ได้มองสำรวจเขาอย่างเต็มตา
เพราะเขาพี่ชายของเธอถึงได้สูญเสียเงินถึงสามร้อยล้าน........หลี่ลู่ลู่คิดอยู่ในใจอย่างโกรธแค้น ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้วไม่จำเป็ต้องอธิบายอะไรให้มากมาย แม้ว่าหลีเทียนเผิงจะเป็คนเริ่มก่อนและตามมาด้วยการแพ้อย่างหมดรูปเธอก็ยังคงมองไปที่เย่เทียนเซี่ยด้วยความเกลียดชังเต็มเปี่ยม เธอต้องเกรงหลัวซูเฟยเฟยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผู้ชายที่มองยังไงก็ไม่มีกลิ่นอายอันสูงส่งคนนี้เธอไม่จำเป็ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น แม้ว่าเขาจะเป็แฟนหนุ่มของซูเฟยเฟยก็ตาม............. เพราะเธอเพิ่งจะพบกับซูเฟยเฟยเมื่อสิบวันก่อนเธอจึงคิดไม่ถึงว่าซูเฟยเฟยจะมีแฟนแล้ว เธอจะไม่พูดว่ามันเป็เื่จริงไหม ต่อให้เป็เื่จริงแต่มันก็เป็เพียงเวลาสั้นๆเท่านั้น ด้วยมุมมองและการใช้ชีวิตของเธอ แฟนหนุ่มก็เป็แค่ของเล่นขั้นเวลาที่หามาและโยนทิ้งไปเมื่อไรก็ได้เท่านั้น แต่หากเอาความคิดและจิตใจของเธอไปตัดสินความคิดของซูเฟยเฟย........ เย่เทียนเซี่ยก็เป็แค่ไอ้หนุ่มหน้าขาวที่ซูเฟยเฟยหิ้วมาชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ผู้หญิงที่เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยคนไหนบ้างจะไม่เคยเล่นเกมแบบนี้ โดยเฉพาะเธอที่เป็ลูกสาวคนเดียวของเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย หลี่ลู่ลู่ไม่คิดว่าซูเฟยเฟยจะฉีกหน้าเธอเพื่อผู้ชายคนนี้จริงๆ
“นี่ นายชื่ออะไรน่ะ!”หลี่ลู่ลู่เอ่ยปากถามเย่เทียนเซี่ยออกไปอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ยท่าทางก้าวร้าวของเธอก็ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด เธอเคยชินกับชีวิตที่เรียกว่า “สังคมชั้นสูง” รสนิยมการแต่งตัวของคนๆหนึ่งได้กลายเป็มาตรฐานในการตัดสินว่าพวกเขามาจากครอบครัวแบบไหน ชุดของเย่เทียนเซี่ยที่ปกติเธอไม่เคยชายตาแลสักนิดทำให้เธอไม่ชอบมันเอาซะเลย......... อีกทั้งดูยังไงเขาก็เหมือนกับไอ้หนุ่มหน้าขาวที่ซูเฟยเฟยเลี้ยงเอาไว้เท่านั้น
ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่นั่งเล่นเล็บตัวเองเงียบๆอยู่ตรงนั้น
เย่เทียนเซี่ยไม่ถือสาท่าทางหาเื่หรือความโกรธที่ไม่ได้เป็ที่สนใจของเธอ นั่นทำให้เสียงแหลมของหลี่ลู่ลู่ะโแว๊ดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันถามนายนะ หูหนวกหรือยังไง!!”
เย่เทียนเซี่ยไม่ต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิง ลูกผู้ชายที่แท้จริงจะไม่ทำเช่นนั้นกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จัก
แต่เย่เทียนเซี่ยไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก และยิ่งไม่ใช่สุภาพบุรุษซะด้วยสิ
หลี่ลู่ลู่เพิ่งะโจบไปเย่เทียนเซี่ยที่ก้มหน้าอยู่เล็กน้อยก็มองไปที่เธอ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปลี่ยนเป็ดำมืดทันทีที่จ้องสบตาของเธอ ทันทีที่ถูกดวงตาคู่นั้นจดจ้องลมหายใจของหลี่ลู่ลู่ก็ชะงักไป เธอรู้สึกราวกับมีดปลายแหลมอันคมกริบสองเล่มปักเข้าที่คอของเธอ ความหวาดกลัวก่อนเกิดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ ทั่วทั้งร่างของเธอเย็นเฉียบ ริมฝีปากขาวซีด ขาของเธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ
บรรยากาศเย็นเยียบถูกปลดปล่อยออกมาโดยมีร่างของเย่เทียนเซี่ยเป็ศูนย์กลางปกคลุมกลุ่มคนที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดเอาไว้ทำให้ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บรรยากาศโดยรอบอยู่ดีๆก็เปลี่ยนเป็เย็นเยียบ.......มันเป็ความเย็นเยียบอย่างถึงที่สุดและพวกเขาทุกคนก็ััได้ถึงสิ่งที่เรียกว่า “บรรยากาศ” นั้นได้เหมือนกัน
ในตอนนี้สามตาทั้งหมดล้วนมองไปทางเย่เทียนเซี่ยอย่างตกตะลึงและสั่นไหวแตกต่างกันไป.......... ผู้ชายที่ปลดปล่อยไอเย็นออกมาอย่างกะทันหันคนนั้น ตอนนี้ภายใต้บรรยากาศที่เปลี่ยนเป็เย็นเยียบอย่างกะทันหันคนโง่อย่างพวกเขาก็รู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา.............
หลี่เทียนเผิงยืนขึ้นเขาคว้าแขนของหลี่ลู่ลู่ที่ขาสั่นไปหมดด้วยบรรยากาศและสายตาของเย่เทียนเซี่ย สีหน้าของเขาตกตะลึง ไม่ไกลจากเย่เทียนเซี่ยนัก ซูเฟยเฟยที่รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเย่เทียนเซี่ยก็คว้าแขนของเขาไว้แน่นแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ “เทียนเซี่ย........นาย.......... อย่าเพิ่งโกรธนะ ปกติเธอก็พูดจาแบบนี้อยู่แล้ว...........”
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจเื่หนึ่งขึ้นมาทันที...........เขาช่างเป็ผู้ชายใจแคบจริงๆ เพียงโดนฝ่ายตรงข้ามะโใส่แค่ประโยคเดียวว่า “นายหูหนวกหรือไง” ความโกรธของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นมาถึงระดับนี้แล้ว............ ที่แท้เขาก็จะไม่ยอมลงให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว
“เธอวางใจเถอะ ฉันเกลียดผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิง” เย่เทียนเซี่ยจ้องมองไปที่หลี่ลู่ลู่ที่ถูกหลี่เทียนเผิงดึงไปด้านหลังอย่างปกป้องแล้วพูดออกมาเสียงเย็น เมื่อเขาพูดประโยคนั้นจบหลี่เทียนเผิงและหลี่ลู่ลู่ที่มีท่าทางกังวลก็ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย หลีเทียนเผิงไม่ใช่คนโง่ คนที่สามารถปลดปล่อยบรรยากาศแบบนี้ออกมาได้.............. จะต้องเป็ยอดฝีมือ และยังเป็ยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ซูเฟยเฟยยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากชมเขาแม้แต่ประโยคเดียวทันใดนั้นร่างที่อยู่ตรงหน้าของเธอก็หายไป เย่เทียนเซี่ยเดินจากไปราวกับภูติผีแล้วปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหลี่เทียนเผิงตามด้วยเสียงตบดังก้องและเสียงกรีดร้องแหลมสูงเหมือนหมูถูกเชือดที่ดังขึ้นมาข้างหู
ร่างของหลี่ลู่ลู่อึ้งค้างเมื่อถูกตบหน้าหันไปสามร้อยหกสิบองศาก่อนจะซวนเซทรุดลงบนพื้น ใบหน้าซีกขวาของเธอปรากฏสีแดงเื ฟันสองซี่หลุดออกมาจากปากของเธอ ใบหน้าด้านขวาของเธอปูดบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอหรี่เล็กลง เห็นได้ชัดว่าการถูกตบหนึ่งครั้งทำให้เธอถึงกับงุนงง
ดวงตาของซูเฟยเฟยเบิกตากว้าง ปากของเธออ้าค้างอย่างไม่รูจะทำอย่างไรดี
เย่เทียนเซี่ยยกมือขวาขึ้นมาแล้วเป่าลมเบาๆไปที่ฝ่ามือก่อนจะพูดออกมาเสียงเย็น “ต่อไปก่อนจะพูดอะไรออกมา ทางที่ดีควรจะคิดซะก่อนนะว่าจะพูดออกมายังไง”
หนึ่งฝ่ามือ จากนั้นเขาก็เดินกลับมาในตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่ก่อนหน้านี้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ราวกับไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้น
“นาย........นายไม่ได้บอกว่านายเกลียดผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงหรอกเหรอ?” ซูเฟยเฟยยืนอยู่ข้างกายของเขาแล้วถามออกไปเสียงอ่อน
“แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่ตีผู้หญิงนี่?” ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยมองไปแวบหนึ่งจากนั้นก็พูดออกมาด้วยใบหน้าใสซื่อ
“งั้นนาย.......... ต่อไปนายจะไม่ตีฉันอย่างนั้นเหรอ” ซูเฟยเฟยจิกปลายเสื้อแน่น เธอกัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดออกมาอย่างน่าสงสาร
เย่เทียนเซี่ยมองเธอยิ้มๆครั้งหนึ่ง “ฉันเป็บอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอนะ เพื่อเงินตั้งสามร้อยล้านฉันคงไม่กล้าตีเธอหรอก.....จริงๆแล้วฉันก็ไม่เคยตีผู้หญิงมาก่อนเหมือนกัน แต่ผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันอยากจะอวก ดังนั้นก็เลยทำลงไปโดยไม่ทันระวังน่ะ......” เย่เทียนเซี่ยยกยิ้มอย่างลึกลับแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ “หลังจากชื่อของเธอหลุดออกมา ฉันก็เห็นว่าหลี่เทียนเผิงนั่นเอาแต่ลังเลไม่รู้จะทำยังไงดี ดังนั้นฉันก็เลยช่วยเขาตัดสินใจไงล่ะ”
“อ๊าย!!” หลี่ลู่ลู่ที่ิญญากลับเข้าร่างแล้วร้องออกมาเสียงดังอย่างไร้สติ เธอยกมือหนึ่งขึ้นกุมใบหน้า ส่วนอีกมือก็ชี้มาที่เย่เทียนเซี่ยแล้วะโออกมาเสียงแหลม “มันตีฉัน........... มันตีฉัน!!! พี่ต้องจัดการมันให้ฉันนะ!!! พี่คะ!!!”
ใบหน้าหลี่เทียนเผิงกระตุก เขาะโออกมาเสียงดังแล้วชี้มาทางเย่เทียนเซี่ย “ฉันจะฉีกแกเป็ชิ้นๆ” แต่ยังดีที่เขายังรักษาสติของตัวเองเอาไว้ได้ค่อนข้างมากถึงได้พูดไปอีกประโยค “อย่าทำร้ายคุณหนูซูนะ!”
ทันใดนั้นผู้คนนับสิบที่กำลังอึ้งกันอยู่ก็เหมือนตื่นจากฝัน ผู้หญิงทั้งหมดรีบถอยออกไปอย่างรีบร้อน ผู้ชายก็รีบขยับเข้ามาด้านหน้า บางคนก็เข้ามาด้วยมือเปล่า บางคนก็เข้ามาพร้อมกับโต๊ะและเก้าอี้ และบางคนก็หยิบอาวุธที่ซ่อนเอาไว้กับตัวพุ่งมาทางเย่เทียนเซี่ย คุณหนูใหญ่ถูกตบ........ เื่แบบนี้ยอมไม่ได้!!
เย่เทียนเซี่ยยกยิ้มมุมปากก่อนจะรวบเอาซูเฟยเฟยเอาไว้ล้วก้มหน้าจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างชัดเจนแล้วพูดออกมา “คุณหนูซู รู้สึกตื่นเต้นหรือเปล่า”
“อื้ม!” ซูเฟยเฟยพยักหน้าแรงๆ รู้สึกได้ถึงมือของเย่เทียนเซี่ยที่โอบอยู่บนเอวของเธอ และแล้วความร้อนก็แล่นริ้วขึ้นมาทำให้เธอเกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าหลงใหล นี่เป็.........ครั้งแรกที่เขากอดเธอ ก่อนหน้านี้เธอพูดเองเออเองมาตลอดว่าเย่เทียนเซี่ยคือแฟนของเธอ นั่นไม่ได้เป็การล้อเล่น แต่ว่า.......มันคือความปรารถนาในใจของเธอ เป็ความปรารถนาที่เธอพูดออกมานั้นจะทำให้หัวใจของเธอเต้นถี่รัวทุกครั้ง และตอนนั้นเองในที่สุดเธอก็มั่นใจว่าตัวเองชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ
จะตีกันแล้วเหรอ? เธอกรีดร้องในใจ ร่างของเธอแนบชิดกับเขา ในชีวิตของเธอเคยผ่านประสบการณ์เสี่ยงตายมาแล้วมากมาย เธอปรารถนาให้ตัวเองได้รับการปกป้อง......... ปรารถนาให้ผู้ชายที่อยู่ข้างกายของเธอใช้ร่างกายปกป้องเธอและเอาชนะศัตรูทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ............
สายลมบางเบาพัดเข้ามาจากทางด้านหน้า ด้านหลัง และด้านขวาพร้อมๆกัน ร่างของเย่เทียนเซี่ยกอดซูเฟยเฟยเอาไว้เบาๆก่อนจะใช้เท้าของเขาเตะเก้าอี้ให้กระเด็นออกไปทีละตัวๆ เพียงแค่ได้ยินเสียง “ปั้งๆ” ของเก้าอี้ที่ปะทะเข้ากับแขนของกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหนัก หลังจากนั้นก็ยังปะทะเข้ากับอีกสี่คนอย่างไม่หยุดหย่อน และทุกครั้งที่มันเข้าปะทะจะต้องนำมาซึ่งเสียงกระดูกแตกหักอย่างชัดเจนทำให้คนที่ได้ยินถึงกับอึ้งไปทันที
แรงปะทะหนักหน่วงกระทบลงบนหลังของเย่เทียนเซี่ย เย่เทียนเซี่ยยกยิ้มมุมปากอย่างดูถูก บริเวณที่ถูกกระแทกไม่มีความเ็ปพุ่งขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่คนที่ทำการโจมตีกลับกุมมือตัวเองแน่นแล้วร้องออกมาด้วยความเ็ปเหมือนหมูถูกเชือด.......... มันคือการโจมตีอย่างรุนแรงที่หลังด้วยพลังทั้งหมดแต่มันกลับรู้สึกเหมือนกระแทกเข้ากับก้อนหินแข็งๆก้อนหนึ่งจนทำให้เขาเกือบจะรู้สึกว่ากระดูกของตัวเองถูกทำให้แตกไปเล็กน้อย
