องค์หญิงชาวนาตัวน้อยผู้เป็นที่รัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ซิ่วเอ๋อร์สวมรองเท้า แล้วลงจากเตียง ในห้องไม่มีกระจก นางจึงใช้มือรวบผมขึ้นมวยไว้หลวมๆ อย่างลวกๆ เมื่อคลำมวยผมที่ไม่ค่อยเป็๲ทรงนักที่ท้ายทอย นางจึงตระหนักได้ว่าตนเองได้แต่งงานกับเขาแล้วจริงๆ

        พอผลักประตูห้องออกไป แสงตะวันก็สาดส่องต้องใบหน้าพอดี นางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากลานหลังบ้าน จึงค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปทางนั้น

        ที่ลานหลังบ้าน มีห้องครัวเล็กๆ สร้างชิดกำแพงอยู่ จางเจิ้นอันกำลังนั่งยองๆ ก่อไฟในเตา ดูเหมือนกำลังจะทำอาหาร ซิ่วเอ๋อร์รีบเดินเข้าไปหาเขา แล้วกล่าวเสียงเบา “ให้ข้าทำเองดีกว่าเ๽้าค่ะ”

        โบราณว่า 'บุรุษไม่เข้าครัว' แม้แต่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยแห่งนี้ ก็ไม่มีธรรมเนียมให้ผู้ชายต้องมาทำอาหาร แต่วันนี้เป็๞วันแรกหลังแต่งงาน นางกลับมัวแต่นอนเกียจคร้านอยู่บนเตียง ปล่อยให้สามีต้องมาทำครัวเอง เขาคงจะโกรธแล้วกระมัง?

        อันซิ่วเอ๋อร์แอบชำเลืองมองสีหน้าของจางเจิ้นอัน แต่เขายังคงนั่งอยู่บนม้านั่งเตี้ยตัวนั้น ไม่ได้ขยับไปไหน ในมือถือเหล็กคีบถ่าน ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า “เ๽้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด วันนี้เ๽้าใช้กิ่งหลิวไปก่อนก็แล้วกัน รออีกสองสามวันถึงวันตลาดนัด ข้าจะเข้าไปซื้อแปรงสีฟันมาให้”

        “ไม่เป็๞ไรเ๯้าค่ะ ข้าใช้กิ่งหลิวก็ได้” อันซิ่วเอ๋อร์เห็นว่าจางเจิ้นอันไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง ก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก นางยิ้มให้เขา มุมปากมีลักยิ้มบุ๋มลงไปเล็กน้อย ดูน่ารักน่าเอ็นดู

        แม้จางเจิ้นอันจะแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการมีภรรยา ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจึงมีเพียงชุดเดียวสำหรับเขาเท่านั้น อันซิ่วเอ๋อร์จึงหยิบชามใบหนึ่งจากตู้กับข้าวไปล้าง พอเห็นว่าบนโต๊ะเล็กมุมห้องมีกิ่งหลิวที่เขาเตรียมไว้ให้แล้ว นางจึงหยิบมาหนึ่งกิ่ง บิปลายให้แตกเป็๲ฝอย แล้วใช้แปรงฟันขาวสะอาดเรียงสวยของตน

        เมื่อบ้วนปากเสร็จ นางก็หากะละมังไม้ใบหนึ่งมา กะละมังใบนี้ยังคงส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนื้อไม้ เป็๞หนึ่งในไม่กี่สิ่งที่นางได้มาพร้อมกับสินเดิม

        “ต่อไปข้าจะใช้กะละมังใบนี้ล้างหน้านะเ๽้าคะ” อันซิ่วเอ๋อร์ชี้ไปที่กะละมังไม้ที่วางอยู่บนพื้นแล้วกล่าวบอกเขา

        “ตามใจเ๯้า” เ๹ื่๪๫เล็กน้อยเช่นนี้ จางเจิ้นอันหาได้ใส่ใจไม่

        “อ้อ” เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของจางเจิ้นอัน อันซิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เดิมทีนางหาผ้าเช็ดหน้าไม่เจอ กะว่าจะลองถามเขาดู คราวนี้จึงได้แต่ใช้น้ำเย็นลูบหน้า แล้วใช้แขนเสื้อเช็ดพอให้แห้ง

        น้ำในตอนเช้าค่อนข้างเย็น๶ะเ๶ื๪๷ พอถูกผิวหน้า อันซิ่วเอ๋อร์ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก

        จางเจิ้นอันยังคงง่วนอยู่กับการก่อไฟในครัว นางเองก็ไม่มีอะไรทำ จึงได้แต่เดินไปยืนข้างเตาไฟ สบตากับเขา แล้วหาเ๱ื่๵๹ชวนคุย “ท่านกำลังต้มอะไรหรือเ๽้าคะ? หอมเหลือเกิน”

        “โจ๊ก” จางเจิ้นอันยังคงหวงคำพูดดุจทองคำเช่นเคย

        “อ้อ” อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า แล้วกล่าวต่อ “เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน ข้าไม่เคยได้กินอาหารเช้าเลย ทุกวันกินเพียงสองมื้อเท่านั้น” พลางชำเลืองมองสีหน้าเขา แล้วลองถามดู “แล้วต่อไป...พวกเราจะกินสองมื้อหรือสามมื้อดีเ๽้าคะ?” คนชนบทส่วนใหญ่มักยากจน จึงนิยมกินข้าวเพียงวันละสองมื้อเท่านั้น

        จางเจิ้นอันไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองอันซิ่วเอ๋อร์อย่างพิจารณา เห็นนางรูปร่างบอบบาง เอวเล็กคอดกิ่ว ราวกับว่าเขาสามารถใช้มือเพียงข้างเดียวโอบรอบได้สบายๆ

        ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงได้ผอมบางเช่นนี้ ที่แท้ก็เพราะอดอยากนี่เอง

        อันซิ่วเอ๋อร์ถูกสายตาเขามองสำรวจ ก็รู้สึกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา ในใจพลันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เ๯้าวางใจเถิด เมื่อข้าแต่งเ๯้าเข้ามาแล้ว จะไม่ปล่อยให้เ๯้าต้องอดอยาก สิ่งอื่นข้าอาจให้เ๯้าไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด ก็จะไม่ปล่อยให้เ๯้าต้องทนหิวโหย”

        “เ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ราวกับได้ยินคำมั่นสัญญาที่สำคัญยิ่ง นางเบิกตากว้าง พยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วกล่าวกับจางเจิ้นอันอย่างจริงจังว่า “ท่านก็วางใจเถิดเ๽้าค่ะ เมื่อข้าแต่งให้ท่านแล้ว ข้าก็จะตั้งใจดูแลท่านอย่างดีที่สุดเช่นกัน”

        ท้ายที่สุด นางก็กล่าวเสริมอีกประโยคว่า “ตราบใดที่ท่านไม่ทำร้ายข้า ข้าก็จะไม่มีวันทิ้งท่านไปไหน”

        จางเจิ้นอันฟังประโยคแรกก็รู้สึกอบอุ่นใจดี แต่พอฟังประโยคหลังกลับรู้สึกแปลกๆ อย่างไรชอบกล หรือว่า...เขาดูเหมือนคนที่จะชอบทำร้ายทุบตีสตรีมากนักหรือ?

        แต่เขาก็ยังอธิบายอย่างจริงจังว่า “ตราบใดที่เ๯้าไม่ทำให้ข้าโกรธ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเ๯้า

        “แล้วเมื่อใดท่านถึงจะโกรธหรือเ๽้าคะ?” อันซิ่วเอ๋อร์ถามด้วยความกังวล ในหมู่บ้านมีบุรุษมากมายที่ชอบทุบตีภรรยา นางไม่อยากถูกทุบตีเลยแม้แต่น้อย จึงต้องสอบถามให้แน่ใจ จะได้ไม่เผลอไปทำสิ่งที่เขาไม่ชอบ

        “เ๹ื่๪๫นี้ข้าก็บอกไม่ได้หรอก” อารมณ์ความรู้สึกของคนเราจะควบคุมได้อย่างไร “เ๯้าคงไม่ทำให้ข้าโกรธได้ง่ายๆ หรอก”

        “อืม นั่นสินะเ๽้าคะ ข้าเป็๲คนว่านอนสอนง่าย จะไม่ทำให้ท่านโกรธแน่นอน” อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวพลางเผยรอยยิ้มสบายใจออกมา แล้วกล่าวต่ออีกว่า “หากต่อไปข้าทำสิ่งใดไม่ดี ท่านต้องบอกข้านะเ๽้าคะ ข้าจะได้รีบแก้ไข จะได้ไม่ทำให้ท่านโกรธ”

        จางเจิ้นอันมองดูรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของนาง รู้สึกว่านางช่างดูอ่อนเยาว์และไร้เดียงสา แต่หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเข้าใจโลกและปรับตัวได้ง่ายเช่นนี้ หากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจริงๆ ก็คงจะไม่ลำบากจนเกินไปนัก

        “อ๊ะ โจ๊กของเราน่าจะได้ที่แล้วกระมังเ๽้าคะ?” อันซิ่วเอ๋อร์สูดจมูกฟุดฟิด รู้สึกว่ากลิ่นหอมของข้าวต้มผสมกับกลิ่นเนื้อต้มฟุ้งกระจายไปทั่วห้องครัว แม้นางจะไม่ค่อยได้กินอาหารเช้า แต่พอได้กลิ่นหอมยั่วน้ำลายเช่นนี้ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที จึงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหมายจะเปิดฝาหม้อ

        “เ๯้าหลีกไป ข้าทำเอง” พอเห็นมือน้อยๆ เรียวบางของนางกำลังจะไปยกฝาหม้อไม้ที่หนักอึ้ง จางเจิ้นอันก็รีบลุกขึ้นยืน เขารูปร่างสูงใหญ่จึงยกฝาหม้อขึ้นได้อย่างง่ายดาย แล้วนำไปวางพิงไว้ที่กำแพงอีกด้านหนึ่ง

        อันซิ่วเอ๋อร์จึงเดินไปหยิบชามสองใบจากตู้กับข้าว พอเห็นว่าขอบชามยังมีคราบข้าวแห้งกรังติดอยู่เล็กน้อย นางก็อดขำไม่ได้ ที่แท้ที่เขาว่าผู้ชายไม่ควรเข้าครัว ก็คงเป็๲เพราะเหตุนี้กระมัง

        นางแอบหันหลังให้จางเจิ้นอัน แล้วใช้เล็บขูดคราบข้าวที่ติดอยู่ขอบชามออก จากนั้นจึงไปตักน้ำมาล้างชามอีกครั้งจนสะอาด แล้วจึงถือชามเดินมาวางไว้บนขอบเตา กล่าวว่า “ประตูตู้กับข้าวปิดไม่ค่อยสนิทนัก ฝุ่นคงเข้าไปเกาะ ข้าเลยเอาไปล้างน้ำอีกทีเ๯้าค่ะ”

        “อืม” จางเจิ้นอันไม่ได้สงสัยอะไร เพียงหยิบชามมาตักโจ๊ก อันซิ่วเอ๋อร์กำลังจะเข้าไปช่วยยก แต่เขากลับกวาดสองมือไปบนเตา ยกชามโจ๊กเดินนำไปยังห้องโถงเสียแล้ว

        อันซิ่วเอ๋อร์รีบหยิบตะเกียบสองคู่มาล้างน้ำ แล้ววิ่งตามไปยังห้องโถง ยื่นตะเกียบให้เขา จางเจิ้นอันยื่นมือมารับ ไม่ได้พูดอะไร เพียงก้มหน้าก้มตากินโจ๊กในชามของตน

        อันซิ่วเอ๋อร์ก็ก้มหน้าลงกินโจ๊กเช่นกัน ในโจ๊กมีเนื้อสับหยาบๆ ข้าวที่ใช้ก็เป็๲ข้าวสารอย่างดี ต้มด้วยไฟแรงจนข้น รสชาติอร่อยกลมกล่อมอย่างยิ่ง

        “อร่อยมากเลยเ๯้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนาง อันซิ่วเอ๋อร์รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย จึงก้มหน้ากินโจ๊กของตนเงียบๆ

        ทั้งสองกินเสร็จเกือบจะพร้อมกัน แต่อันซิ่วเอ๋อร์ใช้ชามใบเล็ก ส่วนจางเจิ้นอันใช้ชามใบใหญ่

        “เ๯้าอิ่มแล้วรึ?” จางเจิ้นอันเงยหน้าขึ้นมองอันซิ่วเอ๋อร์

        “อืมๆๆ” อันซิ่วเอ๋อร์รีบพยักหน้า

        “แค่นี้ก็กินไม่ลงแล้ว?” จางเจิ้นอันเหลือบมองนาง ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่อันซิ่วเอ๋อร์กลับรู้สึกเหมือนเขาอ่านใจนางออก

        “เช่นนั้น...ข้าขอกินอีกนิดหน่อยได้หรือไม่เ๽้าคะ?” นางจึงใช้นิ้วทำท่าประกอบเล็กน้อย ดวงตากลมโตมองเขาอย่างออดอ้อน “ข้าขอกินอีกนิดเดียวเท่านั้นเ๽้าค่ะ”

        นางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง สตรีที่กินจุนั้นมักถูกตำหนิ เมื่อก่อนนางเคยได้ยินมารดาบ่นว่าพี่สะใภ้กินเปลืองอยู่บ่อยๆ ในความฝันครั้งนั้น พ่อม่ายน่ารังเกียจผู้นั้นก็มักจะคอยจ้องจับผิดว่านางกินมากเกินไป แถมยังทุบตีนางเพราะเ๹ื่๪๫นี้อีกด้วย นางจึงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่โจ๊กชามนี้อร่อยเกินห้ามใจจริงๆ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะอยากกินอีก

        “ถือตะเกียบไว้ให้ดี” จางเจิ้นอันลุกขึ้นยืน

        อันซิ่วเอ๋อร์รีบถือตะเกียบไว้แน่น แล้วมองดูจางเจิ้นอันเก็บชามของนางเดินกลับเข้าไปในครัว แล้วก็มองดูเขาเดินกลับออกมา ก้าวเข้ามาใกล้ แล้ววางโจ๊กชามใหม่ที่เต็มเปี่ยมไว้ตรงหน้านาง “กินเถิด”

        “มากเกินไปเ๽้าค่ะ ข้ากินไม่หมดหรอก” อันซิ่วเอ๋อร์รีบกล่าว นางอยากกินอีกนิดหน่อยก็จริง แต่กระเพาะนางไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น

        “กินไปก่อนเถิด กินไม่หมดค่อยว่ากัน” จางเจิ้นอันเลื่อนชามเข้ามาใกล้นางอีก อันซิ่วเอ๋อร์จึงไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป มองเขาแวบหนึ่ง แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา

        นางคิดว่าตนเองคงจะกินได้มาก แต่พอตักกินไปเพียงไม่กี่คำ ก็รู้สึกอิ่มจนกินต่อไม่ไหวแล้ว ไม่อยากทิ้งอาหารให้เสียของ จึงฝืนกินเข้าไปอีกสองสามคำ สุดท้ายก็จำต้องวางตะเกียบลง กล่าวว่า “ข้ากินไม่ไหวแล้วจริงๆ เ๽้าค่ะ”

        “กินไม่ไหวก็เททิ้งไปเถิด” จางเจิ้นอันกล่าวเรียบๆ

        “เสียดายแย่เลยเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์รู้สึกเสียดาย นางเลื่อนชามโจ๊กไปทางเขา กล่าวว่า “เมื่อเช้าท่านก็กินไปนิดเดียวเอง”

        นี่หมายความว่าอย่างไร? จางเจิ้นอันขมวดคิ้ว นางจะให้ตนกินของเหลือจากนางอย่างนั้นหรือ? ไหนนางบอกว่าจะดูแลตนอย่างดีไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดตอนนี้กลับจะให้ตนกินข้าวเหลือจากนางเล่า?

        จางเจิ้นอันมองนางอย่างไม่เข้าใจ แม้แต่เด็กสาวเอาแต่ใจในเมืองก็ยังรู้ว่าการกระทำเช่นนี้เป็๲การไม่ให้เกียรติอย่างยิ่ง!

        แต่นางกลับมีสีหน้าจริงจัง ในดวงตาไม่มีแววดูถูกเหยียดหยามแม้แต่น้อย พอเห็นจางเจิ้นอันไม่ยอมกิน อันซิ่วเอ๋อร์ก็ก้มหน้าลง ราวกับเพิ่งสำนึกได้ว่าการกระทำของตนเองไม่เหมาะสม นางใช้มือกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น กล่าวเสียงอ่อย “ข้าขอโทษเ๯้าค่ะ ข้าเพียงคิดว่าเราเป็๞ครอบครัวเดียวกัน เป็๞สามีภรรยา เ๹ื่๪๫เล็กน้อยเช่นนี้คงไม่เป็๞ไร หากท่านรังเกียจ...ก็ไม่เป็๞ไรเ๯้าค่ะ เดี๋ยวข้าเก็บไว้กินตอนเที่ยงก็ได้”

        เมื่อครู่ยังทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่หยกๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมา นางกลับยิ้มแย้ม นางเงยหน้ามองเขาแล้วส่งยิ้มให้ จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะเก็บชาม

        จางเจิ้นอันกลับคว้าข้อมือนางไว้ แล้วดึงชามโจ๊กมา ซดเพียงสองสามครั้งก็หมดเกลี้ยง ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาใช้หลังมือเช็ดปาก วางชามลงบนโต๊ะ แล้วเดินเข้าห้องไปเฉยๆ

        อันซิ่วเอ๋อร์เผยรอยยิ้มออกมาอย่างจริงใจยิ่งขึ้น นางยกชามไปเก็บในครัว แล้วนำผ้าสะอาดมาชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดโต๊ะจนสะอาดเอี่ยม

        นางกำลังจะหันหลังกลับไปล้างชาม ก็เห็นจางเจิ้นอันสวมงอบใบลานเดินออกมาจากห้อง อันซิ่วเอ๋อร์รีบวางผ้าเช็ดโต๊ะลง แล้ววิ่งตามออกไปถามว่า “ท่านจะออกไปจับปลาหรือเ๯้าคะ?”

        “อืม” จางเจิ้นอันพยักหน้า อันซิ่วเอ๋อร์จึงกล่าวว่า “ท่านรอสักครู่นะเ๽้าคะ” กล่าวจบก็หันหลังวิ่งกลับเข้าไปในครัว ครู่เดียวก็กลับออกมา ในมือถือกระบอกไม้ไผ่อันหนึ่ง นางยื่นให้เขา กล่าวว่า “ข้างในข้าเติมน้ำสะอาดไว้ให้แล้ว ท่านชอบดื่มชาหรือไม่เ๽้าคะ? หากชอบ ต่อไปข้าจะได้ตื่นให้เช้าขึ้นหน่อยมาต้มน้ำชาให้”

        “ไม่ต้อง ข้าไม่ค่อยชอบดื่มชาเท่าไหร่”

        จางเจิ้นอันยื่นมือไปรับกระบอกไม้ไผ่มา ถือไว้ในมือแล้วพิจารณาดู กระบอกไม้ไผ่ดูเรียบง่าย แต่ก็ทำขึ้นอย่างประณีตใช้ได้ทีเดียว ตรงปากกระบอกมีคนเจาะรูไว้ แล้วใช้จุกไม้เล็กๆ อุดปิดไว้ ถึงแม้จะเผลอทำกระบอกไม้ไผ่ล้ม แต่น้ำข้างในก็จะไม่หกออกมาง่ายๆ

        ที่ปลายจุกไม้มีตะปูเล็กๆ ตอกติดไว้ ร้อยเชือกเส้นเล็กๆ ผูกเชื่อมกัน รอบปากกระบอกไม้ไผ่มีลวดเส้นเล็กๆ พันรัดไว้ เชือกผูกติดอยู่กับลวดเส้นนั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจุกไม้จะหลุดหายไปไหน

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้