"นายน้อยเฉินเกิดมาพร้อมพร์ฟ้าประทาน เขาจะต้องเอาชนะตระกูลมู่หรงได้อย่างแน่นอน"
บางคนกล่าวขึ้น
"ข้ายังไม่รู้เลยว่าเ้าจิ้งจอกเฒ่ามู่หรงเจิ้นวางแผนร้ายอันใด แต่หากว่ามีรุ่นเยาว์ของพวกเขาได้ทะลวงสู่ขอบเขตฉีไห่แล้ว....เฉินเอ๋อร์ เ้าคิดว่าเ้าจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่?"
เจียงเจิ้นไห่มองไปยังเจียงเฉินด้วยความเป็ห่วง ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น คนอื่นๆที่อยู่ในห้องโถงเองก็เช่นกัน แม้ว่าเจียงเฉินจะสามารถเอาชนะมู่หรงฮ่าวได้ แต่ความแตกต่างของขอบเขตฉีจิงระดับเก้ากับขอบเขตฉีไห่ขั้นต้นไม่สามารถเอามาเทียบกันได้ ความแตกต่างมิใช่น้อยๆ
นอกจากนี้ การท้าทายครั้งนี้ไม่เพียงแค่เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของเจียงเฉิน มันยังเกี่ยวพันกับร้านขายโอสถตระกูลเจียงอีกด้วย พวกเขาจำเป็ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
"ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวลหรอก หากว่าข้าไม่มั่นใจ ข้าคงไม่ตอบรับคำท้านี่ ดังนั้นคำตอบของข้ายังคงเดิม หากมู่หรงเจิ้น้าเล่นกับพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ควรตอบรับมันและเล่นกับพวกเขาสักหน่อย"
เจียงเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ทั่วทั้งร่างั้แ่บนจรดล่างเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นต้น ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ระดับกลางมาด้วยตัวเองก็ไม่ได้เป็ภัยอันตรายแต่อย่างใดต่อเขา เขาไม่เกรงกลัวว่าตระกูลมู่หรงจะเล่นลูกไม้สกปรกต่อเขา เขากลัวว่าพวกมันจะไม่ทำอะไรทำให้หมดสนุก
"ดี ข้าจะตอบกลับสารท้าประลองของพวกมัน ว่าพวกเรารับคำท้า"
พลังปราณของเจียงเจิ้นไห่สั่นไหว เขามั่นใจในตัวบุตรชายของเขา หลังจากที่บุตรชายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาได้เห็นเจียงเฉินสังหารเจียงลู่หรงในการลงมือเพียงครั้งเดียวด้วยตาตนเอง และเมื่อวานนี้เจียงเฉินได้เล่นงานอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตระกูลมู่หรงจนพิการหน้าร้านขายโอสถอีก...มันเกินกว่าที่เด็กหนุ่มทั่วไปจะเทียบได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเจียงจะต้องรับคำท้าสารท้าประลองที่มู่หรงเจิ้นส่งมา หากว่าไม่รับคำท้า ผู้คนก็จะลือกันว่าตระกูลเจียงหวาดกลัวตระกูลมู่หรง เป็ดั่งที่เจียงเฉินกล่าว ตระกูลเจียงจะไม่สามารถโงหัวขึ้นในเมืองเทียนเซียงได้อีกต่อไป
มันเป็อย่างที่เจียงเฉินคาดการณ์ไว้ ข่าวเื่ตระกูลมู่หรงส่งสารท้าประลองไปยังตระกูลเจียงได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเทียนเซียงแล้ว ทุกๆคนในเมืองเทียนเซียงต่างพูดคุยเื่สารท้าประลอง
"ครั้งนี้พวกเราจะมีงิ้วให้ดูอีกแล้ว ตระกูลมู่หรงส่งสารท้าประลองต่อตระกูลเจียง โดยทั้งสองตระกูลจะต้องส่งอัจฉริยะรุ่นเยาว์ขึ้นประลองในอีกสามวัน และมันจัดขึ้นที่จตุรัสกลางเมืองเทียนเซียง"
"ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาทำการเดิมพันร้านขายโอสถ.....ตระกูลมู่หรงทุ่มสุดตัวเลยทีเดียว!"
"มันแน่อยู่แล้ว เป้าหมายของตระกูลมู่หรงคือเจียงเฉิน การเฉิดฉายอย่างฉับพลันของเจียงเฉินได้กลายเป็ภัยร้ายแรงต่อตระกูลมู่หรง แล้วพวกเขา้าที่จะใช้โอกาสนี้ในการจัดการกับเจียงเฉินและถล่มตระกูลเจียงในคราเดียว แต่ข้าไม่เข้าใจอย่างหนึ่ง มู่หรงฮ่าวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงเฉินแม้แต่น้อย พวกเขายังมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่สามารถสู้กับเจียงเฉินได้อีกหรือ? มู่หรงเจิ้นโง่หรือเปล่า?"
"เป็ไปไม่ได้ เ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นมิได้โง่ มันจะต้องมีแผนการอันใดเป็แน่ รอดูเถอะ"
คนจำนวนมากต่างพูดถึงเื่นี้ ทุกคนต่างประหลาดใจว่ามู่หรงเจิ้นวางแผนอะไรไว้ เพราะตามความจริงที่พวกเขารู้ ในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูลมู่หรงไม่มีผู้ใดสามารถสู้กับเจียงเฉินได้....มู่หรงเจิ้นจะต้องปิดบังอะไรไว้แน่
"เ้าคิดว่าตระกูลเจียงจะรับคำท้านี่ไหม?"
"พวกเขารับแน่นอน ด้วยนิสัยของนายน้อยเจียงเฉินเขาย่อมรับคำท้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าพวกเขาไม่รับคำท้านั่นไม่ใช่เื่ดีแน่ ในตอนนี้ข่าวเื่นี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองเทียนเซียงแล้ว ถ้าตระกูลเจียงไม่รับคำท้านี่ ก็จะกลายเป็ที่หัวเราะของผู้คน ตระกูลเจียงไม่อาจยอมให้ชื่อเสียงต้องแปดเปื้อนได้"
"ตระกูลเจียงตอบกลับสารท้าประลองแล้ว! เจียงเฉินรับคำท้า ตอนนี้พวกเราจะได้ชมงิ้วจริงๆแล้ว"
"ข้ารู้ว่าพวกเขาจะต้องรับคำท้าแน่ แต่ข้าล่ะสงสัยนักว่าตระกูลมู่หรงจะส่งผู้ใดลงประลองกับเจียงเฉินในอีกสามวันข้างหน้า พวกเขามีคนที่แข็งแกร่งกว่ามู่หรงฮ่าวในตระกูลจริงๆหรือ?"
ในฐานะประชากรของเมืองเทียนเซียงย่อมให้ความสนใจต่อการต่อสู้ระหว่างสองพยัคฆ์ ทุกคนต่างรู้ว่าสถานการณ์ภายในเมืองเทียนเซียงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นจะมีผู้แพ้อย่างแน่นอน และการประลองตัดสินในอีกสามวันจะเป็การตัดสินชะตากรรมของพวกเขา
สามวันผ่านไปราวกับโกหก วันนี้เป็วันที่เมืองเทียนเซียงคึกคักมากที่สุด ณ จตุรัสศูนย์กลางเมืองเทียนเซียง คับคั่งไปด้วยผู้คนจำนวนมากตลอดระยะร้อยจ้าง (1จ้าง = 3.33 เมตร)
ผู้คนรวมตัวกันอยู่รอบๆจตุรัสใจกลางเมือง ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อเป็สักขีพยานในการต่อสู้ครั้งนี้
คนจากตระกูลมู่หรงได้มาถึงก่อนแล้ว นำโดยมู่หรงเจิ้น และคนตระกูลมู่หรงกว่ายี่สิบคนได้ปรากฎตัวขึ้นบนเวทีประลอง
มู่หรงเจิ้นดูสดชื่นและผ่อนคลาย เขาดูมีความมั่นใจอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้ คนที่ยืนถัดไปจากเขาเป็ชายหนุ่มในชุดขาว หลี่ช่างหงนั่นเอง
สายตาของหลายๆคนตกไปยังหลี่ช่างหง พวกเขาไม่เคยพบชายหนุ่มผู้นี้มาก่อน ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็ใคร
"ชายหนุ่มคนนั้นเป็ใครกัน? ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ดูเหมือนว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะยืนเคียงข้างมู่หรงเจิ้น"
"ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆเขามิใช่คนจากตระกูลมู่หรง"
ผู้คนต่างพูดคุยกันในหมู่พวกเขา
"ฮึ่ม! เหตุใดตระกูลเจียงถึงไม่โผล่หัวมาที? หรือเป็เพราะว่าพวกมันหวาดกลัวจนไม่กล้าโผล่หัวมากันนะ?"
มู่หรงหยิงแค่นเสียงเ็า ก่อนหน้านี้เขาเคยโดนเจียงเฉินตบร่วง และยังต้องทนอับอายจากการแบกโรงศพของเจียงลู่หรงอีก ในตอนนั้นมู่หรงเจิ้นโกรธเกรี้ยวมาก ทุบตีเขาจนแทบพิการ ความเกลียดชังนี้ไม่อาจที่จะฝืนทนได้ เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงเจียงเฉิน เขามักขบฟันแน่น
"ดูนั่นเร็ว! ตระกูลเจียงมาแล้ว!"
"คนที่สวมชุดสีดำนั่นคงเป็คุณชายเฉินเป็แน่ ครั้งหนึ่งนายน้อยคนนี้เป็ดั่งขยะไร้ประโยชน์ของเมืองเทียนเซียง แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าแท้จริงแล้วเขาปกปิดตัวตนที่แท้จริงมาโดยตลอด"
"ใช่ๆ ดูคิ้วอันดุดันดุจัและดวงตาคมกริบดั่งหงส์เพลิงและใบหน้าอันหล่อเหลานั่น ดูหล่อเหลาและหลักแหลมนัก"
เื่ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในเมืองเทียนเซียงใน่นี้มักเกี่ยวข้องกับนายน้อยเฉิน เจียงเฉินได้กลายเป็ผู้มีชื่อเสียงของเมืองเทียนเซียง ไม่ว่าเขาจะไปยังแห่งหนใด ก็จะได้รับความสนใจเสมอ
ผู้คนตระกูลเจียงได้มาถึงและยืนอยู่ตรงหน้าคนจากตระกูลมู่หรง
"เจียงเจิ้นไห่ ไม่รู้ว่าตระกูลเจียงของเ้าจะส่งใครลงมาสู้"
บนใบหน้าของมู่หรงเจิ้นเผยรอยยิ้มเย็น
"แน่นอนว่าเป็บุตรชายของข้า"
เจียงเจิ้นไห่ตอบกลับพร้อมยิ้มเย็นด้วยเช่นกัน แต่เจียงเฉินในขณะนี้ สายตาของเขาจับจ้องไปยังหลี่ช่างหง เห็นมันยืนอยู่กับฝ่ายตระกูลมู่หรง เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่เจียงเฉินมองหลี่ช่างหง หลี่ช่างหงเองก็มองประเมินเจียงเฉินเช่นกัน ประเมินคู่ต่อสู้ของเขาในวันนี้ ผู้ที่เป็ผู้โด่งดังที่สุดในเมืองเทียนเซียงใน่นี้
"ไม่ทราบว่าตระกูลมู่หรงจะส่งผู้ใดลงประลองงั้นหรือ? ข้าเกรงว่าไม่มีผู้ใดในตระกูลเ้าที่มีคุณสมบัตินี่สิ"
เจียงเจิ้นไห่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแดกดัน
ท่าทางของมู่หรงเจิ้นได้แปรเปลี่ยนเป็เ็าในทันที คำพูดที่ว่าตระกูลมู่หรงไม่มีใครเสมือนดาบทิ่มแทงใจเขา ทำให้เขาทำหน้าปั้นยาก และทำให้ความเกลียดชังที่มีต่อเจียงเฉินเพิ่มขึ้นสู่อีกระดับ
"ฮึ่ม! เ้าอย่าได้เป็กังวลไป อย่างไรตระกูลมู่หรงของข้าก็มีตัวแทนลงประลองอยู่"
มู่หรงเจิ้นแค่นเสียงเ็า สิ้นสุดเสียงของเขา หลี่ช่างหงะโขึ้นสู่ลานประลอง พลังปราณที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของมันเป็ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตฉีไห่ มันมองไปยังเจียงเฉินและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก
"เจียงเฉิน ขึ้นมารับความตายซะ!"
"คนผู้นั้นเป็ใครกัน? มันมิใช่คนของตระกูลมู่หรงมิใช่หรือ?"
"ตระกูลมู่หรงไปเชิญผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์มาจากไหนกัน? เขาเป็ถึงผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ ไม่แปลกใจเลยว่าเขาถึงมีความมั่นใจในการท้าประลองต่อตระกูลเจียง...แต่นี่มันดูไม่ถูกต้องนา....."
เสียงพูดคุยของผู้คนดังขึ้่นจากทุกทิศทาง คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลมู่หรงจะส่งคนแปลกหน้าขึ้นลานประลอง
"มู่หรงเจิ้น มันมิใช่คนของตระกูลมู่หรงของเ้า ไม่มีคุณสมบัติที่จะลงประลอง!"
เจียงเจิ้นไห่มีท่าทางเปลี่ยนไป เขาคิดว่านอกจากมู่หรงฮ่าวแล้วยังมีอัจฉริยะคนอื่นที่ก้าวสู่ขอบเขตฉีไห่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามู่หรงเจิ้นตัดสินใจที่จะเชิญคนนอกมา เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็ผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ขั้นต้นมาได้สักระยะแล้ว รากฐานของมันมั่นคง ไม่ใช่ผู้ที่ผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งทะลวงสู่ขอบเขตฉีไห่จะสามารถเทียบได้ นี่มันเสี่ยงเกินไป
"เจียงเจิ้นไห่ เ้าน่าจะอ่านสารท้าประลองให้ดีนะ ข้าได้เขียนว่าทั้งสองตระกูลจะต้องหาคนที่มาเป็ตัวแทนในการประลอง แต่ข้าไม่เคยเอ่ยว่าคนๆนั้นจะต้องมาจากตระกูลพวกเราทั้งสอง หากว่าเ้าสามารถหาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่อยู่ในขอบเขตฉีไห่ได้ล่ะก็ ข้าก็ไม่ขัดหรอกนะ"
มู่หรงเจิ้นเผยรอยยิ้มแสยะ
"ไร้ยางอายนัก!"
"ไร้ยางอายเกินไปแล้ว! มันไม่ยุติธรรมเลย"
ผู้คนตระกูลเจียงโกรธเกรี้ยวในทันใด มู่หรงเจิ้นผู้นี้เ้าเล่ห์เกินไปแล้ว เขามาแก้ตัวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
"ข้ายอมรับคำท้า"
เจียงเฉินกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ผู้คนไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
"เฉินเอ๋อร์!"
"ท่านพ่อ ท่านไม่จำเป็ต้องพูดอะไรขอรับ ข้าจะยอมรับคำท้านี้ ตระกูลเจียงไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะมาดูถูกได้"
เจียงเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ถึงสถานะของหลี่ช่างหง แต่เขารู้ ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าแผนของพวกมันเป็อย่างไร ความเสียใจอย่างเดียวของเขาคือเขาไม่ได้สังหารหลี่ช่างหงก่อนหน้าในตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก
หลี่ช่างหงหมายที่จะสังหารเขาและยึดร้านขายโอสถตระกูลเจียง จากนั้นก็ควบคุมปรมาจารย์ปรุงยานั้นเท่ากับเป็การทำลายตระกูลเจียง ความคิดนี้ช่างชั่วร้ายและโเี้นัก
ภายในดวงตาของเจียงเฉินเผยประกายเย็นเยียบ สำหรับผู้ใดก็ตามที่หมายทำร้ายเขาหรือเป็ศัตรูกับครอบครัวของเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะอย่างไร เขาจะไม่มีการปรานีแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็ถึงตระกูลหลี่แห่งเมืองชื่อก็ตาม มาล่วงเกินเจียงเฉิน ผลลัพธ์มีเพียงจุดจบเท่านั้น
เจียงเฉินะโขึ้นสู่ลานประลอง มาอยู่ตรงหน้าหลี่ช่างหง
"ข้าจะขอพูดให้ชัดเจน การประลองในวันนี้เป็การประลองชี้ตาย บนลานประลองมีคนสองคนยืนอยู่ แต่จะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่สามารถกลับไปได้ และตระกูลที่แพ้จะต้องมอบร้านขายโอสถแก่ตระกูลผู้ชนะอย่างไม่มีเงื่อนไข นี่เขียนไว้อย่างชัดเจนในสารท้าประลอง"
มู่หรงเจิ้นนำมือลูบเคราของตนและกล่าวออกมาด้วยเสียงดังก้อง บนใบหน้าของเขาเผยท่าทางเป็สุข ราวกับว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ในความจริงเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วหลี่ช่างหงเป็ใคร เขาเป็ถึงนายน้อยของตระกูลหลี่แห่งเมืองชื่อ เขามีไพ่ตายในมือมากมาย การที่จะจัดการกับเจียงเฉิน ไม่ต่างจากการบี้มด
"มู่หรงเจิ้น เ้ามันน่ารังเกียจมาก!"
ท่าทางของเจียงเจิ้นไห่ได้แปรเปลี่ยนเป็น่าเกลียด ในใจของเขาเป็กังวลถึงความปลอดภัยของเจียงเฉิน แต่ไม่อาจปฎิเสธคำพูดของมู่หรงเจิ้นได้ เพราะสารท้าประลองที่พวกเขารับคำท้าประลอง ไม่มีกล่าวถึงเงื่อนไขนี้จริงๆ
"มู่หรงเจิ้นนี่มันเ้าเล่ห์จริงๆ เขาวางกับดักและล่อให้ตระกูลเจียงมาติดกับ"
"ใช่แล้ว เขาไม่ควรทำเช่นนี้...แต่ดูใบหน้าคุณชายเจียงเฉินสิ ดูไม่แยแสแม้แต่น้อย บางทีเขาอาจมีความมั่นใจอยู่ก็เป็ได้"
"มันพูดยากอยู่ คู่ต่อสู้ของเขาเป็ถึงผู้เชี่ยวชาญฉีไห่เชียวนะ มิใช่ผู้เชี่ยวชาญฉีจิง"
หลายๆคนถอนหายใจออกมา เพราะทั้งหมดนี้เป็กับดักที่มู่หรงเจิ้นได้วางเอาไว้และตอนนี้ตระกูลเจียงไม่อาจถอยได้อีก
"ดี ที่ผู้นำตระกูลมู่หรงกล่าวมานั้นถูกต้อง ในเมื่อข้าอยู่บนลานประลอง ข้าเองก็อยากที่จะต่อสู้ชี้ตาย มีเพียงผู้เดียวที่สามารถรอดไปได้...ข้าเชื่อว่าจะต้องมีใครบางคนพบกับหายนะล่ะนะ"
เจียงเฉินพูดติดตลก
"ฮ่าฮ่า...เ้าหนู เ้าช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย ข้าจะฆ่าเ้าซะ ให้เหมือนกับบี้มด!"
หลี่ช่างหงหัวเราะออกมา เขาไม่เห็นเจียงเฉินอยู่ในสายตามาั้แ่ต้น
"ดูใบหน้าของเ้ายามนี้แล้ว มันน่ารำคาญจริงๆ"
เจียงเฉินยิ้มเย้ย ไม่มีความประทับใจต่อหลี่ช่างหงแม้แต่น้อย
