“ตอนนี้ลับตาผู้คน หากนางเสแสร้ง นางก็คงไม่อ่อนโยนกับเ้ากระต่ายเช่นนี้ ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเฟยกันแน่” เขาขบคิดอย่างเงียบ ๆ ก่อนร่างของหญิงสาวจะค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วยืนมองกระต่ายน้อยที่กำลังะโไปมาบริเวณนั้นพร้อมรอยยิ้มเมตตา
“เ้าไปเถอะ ไม่ต้องอยู่เพื่อขอบคุณข้าหรอก ที่ที่เ้าอยู่แล้วมีความสุข หาใช่ที่เรือนของข้า แต่เป็ธรรมชาติ ที่มีป่าไม้ล้อมรอบเช่นนี้ต่างหาก” หญิงสาวเดินเล่นกับเ้ากระต่ายน้อยครู่ใหญ่ ท่ามกลางสายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะกาย นางอยู่ในสวนไผ่จนเ้ากระต่ายน้อย ค่อย ๆ ะโห่างจากนางทีละนิด จนในที่สุดก็ลับสายตาไป
“โชคดีนะ” เสี่ยวเฟยปล่อยยิ้มกว้าง แล้วะโบอกลา รู้สึกใจหายวูบขึ้นมา เมื่อไม่เห็นกระต่ายน้อยตัวนั้นแล้ว หญิงสาวเม้มปาก จำใจยอมปล่อยมือเพื่อให้กระต่ายน้อยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก่อนตัดสินใจหันหลังเดินจากมา
สองเท้าของเสี่ยวเฟยเดินออกมาได้สักระยะ ก่อนจะสังเกตเห็นร่างของใครบางคนนั่งอยู่โต๊ะหินใต้ต้นไผ่ พร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกาย
“นั่นโม่โฉวนี่นา” เสี่ยวเฟยคิดในใจ แล้วสังเกตมือของชายหนุ่มที่กำลังตวัดพู่กันไปมาบนกระดาษ ทว่าด้วยความอยากรู้ทำให้หญิงสาวตัดสินใจเดินไปหาเขาช้า ๆ แล้วย่อตัวลงนั่งยังโต๊ะหินสีขาว
“ท่านทำอันใดอยู่เหรอเ้าคะ” เขาไม่มองหน้า แต่ยังเขียนบางอย่างลงในกระดาษ
“เขียนวรรณกรรม” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง ทว่าดวงตาของนางเบิกโพลงแล้วชะเง้อคอมองอย่างสนใจ ก่อนเขาจะวางพู่กันลงด้านข้าง แล้วจับจ้องมายังอีกฝ่าย
“เ้าสนใจวรรณกรรมด้วยรึ” เป็ครั้งแรกที่เขาเริ่มเปิดใจคุยกับเสี่ยวเฟย นั่นทำให้หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้อีกเช่นเคย
“ท่านคงไม่รู้ ว่าความใฝ่ฝันของข้านั้นคือการเป็นักเขียน” เขาขมวดคิ้ว
“นักเขียนงั้นรึ” เขาไม่คุ้นคำนี้เท่าใดนัก
“ข้าหมายถึงผู้ที่เขียนวรรณกรรมน่ะ” เสี่ยวเฟยพยายามอธิบายอีกครั้ง ก่อนชายหนุ่มจะหยุดนิ่ง มองใบหน้างดงามของนาง ที่เวลานี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความร้ายกาจที่เคลือบในดวงตาหลงเหลือเพียงความใสซื่อเดียงสา ราวกับหญิงอายุยี่สิบ
“ข้าขออ่านได้หรือไม่”
“ข้ายังเขียนไม่เสร็จ อีกอย่างข้าเขียนเกี่ยวกับศึกา เ้าจะอ่านเข้าใจรึ” เขาพูดพร้อมสายลมพัดโชยมาปะทะกาย ก่อนหญิงสาวจะยิ้มเล็กน้อย
“หากข้าอยากเขียนวรรณกรรมบ้าง ข้าจะต้องทำอย่างไร” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เ้าไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเช่นนี้ ส่วนใหญ่เ้าใช้เวลาอยู่ในเรือน ไม่เคยเห็นออกมาเที่ยวเล่นนอกเรือน นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าเห็นเ้าออกมา” เสี่ยวเฟยค่อย ๆ หุบยิ้ม รู้ตัวว่าเขากำลังจับผิด จึงแสร้งเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง เมื่อก่อนข้าชอบอยู่ในเรือนก็จริง แต่ตอนนี้ข้าชอบที่ออกมารับลมด้านนอก อีกอย่าง...” เสี่ยวเฟยพูด พลางจับจ้องไปยังพู่กันและกระดาษหน้าตาประหลาดนั้น ก่อนจะเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็จังหวะช้า ๆ อย่างใช้ความคิด
“ตอนนี้ข้าได้บทเรียนมากมาย ข้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง”
“มิใช่เพราะความจำเ้าสูญสิ้นหรอกรึ” คำถามของเขาทำให้เสี่ยวเฟยชะงักนิ่ง นึกถึงคำพูดของมู่เลี่ยนที่เอ่ยเตือน
“คนพวกนี้ล้วนถูกท่านเล่นงานจนยับ หากรู้ว่านายหญิงสูญสิ้นความจำ หลงเหลือเพียงความอ่อนโยนไร้เดียงสา อีกทั้งนายท่านก็ไม่ได้คิดปกป้อง นายหญิงจะอยู่ในอันตราย เช่นนั้นแล้ว เื่ที่ท่านความจำสูญสิ้น อย่าได้บอกให้ผู้ใดล่วงรู้ หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็แค่บอกว่าเกิดจากพิษที่ดื่มทำให้ท่านหลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้างเท่านั้นก็พอ” เมื่อคิดได้ดังนั้นเสี่ยวเฟยก็ยิ้มแหย ๆ แล้วพูดปัด
“ข้ามิได้ความจำสูญสิ้น แต่แน่นอนว่าการดื่มพิษในครั้งนั้นอาจทำให้ข้าเปลี่ยนไปบ้าง ข้าอาจกลายเป็คนหลง ๆ ลืม ๆ แต่ข้าก็ยังเป็ข้า” เขาหรี่ตามองอยางชาญฉลาด
“เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ ว่าของสิ่งนี้มาจากที่ใด” เขาหยิบพัดสีขาวปักด้วยไหมทองเป็รูปหงส์ขึ้นมา ก่อนหญิงสาวจะมองแล้วขมวดคิ้วคิดทบทวนในใจ
“ข้าจะรู้ได้ยังไง ว่าพัดเล่มนี้มาจากไหน” เสี่ยวเฟยยิ้มแห้ง แต่พยายามเอาตัวรอด ด้วยการสูดลมหายใจเข้าจนสุด หยิบพัดมาจากมือโม่โฉว แล้วหรี่ตามองเพื่อทบทวน
“พัดเล่มนี้ ต้องเป็พัดของแม่นางเซียนเยว่แน่ ๆ ของ ๆ นาง ท่านจึงเก็บอย่างดี ข้าพูดถูกหรือไม่” นางตอบอย่างมั่นใจ ก่อนชายหนุ่มจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พัดเล่มนี้เป็ของเ้า ไหมทองเป็ของที่อยู่ในวังหลวง เซียนเยว่เป็เพียงชาวบ้านธรรมดาสามัญ ไม่มีของสิ่งนี้หรอก” เขาพูดจบก็วางพัดลงกับโต๊ะ
“อ่อ...ใช่ ๆ ข้าอาจจะลืมไปว่าพัดนี้เป็ของข้า ถึงว่าเหตุใดจึงคุ้นนัก อย่างที่ข้าบอก ว่าข้าอาจกลายเป็คนหลง ๆ ลืม ๆ” นางแก้ตัวทั้งที่รู้ว่าเขาอาจไม่เชื่อ ก่อนหญิงสาวจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
“ข้าขอตัวก่อนนะเ้าคะ” หญิงสาวรีบปลีกตัวออกมาด้วยกลัวอีกฝ่ายจะจับได้
“เดี๋ยวก่อน” คำเหนี่ยวรั้งของเขาทำให้นางหลับตาปี๋ แล้วค่อย ๆ ปรับสีหน้าเป็ปกติ หันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“หากเ้าอยากเขียนวรรณกรรม ก็ไปที่เรือนใหญ่ ที่นั่นมีพู่กันและกระดาษมากพอให้เ้าเขียนวรรณกรรมได้หลายเื่ รอเวลาให้ท่านม่อยวนกลับจากศึก ถึงตอนนั้นข้าจะไปส่งเ้ากลับวังหลวง” เสี่ยวเฟยค่อย ๆ ก้าวเท้าไปหาชายหนุ่ม
