ข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วนั้นทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และข้ารับใช้ในราชสำนักตระหนักว่า การเข้าไปยุ่งกับเด็กคนนั้นโดยไม่มีแผนการล่วงหน้าชะตาชีวิตจะเป็เช่นไร เพราะเื่เกิดจากการเข้าไปยุ่งกับบุคคลที่ไม่ควรยุ่งถึงได้ถูกลงโทษเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะถูกอีกฝ่ายขอไว้คงอาจจะตายไปแล้วก็เป็ได้ เสียงซุบซิบนินทาจากมีเพียงในวังหลวงก็ถูกส่งต่อไปหัวเมืองน้อยใหญ่จนรับรู้กันทั่วจักรวรรดิภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
"ท่านไวท์ขอรับ จะได้เวลาลงไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว"
"อืม"
วันนี้คือวันที่มาในรอบหนึ่งเดือนที่จะมีงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่สักครั้งในวังหลวง ซึ่งในวันนี้ทุกคนตั้งใจจะประกาศการหมั้นหมายอย่างเป็ทางการในตอนแรกเป็อันต้องล้มเลิกเพราะว่ามีการสอบถามคุณชายริค ไวท์ ว่า้าจะหมั้นหมายกับใครกันแน่ หรือมีใจให้กับใครให้ตัดสินใจให้ดี ทุกคนรอฟังคำตอบกันอยู่ในงานเลี้ยงครั้งนี้
"ท่านพี่คิดว่าไวท์จะเลือกใครมาเป็คู่ครองกัน" ครอสถามด้วยความอยากรู้
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานอกจากพวกเราที่ไปมาระหว่างวังหลวงกับเมืองที่ดูแลเพื่อมาหาอีกคน แต่ก็ดูไม่ออกเลยว่ามีใจให้กับใคร" คลาสบอกพลางถอนหายใจ
"คงต้องให้เ้าตัวมาให้คำตอบแล้วล่ะ"
"อืม ข้าก็ว่าแบบนั้นแหละครอส"
บรรยากาศภายในงานเลี้ยงยังไม่แตกต่างไปจากเดือนอื่นๆ มากนัก เพียงแค่เหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดมารวมตัวกันเหมือนรู้อะไรบางอย่าง ทำให้เหล่าขุนนางเริ่มกังวลว่ามีเื่อะไรจะประกาศหรือเปล่า ยังไม่รวมถึงสมาคมผู้าุโที่นานๆ ทีจะปรากฎก็ดันมาเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน มีลางบอกเหตุอะไรกันหรือเปล่า
"จักรพรรดิพะยะค่ะ ทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว"
"เริ่มเลยหรือไม่พะยะค่ะ"
"เริ่มงานเลยสิ คงจะหิวกันแย่แล้ว"
"พะยะค่ะ"
่เปิดตัวเต้นรำนั้นองค์รัชทายาทจะต้องเลือกใครสักคนมาร่วมเปิดฟลอร์ในครั้งนี้เพื่อให้งานดำเนินอย่างเป็ทางการ แม้ว่าหลายคนคาดหวังที่จะให้เป็ตนเองก็เหมือนจะเป็ไปได้ยากเพราะว่าพระองค์เดินตรงไปหาบุคคลที่มีรูปร่างสูงโปร่งในหมู่เชื้อพระวงศ์เสียแล้ว
"ไวท์ มาเป็คู่เต้นรำกับข้าได้ไหม" รัชทายาทเอ่ยถามพลางยื่นมือออกไป
"แต่ข้าเต้นเป็แต่แบบผู้ชายนะพะยะค่ะ" ไวท์ตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะว่าถูกฝึกมาแบบคุณชายตลอดหนึ่งเดือน เื่การจะเต้นแบบผู้หญิงแทบจะเป็ไปไม่ได้เลย
"เต้นแบบผู้ชายมันก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก มาเถอะ" ไวท์พยักหน้าแล้วส่งมือไปให้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ถึงจะเป็การเต้นระหว่างชายกับชายที่เป็วิธีการเต้นแบบผู้ชายก็ไม่ได้ดูขัดตาอะไรนัก ไม่ใช่เื่แปลกสำหรับที่นี่หากจะชอบเพศเดียวกัน ขอแค่ไม่ทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมายของจักรวรรดิในทางมุ่งร้ายก็ไม่มีปัญหาสำหรับการอยู่ที่นี่
หลังจากคู่แรกได้ทำการเปิดฟลอร์คู่อื่นๆ จะทยอยเข้ามาเต้นตามเพลงที่ได้ทำการบรรเลงต่อไปเรื่อยๆ เริ่มมีกลุ่มคนบางส่วนที่ซุ่มอยู่นอกงานเลี้ยงแฝงตัวเข้ามาตามรอบรั้วพระราชวังอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะลอบเข้าไปด้านในให้สำเร็จตามที่คาดหวังเอาไว้ งานนี้มีบุคคลสำคัญเป็จำนวนมาก หากเกิดชนวนเหตุสำคัญอะไรขึ้นมาอาจจะล้มตายแล้วก่อตั้งเป็ราชวงศ์ใหม่เลยก็เป็ได้
ตูม!!!
"ทหาร! คุ้มกันทุกคนในงาน! " จักรพรรดิออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดแต่เหมือนว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อทหารถูกแบ่งออกเป็สองฝ่าย นั้นคือฝ่ายจงรักภักดีและฝ่ายกบฎ
"หมายความว่ายังไงกัน เอายังไงดีพะยะค่ะ" มีเทนถามด้วยสีหน้าหนักใจ
"ก็สู้สิ ทุกคน! จัดการ! "
ปราสาทก็โดนะเิแถมยังโดนแทรกแซงในพระราชวังแบบนี้ นั่นหมายความว่าต้องมีผู้ชักใยอยู่เื้ัอย่างแน่นอน จะต้องหาตัวให้ได้ว่าเป็ฝีมือของใครกันแน่ ที่กล้ามากขนาดนี้เพราะว่ามันคืองานเลี้ยงประจำเดือนของจักรวรรดิ ตั้งใจจะล้มล้างกันเลยสินะถึงได้มากันในเวลานี้
"ไม่น่าเชื่อว่าเป็ถึงจักรพรรดิแต่มองไม่ออกสินะว่าใครอยู่เื้ั" หนึ่งในผู้าุโเดินออกมาแถวหน้าสุด บุคคลนี้คืออดีตองค์จักรพรรดิที่สี่ ไม่น่าเชื่อว่าผู้อยู่เื้ัจะเป็คนนี้ มิน่าล่ะ! ถึงได้ไม่เกรงกลัวกันเลย
"ในที่สุดก็โผล่หางออกมาสักที อดีตองค์จักรพรรดิที่สี่แห่งจักรวรรดิ" รัชทายาทส่งเสียงในลำคออย่างพอใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
"หมายความยงไงกัน! นี่พวกเ้ารู้อยู่แล้วหรือไงว่าเป็ฝีมือของข้า" อดีตจักรพรรดิที่สี่มีสีหน้าลนลานอย่างเห็นได้ชัด เหมือนตนเองกำลังเต้นอยู่บนเกมของอีกฝ่ายในไม่ช้า
"ขนาดข้ายังรู้ว่าเป็ฝีมือของท่าน แล้วมีหรือที่ท่านพ่อจะไม่ทรงทราบ โง่เสียจริง"
"จุ๊ๆๆ ท่านพี่อย่าไปพูดเช่นนั้นพะยะค่ะ แก่เกินไปก็เลยดักดานไปด้วย" ครอสพูดจายียวนกวนโมโหได้ดี เติมเชื้อไฟในใจของอีกฝ่ายเป็อย่างมาก
"ครอสก็พูดไปแบบนั้นได้ยังไงกัน มันก็เื่จริงที่แก่แล้วจะโง่" คลาสทำเหมือนห้ามแต่กลับยั่วยุมากกว่าเดิมเสียอีก
"ไอ้พวกแฝดนรกอย่ามาปากดี พวกเ้าไม่มีทางเก่งสู้ข้าได้หรอก" ยังไงซะเด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ ยังจะกล้ามาท้าทายพลังของข้าได้ยังไงกัน
"อย่าลืมไปล่ะพะยะค่ะ ว่าพวกเรามีใครอยู่ด้วย" คีย์บอกพลางจับมืออีกคนให้เข้ามาใกล้ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าบุคคลนี้คือใครและไม่อยากจะถูกเล่นงานแน่ๆ
"ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านกำลังทำอะไร แต่การทำร้ายคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง" ไวท์ตอบด้วยสีหน้าเอาเื่และไม่ยอมแพ้
"ข้าล่ะเกลียดสายตาแบบนั้นมาก มันเหมือนที่ตาแก่นั้นมองข้าเมื่อร้อยปีก่อน"
"หมดเวลาคุยแล้ว จัดการมัน"
สิ้นสุดคำพูดของอดีตจักรพรรดิคนที่สี่ก็เกิดการต่อสู้ที่เรียกว่าาในหมู่แวมไพร์ทันที เพราะใครที่อยู่ฝ่ายไหนได้พากันมายืนในระหว่างการปะทะฝีปากกันเป็ที่เรียบร้อย นั่นหมายความว่าคนที่ยืนตรงข้ามคือศัตรูที่ควรกำจัดสิ้น อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว แวมไพร์สายเืบริสุทธิ์พากันปล่อยพลังกดดันแวมไพร์ที่ชนชั้นต่ำกว่าจนบุคคลที่ยังสามารถต่อสู้ได้คือแวมไพร์สายเืบริสุทธิ์เท่านั้น ช่างเป็โศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ในการปกครองดินแดนแห่งนี้ยิ่งนัก
แต่ก่อนที่จะได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงก็มีพลังเวทย์ขนาดใหญ่ที่น่ากลัวกว่าใครทั้งหมดออกมา รูปร่างสูงโปร่ง แววตาสีแดง ปีกสีขาวขนาดใหญ่ ออร่าเปลวเพลิงที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งให้พินาศไปทั้งหมดสร้างความเสียหายเป็วงกว้าง แวมไพร์ชนชั้นสูงถึงกับนิ่งไปเพราะไม่อยากตายกันไปหมด สายตามองไปยังความเสียหายขนาดใหญ่ของพลังเวทย์เมื่อสักครู่แล้วทำให้รับรู้ว่าถ้าพูดอะไรไม่ดีน่าจะตายกันหมดแน่
"อยากจะลิ้มรสชาติเืของข้างั้นเหรอ เ้าพวกแวมไพร์" เสียงของไวท์เปลี่ยนเป็คนละคนกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงไม่ใช่ว่าเ้าตัวไม่รู้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ นั่นหมายความว่านี่คือพลังของเด็กคนนี้
วงเวทย์เพลิงล้อมกลุ่มฝ่ายกบฎเอาไว้ทั้งหมดโดยที่มีคนะโหลบออกมาได้ทันนั่นคืออดีตองค์จักรพรรดิที่สี่หมายจะเข้ามาลอบทำร้ายแต่รัชทายาทเห็นจึงรีบเข้าไปต่อสู้เพื่อกันไม่ให้โดนอีกคนได้ทันท่วงที
"ไม่รู้ว่าเป็รัชทายาทหรือองค์รักษ์พิทักษ์ลูกครึ่งเทพักันแน่ ซื่อสัตย์นัก" ช่างน่าขันที่รัชทายาทองค์ปัจจุบันมัวแต่หลงสิ่งที่สมควรเอาไว้ดื่มกิน
"แล้วยังไง ข้าจะต้องปกป้องเด็กคนนี้ไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำอันตรายได้หรอก" เขาไม่มีทางที่จะให้มาทำอันตรายกับคนที่เขารักอย่างแน่นอน
"แต่เ้าไม่รู้หรือว่าพลังของเ้าไม่สามารถต่อกรกับข้าได้เพียงคนเดียว"
"เพราะรู้ท่านพี่ถึงต้องมีพวกเราอีกสองคนยังไงล่ะ" คลาสกับครอสประสานเสียงกันพลางปล่อยพลังเวทย์สู้กับอดีตองค์จักรพรรดิ
"ใครจะยอมน้อยหน้ากันล่ะ ข้าด้วยสิ" สวิตรีบร่ายคาถาแล้วปล่อยพลังใส่เพื่อสู้กับอีกฝ่ายทันที
"ถึงข้าจะมาช้าแต่ดีกว่าไม่มาขอรับ" มาร์แชลเองก็ไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะถูกกดดันจากพลังของเืบริสุทธิ์
เหตุการณ์กลายเป็าระหว่างผู้นำของฝ่ายตรงข้ามกับเหล่าแวมไพร์หนุ่มและลูกครึ่งเทพักับเหล่าแวมไพร์ฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด หลายๆ คนพยายามใช้พลังเวทย์ตนเองเข้าสู้เพราะมีอายุยืนนานกว่าแต่เหมือนจะถูกสกัดด้วยพลังความร้อนจนไหม้ร่างกายไปหมด มือขาววาดพลังไปทางฝั่งจักรพรรดิให้คลายมนต์สะกดออกทำให้เริ่มเคลื่อนไหวตนเองได้ทั้งหมด
"จับพวกมันทั้งหมดไปขัง แล้วรอลงโทษตามกฎของจักรวรรดิ" ไวท์ออกคำสั่งเด็ดขาดและทุกคนยอมทำตามอย่างปฏิเสธไม่ได้ ขนาดพลังยังไม่ตื่นเต็มที่ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ หากพลังตื่นเต็มที่จะขนาดไหนกัน ทางด้านพวกคีย์เองก็ใช้พลังเวทย์ของทุกคนรวมกันจนสามารถทำให้อดีตจักรพรรดิพ่ายแพ้ได้
ตูม
"มันจบแล้วสำหรับคนที่หมดอำนาจ เชิญไปรับโทษของจักรวรรดิด้วยพะยะค่ะ" รัชทายาทบอกพลางสวมกุญแจมือเวทย์ที่ต้องใช้เวทย์ปลดผนึกของผู้คุมขังเท่านั้นถึงจะปลดออก
"เื่มันไม่จบแค่นี้แน่ รัชทายาท"
"จะไม่จบได้ยังไง โทษของกบฎก็คือตาย ยังจะมีหน้ามาพูดดีอีก" คลาสด่าไล่หลังไป
จริงๆ สิ่งที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้คือจะต้องเกิดาใหญ่ในงานเลี้ยงแห่งนี้แน่นอนเพราะว่าเหมือนจักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกทำร้ายแต่ทุกคนสามารถเดาทางและอ่านเกมออกจึงจับกุมพวกที่อยู่นอกวังและสายในวังทั้งหมดได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวเสียอีก การเป็จักรพรรดินั้นจำเป็ที่จะต้องอ่านเกมของอีกฝ่ายให้ออกนั่นเอง
รวมถึงสาเหตุในการก่อเหตุเมื่อหนึ่งเดือนนั้นล้วนเป็แผนที่ถูกวางเอาไว้ทั้งหมดเพื่อจัดฉากให้เหล่าแวมไพร์เดินตามเกมและเริ่มแสดงตัวกันออกมาทีละคน และจับกุมได้ทีละคนสองคนอย่างลับๆ รอจนเปิดโปงในวันนี้ที่หัวหน้าแสดงตัวออกมาในงาน อดีตจักรพรรดิประมาณมากเกินไปต่างหาก คิดว่าแผนของตนเองแเีแล้วแต่มีคนเนียนยิ่งกว่า
จากเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถจับกุมคนที่อยู่ในกลุ่มลักลอบค้าเืเถื่อน การลักลอบฆ่ามนุษย์อย่างผิดกฎหมาย และการวางแผนฆ่าลูกครึ่งเทพัด้วย รวมทั้งหมดแล้วสามคดีนี้คือโทษตัดสินคือการปะาชีวิตด้วยการรอให้พระอาทิตย์ขึ้นสำหรับคนที่ไม่ใช่สายเืบริสุทธิ์ ส่วนสายเืบริสุทธิ์จะถูกแทงด้วยดาบเงินและเผาทั้งเป็เพื่อไม่ให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
"แผนทั้งหมดสำเร็จได้เพราะท่านพ่อ ทรงปราดเปรื่องจริงๆ พะยะค่ะ" รัชทายาทเอ่ยชมจากใจจริงเพราะว่ามันค่อนข้างซับซ้อนและมีเหตุการณ์หลายอย่างที่เขาเกิดไม่ทันรวมอยู่ด้วย การจะเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วลงโทษได้นั้นต้องเป็บุคคลที่มีอายุยืนยาวกว่า
"ยุคนี้มันไม่ใช่ยุคาแบบสมัยก่อนที่จะใช้กำลังต่อสู้กันจนไม่คิดน่าคิดหลัง มันคือการรบโดยใช้สมองมากกว่ากำลังแล้วใช้กำลังรวบจับกุมต่างหาก" จักรพรรดิบอกพลางจิบชาด้วยความสบายใจ มันไม่ใช่การต่อสู้อย่างเดียวเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะดั่งเช่นในอดีตอีกแล้ว
