เล่มที่ 4 บทที่ 100
ภายในเวลาสองสามวัน องค์ชายรองก็ได้สถาปนาทั้งสองคนเป็องค์หญิง การเคลื่อนไหวขององค์ชายรองส่งผลให้เกิดความโกลาหล แต่ในท้ายที่สุดเสียงแห่งความสงสัยก็ถูกกดโดยพลังที่มองไม่เห็น
เอ่ยจบหลิงชิงป๋อก็ถอนสายตาและมองมู่หรงฉิงด้วยความเ็ป “เกิดอะไรขึ้น หลังจากที่พวกนางถูกจับเข้าไปในวังหลวง? ข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่า ในวันที่สามที่พวกนางถูกจับ ฮ่องเต้ได้ปล่อยข้าและปล่อยแม่ของเ้าด้วย แต่ชิงชิงนั้นเป็ไปตามข่าวลือโดยมีความชอบพอกันกับท่านแม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดิน ข้าไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะหยุดพวกเขา นางก็แต่งงานเข้าไปในจวนของท่านแม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดินแล้ว เดิมทีคิดว่า นั่นเป็สิ่งที่เ็ปที่สุดในชีวิตของข้า แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากที่ชิงชิงแต่งงานเข้าไปในจวนของแม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดินไม่ถึงสามวัน แม่ของเ้ากลับจากข้าไปอย่างไร้ความปรานี และแต่งงานกับมู่หรงอั้น”
แม้วันเวลาจะผ่านไปเป็เวลาหลายปี แต่ครั้นนึกถึงความเกลียดชังใน่เวลานั้น หลิงชิงป๋อยังคงรู้สึกปวดใจสุดจะทนเช่นเดิม “เมื่อชิงชิงรู้ว่า แม่ของเ้าแต่งงานกับมู่หรงอั้น นางก็อาเจียนออกมาเป็เืทันที และนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ นางก็กลายเป็คนเ็าดั่งเช่นที่เห็น แม้กระทั่งข้ายังเป็เื่ยากที่จะทำให้นางมองข้า”
ความทรงจำในอดีตที่ปกปิดไว้ถูกเปิดออกทำให้ความโศกเศร้าท่วมท้นราวกับกระแสน้ำ กักขังเขาไว้ส่งผลให้เขาหายใจอย่างยากลำบาก
หลังจากฟังคำพูดของหลิงชิงป๋อ มู่หรงฉิงก็เดาได้เล็กน้อย คิดว่าในเวลานั้น หลิงชิงชิงเป็คนช่วยท่านแม่ของนางและช่วยหลิงชิงป๋อ
ด้วยการตัดสินใจที่จะตายและแต่งงานเข้าไปในจวนของแม่ทัพใหญ่พิทักษ์แผ่นดิน แต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากนางแต่งงานไม่ถึงสามวัน นางกลับได้ยินข่าวที่ท่านแม่แต่งงานกับมู่หรงอั้น หลังจากได้ยินข่าว นางคงจะโกรธขึ้งเป็ฟืนเป็ไฟ ถึงกระนั้นนางก็จนปัญญา ไม่สามารถทำอะไรได้และในที่สุดจึงสูญเสียความไร้เดียงสา กลายเป็คนเ็าไม่แยแสสิ่งใด
ไม่น่าแปลกใจที่ฮูหยินหลิงจะหยามนางเช่นนั้น และไม่แปลกใจที่ฮูหยินหลิงเยาะเย้ยท่านแม่ของนาง ในความคิดของหลิงชิงชิง นางเสียสละครั้งใหญ่เพื่อท่านแม่และหลิงชิงป๋อ แต่แลกกับการทรยศของท่านแม่ การกระทำของท่านแม่เป็การกระทำที่น่าดูถูกเหยียดหยามจริงๆ
เพียงแต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่า ความทุกข์ที่ท่านแม่ต้องพบเจอน้อยกว่านาง?
หลังจากหลิงชิงป๋อพูดจบ ทั้งคู่จึงเงียบสักพักหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ซูชิงหย่าไม่มีความผิด หลิงชิงชิงไม่มีความผิด และหลิงชิงป๋อก็ไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน ความผิดเพียงอย่างเดียวคือ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันถูกพลังอำนาจทำให้ตาบอด และได้ทำร้ายหญิงบริสุทธิ์สองคน
เนื่องจากการต่อสู้เพื่อตำแหน่ง ซูชิงหย่าและหลิงชิงชิงจึงถูกดึงเข้าไปข้องเกี่ยวกระนั้นหรือ? ผู้หญิงเช่นพวกนางสูญเสียคนรักและคนที่รักจำนวนนับไม่ถ้วน เนื่องจากความทะเยอทะยานขององค์ชายรองในเวลานั้น และซูชิงหย่ากับหลิงชิงชิงต้องเป็ฝ่ายที่ได้รับาเ็มากที่สุดก็เท่านั้น
ยามที่นางรู้ว่าคู่ต่อสู้เป็สมาชิกของราชวงศ์ มู่หรงฉิงเคยรู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก อาจจะด้วยสาเหตุที่นางเคยถูกโจมตีที่ก้นบึ้งของหัวใจ ฉะนั้นคราวนี้หลังจากรู้ว่าผู้กระทำผิดตัวจริงคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางถึงได้สงบ
นาง้าแก้แค้น และคนที่นางจะต้องรับมือคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน การเป็ศัตรูกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็ความฝันที่งี่เง่า เป็ไปได้หรือไม่ที่์จะให้โอกาสนางในการลอบสังหารฮ่องเต้? แล้วส่งผลให้แคว้นที่ปราศจากาา ส่งผลให้แคว้นต้าฮั่นตกอยู่ในสถานการณ์เช่นในอดีตอีกหน?
“เ้านาย เวลานี้เป็หน้าที่ของผู้น้อยในการลอบสังหารทรราชหรือไม่?”
ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหดหู่ใจถูกทำลายด้วยคำพูดสัพยอกของจ้าวจื่อซิน แม้ว่าคำพูดของจ้าวจื่อซินจะไม่สุภาพ แต่ในทางกลับกันมู่หรงฉิงรู้สึกว่าภาวะซึมเศร้าในหัวใจของนางได้กระจัดกระจายหายไป “ลอบสังหารอะไรหรือ? คำพูดไร้สาระเช่นนั้นห้ามเอ่ยออกมาเชียว ถ้าเกิดผู้ไม่หวังดีได้ยินเข้า โทษอย่างเบาคือการถูกตัดศีรษะ และโทษที่รุนแรงมากคนทั้งเก้ารุ่นของตระกูลพลอยต้องถูกลงโทษไปด้วย”
“ทรราชคนนั้นสามารถทำได้” จ้าวจื่อซินยักไหล่ และกล่าวด้วยความรังเกียจอย่างไม่มีที่เปรียบ
“แม้ว่าตำแหน่งของฮ่องเต้จะได้มาโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง แต่ในเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฮ่องเต้ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายที่เป็ประโยชน์ต่อแคว้นและประชาชน” แม้ว่าจะมีความเกลียดชังต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่ผลงานความดีความชอบเ่าั้ก็เป็ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจลบล้างได้
ทว่าผู้ร้ายคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางไม่เพียงแต่ฆ่าเขาไม่ได้ ในเวลาเดียวกันนางไม่สามารถฆ่าเขา เพื่อให้ตัวเองไปเป็ฮ่องเต้เสียแทน ถ้าเช่นนั้นแล้ว นางจะล้างแค้นให้ท่านแม่ของนางและฮูหยินหลิงได้อย่างไร?
จ้าวจื่อซินรู้สึกโล่งใจในที่สุดเมื่อเห็นแววตาของมู่หรงฉิง นางเริ่มคิดแผนการอีกหนแล้ว ข่าวคราวในคืนนี้หนักหน่วงมากเกินไป เขากลัวว่านางอาจไม่รับไหวและจะะเิขึ้นมา
“ด้วยสาเหตุนี้ เ้าจึงขอให้องค์หญิงล่อข้ามาที่นี่ เนื่องจากอยากรู้เื่ราวทั้งหมดกระนั้นหรือ?” ในจังหวะที่มู่หรงฉิงกำลังคิดถึงกลยุทธ์ จู่ๆ หลิงชิงป๋อก็รู้สึกตัวขึ้นมา และเอ่ยถามมู่หรงฉิงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ครู่ก่อนความเศร้าโศกทำให้เขาสูญเสียสติและปัญญา และเมื่อเขาสงบลง เขาจึงรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็เื่บังเอิญเกินไป คำพูดขององค์หญิงที่จวนของเขาและการลอบออกมาจากจวนของฮูหยินหลิงเพียงลำพัง หลังจากเขาติดตามมา เขาจึงเห็นว่าองค์หญิงถูกจ้าวจื่อซินทำให้สลบล้มลง จากนั้นเขาก็เห็นการเผาม้วนกระดาษภาพวาด ทั้งยังได้ฟังคำพูดเ่าั้
ทั้งหมดล้วนเป็กับดักซึ่งวางแผนมาเพื่อให้เขาเข้าสู่กับดักด้วยความสมัครใจ วิธีการคือการเชิญคนเข้าไปในโอ่งซึ่งเป็วิธีการที่ชาญฉลาดจริงแท้
มู่หรงฉิงเห็นว่าหลิงชิงป๋อคิดและเข้าใจแล้ว จึงไม่ปิดบังอีกต่อไป นางพูดกับหลิงชิงป๋อโดยมีนัยกล่าวขอโทษว่า “อาจารย์องค์ชายรัชทายาทได้โปรดอย่าได้วิตกกังวล ฉิงเอ๋อร์เองก็มีข้อสงสัยในใจมากเกินไป จึงจำต้องทำเช่นนี้”
“ไม่เป็ไร ลืมมันไปเสีย คืนนี้เป็การช่วยให้เ้าบรรลุผลสมความปรารถนา และช่วยให้ข้าบรรลุผลสมความปรารถนาในเวลาเดียวกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะรับรู้ถึงความทุกข์ของชิงหย่าได้อย่างไร? และข้าจะรู้ถึงความเ็ปของชิงหย่าได้อย่างไร? ใน่เวลาหลายปีที่ผ่านมา ข้าเข้าใจนางผิดมากเกินไป ข้าจะต้องบอกชิงชิงและต้องไม่ปล่อยให้นางโกรธเกลียดแม่ของเ้าเช่นนั้นอีกต่อไป ถ้าแม่ของเ้าอยู่ใน์และรู้ว่าเ้าฉลาดมากถึงเพียงนี้ แม่ของเ้าจะต้องปลื้มใจอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบก็ลุกขึ้นหมายที่จะจากไป มู่หรงฉิงจึงรีบะโลงจากกล่องและหยุดหลิงชิงป๋อ “ท่านแม่เคยบอกว่า ท่านแม่รู้สึกละอายใจต่อฮูหยินหลิง คงเป็การดีกว่าที่ฉิงเอ๋อร์จะบอกฮูหยินหลิงด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีคนเฝ้าติดตามอาจารย์องค์ชายรัชทายาท ถ้าเกิดคนอื่นรู้เื่เข้าเกรงว่าจะเป็การสร้างปัญหาให้ท่านได้”
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีคนกำลังเฝ้าติดตามข้าอยู่?” หลิงชิงป๋อใเมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงฉิง “เ้าเจอพวกเขาแล้วหรือ? เ้าาเ็อะไรหรือไม่?”
“ไม่” ความเป็ห่วงเป็ใยของหลิงชิงป๋อซึ่งมู่หรงฉิงมองเห็นจากสายตาของนาง นั่นทำให้หัวใจของนางรู้สึกถึงความอบอุ่น บางทีอาจเป็เพราะรักท่านแม่ จึงรักนางด้วยกระมัง เขารักท่านแม่ของนางอย่างสุดหัวใจ และห่วงใยนางมาก แต่ท่านพ่อผู้ให้กำเนิดของนางกลับมองว่าชีวิตของนางเหมือนเป็ต้นไม้ใบหญ้า และมากไปกว่านั้น เขา้าสังหารนางและพี่ชายใหญ่ของนาง
ความเกลียดชังที่มีต่อมู่หรงอั้น นางไม่สามารถทำให้หายไปได้ มู่หรงฉิงถอนหายใจ และระงับความเกลียดชังก่อนที่จะพูดว่า “ที่จวนของฮูหยินหลิงในวันนั้น ข้าบังเอิญพบเห็นคนที่ลอบเฝ้าสังเกตอาจารย์องค์ชายรัชทายาท ด้วยสาเหตุนั้นจึงคิดแผนการล่อให้อาจารย์องค์ชายรัชทายาทมาที่นี่”
นางเชื่อว่า ด้วยความสามารถของหลิงชิงป๋อ เขาย่อมสามารถหลบหลีกดวงตาเ่าั้ได้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้เป็เวลาหลายปี
“โธ่ อุปนิสัยของเ้า ช่างเหมือนกับชิงหย่าไม่มีผิด…” หลิงชิงป๋อไม่สามารถบอกได้ว่าเหมือนกันตรงไหนแต่มู่หรงฉิงรู้ หลังจากคำนับหลิงชิงป๋อ มู่หรงฉิงจึงกล่าวอีกว่า “ในภายภาคหน้า ฉิงเอ๋อร์ยังมีสิ่งที่ต้องให้อาจารย์องค์ชายรัชทายาทช่วยเหลืออีกมาก ขอให้ท่านโปรดดูแลตัวเองให้มากด้วย”
“เ้า้าทำอะไรฮ่องเต้จริงๆ หรือ?” ด้วยสายตาที่แน่วแน่ของนางเป็สาเหตุให้หลิงชิงป๋อรู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้นางจะฉลาดหลักแหลม ถึงกระนั้นนางก็ยังคงเป็สตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น เวลานี้นางแต่งงานกับผู้ชายโง่งม แม้กระทั่งตัวเองก็ยังป้องกันตัวได้ยาก แล้วนับประสาอะไรกับการล้างแค้นให้มารดา?
“ฮ่องเต้ได้รับการคุ้มครองจาก์ ในฐานะสามัญชนทั่วไป ฉิงเอ๋อร์ไม่สามารถทำอะไรกับความกรุณาของฮ่องเต้ได้” หลังจากเว้นจังหวะการพูดชั่วคราว มู่หรงฉิงก็มองดูดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน “เนื่องจากฮ่องเต้ชอบที่จะยึดบัลลังก์มาก พวกเราก็ต้องให้โอรสที่ดีหลายองค์ของเขาแย่งชิงบัลลังก์ภายใต้สายตาของเขา ใน่เวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ให้เขาได้เห็นคนของเขาทำร้ายกันเอง และให้เขาได้เห็นว่าการกระทำของเขาใน่เวลานั้นเหี้ยมโหดมากถึงเพียงไหน”
ท่าทีของมู่หรงฉิงสงบใจเย็นอย่างผิดไปจากปกติ ทว่าแต่ละคำพูดของนางทำให้หัวใจของหลิงชิงป๋อสั่นไหว เห็นๆ อยู่ว่านางเป็เพียงผู้หญิงที่อ่อนแอและบอบบาง มีความสูงเท่าไหล่ของเขาเท่านั้น แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับมีสิงโตตัวใหญ่ซุ่มซ่อนอยู่ในหัวใจของนางกัน? ตราบใดที่นางลืมตาขึ้น ก็จะสามารถกัดคู่ต่อสู้จนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก...
หลิงชิงป๋อกล่าวตักเตือนมู่หรงฉิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจงทำสิ่งต่างๆ ด้วยความระวัง อย่าทำให้ตัวเองต้องได้รับาเ็ จากนั้นเขาก็จากไปด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่งยวด
จวบจนกระทั่งร่างของหลิงชิงป๋อหายเข้าสู่ความมืดในยามกลางคืน มู่หรงฉิงถึงได้ถอนสายตา ความเสน่หาและความผูกพันของหลิงชิงป๋อที่มีต่อท่านแม่ของนางทำให้นางซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก แต่ความรักนี้กลับถูกแยกออกจากกันเนื่องจากแผนการของใครบางคน ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้รู้สึกเศร้าใจ
“ดื่มสุราหรือไม่? เมื่อไม่มีความสุข การดื่มสุราก็เป็การดับความกลัดกลุ้มใจอีกวิธีหนึ่ง” และไม่รู้ว่า จ้าวจื่อซินเสกสุราขวดเล็กๆ มาจากที่ใด หลังจากเปิดขวดสุรา กลิ่นอันคุ้นเคยจึงโชยเข้ามาในจมูก
นี่เป็สุราที่เป้ยหนิงดื่มเมื่อ่บ่ายไม่ใช่หรือ?
“นี่คือสุราจากวังหลวง ข้านำสุราสองสามโถกลับมาจากวังหลวง การไปวังหลวงเมื่อคืนทำให้ได้ลิ้มรสชาติสุราดี ถ้าพวกเราไม่ได้ลิ้มลองย่อมผิดต่อคนหมักสุราซึ่งทำมาอย่างยากลำบาก” คุยโวอย่างไร้ความอาย โดยมองว่าการขโมยสุราของเขาเป็การตระหนักถึงการทำงานหนักของผู้อื่น มู่หรงฉิงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา เงยหน้าขึ้นแล้วจิบเล็กน้อย
หลังจากจิบสุรานางก็กล่าวชื่นชมว่า “รสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมเข้มข้น รสชาตินี้ดีมาก” นางจิบเพียงหนึ่งหนด้วยรู้ดีว่าตนเองคออ่อน จึงไม่จิบอีกต่อไป นางไม่้ากลับจวนด้วยอาการมึนเมา
คืนขวดให้กับเขา แต่เมื่อเห็นเขาเงยศีรษะขึ้นพลางยกขึ้นดื่มโดยไม่คิดอะไร มู่หรงฉิงรู้สึกกระดากอายชั่วขณะหนึ่ง อึดใจก่อนนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากขวดก่อนถึงจะดื่ม แต่เขารับกลับไปแล้วดื่มโดยตรง การกระทำเช่นนั้นของตนทำให้นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“น้องหญิง ปลาเยอะมาก ปลาเยอะมาก”
มู่หรงฉิงยังคงกระดากอาย แต่จู่ๆ เสียงร่าเริงของเฉินเทียนหยูก็ดังแว่วมาจากระยะไกล ตามด้วยการปรากฏตัวพร้อมท่าทีมีความสุขและปลาตัวใหญ่สองตัวในมือ
นางรีบเดินเข้าไปหา ก่อนเห็นว่าเสื้อผ้าของเฉินเทียนหยูเปียกพอสมควร “ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป อาจจะต้องลมทำให้ไม่สบายเป็หวัดได้ “นำปลานี้กลับบ้าน พรุ่งนี้จะย่างในครัวเล็กให้ท่านพี่กินดีหรือไม่?”
เฉินเทียนหยูได้ยินว่าจะย่างปลาในวันพรุ่งนี้ เขาจึงร้องะโทันทีว่า “ไม่เอา เมื่อหลายอึดใจก่อน ชิงยวี่บอกว่าการย่างปลาข้างนอกน่าสนุกมาก ข้าจะย่างปลาที่นี่ ข้าจะย่างปลาเดี๋ยวนี้”
“แต่เสื้อผ้าของท่านพี่เปียกหมดแล้ว ระวังลมแรงจะทำให้ไม่สบายเป็หวัดได้” ถึงแม้ว่าเวลานี้จะเป็่เวลาฤดูร้อน แต่ถ้าใส่เสื้อผ้าเปียกจะทำให้ร่างกายไม่สบายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ข้าถอดเสื้อ และย่างปลาก็ได้แล้ว” หลังจากโยนปลาลงบนพื้น เฉินเทียนหยูเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขา จนเหลือเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น จากนั้นเขาจึงยิ้มและหันไปมองมู่หรงฉิง “ข้ารู้วิธีอบเสื้อผ้า เมื่อก่อนข้าออกมาเล่นกับจ้าวจื่อซิน เขาบอกว่า การอบเสื้อผ้าเป็เื่สนุกมาก”
สนุกหรือ? เขาไม่้าดูแลรับใช้เ้า จึงพูดหลอกให้เ้าทำเองมากกว่า
มู่หรงฉิงรู้สึกอับจนหนทางหลังจากเห็นเฉินเทียนหยูหากิ่งไม้เพื่ออบเสื้อผ้าของเขาอย่างเชี่ยวชาญ มู่หรงฉิงจึงหันไปมองจ้าวจื่อซิน “เ้าดูแลรับใช้เ้านายคนนี้ได้อย่างสบายมาก เพียงไม่กี่คำก็สามารถหลอกให้เขาทำด้วยตัวเองได้แล้ว”
“ช่วยไม่ได้ก็คนมันฉลาดนี่” จ้าวจื่อซินเลิกคิ้วขึ้นทั้งไม่ได้พูดอ้อมค้อมแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าการหลอกเฉินเทียนหยูคนโง่งมคนนี้ได้จะต้องฉลาดปราดเปรื่องมาก
แม้กระทั่งชิงยวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างยังหน้าแดงก่ำแทนผู้เป็นาย ส่งผลให้เสียงหัวเราะเบาๆ ของมู่หรงฉิงไม่อาจซ่อนเร้นยิ่งกว่าเดิม
หลังจากหัวเราะสักพักหนึ่ง นางก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่จวนของฮูหยินหลิงในวันนั้น และความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว
ครู่ก่อนหลังจากหลิงชิงป๋อได้ยินนางพูดว่ามีคนกำลังเฝ้าติดตามเขา เ้าตัวก็เอ่ยว่า ‘พวกเขา’ ซึ่งทำให้นางสงสัยว่า กลุ่มคนที่เฝ้าติดตามหลิงชิงป๋อคงมีสองกลุ่ม, กลุ่มที่หนึ่งคือฮ่องเต้ และกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งคือคนขององค์ชายรัชทายาทราชวงศ์ก่อน
เหตุผลที่ฮ่องเต้ยังคงไว้ชีวิตของหลิงชิงป๋อ คงเนื่องจาก้าใช้เขาดึงดูดองค์ชายรัชทายาทราชวงศ์ก่อน แม้ว่าอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทไม่้าที่จะพูดถึงรายละเอียดของท่านแม่ที่ดื่มยาพิษเพื่อเขา แต่ก็ไม่ใช่เื่ยากที่จะเดาว่า ฮ่องเต้้าปลิดชีพของเขา แต่กลับได้รับการช่วยเหลือจากท่านแม่ของนาง
ด้วยสาเหตุข้างต้นฮ่องเต้จึงสงสัยว่า เขาจะสามารถใช้หลิงชิงป๋อเป็ตัวล่อองค์ชายรัชทายาทองค์ก่อน? หรือจะสามารถชักนำตราประทับหยกสืบราชบัลลังก์ให้ปรากฏออกมาได้หรือไม่?