ตอนที่ 131 เด็กน้อยที่รู้จักร้องไห้จะได้ลูกกวาดไป [1]
มีบางเื่ที่ทนได้ และมีบางเื่ที่ไม่อาจทนได้
บรรทัดฐานนี้อธิบายได้ยาก เซี่ยเสี่ยวหลานรำคาญติงอ้ายเจินเป็อย่างยิ่งทั้งสองคนต่างไม่ลงรอยกัน โชคดีที่ไม่ใช่แม่สามีในอนาคตของเธอ
เื่ที่เธอก่อไว้ในสำนักงานพาณิชย์ ทำให้ติงอ้ายเจินเดือดดาลตามคาด
“เธอ้าทำอะไรกันแน่?”
บิดาจูฟ่างครุ่นคิดอยู่นานสองนาน “เธอ้าโวยวายจนเื่มันใหญ่โตเพื่อทำให้ผู้ใหญ่ในสำนักงานทราบหรือเปล่า?”
ติงอ้ายเจินกำลังรอเซี่ยเสี่ยวหลานมายอมรับผิดกับตนด้วยความอ่อนน้อมอยู่เลยใครจะรู้ว่านอกจากเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่มาขออภัย ยังไปก่อเื่ในสำนักงานอีกด้วย
นายจูพึมพำกับตนเอง “เธอมีไหวพริบดีนี่”
อุตส่าห์คุยกันดีแล้วว่าขัดแข้งขัดขาเป็นัยๆ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับเปิดเผยต่อสาธารณะจนได้บ้านจูไม่สามารถปกปิดความจริงจากคนทั่วไปได้ถ้าวาจาเปิดโปงแรงจูงใจเ่าั้แพร่ไปถึงหูของผู้บริหารผู้บริหารย่อมต้องสอบถามเื่นี้แน่นอน
การดำเนินการของเซี่ยเสี่ยวหลานผ่านคุณสมบัติตามคาด
การเดินเื่เช่าอาคาร การปรับปรุงและตกแต่งหน้าร้านล้วนไม่มีจุดที่ขัดต่อระเบียบ
เื่แดงขึ้นมาแล้ว ก็จำต้องมอบใบอนุญาตให้แก่เธอ
หากเซี่ยเสี่ยวหลานไปโวยวายที่สำนักงานสรรพากรอีก แสดงเจตจำนงของตนอย่างชัดเจนไม่แน่ว่าสำนักงานสรรพากรอาจยกย่องเธอเป็แบบอย่างที่ดียกใหญ่เสียด้วยซ้ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เดินตามแผนที่วางไว้ ทั้งยังเปิดเผยเื่ราวในที่สาธารณะบิดาจูฟ่างจึงรู้ว่าสูญเสียความได้เปรียบไปแล้ว
ต้องออกหนังสืออนุญาตประกอบกิจการให้แน่นอน
แล้วทำไมถึงบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานแค่มีไหวพริบเท่านั้นน่ะหรือ?
เธอทำเื่ใหญ่โต ต้อนตระกูลจูจนต้องจำนนให้ชั่วคราวอย่างเสียไม่ได้ภายภาคหน้าเธอยังต้องทำธุรกิจในซางตูไม่ใช่หรือ? เหล่าผู้บริหารไม่สามารถดูแลเื่ของเธอเสมอไปอยู่แล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในซางตูทั้งวันทั้งคืนเธอไม่มีทางหลบเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ได้!
มีแต่ต้องสมานฉันท์กับตระกูลจูเท่านั้นปล่อยให้ครอบครัวพวกเขาได้ระบายความขุ่นเคืองเท่านั้น ปัญหาถึงจะสิ้นสุด
บิดาของจูฟ่างคิดว่าเดิมทีก็เป็เพียงเื่เล็กน้อย แต่ด้วยอารมณ์รุนแรงจะเอาชนะให้ตายกันไปข้างของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นไร้หนทางที่จะยุติแทน—ถ้าตระกูลจูวางมือเพราะเหตุนี้คนอื่นจะมองอย่างไร คงนึกว่าเกรงกลัวคนชนบทตัวเปล่าเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานแน่
“ดูที่คุณทำสิ ลูกชายคุณต้องรู้ในไม่ช้าก็เร็วแน่... ว่าไปก็ประหลาดเธอไม่ได้ไปบอกจูฟ่างหรือ?”
เื่ไม่ออกหนังสืออนุญาตเลื่อนมาตั้งหลายวันทางเซี่ยเสี่ยวหลานก็คิดหาสารพัดวิธีแล้ว กลับไม่เคยไปพบจูฟ่างเลยด้วยซ้ำถ้าจูฟ่างรู้เข้า ต้องก่อความไม่สงบกับที่บ้านเป็แน่
นี่อาจคือความฉลาดเฉลียวหนึ่งเดียวของเซี่ยเสี่ยวหลาน
หากเธอกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจูฟ่างและมารดาอีกครั้ง อย่าว่าแต่ติงอ้ายเจินจะเกลียดเธอเข้ากระดูกดำแม้แต่ทัศนคติของนายจูย่อมระแวงมากยิ่งขึ้น
ถ้าเป็แบบนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่สามารถอยู่ในซางตูได้แล้วเพราะพวกเขาจะสรรหาร้อยแปดพันเก้าหนทางขับไล่เธอไปไม่ได้กระทำแบบแค่สถานการณ์ตอนนี้ แต่จะทำให้เธอยอมก้มหัวให้ได้
นายจูกำลังหยั่งเชิงอยู่เหมือนกัน หนังสืออนุญาตประกอบการเล่มเดียวจะบอกว่าออกยากก็ไม่ใช่ ถ้ามีคนออกมาดูแล นั่นก็แสดงว่าเื้ัเซี่ยเสี่ยวหลานมีใครสักคนอยู่อาจเป็คนรักของเธอคนนั้น หรืออาจเป็ผู้อื่นนอกจากนี้
ทว่าไร้ความเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง ผลัดมาหลายวันขนาดนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเลือกปะทะตัวต่อตัว
เมื่อเลือกปะทะตัวต่อตัว ก็คือไม่มีที่พึ่ง นายจูไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
แค่นี้ยังกล้าไปเหยียดหยามจูฟ่างถึงภัตตาคารหวงเหอเชียวหรือ?
ลูกแหง่มิอาจเกิดขึ้นโดยการตามใจของคนคนเดียวได้นายจูไม่แสดงออกว่าโอ๋จูฟ่างเท่าติงอ้ายเจิน แต่ลูกชายของตน ตนจะไม่รักได้อย่างไร?
โจวเฉิงหยามศักด์ศรีของจูฟ่างที่ภัตตาคารหวงเหอในเมื่อนายจูตามตัวโจวเฉิงไม่เจอ ก็ต้องทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานยอมก้มศีรษะลงให้จงได้!
“ต้องเก็บเป็ความลับจากจูฟ่างนะ”
ติงอ้ายเจินจึงยิ้มแย้มขึ้นมา “ที่ทำงานจูฟ่างจัดอบรมไม่ใช่หรือ? ฉันสมัครให้ลูกแล้ว ใครก็เข้าไปรบกวนการอบรมหลักสูตรแบบปิดไม่ได้หรอกรอลูกเรียนเสร็จก็ให้เขาเปลี่ยนงานทันที จะให้ทำงานจัดซื้อตลอดไปจริงๆ เชียวหรือ!”
----------------------------------------
เื่ราวที่เซี่ยเสี่ยวหลานก่อครานั้น ได้ผลดังคาดคิดจริง
พอทางสำนักงานออกคำสั่งใบอนุญาตประกอบการของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ดำเนินการอนุมัติเป็กรณีพิเศษเสร็จสิ้นรวดเร็วเหลือเกิน
หูหย่งไฉหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกังวลกระดาษแผ่นนี้คือหลักฐานของการอนุญาตให้ประกอบการ แต่ก็เป็มันเทศร้อนลวกมือ [1] ด้วย!
เซี่ยเสี่ยวหลานสนใจเสียเมื่อไร เธอรู้เพียงว่าสามารถเปิดกิจการทันเวลาได้ก็พอแล้ว
หลิวหย่งปลีกตัวจากงานตกแต่งภายในชั่วคราวไปยังบ้านของบิดามารดาหยวนหงกังเพื่อคอยติดตามดูแลอีกครั้งคุณน้าหยวนเห็นเขาก็ยินดีปรีดา
“ตาแก่นั่นยังบ่นอยู่เลยว่าเสี่ยวหลิวจะไม่มาแล้วฉันน่ะรู้ว่าเสี่ยวหลิวไม่ใช่คนประเภทนั้น เสี่ยวหลิว ร้านของเธอเปิดเมื่อไรเล่า?”
หลิวหย่งตั้งอกตั้งใจทำความสะอาดบ้านของน้าหยวนจนเอี่ยมอ่องด้วยความชื่นมื่นเหมือนเดิม “วันที่ 24 เดือนนี้เปิดร้านครับหลานสาวผมบอกว่าจะจัดพิธีตัดริบบิ้นอะไรสักอย่างผมอยากเชิญผู้อำนวยการหยวนไปให้โอวาทที่งานหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็เพราะผู้อำนวยการหยวนพวกเราถึงได้หน้าร้านมา!”
คุณน้าหยวนรับปากเป็มั่นเป็เหมาะ แม้ต้องลักพาตัวก็จะทำให้หยวนหงกังไปช่วยร่วม ‘ตัดริบบิ้น’ อะไรสักอย่างให้ได้...เดี๋ยวนี้ไม่ว่าร้านอะไรเปิดกิจการ จุดประทัดสักเส้นก็คึกครื้นดีแล้วเสี่ยวหลิวนี่พิธีการมากมายเสียจริง จัดงานตัดริบบิ้นอะไรนั่นด้วยไม่เคยเห็นมาก่อน
หยวนหงกังได้รับคำสั่งจากมารดาแต่ไม่อยากไป เขาจะสนิทสนมกับคนทำธุรกิจส่วนตัวเพื่ออะไรโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามก็มิใช่โรงงานเสื้อผ้าด้วยจะไม่มีการติดต่อทางธุรกิจกับร้านเสื้อผ้าอยู่แล้วด้านหนึ่งคือหน่วยงานผลกำไรต่อปีจำนวนสามสิบล้านหยวนและมีพนักงานหลักหมื่นคนอีกด้านหนึ่งคือร้านค้าเล็กๆ ที่รวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดแล้วยังไม่รู้ว่าจะถึง 2 หมื่นหยวนหรือไม่เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะประสงค์สิ่งใดจากหลิวหย่งผู้เปิดร้านเสื้อผ้า
น้าหยวนจึงตำหนิว่าเขาไม่กตัญญู กดดันจนเขาต้องตกปากรับคำ
หยวนหงกังขัดใจมารดาไม่ได้ กล้ำกลืนฝืนใจเห็นด้วยกับการร่วมงาน ‘ตัดริบบิ้น’ เขาคาดว่าในงานตัดริบบิ้นเปิดกิจการอะไรนี่ตนเองคงจะเป็ ‘ผู้ใหญ่’ ที่าุโที่สุดรองผู้อำนวยการประจำโรงงานรัฐ เวลาอยู่โรงงานถูกคนงานรุ่นเก๋าทำให้ลำบากใจได้แต่เมื่อหยวนหงกังเป็ตัวแทนของโรงงานฝ้ายแห่งชาติร่วมกิจกรรมนอกอันที่จริงตำแหน่งของเขาไม่ด้อยกว่าใคร
โรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามผลประกอบการยอดเยี่ยมดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงงานดีกว่าข้าราชการเสียอีก!
หูหย่งไฉไม่มีทางร้องขอหยวนหงกังออกตัวต่อกรกับติงอ้ายเจิน ความคิดของเขาและเซี่ยเสี่ยวหลานคล้ายคลึงกันความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยังไม่ถึงขั้นนั้น หลิวหย่งไหว้วานคนไปสืบเสาะข้อมูล คือผู้ที่เป็สื่อกลางตอนแรกนั่นเองอีกฝ่ายคือคนในโรงงานฝ้ายแห่งชาติเช่นกัน แต่เป็โรงงานที่หก
เมื่อทราบว่าหลิวหย่งจะสืบเสาะเื่ติงอ้ายเจิน เขาก็หัวเราะออกมา
“คนที่รู้สึกว่าติงอ้ายเจินขัดตามีอยู่ถมเถไป นายจะล้มเธอได้หรือ?”
ล้มได้ก็ดีนะ ติงอ้ายเจินคนนั้นน่ารังเกียจนักเมื่อก่อนอาศัยเส้นสายบ้านสามีจนถูกเลื่อนขั้นเป็พนักงานรัฐเริ่มแรกก็แค่คนงานหญิงในสายการผลิตเท่านั้นก่อนหน้านั้นมีนิสัยน่าชื่นชอบอยู่หรอก พอเป็พนักงานรัฐก็มักเหยียบย่ำคนอื่นซ่องสุมพรรคพวก คนที่ประจบสอพลอเธอพวกนั้นแม้ศักยภาพงานไม่ดีก็มีผลประโยชน์ให้ฉกฉวย คนที่ไม่เอาใจ ‘ผู้อำนวยการติง’ ล้วนโดนเธอไล่ไปนั่งม้านั่งเย็น [2] หมด
พอบอกว่าครั้งนี้โรงงานฝ้ายที่สามมีโควตาจัดสรรที่อยู่อาศัยสิบหลังติงอ้ายเจินได้ไปสองหลัง คนตั้งเท่าไรรอคอยการแบ่งสรรเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อย่างใจจดใจจ่อติงอ้ายเจินไม่เพียงแม้แต่จะแบ่งให้ผู้อื่นตามความ้าจริงกลับใช้จำนวนบ้านเป็เครื่องมือล่อคนมาร่วมเป็พรรคพวก
“คนเกลียดติงอ้ายเจินของโรงงานสามน่ะไม่น้อยตอนนี้เจิ้งจงฝูมีความตั้งใจจะฆ่าติงอ้ายเจินด้วยซ้ำ”
เชิงอรรถ
[1]会哭的孩子才有糖吃 เด็กน้อยที่รู้จักร้องไห้จะได้ลูกกวาดไป หมายถึง เมื่อรู้จักเรียกร้องก็จะได้ในสิ่งที่้า
[2]烫手山芋 มันเทศร้อนลวกมือ หมายถึง ปัญหา
[3]坐冷板凳 นั่งม้านั่งเย็น หมายถึงรับผิดชอบงานที่ไม่ค่อยสำคัญหรือถูกปฏิบัติอย่างละเลย
