ั์ตาภายใต้หน้ากากของหลินเฟิงยังคงสงบนิ่งเช่นเดียวกับป้าเตา มันทั้งเยือกเย็นและไม่มีความลังเลเลยสักนิด
ขณะนั้นมุมปากของหลินเฟิงได้ขยับ กล่าวว่า “เ้าอยากเป็อิสระหรือไม่?”
คิ้วของป้าเตาขยับเล็กน้อย ตัวอักษร ‘ป้า’ ที่นาบอยู่บนใบหน้าทำให้เขาดูเยือกเย็น
ป้าเตายังไร้คำพูด แต่ในความนิ่งเงียบของเขาก็ยังมีการแสดงความคิดเห็น แน่นอนว่าเขา้าเป็อิสระ ใครอยากจะเป็ทาสของผู้อื่นกันล่ะ
“นาบตราของเ้าไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำ และข้าก็ไม่เคยทำให้ใครต้องกลายเป็ทาส” หลินเฟิงมองป้าเตาที่นิ่งเงียบและค่อยๆ กล่าวขึ้นว่า “หากเ้า้าจะไป ตอนนี้เ้าสามารถหันหลังและไปได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเ้า หากเ้า้าติดตามข้าก็จงพยักหน้า แล้วตามข้ามา”
คำพูดของหลินเฟิงทำให้อีเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ประหลาดใจ และมองหลินเฟิงอย่างสงสัย คาดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยป้าเตาไป แต่เขาได้จ่ายไป 5,000 หินหยวนระดับกลางเพื่อประมูลป้าเตามา ด้วย 5,000 หินหยวนระดับกลางนั้นแน่นอนว่าเป็จำนวนที่มากโขอยู่ มันมากเพียงพอที่จะซื้อทาสผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งได้หลายคนเลยทีเดียว
ขณะนั้นแววตาของป้าเตาหวั่นไหวเล็กน้อย และั์ตาที่อึมครึมคู่นั้นได้จ้องมองหลินเฟิง และเขาก็ได้แสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่
“ข้าจะให้โอกาสเ้าเลือกอีกครั้ง อยากไปตอนนี้หรือจะตามข้า แต่ต้องไม่มีการทรยศใดๆ ทั้งสิ้น”
หลินเฟิงเปิดปากพูดอีกครั้ง และให้โอกาสกับป้าเตาในการเลือก
การตัดสินใจของป้าเตาในตอนนี้ มันจะมีผลต่อโชคชะตาเขาในอนาคต
แววตาของป้าเตาค่อยๆ กลายเป็ก้าวร้าวและแหลมคมราวกับคมมีด จ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงผ่านหน้ากากสีเงินนั่น แต่ทว่าั์ตาของหลินเฟิงยังคงเฉยเมย
เหมือนกับว่าหลินเฟิงได้โยน 5,000 หินหยวนระดับกลางนั้นทิ้งไป และปล่อยป้าเตาเป็อิสระ แต่ถ้าหากป้าเตาเลือกติดตามเขา ก็จะไม่มีสิทธิกลับคำได้อีก
ในชีวิตของใครหลายๆ คนมักตัดสินใจเลือกในโชคชะตา ถ้าหากหลินเฟิงไม่ได้ประมูลป้าเตามา บางทีอนาคตของป้าเตาก็ยังคงเป็ทาสเช่นนั้น ทว่าหลินเฟิงได้ให้ทางเลือกแก่ป้าเตาแล้วยังให้ความเมตตาและรักษาคำพูดจนถึงที่สุด อีกทั้งหลินเฟิงก็สามารถจากไปโดยไม่ต้องคำนึกถึงป้าเตาก็ย่อมได้ แต่เขาเลือกที่จะเก็บป้าเตาไว้ ถ้าป้าเตาเลือกอยู่กับหลินเฟิงก็จะต้องไม่มีการทรยศใดๆ ทั้งสิ้น และหลินเฟิงไม่อาจเสียหินหยวนจำนวนมากไปอย่างเปล่าประโชยน์เช่นนี้ได้ แต่หลินเฟิงก็ยังให้โอกาสในการตัดสินใจอีกครั้ง เขาช่างใจดีเกินไปแล้ว
หลินเฟิงกำลังสบตากับป้าเตาราวกับสายน้ำและอากาศมารวมกัน ทั้งคู่มีแววตาที่แหลมคมและบ้าคลั่งเช่นเดียวกัน พลันบรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเยือกเย็น ทำให้อีเสวี่ยรู้สึกสั่นสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บ
ช่างหนาวอะไรขนาดนี้ ไม่เพียงร่างกายที่เย็น แต่มันหนาวเหน็บไปถึงกระดูกและจิติญญา
“ข้าจะติดตามท่านไป” หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แววตาของที่แหลมคมของป้าเตาได้แพร่กระจายกลิ่นอายออกมา แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำและพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อย
“เยี่ยม” ใบหน้าของหลินเฟิงพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา การประมูลทาสผู้ฝึกยุทธ์ด้วยราคา 5,000 หินหยวนระดับกลางมา ถ้าหากปล่อยให้ป้าเตาเป็อิสระ คงเป็ไปไม่ได้ที่หลินเฟิงจะไม่ปวดใจ แต่ทว่าป้าเตากลับยินยอมที่จะติดตามเขา แน่นอนว่านี่เป็ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“จงจำไว้ ข้าได้ให้โอกาสเ้าในการเลือกแล้ว เ้าสามารถจากไปได้ แต่เ้าเลือกไม่ไปและเลือกที่จะติดตามข้า ในเมื่อเป็เช่นนี้ถ้าหากในภายภาคหน้าเ้าทรยศข้า ข้าจะทำให้เ้าไร้ค่ายิ่งกว่าตอนนี้หลายเท่า”
หลินเฟิงเตือนด้วยน้ำเสียงเ็า ขณะนั้นบรรยากาศที่หนาวเหน็บก็ยิ่งเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ป้าเตานิ่งเงียบและพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของหลินเฟิงที่ได้ให้ทางเลือกแก่เขาดี
ในวันนี้ถ้าไม่มีหลินเฟิง เขาคงถูกคนอื่นประมูลไป ในเมื่อกล้าที่จะ้าเขา แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีวิธีการควบคุมทาส และเขาอาจเป็ทาสตลอดไป แต่เพราะหลินเฟิงได้ประมูลเขามาและยอมปล่อยเขาเป็อิสระ ซึ่งเมื่อดูอะไรหลายๆ อย่างแล้ว หลินเฟิงจะไม่ปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงทาส ฉะนั้นแล้วหลินเฟิงจึงมีบุญคุณต่อเขามาก
นอกจากนี้ป้าเตาเป็เพียงทาสและมีนาบตราคำว่า ‘ทาส’ อยู่บนใบหน้า ถ้าหากเขาเลือกทิ้งหลินเฟิง เขาก็ยังคงเป็ทาสอยู่อย่างนั้น บางทีอาจมีคนจับตัวเขาไปอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเขาคงไม่อาจหนีจากโชคชะตาที่เลวร้ายได้ และั้แ่เขาได้รับอิสรภาพมา เขาจึงไม่อาจแสดงสีหน้าที่แท้จริงได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ทว่าหลินเฟิงได้ให้ทางเลือกแก่เขา คือเลือกที่จะเป็อิสระแล้วออกไปเสี่ยงด้วยตัวเอง หรือจะติดตามหลินเฟิงโดยเขาจะไม่ปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงทาส
และป้าเตาเลือกอย่างหลัง ในเมื่อเลือกทางนี้เขาย่อมไม่อาจเสียใจในภายหลังได้และต้องไม่ทรยศหลินเฟิง ซึ่งนี่คือทางที่ตัวเขาเลือกเอง และหลินเฟิงไม่ได้บังคับเขาในการเลือกครั้งนี้ด้วย
“ไปกันเถอะ” จากนั้นหลินเฟิงก้าวเดินออกไป และอีเสวี่ยกับป้าเตาก็เดินตามหลังหลินเฟิงไป
ในขณะนั้นฝีเท้าของป้าเตาเริ่มเร่งความเร็วขึ้น จากนั้นเดินไปข้างหลังหลินเฟิง และกล่าวว่า “มีใครบางคนตามพวกเราอยู่”
“ข้ารู้” หลินเฟิงไม่ได้พยักหน้าแต่ตอบกลับเสียงเรียบ จึงทำให้ป้าเตาประหลาดใจ
ในใจของอีเสวี่ยเต้นระรัว นางอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปรอบๆ
เมื่อเห็นว่าห่างจากพวกเขาไปประมาณ 100 เมตร มีร่างหนึ่งได้ตามพวกเขามา คนผู้นั้นทำตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวใครและไม่ได้หลบเลี่ยง ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งใด
“นั่นเขา” ดวงตาคู่งามของอีเสวี่ยแข็งทื่อ ผู้ที่ตามพวกเขามาคือชายหนุ่มชุดเทาที่อยู่ข้างๆ เิชง
“ไม่ต้องสนใจ” หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย อีเสวี่ยหันไปถามแต่หลินเฟิงกลับนิ่งสงบ ทำให้นางรู้สึกอึดอัด
“ความแข็งแกร่งของเขาทรงพลังมาก และยังอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 เขาแผ่กลิ่นอายออกมาตลอดและชีพจรยังแข็งแกร่งอีกด้วย ตัวเขาเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายจากการสังหารผู้คนไปนับไม่ถ้วน ยากที่จะรับมือ แต่ข้าสามารถประมือได้ ทว่าหากเป็การต่อสู้ที่ยาวนานข้าอาจพ่ายแพ้” ป้าเตากล่าวด้วยโทนเสียงต่ำ คาดไม่ถึงว่าจะบอกลักษณะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ชัดเจนเช่นนี้ จึงทำให้หลินเฟิงนิ่งอึ้งและเผยความแปลกใจในแววตาของเขาเล็กน้อย
“แล้วเ้ารู้ถึงความแข็งแกร่งของข้าหรือไม่?” หลินเฟิงกล่าวถาม
“ขอบเขตจิติญญาขั้นที่ 5 ไม่เพียงมีกลิ่นอายที่แพร่ออกมาตลอดเท่านั้น แต่ชีพจรยังสมบูรณ์แบบมาก ที่สำคัญลมปราณยังผสานได้สมบูรณ์แบบอย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าข้าคิดไม่ผิด ท่านรู้แจ้งในอำนาจดาบได้ทั้งหมด และผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ทั่วๆ ไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน ถึงเป็ข้าก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถชนะท่านได้”
ป้าเตากล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าป้าเตาจะรู้ความถึงแข็งแกร่งของชายชุดเทาได้ แต่เขาจะสามารถคาดเดาความแข็งแกร่งของมนุษย์ได้อย่างไรกัน และนอกจากนี้เขายังคาดเดาได้ถูกต้องอีกด้วย
อีเสวี่ยมองหลินเฟิงอย่างแปลกใจ เขาอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 คาดไม่ถึงว่าเขากล้าเก็บป้าเตาที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 เอาไว้ นอกจากนี้เขายังดูมั่นใจในตัวเองมาก
“ข้าจะจัดการเอง”
นอกจากประโยคสั้นๆ แค่นั้นแล้ว หลินเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเริ่มเร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้า
ชายชุดเทาประหลาดใจขณะมองแผ่นหลังของทั้งสามคน จากนั้นแสยะยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อรู้ว่ามีคนตามมา แต่ยังคิดหนีงั้นหรือ!”
ป้าเตาเป็ทาสผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 และหลินเฟิงยังมี 10,000 หินหยวนระดับกลางไว้ใน ช่างน่าสนใจนัก
เมื่อเท้าััดิน การเคลื่อนไหวของชายชุดเทากลายเป็ว่องไวราวกับสายลม จากนั้นเขาเริ่มเข้าประชิดหลินเฟิงและคนอื่นๆ มากขึ้น
ทว่าในขณะนั้นหลินเฟิงและอีกสองคนกลับเปลี่ยนทิศทาง เข้าไปข้างในภัตตาคารด้านข้าง
ชายชุดเทาขมวดคิ้ว จากนั้นเร่งฝีเท้าจนมาถึงภัตตาคารแล้วเข้าไปด้านใน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินเฟิงและอีกสองคน
“ชั้นสอง!”
ชายชุดเทาเงยหน้ามองไปที่บันได และเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาค่อยๆ เดินลงบันไดมาด้วยแววตาอบอุ่นและอ่อนโยน
“ไปให้พ้น”
จากนั้นชายชุดเทาเร่งฝีเท้าไปยังบันได และผ่านชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไป
ขณะที่ชายชุดเทากำลังจะขึ้นไปข้างบน ได้มีร่างเงาหนึ่งยืนขวางบนบันไดทางเข้าของชั้นสอง ในมือของผู้นี้ถือมีดยาวและยังมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งพอๆ กับขอบเขตดาบ จากนั้นลมปราณที่ปลดปล่อยออกมาพลันส่งผลให้บรรยากาศแปรเปลี่ยน จึงทำให้ม่านตาของผู้คนหดลง
“ช่างเป็ลมปราณมีดที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ไม่สิ นี่คืออำนาจมีด!”
ชายชุดเทามองป้าเตาและกล่าวอย่างเ็าว่า “ป้าเตา จงติดตามนายน้อยเิซะ นายน้อยเิจะต้องปฏิบัติต่อเ้าอย่างดีแน่นอน ทำไมต้องทำลายตัวเอง...”
ป้าเตาไม่สนใจคำพูดของชายชุดเทา มีดยาวที่อยู่ในมือค่อยๆ ยกขึ้นและอำนาจมีดก็เพิ่มขึ้นจนทะลักออกมา ทำให้บรรยากาศแปรปรวน
“ครืน!!!”
ป้าเตาะโขึ้นไปในอากาศ ทันใดนั้นมีดยาวเปล่งประกายแสงสีขาว พลันบรรยากาศขณะนั้นราวกับถูกแบ่งออกจากกัน และมีร่องรอยการตัดอย่างไม่คาดคิด
เกิดเสียงดังก้องออกมา จากนั้นบันไดได้แตกออกเป็เสี่ยงๆ เพราะถูกลมปราณมีดอันแข็งแกร่งถล่ม ทว่าสีหน้าของชายชุดเทากลับเยือกเย็น จากนั้นก็ะโว่า “ไปตายซะ! ”
เมื่อสิ้นสุดเสียง ฝ่ามือของชายชุดเทาสั่นแรงและปล่อยหมัดที่บ้าคลั่งออกไป จากนั้นหมัดได้ปะทะกับคมมีด ท้ายที่สุดร่างของเขาก็ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
กำปั้นของชายชุดเทาสั่นสะท้านและเตรียมโจมตี ทว่าในขณะนั้นเขารู้สึกได้ถึงอันตรายจากด้านหลังที่กำลังมา!
หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้น ทันใดนั้นชายชุดเทาก็รู้สึกว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้เขาเกือบตาย
เขาหันไปมองรอบๆ จากนั้นเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเมื่อครู่นี้ที่เขาเพิกเฉย แต่ตอนนี้ม่านตาของชายหนุ่มกลับดูเยือกเย็นไร้อารมณ์ความรู้สึก มันเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า!
หัวใจของเขาเริ่มเต้นรัวมากขึ้นอีกครั้ง!!!