อย่างไรก็ตาม ซุนเฟยไม่จำเป็ต้องรีบไปท้าทายกับลาสบอสของ ‘ค่ายโร้ก’ หลังจากที่เขาเข้าไปในอาราม ที่แรกที่เขาต้องไปอยู่บริเวณรอบนอกของอาราม...นั่นคือ ‘ค่ายทหาร’
ตรงส่วนลึกสุดของ ‘ค่ายทหาร’ จะมีค้อนวิเศษที่สามารถสร้างไอเทมเวทมนตร์ได้จะต้องไปหยิบค้อนนั้นมาแล้วกลับไปที่ ‘ค่ายโร้ก’ มอบมันให้แก่ NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซี และนางจะสร้างไอเทมที่มีคุณสมบัติเวทมนตร์ให้เขา
ตามแผนที่ที่อยู่ในความทรงจำของเขาที่เคยเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่โลกเก่า ย้อนนึกถึงเส้นทางต่างๆ ไม่ช้าเขาก็หา ‘ค่ายทหาร’ พบ สถานที่ที่เรียกว่า ‘ค่ายทหาร’ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็เขาวงกตขนาดใหญ่ที่มีระเบียงทางเดินทอดยาวติดต่อกันไม่มีที่สิ้นสุด และยังมีห้องมืดๆ ที่ทำให้ผู้คนสับสนเหมือนอยู่ในสุสานใต้ดินที่มืดมิด ระหว่างที่เดินก็จะได้ยินเสียงคำรามและเสียงลมปริศนา บนพื้นเต็มไปด้วยหนูตัวใหญ่สีดำวิ่งวุ่นไปหมด ทุกที่จะได้กลิ่นเืและกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง ชวนให้รู้สึกหดหู่มาก
ตามระเบียงทางเดินและห้องมืดจะมีเหล่ามอนสเตอร์และปีศาจอยู่เต็มไปหมด ซึ่งจะมีมอนสเตอร์เลเวลสูงตัวใหม่มากมายผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็ ‘เดวิลคลิน’ ‘โครงกระดูก’ ‘โร้กมืด’ ‘เดวิลคลินชาแมน’ ทุกๆ ย่างก้าวเต็มไปด้วยหยาดเื อันตรายมีอยู่ทุกที่
ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไปใน ‘ค่ายทหาร’ การต่อสู้จะมีมาเรื่อยๆ หลังการต่อสู้นองเืผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ซุนเฟยและเอเลน่าที่มีเืและเศษเนื้อบางส่วนเปื้อนร่าง ในที่สุดตอนนี้พวกเขาก็มาถึงห้องที่ใหญ่ที่สุดซึ่งเป็ห้องที่เก็บค้อนวิเศษไว้
“เอเลน่า ในห้องนี้จะต้องมีค้อนอย่างแน่นอน แต่มันจะมีมอนสเตอร์ที่ดุร้ายและแข็งแกร่งอย่าง ‘ช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่น’ คอยปกป้องไว้ ตอนที่พุ่งเข้าไปข้างใน เ้ารีบยืนอยู่ด้านหลังข้าไว้ อย่ามุทะลุเหมือนคราวที่แล้วที่อยู่ในเมืองทริสแทรมนะ จำได้ไหม?”
ก่อนที่จะเข้าไปสู้กับ ‘ช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่น’ ซุนเฟยก็พลันนึกอะไรออกแล้วหันกลับมากำชับ
“ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ นายท่าน” เอเลน่าได้ยินซุนเฟยพูดก็ก้มหน้าลง เหมือนหญิงคนรักที่ยืนอยู่ในเงามืดอย่างเงียบๆ แสงไฟที่ลุกไหม้อยู่ไม่ไกลสะท้อนเงามืดของร่างอรชรงดงามของนางทาบทับบนพื้น สร้างภาพส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามน่าชม เอเลน่าตอบกลับมาอย่างนุ่มนวลว่า “นายท่าน ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
ซุนเฟยชะงัก
ไม่รู้ทำไม เขาถึงพบว่าท่าทางของเอเลน่าในวันนี้ถึงได้เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด นางเป็คนเืเย็นเสมอในยามต่อสู้กับปีศาจ ดุจเทพแห่งความตายที่ดุดันและเหี้ยมโหด ลูกธนูทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้ศัตรูได้มีโอกาสรอด ขับให้แสงหลากสีของไอเทมเวทมนตร์บนร่างของนางโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ราวกับเป็เทพธิดานักรบที่งดงาม…แต่ยามที่คุยกับเขา กลับแสดงท่าทีนุ่มนวลอ่อนหวานออกมา แม้กระทั่งท่าทางประหม่าขี้อาย นิสัยทั้งสองอย่างนี้ไม่ทีจุดไหนที่เข้ากันเลย แต่กลับรวมอยู่ในร่างของนางเพียงคนเดียว
“ฮึๆ หรือว่าสาวงามคนนี้จะชอบข้า?”
ซุนเฟยหัวเราะอย่างพอใจ เขาเป็ห่วงเอเลน่าตามสัญชาตญาณ ดังนั้นจึงหันหลังมากำชับอีกครั้ง “ยังมีอีกนะ สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือความปลอดภัย หากสถานการณ์เลวร้ายเมื่อไร เ้าต้องรีบวิ่งหนีไป...ไม่ต้องห่วงข้า พอถึงเวลาข้าเอาตัวเองรอดได้”
……
สามนาทีต่อมา
ในที่สุดซุนเฟยก็เข้าใจแล้วว่า ไอ้สิ่งที่กังวลพร่ำบอกก่อนหน้านี้มันงี่เง่าสิ้นดี ในความทรงจำของเขา ‘ช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่น’ ร้ายกาจมาก แต่ด้วยการร่วมมือกันของซุนเฟยและเอเลน่าในการสังหารมัน เหงื่อยังไม่ทันออกเลยด้วยซ้ำ เหมือนคนแปลกหน้าเดินสวนกัน มันคำรามไม่กี่ทีมันก็สิ้นบุญเสียแล้ว แม้แต่ ‘น้ำยารักษาชีวิต’ สักขวดซุนเฟยยังไม่ทันจะได้ดื่มเลย
“เฮ้ย! ไอ้ลูกหมานี่ อะไรจะตายไวขนาดนี้ แถมไอเทมที่ให้ก็กระจอกสิ้นดี!”
เมื่อเห็นเมจิคไอเทมสองสามชิ้นตกบนพื้น ซุนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเตะศพ ‘ช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่น’ แรงๆ ทีหนึ่ง จนร่างสูงใหญ่ปลิวไปไกลถึงสองเมตร นอกจากพลังมหาศาลแล้วก็ไม่มีอะไรดีสักนิด
เป็บอสเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ต่างชั้นกันขนาดนี้? ถึงเคานต์เตสที่เป็บอสของ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ ถึงจะไม่มีไอเทมดีๆ ให้แต่หลังจากที่ตายยังให้โชคถึงห้าพันเหรียญทองเชียวนะ ส่วนเ้าไม่เพียงไอเทมจะห่วย เหรียญทองสักเหรียญก็ไม่มี เ้านี่มันทั้งน่าเกลียดทั้งขี้เหนียว แล้วยังยังจนอีกด้ยหรือ ซุนเฟยก่นด่ามันในใจ
แต่ที่ทำให้ซุนเฟยรู้สึกพอใจเล็กน้อยคงเป็ค่าประสบการณ์ที่ได้จาก ‘ช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่น’ ที่มันมากมายพอสมควร
ในที่สุดเลเวลซุนเฟยก็อัพแล้ว
ก่อนหน้านั้นไล่ฆ่ามอนสเตอร์ตัวเล็กตัวน้อยจนเลเวลอัพไปหนึ่ง แต่ตอนนี้ตัวละครคนเถื่อนได้เลเวลอัพถึงเลเวล 14 แล้ว ซุนเฟยครุ่นคิดเกี่ยวกับคะแนนที่ได้รับว่าจะนำไปเพิ่มคะแนนคุณสมบัติอย่างไร นอกจากนี้ เขายังได้รับคะแนนทักษะสองคะแนนซึ่งเพิ่มให้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ และ ‘ควบคุมดาบ’ อย่างละ 1 คะแนน
หลังจากเก็บไอเทมที่ร่วงออกมาหลังจากที่มอนสเตอร์ตายเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตรวจสอบสภาพของตนแล้ว พบว่าหลังการต่อสู้อย่างหนักหน่วงถึงสองรอบ ความทนทานของไอเทมและอาวุธก็ลดลงไปมาก น้ำยาที่พกมาด้วยก็ใกล้จะหมด ดังนั้นซุนเฟยจึงเปิดใช้ ‘ม้วนคัมภีร์กลับเมือง’ เพื่อกลับไปที่ ‘ค่ายโร้ก’
ซุนเฟยไปหา NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซี จากนั้นก็มอบค้อนวิเศษให้แก่สาวน้อยหน้าเศร้าคนนี้
“ว้าว ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเ้าจะสามารถสังหาร ‘ช่างตีเหล็กผู้ร่วงหล่น’ แล้วนำค้อนนี้มาได้ นี่มันสุดยอดมาก! นักรบผู้กล้าหาญ เ้าจะได้รับมิตรภาพจากข้า เพื่อเป็การขอบคุณ ข้าจะยอมสร้างไอเทมเวทมนตร์ให้แก่เ้าหนึ่งอย่าง!” เมื่อช่างตีเหล็กสาวได้เห็นค้อนวิเศษ ดวงตาก็เป็ประกาย ความเศร้าทั้งหมดดูเหมือนจะหายไปในพริบตา ใบหน้างามเผยรอยยิ้มสว่างไสวออกมา ราวกับว่าจิติญญาและสีสันของชีวิตที่หายไปได้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง แสดงท่าทางสมวัยออกมา ดวงตาที่สวยงามเปล่งประกายแสงระยิบระยับ ทัศนะคติที่มีต่อซุนเฟยก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปทันที
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ทำเอาซุนเฟยประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เหมือนในเกมคอมพิวเตอร์โลกเก่าสักนิด
ในใจของซุนเฟยพลันตื่นเต้น งูบนหัวเริ่มระริกระรี้พูดคุยจู๋จี๋กับช่างตีเหล็กสาว ทั้งสองคนต่างสนทนากันอย่างถูกชะตา สุดท้ายชาร์ซีก็ลดราคาเป็พิเศษถึงแปดเปอร์เซ็นต์อย่างใจป้ำในการซ่อมไอเทมและอาวุธให้แก่ซุนเฟย และยังกล่าวกับซุนเฟยว่าต่อจากนี้แค่ซุนเฟย้าก็สามารถมาซื้อไอเทมและอาวุธกับนางที่นี่ แล้วนางจะลดราคาให้แปดเปอร์เซ็นต์
สิ่งนี้ยิ่งทำให้ซุนเฟยรู้สึกปลื้มเข้าไปอีก
แต่เขาก็ยังไม่ได้เลือกไอเทมอุปกรณ์ในทันที นี่เป็โอกาสอันล้ำค่า ซุนเฟยจำเป็ต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบในการเลือกไอเทมเวทมนตร์ที่เหมาะสมที่สุด
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซุนเฟยก็ควักเมจิคไอเทมในกระเป๋าทั้งหมดออกมาขายเพื่อสะสมทุนทรัพย์ของตัวเอง ตอนนี้ซุนเฟยกลายเป็มหาเศรษฐีที่มีเงินถึงห้าหมื่นสี่พันเหรียญทอง เขาเห็นทหารรับจ้างสาวเอเลน่ายืนอยู่ข้างๆ ใจก็พลันกระตุกเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจซื้อไอเทมและชุดเกราะที่เหมาะกับนางสักสองสามชิ้น
“นายท่านซุนเฟย ขอบพระคุณมากเ้าค่ะ!”
เมื่อเอเลน่าได้เปลี่ยนไอเทมใหม่ยิ่งเสริมให้นางดูกล้าหาญมากขึ้น ร่างผอมบาง นิสัยดี เหมือนเทพธิดานักรบตก์ก็ไม่ปาน ผมสีแดงของนางปลิวไปตามสายลม เหมือนเปลวไฟกำลังลุกไหม้ บวกกับผิวขาวเนียนละเอียดของนางที่ขาวเหมือนน้ำนมพร้อมใบหน้าสวย กลิ่นอายที่ไม่สามารถบรรยายได้แผ่กระจายออกมาจากร่าง ไม่แปลกเลยที่นางจะได้ขนานนามว่าเป็ ‘ดอกไม้โร้ก’ ที่สวยที่สุดของค่าย
NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซีที่ยืนอยู่ข้างๆ มอง ‘ดอกไม้โร้ก’ ที่เ็าสูงส่งที่กำลังแย้มยิ้มออกมายามที่อยู่ตรงหน้าซุนเฟย พาลรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ในสายตาของนางมันเป็ประกายแปลกๆ
……
……
“..... ”
“...ยามมวลผกาที่สดใสได้พบนาง ยังต้องเหี่ยวเฉา”
“ยามสายลมได้ยินเสียงนาง ยังต้องเงียบสงัด”
ยามพระอาทิตย์ได้พบรอยยิ้มนั้นของนาง ก็พลันประหม่าอย่างอาดูร”
นี่เป็บทกวีสั้นๆ ที่นักกวีของแผ่นดินโร้กได้ใช้อธิบายถึงความงามของแม่ชีแอนเดเรียเมื่อนานมาแล้ว ในอารามศักดิ์สิทธิ์ของ ‘ที่ราบสูงไท้หมัว’ บนแผ่นดินโร้กมีสาวงามคนหนึ่งที่เป็ที่ภาคภูมิใจของคนทั้งแผ่นดินนามว่าแอนเดเรีย มีผู้ชายมากมายต่างหลงรักนาง มีผู้หญิงมากมายที่อิจฉานาง...สาวกำพร้าที่เกิดมาพร้อมกับชื่อของทูต์ ทุกการกระทำของนางต่างดึงดูดความสนใจของคนทั้งแผ่นดิน แม้แต่นักบวชที่เคร่งครัดที่สุด เมื่อได้เห็นนางก็แทบจะลืมเลือนพระเ้าไป
แต่ต่อมา เพราะสาเหตุลึกลับบางอย่างที่คนไม่รู้ สาวงามนางนี้ได้ไปตกหลุมรักกับจอมปีศาจ Diablo ที่น่ากลัวในตำนานและได้รับพลังชั่วร้ายมหาศาลจนกลายเป็ปีศาจสาวที่น่ากลัวที่สุดในแผ่นดินโร้ก นางยึดครองอาราม สังหารแม่ชีและพระทั้งหมด เปลี่ยนอารามของ ‘ที่ราบสูงไท้หมัว’ กลายเป็นรกในโลกมนุษย์ นอกจากนี้ยังปิดกั้นเส้นทางเดินทางฝั่งตะวันออกของแผ่นดินโร้กและ ‘ลุกค์ โกลไลน์’ ทำให้แผ่นดินโร้กกลายเป็เกาะโดดเดี่ยว
เส้นทางระหว่างไปอาราม ซุนเฟยได้ฟังเื่ราวจากปากของเอเลน่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้า
“แม่ชีรักกับจอมปีศาจ? พลังแห่งความรักยอดเยี่ยมจริงๆ...เอเลน่า ถึงเวลาในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว เมื่อเดินข้ามประตูตรงหน้า พวกเราก็จะไปเผชิญหน้ากับปีศาจสาวแอนเดเรียที่น่าเกรงขามที่สุดของแผ่นดินโร้กแล้ว เ้าต้องจำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เ้าจะต้องอยู่ห่างจากปีศาจสาวไว้สามสิบเมตร เข้าใจไหม?” พวกเขายืนอยู่ตรงปากทางห้องโถงชั้นที่สี่ของสุสานใต้ดินอารามศักดิ์สิทธิ์ ซุนเฟยยังคงย้ำเตือนเอเลน่าอีกครั้ง
เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว พวกเขาสองคนต่างกวาดล้างเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในอารามทั้งหมดและในที่สุดก็หารังของแอนเดเรียพบ ก่อนจะผลักประตูไม้บานั์เข้าไป ด้านหลังบานประตูมีแอนเดเรียที่เป็ลาสบอสที่น่ากลัวที่สุดในแผนที่ของ ‘ค่ายโร้ก’ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดรอต้อนรับพวกเขาทั้งสองคนแน่นอน
เอเลน่าดูเคร่งเครียดเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพยักหน้าเข้าใจอย่างแน่วแน่
------------------------