หากเธอสามารถสร้างรายได้ด้วยการขนส่งสินค้าโดยโกดังมิตินั่น เธออาจจะสามารถหาเงินเก็บได้มากกว่าการเป็แรงงานชั่วคราวไปวันๆ
เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น ฟางเฉาก็รู้สึกว่ามันเป็ไปได้
หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
“พักกินข้าวก่อนเถอะ” เสียงของเถ้าแก่ขัดจังหวะความคิดเธอไปชั่วขณะ
ฟางเฉาตอบรับและวางงานในมือลงชั่วคราว จากนั้นก็เดินไปยังมุมเล็กๆเพื่อพักกินข้าว มื้อเที่ยงวันนี้เป็ซาลาเปาสามลูกเช่นเดิม และยังเป็ไส้ผักเหมือนเมื่อวาน
ฟางเฉามองซาลาเปาในห่อด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก เธอรู้ดีว่าเถ้าแก่เป็คนประหยัดถึงขั้นตระหนี่ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า อย่างน้อยเถ้าแก่ก็ยังใส่ใจพอจะซื้ออาหารกลางวันมาให้
เด็กสาวหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำแรก รสชาติไม่ต่างจากเมื่อวาน แต่ก็พอประทังความหิวได้ เธอกินอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากเสียเวลา จากนั้นก็เก็บอีกลูกหนึ่งที่กินไม่หมดไว้กินหลังเลิกงาน
ในร้านแห่งนี้ เธอต้องทำแทบทุกอย่าง ั้แ่ยกของไปจนถึงจัดร้าน งานที่ใช้พลังงานตลอดทั้งวันทำให้พอถึงเวลาเลิกงาน เธอมักจะหิวจนแทบหมดแรง ดังนั้นจึงต้องเติมท้องก่อนสักเล็กน้อย
เมื่อหมดวันทำงาน เถ้าแก่ก็ชี้ไปยังผลไม้ไม่กี่ลูกที่ถูกแยกไว้ “เอาไปเถอะ ยังพอกินได้ ไม่งั้นฉันก็คงต้องทิ้งอยู่ดี”
ฟางเฉายิ้มรับ “ขอบคุณค่ะ เถ้าแก่” แน่นอนว่าเธอย่อมไม่รังเกียจของฟรี
วันนี้ผลไม้ที่ให้มาน้อยกว่าครั้งก่อน เนื่องจากผลไม้ที่เพิ่งมาส่งเมื่อเช้าอยู่ในสภาพที่ดีเกือบทั้งหมด แต่ฟางเฉาก็พอใจกับสิ่งที่ได้
เธอเดินออกจากร้านพร้อมถุงผลไม้ในมือ วันนี้เด็กสาวไม่ได้แวะที่ไหน เพราะอยากรีบกลับบ้านเพื่อช่วยอาหญิงเตรียมอาหารเย็น
เมื่อเดินมาถึงบ้านก็พบเซียงฉินกำลังนั่งกอดเข่าชะเง้อมองอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าของเด็กชายแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นพี่สาวกลับมา
“พี่สาว!” เขาร้องเรียกพร้อมวิ่งเข้ามาหา
ฟางเฉาอุ้มน้องชายขึ้นมากอด “เซียงฉิน เป็เด็กดีใช่ไหมวันนี้?” เธอถามพร้อมลูบหัวเขาเบาๆ
“ฉินฉินเป็เด็กดี” เด็กชายตอบอย่างเชื่อฟัง
ฟางเฉายิ้มอย่างอ่อนโยน “เก่งมาก เซียงฉินของพี่เป็เด็กดีจริงๆ เอาล่ะ พวกเราไปช่วยอาหญิงทำกับข้าวกันเถอะ”
หลินเหมยเดินออกมาจากครัวพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นหลานสาวกลับมา “กลับมาแล้วเหรอเสี่ยวเฉา วันนี้เหนื่อยไหม?”
“นิดหน่อยค่ะ ลูกค้าเยอะตลอดทั้งวันเลย” ฟางเฉาตอบก่อนจะเดินเข้าไปช่วยในครัว
หลินเหมยร้องบอกลูกสาวคนรอง “ลี่ลี่ ไปตามพี่ชายลูกกลับบ้านได้แล้ว บอกเขาว่าอาหารเย็นใกล้เสร็จแล้ว”
เสียงตอบรับของหรงหยุนลี่ดังแว่วมาจากในห้อง ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอรีบเดินออกไป
ดูเหมือนว่าหรงจื้อคังจะชอบไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนหลังเลิกเรียนมาก ทันทีที่กลับถึงบ้าน เขามักจะรีบออกไปทุกครั้ง มีเพียงวันที่สองพี่น้องมาถึงเท่านั้น ที่เขาไม่ได้ออกไปไหน
ฟางเฉาเข้าใจว่าเด็กชายอายุ 13 จะเริ่มสนใจเื่ข้างนอกมากขึ้น ยิ่งเมื่อเ้าตัวมีเพื่อนเยอะด้วยแล้ว
สายตาของเธอเหลือบมองเด็กชายที่นั่งรออยู่ไม่ไกลอย่างหนักใจเล็กน้อย
เซียงฉินเติบโตมาโดยไม่มีเพื่อนเล่นเลยแม้แต่คนเดียว ยิ่งเมื่อเผชิญกับการกดขี่ของป้าใหญ่ ยิ่งทำให้เขาดูขี้ขลาด ไม่กล้าเข้าหาผู้คน แม้ตอนนี้จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว แต่ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่รอบๆก็ไม่ชอบสุงสิงกับเขานัก
หญิงสาวคิดหนัก เธอยังไม่รู้ว่าจะช่วยเปลี่ยนสถานการณ์นี้ให้น้องชายได้อย่างไรดี
หลังจากมื้ออาหารเย็นผ่านไป ฟางเฉาก็เดินไปหยิบผลไม้ที่เถ้าแก่ให้มาเพื่อปอกเปลือกและจัดใส่จาน เธอตั้งใจจะนำมันมาแบ่งปันกับทุกคน
เมื่อจานถูกวางลง เด็กๆที่นั่งอยู่รอบโต๊ะหันมามอง
หรงจิ้งฮวาหยิบชิ้นแอปเปิ้ลขึ้นมากินทันทีโดยไม่พูดอะไร ส่วนหลินเซียงฉินที่นั่งข้างพี่สาวมองเธอด้วยสายตาวิบวับ เมื่อฟางเฉาเลือกหยิบชิ้นหนึ่งยื่นให้ด้วยตัวเอง เขาก็ยิ้มกว้าง
หรงเทียนเจี๋ยกับหลินเหมยเพียงแค่มองเด็กๆกิน วันนี้ผลมีไม่เยอะ คนตัวโตอย่างพวกเขาจะไม่โลภจนแย่งของว่างกับลูกๆแน่นอน
ทว่าหรงจื้อคังกลับขมวดคิ้วเมื่อเห็นผลไม้ในจาน “ผลไม้พวกนี้มันดูไม่น่ากินเลย ของแบบนี้ทำไมยังต้องเอากลับมาอีก?”
ฟางเฉาชะงักกับคำพูดนั้น ใบหน้าเธอแสดงความไม่สบายใจ “ฉันตัดส่วนที่เสียออกหมดแล้วนะ พวกนี้ยังพอกินได้ คงน่าเสียดายถ้าจะทิ้งไปทั้งลูก”
“พี่ใหญ่พูดถูก มันดูไม่ดีเลย” หรงจิ้งฮวาเสริมด้วยน้ำเสียงเห็นด้วย เธอมองชิ้นที่อยู่ในมืออย่างชั่งใจ แต่ก็ยังกินต่อ
แม้คุณภาพชีวิตของบ้านนี้จะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่มีผลไม้ให้ได้กินบ่อยนัก ถึงมันจะดูไม่ดี แต่รสชาติก็ไม่เลวเลย…
ฟางเฉานั่งนิ่งไป ใจเธอรู้สึกหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย เธอเพียงแค่อยากให้พวกเขากินผลไม้อร่อยๆ แต่คำพูดของหรงจื้อคังทำให้เธอรู้สึกเหมือนความตั้งใจของเธอไร้ค่า
วันนี้ผลไม้มีเพียงไม่กี่ลูก เธอจึงไม่ได้พิถีพิถันเหมือนเมื่อวานที่คัดรอยช้ำออกจนหมด แม้ว่าจะดูไม่สวยงามนัก แต่ฟางเฉาก็มั่นใจว่าเนื้อััยังคงดีและรสชาติไม่ได้แย่เลย
หลินเหมยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นสีหน้าของฟางเฉาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คังเออร์ อย่าไปพูดแบบนั้น พี่ฟางเฉาตั้งใจเอามาแบ่งให้พวกเรา พวกเราควรขอบคุณเธอสิ”
หรงจื้อคังบ่นพึมพำในลำคอ เขาตอบแบบขอไปที ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะไปโดยไม่ได้แตะผลไม้แม้แต่น้อย
“เสี่ยวเฉา ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เด็กผู้ชายกำลังโตก็จะจู้จี้จุกจิกแบบนั้นแหละ” หลินเหมยพูดปลอบใจพร้อมรอยยิ้ม “ผลไม้ที่เธอเอามายังดีอยู่มาก อาเห็นแล้วก็ยังอยากกินเลย”
ฟางเฉายิ้มบางๆ พลางเอ่ยชวน “อาหญิงกินด้วยกันสิคะ”
หลินเหมยพยักหน้าและหยิบไปชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ไปเตรียมตัวอาบน้ำ
หลินเซียงฉินแทะแอปเปิ้ลชิ้นเล็กๆอยู่ข้างๆ เขาเงยมองพี่สาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “พี่สาว ฉินฉินชอบกินผลไม้ที่พี่เอามา”
“งั้นก็กินเยอะๆนะ เสี่ยวฉินของพี่จะได้แข็งแรงๆ”
เด็กชายพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ฟางเฉามองเขาแล้วรู้สึกอุ่นวาบในใจ
ในเมื่อลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่สนใจของเหลือพวกนี้ เธอก็ไม่จำเป็ต้องประเคนให้อย่างไม่เลือกหน้า เธอมักจะช่วยเหลือและพยายามมีความสัมพันธ์ที่ดีเพราะตัวเองกับเซียงฉินมาอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความภาคภูมิใจในตนเอง
หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลินฟางเฉาก็เริ่มคุ้นเคยกับชีวิตประจำวันของเธอ
ตอนเช้าเธอจะรีบตื่นขึ้นมาเพื่อช่วยหลินเหมยทำอาหารเช้า กินข้าวและไปทำงาน พอตกตอนเย็นก็รีบกลับโดยไม่เถลไถลที่ไหน แม้ชีวิตแบบนี้ดูเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อดูจากทัศนคติของทุกคนที่เป็ไปในทางที่ดี เธอก็รู้สึกพอใจ
อาหารกลางวันยังคงเป็ซาลาเปาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเถ้าแก่เถียนดูเหมือนจะละอายใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงมีวันหนึ่งที่เขาจะเต็มใจซื้อบะหมี่มาให้เธอหนึ่งชาม
บางครั้งที่ร้านยังคงมีผลไม้เหลือ แต่ฟางเฉาเลือกที่จะเก็บส่วนใหญ่ไว้ในโกดัง และนำเพียงผลไม้ไม่ลูกกลับบ้าน
ทุกสุดสัปดาห์ ตลาดใหญ่อีกด้านหนึ่งของเมืองก็จะคึกคักมาก พลอยทำให้ผู้คนหันไปจับจ่ายที่ฝั่งนั้นกันเยอะ ทำให้ตลาดเล็กหลายแห่งโดยรอบรายได้ลดลงกว่าครึ่ง พวกเขาจึงกำหนดให้เป็วันปิดร้านไปโดยปริยาย ดังนั้นฟางเฉาจึงไม่ต้องไปทำงานเพราะร้านปิด
“เสี่ยวเฉา วันนี้พวกเราจะกลับไปเยี่ยมบ้านอาเขย พวกเธอสองคนอยู่ที่บ้าน ทำอาหารมื้อกลางวันกินกันเองได้เลย ไม่ต้องรอพวกเรานะ” หลินเหมยพูดบอก
“เข้าใจแล้วค่ะอาหญิง”
หลินเหมยดูพอใจเมื่อเห็นหลานสาวที่ประพฤติตัวดีของเธอ แต่ชั่วขณะ สีหน้าก็หม่นหมองลงเล็กน้อย
เธอรู้ดีว่าเมื่อกลับไปที่บ้านของหรงเทียนเจี๋ยในครั้งนี้ แม่สามีของเธอคงจะต้องบ่นเื่ที่หลาน ๆ มาอาศัยอยู่ด้วยอีกแน่ เพียงแค่คิดถึงคำพูดเ่าั้ หลินเหมยก็รู้สึกไม่อยากไปเสียแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้