“เมื่อครู่ข้าควบคุมร่างกายของเ้าและใช้โลหิตต้องห้ามของเผ่าชูร่าออกมา เ้าในตอนนี้ถูกผลาญพลังเืและแก่นโลหิตในร่างกายไปเป็จำนวนมาก ดังนั้นสภาพร่างกายของเ้าจึงไม่สู้ดีเท่าไรนัก หากเ้ายังไม่พักฟื้นโดยเร็ว วรยุทธ์ถดถอยยังถือเป็เื่เล็ก เพราะความร้ายแรงของมันอาจถึงขั้นคุกคามชีวิตของเ้าได้”
ซีเยว่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง นางเหม่อมองมู่เฟิงที่ร่างกายกำลังซูบผอม ดวงตาของนางในเวลานี้เปี่ยมล้นด้วยความทุกข์ใจ
แต่ตอนนั้นนางเองก็ไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่อาจรักษาชีวิตของมู่เฟิงเอาไว้ได้เช่นกัน
หลังได้ยินดังนั้นรอยยิ้มขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่นของมู่เฟิงในทันที
“ความแข็งแกร่งของข้ายังอ่อนด้อยเกินไป…”
“แต่เื่นี้เ้าไม่ต้องกังวล เ้ายังมีแก่นโลหิตของงูเจียวไฟอยู่ไม่ใช่รึ? แก่นโลหิตของงูเจียวไฟเพียงหยดเดียวก็เพียงพอที่จะฟื้นฟูแก่นโลหิตของเ้าได้แล้ว ส่วนพลังเืที่หายไปก็สามารถใช้พลังเืจากหยกเทพชูร่าเข้ามาเติมเต็มแทนได้ เพียงแต่เ้าอาจจะต้องนอนซมสักหนึ่งเดือน”
ในระหว่างที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ ซีเยว่ก็นำขวดหยกที่บรรจุแก่นโลหิตของงูเจียวไฟออกมาจากแหวนเฉียนคุนของมู่เฟิง
“อ้าปาก”
มู่เฟิงเปิดปากที่แห้งกร้านของตัวเองออก แก่นโลหิตของงูเจียวไฟถูกส่งเข้าปากของเขาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานมันก็ถูกกลั่นออกมาเป็พลังความร้อนแผดเผาอยู่ภายในร่างกายของมู่เฟิง
หลังจากนั้น หยกเทพชูร่าก็ลอยขึ้นเหนือร่างของมู่เฟิง คลื่นพลังสีโลหิตพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างของมู่เฟิงเอาไว้
หลังจากได้ดูดซับพลังเืแล้ว ิับนร่างกายของมู่เฟิงก็เริ่มฟื้นคืนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มันเริ่มยืดตัวและเรียบตึงเหมือนกับแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ที่ถูกคลี่ออก และิัที่เหี่ยวย่นก็เริ่มขึ้นสีเืฝากทั้งยังมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย
“เยว่เอ๋อร์ มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่แก่นโลหิตหยดนั้นกับพลังมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของข้ากัน แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้รูปลักษณ์ของข้าถึงกลายเป็เช่นนั้นไปได้?”
มู่เฟิงที่กำลังได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังเืบนเตียงถามอย่างอ่อนแรง
หลังจากได้ฟังคำถามนั้นแล้ว ซีเยว่ก็เงียบไปพักใหญ่ แต่ในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า “สาเหตุที่เ้ากลายสภาพเป็เช่นนั้น ก็เพราะเส้นโลหิตที่ซ่อนอยู่ในตัวเ้ามันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา มีความจริงข้อหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกกับเ้า ในกายของเ้าไม่ได้มีเพียงแค่สายเืของมนุษย์ไหลเวียนอยู่เท่านั้น”
“ไม่ได้มีเพียงแค่สายเืของมนุษย์!”
มู่เฟิงคาดไม่ถึงกับคำตอบนี้ เขารีบเอ่ยถามด้วยความใ “จะ เ้าหมายความว่าอย่างไร”
“เ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดหยกเทพชูร่าถึงยอมรับเ้าเป็นาย? สิ่งนี้เป็ของวิเศษของเผ่าชูร่า หากไม่มีสายเืราชวงศ์ของเผ่าชูร่าแล้วละก็ ไม่มีทางที่หยกเทพชูร่าจะยอมรับเ้าในฐานะผู้เป็นายแน่”
ซีเยว่ตอบขณะผินหน้ามองไปด้านข้าง
“คะ ความหมายของเ้าคือ ขะ ข้ามีสายเืของเผ่าชูร่า?”
มู่เฟิงตะลึงงัน
ซีเยว่พยักหน้าและกล่าวว่า “มารดาของเ้า นางเป็คนของเผ่าชูร่า”
“มารดาข้าเป็คนของเผ่าชูร่า!”
เื่นี้ทำให้จิตใจของมู่เฟิงปั่นป่วนอย่างมาก
เผ่าชูร่าเป็หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าใครที่มาจากเผ่าพันธุ์นี้ล้วนเป็ผู้แข็งแกร่งทั้งสิ้น
คาดไม่ถึงว่ามารดาของเขาจะเป็คนของเผ่าชูร่า
“รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ของเ้าเป็เพียงรูปลักษณ์ปกติของเผ่าชูร่าเท่านั้น ไม่ใช่ของแปลกอะไร แต่เพราะในกายเ้ายังมีสายเืของเผ่ามนุษย์จากบิดาเ้าอยู่ ดังนั้นในยามที่เ้าไม่ได้ใช้เส้นโลหิตชูร่า ร่างกายของเ้าจึงไม่ได้ปรากฏรูปลักษณ์ของเผ่าชูร่าออกมา ตอนนี้เ้าคงสามารถััถึงแก่นโลหิตหยดนั้นในหัวใจของเ้าได้แล้ว พลังของมันแข็งแกร่งต่างกันใช่หรือไม่”
ซีเยว่กล่าว
มู่เฟิงหลับตาลงก่อนจะเริ่มรวบรวมพลังจิติญญา เพียงไม่นานเขาก็เริ่มมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของตัวเอง ทั้งอวัยวะภายใน เส้นลมปราณและกระดูก
การที่ผู้ฝึกยุทธ์สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเองเช่นนี้ได้ เรียกว่าการหยั่งรู้ด้วยจิต
ภายในหัวใจของมู่เฟิง มีแก่นโลหิตหนึ่งหยดที่เป็เสมือนแหล่งพลังสีโลหิต
ทว่าพลังที่ทรงอำนาจนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ชั่วร้าย ในขณะเดียวกันก็ทรงพลังอย่างยิ่ง
“นี่คือพลังแห่งสายเือย่างนั้นเหรอ?”
มู่เฟิงพึมพำกับตัวเอง
ในขณะเดียวกันนั้น หลังจากแก่นโลหิตของงูเจียวไฟเข้าสู่ร่างกายของเขา พลังจากแก่นโลหิตของมันก็เริ่มถูกกลั่นออกมา และเมื่อพลังเ่าั้ถูกส่งเข้าสู่หัวใจ มันก็ถูกควบแน่นขึ้นเป็แก่นโลหิตอีกครั้ง
แต่กระบวนการนี้เป็ไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งก็เป็ไปตามที่ซีเยว่กล่าวเอาไว้ มู่เฟิงอาจจะต้องนอนซมบนเตียงไปสักหนึ่งเดือน
“เดิมที พลังจากสายเืของเ้าจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อวรยุทธ์ของเ้าบรรลุถึงระดับหนิงกัง แต่ข้าส่งแก่นโลหิตหยดหนึ่งที่มารดาของเ้าแอบซ่อนเอาไว้ในหยกเทพชูร่าเข้าไปในร่างกายของเ้า พลังของมันจึงปลุกพลังสายเืในตัวเ้าให้ตื่นขึ้นก่อนเวลาอันควร และข้าก็ใช้วิชาลับโลหิตต้องห้ามของเผ่าชูร่าทำให้พลังต่อสู้ของเ้าเพิ่มสูงขึ้น”
คำอธิบายของซีเยว่ ทำให้มู่เฟิงตกตะลึง
“จริงสิ เ้าบอกว่ามารดาของข้ามาจากเผ่าชูร่า เพราะอย่างนั้นนางจึงกลับไปยังเผ่าชูร่าใช่หรือไม่? หากวันหนึ่งข้าไปยังเผ่าชูร่าก็จะมีโอกาสได้พบนางใช่หรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถามออกมาอีกครั้งอย่างมีความหวัง
ไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยได้พบหน้าของผู้เป็มารดามาก่อน เขาจะโหยหาความรักจากมารดามากเพียงใด บางทีคงมีเพียงผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ในแบบเดียวกันมาเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าใจความรู้สึกของมู่เฟิงได้อย่างแท้จริง
แต่แล้วซีเยว่กลับส่ายหน้า ดวงตาของนางมีร่องรอยของความเ็ปแวบผ่าน นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความโกรธแค้น หดหู่ เป็ห้วงอารมณ์ที่ดูซับซ้อนอย่างยิ่ง
“มีบางสิ่งที่เดิมทีข้าไม่อยากบอกกับเ้าเร็วนัก เพราะข้าไม่ต้องให้เ้าแบกรับแรงกดดันมากเกินไป มารดาของเ้าไม่ได้กลับไปยังเผ่าชูร่า แต่นางถูกใครบางคนพาตัวไป”
ซีเยว่กล่าวด้วยความเ็ป
“มีคนพาตัวนางไป!”
มู่เฟิงรู้สึกเ็ปใจขึ้นมา เขารีบเอ่ยถามต่อในทันที “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เมื่อหลายปีก่อน หลังเผ่าชูร่าทำากับเผ่าที่ทรงพลังอีกเผ่าหนึ่ง ซึ่งก็คือเผ่าทูต์ พวกเขาทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังเป็อย่างมาก ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันนั้น มารดาของเ้าได้รับาเ็สาหัสและตกลงไปยังรอยแยกของห้วงมิติ”
“เผอิญว่าในตอนนั้นบิดาของเ้ากำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ ร่างของมารดาเ้าล่วงตกลงมาในสนามรบและได้รับการช่วยเหลือจากเขา ภายใต้การดูแลด้วยความเอาใจใส่ เพียงไม่นานคนทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน และนี่ก็เป็จุดเริ่มต้นที่ทำให้เ้าได้เกิดมา”
“แต่แล้วก็มีคนของเผ่าทูต์ไล่ล่าตามมาถึงที่นี่ เพื่อป้องกันไม่ให้เ้าและบิดาของเ้าต้องเข้ามาพัวพันกับเื่นี้ นางจึงทิ้งหยกเทพชูร่าชิ้นนี้ไว้และเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ที่ไล่ตามมา ท้ายที่สุดนางก็ถูกพวกเขาจับตัวไป”
หลังจากมู่เฟิงได้ฟังเื่นี้ ดวงตาของเขาก็แดงระเรื่อ มารดาไม่ได้้าทอดทิ้งเขา แต่นางถูกบีบบังคับให้จากไป ทำให้นางต้องจากไปเพื่อปกป้องเขา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรเขาก็ไม่เคยเชื่อว่ามารดาของเขาจะทอดทิ้งเขาไปอย่างโหดร้าย เขาเชื่อว่านางจะต้องประสบกับความยากลำบากบางอย่างจึงได้เลือกที่จะทำเช่นนี้
“ท่านแม่...เผ่าทูต์...”
รังสีสังหารที่ฝังรากลึกได้ปรากฏขึ้นในแววตาของมู่เฟิง แม้เขาจะไม่เคยพบเห็นเผ่าทูต์มาก่อน ทว่าไม่จำเป็ต้องเห็นก็ทราบได้ว่าเขาชิงชังเผ่าทูต์นี้มากเพียงใด
คนที่มันพรากมารดาของเขาไป เขาจักสังหารมันอย่างไร้ความปรานี!
“จริงสิ เหตุใดท่านพ่อจึงไม่ปกป้องท่านแม่ ถึงอย่างไรท่านพ่อก็เป็ยอดฝีมือระดับหยวนตานนะ”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ด้วยวรยุทธ์ระดับหยวนตานน่ะหรือ?”
ซีเยว่แสยะยิ้มออกมา เป็รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความดูแคลน
“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานในสายตาของเ้าอาจจะเป็ผู้แข็งแกร่ง แต่สำหรับเผ่าชูร่าและเผ่าทูต์แล้ว วรยุทธ์ระดับหยวนตานไม่ถือว่าแข็งแกร่งอะไรเลย กล่าวได้ว่าไม่ได้อยู่ในระดับกลางด้วยซ้ำ ฉะนั้นยิ่งไม่จำเป็ต้องเอ่ยถึงระดับสูง ความแข็งแกร่งที่เป็จุดสูงสุดในบรรดาพวกเขา ไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะสามารถจิตนาการถึงได้ และในอดีตมารดาของเ้าก็เป็ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก นางแข็งแกร่งกว่าบิดาของเ้าเป็ร้อยเท่าพันเท่า”
ซีเยว่กล่าวอย่างไม่รักษาน้ำใจ คล้ายว่านางจะมีความไม่พอใจต่อบิดาของมู่เฟิงเล็กน้อย
บุรุษที่ไม่สามารถปกป้องสตรีของตนเองได้ ยังนับว่าเป็บุรุษได้อีกหรือ
หลังได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ยิ่งรู้สึกขมขื่น แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานเป็ร้อยเป็พันเท่า การดำรงอยู่เช่นนี้ แม้แต่เขาก็ไม่กล้าจินตนาการถึง
เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเวลาที่เขาเอ่ยถามถึงมารดา บิดาของเขาถึงเอาแต่ดื่มเงียบๆ ด้วยใบหน้าเศร้าโศกเพราะบิดาของเขาคงกำลังโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถไม่อาจปกป้องสตรีที่ตนรักได้
“นี่คือเหตุผลที่ข้าไม่อยากบอกเ้า ความแข็งแกร่งของเ้ายังอ่อนด้อยเกินไป การรู้เื่ในตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้เ้ากดดันมากขึ้น อีกทั้งยังเป็การบ่มเพาะเมล็ดมารในใจเ้า แต่ในเมื่อเ้าได้รู้แล้ว ตอนนี้ก็ทำได้เพียงพยายามฝึกฝนให้หนัก รอวันหนึ่งที่เ้าแข็งแกร่งพอที่จะสามารถสั่นะเืฟ้าดินได้ เ้าย่อมจะได้พบมารดาของเ้าอย่างแน่นอน”
ซีเยว่ไม่ลืมที่จะให้กำลังใจเด็กหนุ่ม นางกลัวว่ามู่เฟิงจะถูกแรงกดดันนี้บดขยี้จนเสียกำลังใจไปเสียก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้