สามวันต่อมาก็เป็วันแต่งงานของเซวียนซานหลางและมู่หลานเฟิน นางถูกปลุกขึ้นมาั้แ่เช้าตรู่ หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากพลางหาวหวอด ๆ อีกทั้งยังบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน ลั่วเหมยที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยวาจาใดไม่ออก แต่ไหนแต่ไรเ้านายของนางรักหน้าตาเป็ที่สุด อีกทั้งยังพิถีพิถันเป็อย่างมาก จะออกจวนแต่ละคราต้องแต่งหน้าแต่งตัวอยู่นานสองนาน แต่ยามนี้คุณหนูคนเดิมกลับหายไปไหนไม่รู้ได้ เ้านายคนนี้ของนางในตอนนี้นอกจากจะไม่เื่มาก ไม่ตบตีนางแล้ว ยังแบ่งอาหารให้นางกิน มู่หลานเฟินกินสิ่งใดนางก็ได้กินด้วย อีกทั้งยังไม่เื่มากเ้ากี้เ้าการเช่นแต่ก่อน หากเทียบกันแล้ว นางกลับชอบมู่หลานเฟินในตอนนี้มากกว่า
"คุณหนู บ่าวจะสวมผ้าคลุมหน้าเ้าสาวให้นะเ้าคะ คุณหนูต้องระวังและดูแลตนเองให้ดี เดิมทีคุณหนูสามารถใช้ข้ออ้างในการแต่งงานครั้งนี้ผูกมัดเขาเอาไว้ บอกว่าเขาและท่านแต่งงานเป็สามีภรรยากันแล้วที่เมืองถงหวาง บ่าวจะช่วยเป็พยานให้ท่านเอง เมื่อข้าวสารกลายเป็ข้าวสุกซื่อจื่อก็จะไม่อาจปฏิเสธคุณหนูได้อีก"
ลั่วเหมยพยายามเอ่ยโน้มน้าวเ้านายตน แต่มู่หลานเฟินที่ได้ยินกลับส่ายหน้าไปมา
"ลั่วเหมย ท่านป้าของข้าสั่งให้เ้ามาพูดจาโน้มน้าวใช่หรือไม่ เ้าจำเอาไว้นะ ข้าจะไม่ใช้ข้ออ้างใดไปผูกมัดเซวียนซานหลางให้มาอยู่กับข้าเป็อันขาด ในเมื่อเขาไม่รักข้าแล้วเหตุใดข้าจะต้องเอาตัวไปผูกติดกับเขาเพียงคนเดียวด้วยเล่า บุรุษในเมืองหลวงมีอีกตั้งมากมาย ต้องมีสักคนที่ชอบข้าจากใจจริง หากไม่มีข้าก็เพียงเปิดร้านค้าเลี้ยงชีพ จะต้องง้อบุรุษไปไยกัน เ้าล้มเลิกความคิดนี้เสีย อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ให้ข้าได้ยินอีก เข้าใจหรือไม่"
“เ้าค่ะคุณหนู บ่าวไม่กล้าแล้ว"
เซวียนซานหลางที่เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนได้ยินทุกคำสนทนาระหว่างนายบ่าวสองคนด้านใน เดิมทีเขาคิดว่ามู่หลานเฟินคงจะเห็นดีเห็นงามด้วย คิดจะใช้เื่นี้เป็ข้ออ้างจับตัวเขาให้อยู่หมัด แต่กลับผิดคาด
"ซื่อจื่อ หากว่าคืนนี้คุณหนูมู่นางเกิดเื่จะทำเช่นไรขอรับ"
อาต่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กระซิบถามเ้านายตนด้วยน้ำเสียงที่สงสัยใคร่รู้ เซวียนซานหลางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"นางเป็เพียงเหยื่อล่อคนร้าย จะเป็จะตายก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า เ้าไปจัดการตามแผน คืนนี้จะต้องลากตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้"
"ขอรับ"
หลังจากสั่งการอาต่งเรียบร้อยแล้ว เซวียนซานหลางก็เปิดประตูห้องเข้าไป ทำท่าทีเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อลั่วเหมยเห็นว่าเซวียนซานหลางเข้ามาแล้วนางจึงล่าถอยออกไป
ตอนนี้มู่หลานเฟินนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับสวมชุดเ้าสาวดูงดงามเป็อย่างมาก แต่เซวียนซานหลางกลับมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอันใด
สิ่งที่นางเคยทำต่อเขามีมากเกินไปจริง ๆ เขาไม่อาจเชื่อใจนางได้
"ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เ้าก็ทำตามแผนการที่ข้าบอก"
"ได้ ร่ีบจัดการให้เสร็จเสียที ข้าหนักหัวจะแย่อยู่แล้ว"
เซวียนซานหลางส่งเสียงเหอะไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ
งานแต่งจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีผู้คนมาร่วมงานไม่น้อยเลย เหล่าชาวบ้านนอกจากจะมาร่วมแสดงความยินดีแล้ว ยังบอกอีกว่าคืนนี้ให้เขาดูแลเ้าสาวของตนให้ดี อย่างไรเสียต้องระวังเอาไว้ บางคนก็ตำหนิที่พวกเขาไม่เชื่อฟัง เดิมทีควรจะรีบออกจากเมืองถงหวางไปเสียแล้วไปแต่งงานที่เมืองอื่น อย่าได้คิดท้าทายิญญาของสตรีนางนั้น
เสิ่นเหวยอันหรี่ตามองชาวบ้านเ่าั้อย่างระแวดระวัง เขาคิดว่าจะต้องมีฆาตกรปะปนอยู่ในหมู่คนพวกนี้แน่นอน เพียงแต่ว่าใครกันที่ลงมืออย่างอำมหิตขนาดนี้
อาหลินเองก็มาร่วมงานเช่นเดียวกัน นางมองบ่าวสาวที่คารวะน้ำชาคู่กันด้วยแววตาที่วูบไหว
ั้แ่พบกับอาซานสามีของหรานหร่านในวันนั้น นางก็ตกหลุมรักเขาจนหมดหัวใจ แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็สามีของคนอื่นไปเสียแล้ว นางเป็ถึงบุตรสาวเ้าเมืองย่อมไม่อาจแย่งสามีผู้อื่น เช่นนั้นท่านพ่อคงจะตีนางตายเป็แน่
และที่สำคัญนางไม่อยากแต่งงาน นางกลัวว่าตนเองจะเป็ศพเช่นเดียวกับหญิงสาวพวกนั้น นางไม่กล้าจริง ๆ
งานแต่งดำเนินต่อไปจนจบพิธี มู่หลานเฟินปวดชาไปทั้งสรรพางค์กาย แม้จะเป็งานเล็ก ๆ แต่พิธีการก็ยิบย่อยไม่น้อยเลย
เหล่าชาวบ้านที่นี่มีน้ำใจคอยบอกและชี้แนะนางหลายอย่าง
แต่ในความเป็มิตรนี้บางคราอาจจะมีบางอย่างที่น่าหวาดหวั่นแอบเคลือบแฝง
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปจนถึงยามเย็น ในที่สุดทุกคนก็แยกย้ายกัน มู่หลานเฟินขึ้นมาอยู่ในห้องหอ คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย นางจึงเปิดหน้าต่างเสียหน่อยเพีื่อให้ลมพัดเข้ามาได้สะดวก
ก่อนหน้านี้ที่เกิดเื่ คนของเซวียนซานหลางสืบพบความผิดปกติได้อย่างหนึ่งในวันเกิดเหตุทุกคนในหมู่บ้านหลับสนิท ไม่ได้ยินเสียงใดทั้งสิ้น ราวกับว่าพวกเขาถูกวางยาอย่างไรอย่างนั้น กว่าจะรู้ตัวก็เป็เช้าของอีกวันเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงระแวดระวังเื่การกินดื่มทุกอย่าง
สายลมด้านนอกพัดมาหวีดหวิว แว่วคล้ายเสียงครวญครางของหญิงสาวร่ำไห้สะอึกสะอื้น มู่หลานเฟินได้ยินเสียงแปลกประหลาดเช่นนี้อีกหน อยู่ ๆ นางก็รู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามแผน เซวียนซานหลางยังคงอยู่ด้านล่างคอยส่งแขก ยามนี้ในห้องจึงมีเพียงมู่หลานเฟินเพียงคนเดียว
ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็นะเืมากขึ้น มู่หลานเฟินระแวดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลา แต่กลับยังไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ
หญิงสาวลุกจากเตียงนอน ค่อย ๆ เดินไปที่ริมหน้าต่าง แต่เพิ่งจะเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว กลับพบว่ามีลมเย็นสายหนึ่งพัดผ่านเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเงาดำสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหานาง มู่หลานเฟินเตรียมพร้อมรับมือไว้อยู่แล้ว นางกับคนชุดดำประมือกันทันที คนชุดดำเคลื่อนไหวรวดเร็วหมายจะใช้มีดแทงนาง แต่มู่หลานเฟินกลับเบี่ยงกายหลบได้ทันท่วงที แต่เหมือนนักฆ่าจะเตรียมตัวมาดีเช่นกัน มันล้วงหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากตัว ก่อนจะสาดใส่ใบหน้าของนาง มู่หลานเฟินมึนงงรีบเบี่ยงกายหลบ แต่จมูกกลับสูดผงสีขาวนั้นเข้าไปไม่น้อย ร่างกายนางเริ่มชา มู่หลานเฟินพยายามตั้งสติ ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดยกเท้าถีบแจกันที่วางอยู่บนหัวเตียงให้ร่วงลงพื้นจนเกิดเสียงดัง
เสียงดังภายในห้องดังมากพอที่จะทำให้เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันได้ยิน ชายหนุ่มทั้งสองรีบวิ่งขึ้นมาชั้นบนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เข้ามาถึงก็พบว่ามู่หลานเฟินถูกนักฆ่าจับตัวเอาไว้ พร้อมกับใช้ปลายมีดจ่อไปที่ลำคอขาวเนียนของนางจนโลหิตไหลซึมออกมา เสิ่นเหวยอันกำมือแน่นคิดจะพุ่งเข้าไปชิงตัวคนแต่ยังไม่สบโอกาส
ก่อนหน้านี้อยู่ ๆ คนในงานก็ทยอยหมดสติไป พวกเขาจึงแน่ใจว่าเื่นี้จะต้องมีเงื่อนงำที่มากกว่านั้น
ถึงขนาดวางยาคนทั้งหมู่บ้านได้ย่อมไม่ธรรมดา
เซวียนซานหลางจ้องมองนักฆ่าชุดดำด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนที่ั์ตาคมจะมองไปที่มู่หลานเฟิน
คล้ายว่านางจะมีบางอย่างที่แปลกไป
เขาเคยเห็นนางกำราบนักฆ่าต่างแคว้น อีกทั้งยังจัดการกำราบองครักษ์ของเขาไว้ใต้ฝ่าเท้าได้ แต่เหตุใดตอนนี้จึงมีสภาพดูอ่อนแรงยิ่งนักเล่า!
มู่หลานเฟินพยายามตั้งสติให้มั่น และเค้นคำพูดออกมา
“ข้าถูกวางยาพิษ เป็พิษสลายลมปราณและเส้นเอ็น”
เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันเมื่อได้ยินอย่างนั้นจิตใจก็บีบรัด
นางถูกพิษสลายลมปราณและเส้นเอ็น พิษนี้จะทำให้ร่างกายไร้เรี่ยวแรง หากภายในสองชั่วยามยังไม่อาจถอนพิษได้ นางจะกลายเป็อัมพาตและค่อย ๆ ตายอย่างทุกข์ทรมาน
อยู่ ๆ ในใจของเซวียนซานหลางก็บีบรัดขึ้นมา เดิมทีคิดว่านางก็เป็เพียงเหยื่อที่เขาเอาไว้ใช้หลอกล่อคนร้ายเพียงเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นนางตกอยู่ในสภาพนี้เขากลับใจดำไม่ลง
"ปล่อยตัวคนเสีย ไม่อย่างนั้นเ้าอย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไป!"
เซวียนซานหลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่ทว่าคนชุดดำกลับไม่ตอบ อีกทั้งยังออกแรงกดปลายมีดลงไปบนลำคอของมู่หลานเฟินให้ลึกลงไปอีก มู่หลานเฟินกัดริมฝีปากจนเืออกเพื่อให้ตนเองมีสติ นางเคยอยู่ในสนามรบ เคยสังหารศัตรู จะมาแพ้ให้นักฆ่าเพียงคนเดียวหรือ
ไม่มีทาง นางไม่ยอมแพ้หรอก!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นมู่หลานเฟินจึงใช้แรงเฮือกสุดท้าย ล้วงมีดสั้นที่นำติดตัวมาด้วยแทงเข้าไปที่ท้องของนักฆ่าจนมิดด้าม เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปชิงตัวมู่หลานเฟินออกมาทันที
นักฆ่าเจ็บจนร้องออกมา มู่หลานเฟินใช้จังหวะตอนที่นักฆ่าไม่ระวังตนเองยื่นมือไปกระชากผ้าปิดหน้าของมันออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นใบหน้าของฆาตกรชัดเจนเต็มสองตา มู่หลานเฟินก็ถึงกับตกตะลึง
อาหลิน!
อาหลินคือฆาตกรหรือ!
