กู่ซินเหลียนกำลังนั่งสมาธิอย่างเงียบๆบนรถม้า ปรากฏแสงสีขาวขึ้นรอบๆร่างกายของนาง ตอนนี้กู่ซินเหลียนสามารถสื่อสารกับเต๋าแห่งธรรมชาติได้ในระดับหนึ่งแล้ว จากนั้นนางหยิบมีดสั้นสีดำที่แลดูปราณีตอย่างสวยงามออกมา
มีดสั้นเล่มนี้นางได้มาจากหลี่ชิงหยุนอย่างแม่นยำ หลี่ชิงหยุนเคยใช้มีดเล่มนี้ในการต่อสู้กับตระกูลหยานในเมืองอาทิตย์สีชาด แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่ได้ใช้มันอีกเลย เป็เพราะมีดสั้นเล่มนี้จำเป็ต้องใช้พลังิญญามหาศาลในการควบคุมเพื่อขว้างมันออกไป กู่ซินเหลียนนั้นเชี่ยวชาญและมีพร์ทางด้านพลังิญญาอยู่แล้ว หลี่ชิงหยุนจึงคิดว่าอาวุธชิ้นนี้น่าจะเหมาะกับนางมากที่สุด แน่นอนว่ากู่ซินเหลียนจำเป็ต้องฝึกพลังฉีและพลังิญญาควบคู่ไปด้วยกันเพื่อบรรลุความแข็งแกร่งที่สูงกว่านี้ในอนาคต
หลี่ชิงหยุนจึงสอนทักษะการใช้มีดขว้างให้นางเล็กน้อย ทักษะที่เขาสอนไปนั้นเหมาะสำหรับการลอบสังหารและการจู่โจมจากระยะไกล
ขณะที่กู่ซินเหลียนหลับตาลงพร้อมกับตั้งสมาธิเพื่อสื่อสารกับเต๋าอย่างช้าๆ มีดสั้นในมือของนางก็ปรากฏรัศมีสีขาวกำลังล้อมรอบอย่างขมุกขมัว แม้ว่ามันยังไม่ก่อเป็รูปเป็ร่างที่สวยงามมากนัก แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าพร์ในการสื่อสารกับธรรมชาติของนางนั้นไม่ด้อยไปกว่าการใช้พลังิญญาเลย
"โอ้? แค่หนึ่งวันเ้าทำได้ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?" ทันใดนั้นชายหนุ่มชุดขาวที่หล่อเหลาปรากฏขึ้นบนรถม้าข้างกายพร้อมกับชมเชยนางอย่างประหลาดใจ แน่นอนว่าเขาคือหลี่ชิงหยุน
"หลี่ชิงหยุน" กู่ซินเหลียนหลุดออกจากสมาธิทันทีที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มผู้นี้ จากนั้นนางมองไปที่เขาอย่างกังวล "ที่ตระกูลของเ้า...เป็อย่างไรบ้าง?"
หลี่ชิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับกล่าวอย่างขมขื่น "ตระกูลหลี่สูญเสียสมาชิกไปสองคน และตระกูลหงสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าไปหนึ่งคน"
เหตุผลที่หลี่ชิงหยุนถอนหายใจเป็เพราะสมาชิกที่เป็ยามทั้งสองนั้นเป็คนที่สนิทกับเขามาก ครอบครัวของยามผู้นั้นมีแค่ลูกชายที่อายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น หลี่ชิงหยุนรู้สึกผิดอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและ้าชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างให้กับลูกชายของเขา ดังนั้นหากเด็กชายผู้นั้น้าสิ่งใด แน่นอนว่าหลี่ชิงหยุนพร้อมที่จะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
"อะไร!? ตระกูลหงสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้า!" ราวกับว่ากู่ซินเหลียนไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ขมขื่นของหลี่ชิงหยุน มีเพียงแค่คำพูดเดียวเท่านั้นที่ดังก้องในหัวของนาง
สิ่งนี้อาจจะกลายเป็ข่าวใหญ่สำหรับราชวงศ์โม่อย่างแน่นอน ตระกูลขุนนางไม่มีการสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้ามานานมากแล้วนับั้แ่าครั้งล่าสุดเมื่อสิบปีก่อน
แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าจำต้องเสียชีวิตลงเพราะทำให้ชายหนุ่มอายุ 15 ปีขุ่นเคือง! แม้ว่าจะสูญเสียแค่ชีวิตเดียว แต่พลังและอำนาจโดยรวมของตระกูลหงก็ลดลงอย่างมาก!
ในอดีตตระกูลหลี่ไม่สนใจที่จะแสวงหาอำนาจทางการเมืองและความแข็งแกร่งมากนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หาก้ามีชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายนี้ มีแต่ต้องโเี้กับตัวเองและรีบแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่านั้น
ดังนั้นหลี่ชิงหยุนจึงกำชับให้สมาชิกในครอบครัวให้ทำการฝึกฝนอย่างโหดร้ายกับตัวเองให้มากที่สุดเพื่อใช้ในการปกป้องตนเอง
หากหลี่ชิงหยุนไม่ได้บังคับพวกเขาในลักษณะนี้ เขาสามารถคาดเดาอนาคตได้ในทันทีว่ามันคงจะจบลงแบบเดียวกับชีวิตที่แล้วอย่างแน่นอน
"ถูกต้อง ชายผู้นั้นชื่อหงหลิงและคาดเดาว่าน่าจะเป็ผู้าุโภายใต้หงเจิ้งหยวน" หลี่ชิงหยุนพยักหน้า เขาได้ตรวจสอบร่างกายของหงหลิงทุกซอกทุกมุมและเจอเข้ากับแหวนเก็บของ แน่นอนว่าหลี่ชิงหยุนปล้นแหวนของมันมาโดยธรรมชาติ จากนั้นเขาก็เผาศพของหงหลิงทิ้งทันที
และหลี่ชิงหยุนจำได้ลางๆว่าชายที่ชื่อหงหลิงคือผู้ที่ว่าจ้างนักฆ่าสองคนให้มาลอบสังหารเขาเมื่อวานนี้
"เอ่อ..." กู่ซินเหลียนอ้าปากค้างและพูดไม่ออก
"เอาล่ะ เดินทางกันต่อเถอะ" หลี่ชิงหยุนไม่สนใจกู่ซินเหลียนที่กำลังอ้าปากค้าง พร้อมบอกให้คนขับรถม้าเดินทางไปที่เขตเสี่ยวทันที
กู่ซินเหลียนผงกหัวโดยไม่ได้ตั้งใจ นางรู้ว่าหลี่ชิงหยุนยังไม่้าพูดอะไรในตอนนี้
จากนั้นทั้งสองแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการใช้มีดสั้นอีกเล็กน้อย
. . .
~ ณ สมาคมการแพทย์เขตหยวน ~
นาหลันจ้านพร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆของทั้งสองตระกูลได้เข้าสู่สมาคมและตรงไปที่ลานส่วนตัวของหยวนชางแล้ว แน่นอนว่าที่สมาคมยังคงมีพื้นที่ว่างมากมายสำหรับผู้าุโที่สังกัดในสมาคม
หยวนชางไม่ได้ตระหนี่เกี่ยวกับเื่นี้มากนัก นั่นเป็เพราะว่าผู้าุโส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อาศัยประจำอยู่ที่นี่
ดังนั้นยังมีห้องและพื้นที่ว่างอยู่มากโขซึ่งเพียงพอสำหรับสมาชิกของทั้งสองตระกูลได้ทำงานและพักอยู่อาศัย อีกทั้งก่อนหน้านี้กลุ่มของนาหลันจ้านได้ปกปิดตัวตนมาโดยตลอด ไม่มีทางที่ตระกูลหงจะรู้ว่าสมาชิกของตระกูลหลี่และตระกูลนาหลันอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นสำหรับหยวนชางแล้วอาจจะไม่มีปัญหามากนักหากสมาชิกตระกูลหลี่ไม่ออกมาเดินเตร่ข้างนอก
ที่ลานด้านหลังสมาคม หัวหน้าหยวนชางและนาหลันจ้านกำลังช่วยเคลื่อนย้ายหลี่หยุนเฟิงไปที่เตียงผู้ป่วยเพื่อรักษาอาการาเ็ภายในของเขา
แน่นอนว่าการรักษาของหยวนชางนั้นไม่เป็สองรองใคร ด้วยผลของเม็ดยาเชื่อมกระดูกของหลี่ชิงหยุนก่อนหน้านี้ และฝีมือขั้นสูงทางการแพทย์ของหยวนชาง ขณะนี้หลี่หยุนเฟิงพ้นขีดอันตรายแล้ว อีกไม่นานเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง
สมาชิกทั้งสองตระกูลดูโล่งใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าหลี่หยุนเฟิงรอดพ้นจากอันตรายแล้ว จนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะชมเชย "สมกับเป็สมาคมการแพทย์ของเมืองหลวง ฝีมือของหัวหน้าหยวนไม่ธรรมดาจริงๆ"
แน่นอนว่าหลี่ชิงหยุนไม่ได้ให้หยวนชางรักษาพ่อของเขาโดยไม่มีค่าตอบแทน เขาจึงส่งแหวนเก็บของที่เก็บสูตรยาหายากจำนวนมากเพื่อเป็ของตอบแทนเล็กน้อยให้แก่หยวนชางด้วย
หยวนชางยอมรับแหวนเก็บของจากนาหลันจ้านอย่างตื่นเต้น ในแหวนเก็บของมีแม้กระทั่งทักษะการปรุงยาโบราณที่หลี่ชิงหยุนใช้งานอยู่เป็ประจำ ขณะนี้หยวนชางเป็ที่พึ่งเดียวของหลี่ชิงหยุน อีกทั้งยังตอบตกลงคำขอของเขาอย่างไม่ลังเล หยวนชางผู้นี้ควรค่าแก่การเชื่อใจอย่างแน่นอน
หลังจากแยกย้ายและหาที่พักส่วนตัวให้กับสมาชิกเรียบร้อยแล้ว หยวนชางและนาหลันจ้านจึงได้หาที่พูดคุยกันสองคนพร้อมกับดื่มชาที่โต๊ะหยกเล็กๆ
สถานที่แห่งนี้เป็สถานที่ที่หยวนชางสามารถเข้ามาได้ผู้เดียวหากไม่มีใครได้รับอนุญาต
หยวนชางและนาหลันจ้านเริ่มจะสนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งคู่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่ก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นเสียงที่แหบแห้งของใครบางคนดังขึ้นจากอาคารบนที่สูง น้ำเสียงของเขามีความไม่พอใจเล็กน้อยปะปนอยู่ "ชางเอ๋อร์ คนพวกนี้เป็ใคร?"
ระหว่างที่หยวนชางกำลังสนทนาอยู่กับนาหลันจ้านด้านล่างอย่างสนุกสนาน บนอาคารปรากฏร่างของชายชรากล้ามโตและไม่ได้สวมเสื้อลอยลงมาสู่พื้นข้างๆหยวนชางอย่างเรียบง่าย เขาหันไปมองที่นาหลันจ้านอย่างไม่เป็มิตร
หยวนชางตัวสั่นและหน้าซีดลงเมื่อเห็นว่าชายชราผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนว่าการที่เขารับสมาชิกของทั้งสองตระกูลเพื่อให้ที่หลบซ่อนแก่พวกเขาจะทำให้บรรพบุรุษเฒ่าโกรธมาก เขาลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมก้มหน้าลงและทำความเคารพด้วยเสียงที่สั่นระริก "ทะ-ท่านบรรพบุรุษ"
นาหลันจ้านที่กำลังนั่งอยู่ด้านข้างก็ตัวสั่นทันที แม้แต่หัวหน้าสมาคมหยวนชางยังต้องก้มหัวให้กับชายชราผู้นี้ นาหลันจ้านจะทำตัวไม่สมควรได้อย่างไร ไม่นานนาหลันจ้านก็ก้มหัวลงและทักทายเช่นกัน "ผู้น้อยนาหลันจ้าน คารวะผู้าุโ"
แน่นอนว่ากิริยาและมารยาทของนาหลันจ้านนั้นสมบูรณ์แบบมาก เพียงแต่ขาของเขาเกือบจะกลายเป็ของเหลวไปแล้ว ตรงหน้าของเขาคือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่แท้จริง จะไม่ให้นาหลันจ้านประหม่าได้อย่างไร?
ชายชราผู้นี้คือบรรพบุรุษตระกูลหยวน และเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตหยวน : บรรพบุรุษหยวนเหลียง
บรรพบุรุษหยวนเหลียงไม่สนใจจะพูดคุยกับนาหลันจ้านเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปมองที่หยวนชางพร้อมกับดุอย่างโกรธเคือง "ชางเอ๋อร์ เหตุใดเ้าถึงให้คนพวกนี้อาศัยอยู่ที่นี่? ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่ามีคนแบบนี้ในสมาคมการแพทย์อยู่ด้วย"
หยวนชางสะดุ้งขึ้นมาทันที เขากำลังคิดว่าจะบอกเื่นี้กับบรรพบุรุษของเขาอย่างไรดี
"เอ่อ...ท่านบรรพบุรุษเื่มันเป็เช่นนี้ ชายผู้นี้คือพ่อตาของหลี่ชิงหยุน เขา้าที่หลบซ่อนจากศัตรูแค่ชั่วคราวเท่านั้น" หยวนชางเลือกที่จะพูดความจริงทั้งหมด แม้ว่าบรรพบุรุษเฒ่าจะโกรธแต่เขาคงไม่ใจร้ายกับผู้มีพระคุณอย่างหลี่ชิงหยุนอย่างแน่นอน
"เอ๊ะ!" บรรพบุรุษหยวนเหลียงอุทานออกมาด้วยเสียงแปลกๆ โดยไม่คาดคิดเมื่อบรรพบุรุษหยวนเหลียงได้ยินชื่อของหลี่ชิงหยุน เขาก็สนทนาผ่านจิติญญากับหยวนชางทันที "หลี่ชิงหยุน...เ้าหมายถึงชายหนุ่มที่ให้สูตรยาแก่เ้าหรือไม่?"
"ถูกต้อง พ่อของหลี่ชิงหยุนก็กำลังพักฟื้นอยู่ที่นี่เช่นกัน" หยวนชางเห็นท่าทีของบรรพบุรุษแปลกไปเล็กน้อย เขาจึงพูดต่อให้จบ
จู่ๆบรรพบุรุษหยวนเหลียงก็หัวเราะออกมาเสียงดังขณะหันไปแนะนำตัว "ฮ่าๆๆๆ! พ่อหนุ่มนาหลัน ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าคือหยวนเหลียง เป็ผู้ก่อตั้งลำดับที่สี่ของสมาคมการแพทย์แห่งนี้"
น้ำเสียงของบรรพบุรุษหยวนเหลียงดูเป็มิตรมาก ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ ราวกับเขากำลังทำตัวเป็ชายชราใจดีต่อหน้าผู้คน
"ห๊ะ!?" หยวนชางและนาหลันจ้านทั้งคู่อ้าปากค้างและมองหน้ากันอย่างมึนงง
"เหตุใดบุคลิกของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้? สมองเขาโดนลาเตะหรือไม่?" นี่คือคำถามเดียวกันในหัวของทั้งสองคน
"อะแฮ่มๆ เ้าหนูตระกูลหลี่ถือได้ว่าช่วยชายชราผู้นี้เอาไว้มาก แน่นอนว่าหากเป็ครอบครัวของเขา ข้าก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน" บรรพบุรุษหยวนเหลียงไอเบาๆ พร้อมตบไหล่ของนาหลันจ้านอย่างเป็มิตรเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเขินอายที่เขาได้พูดจาไม่ดีกับนาหลันจ้านไปก่อนหน้านี้
แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาทำดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลี่ชิงหยุนก็เพราะสูตรยาระดับ 7 ที่เขาได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้ สูตรยาที่เขาได้รับนั้นนับว่าเป็สูตรยาโบราณที่สาบสูญไปนานแล้ว และคงมีเพียงผู้เชี่ยวชาญในระดับศักดิ์สิทธิ์และชนกลุ่มจากอาณาจักรที่สูงกว่าเท่านั้นที่จะมันได้
แม้ว่ามันจะเป็สูตรยาระดับ 7 แต่ผลลัพธ์กลับทำให้บรรพบุรุษหยวนเหลียงพอใจอย่างมาก อาการาเ็ที่รุมเร้าเขามาตลอดหลายร้อยปีได้หายเป็ปลิดทิ้ง อีกทั้งในสูตรยาหลี่ชิงหยุนยังเขียนถึงสมุนไพรต่างๆที่จะช่วยให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ดังนั้นบรรพบุรุษหยวนเหลียงจึงรู้สึกเป็หนี้หลี่ชิงหยุนอย่างมาก
"แล้วเ้าหนูตระกูลหลี่อยู่ที่ไหน?" บรรพบุรุษหยวนเหลียงมองไปรอบๆเพื่อหาตัวของหลี่ชิงหยุน ชายชราผู้นี้อยากเจอจะเขาตัวเป็ๆใจจะขาด
"ผู้าุโ ชิงหยุนได้เดินทางไปที่เขตเสี่ยว ดูเหมือนว่าเขากำลังจะไปแก้ปัญหาบางอย่างให้กับสหายของเขา" นาหลันจ้านก้มหน้าตอบอย่างนอบน้อม
"โอ้...เขตเสี่ยว ข้าไม่ได้ออกจากที่นี่นานเกือบ 50 ปีแล้ว" บรรพบุรุษหยวนเหลียงพูดอย่างครุ่นคิด
"ข้าควรจะออกไปยืดเส้นยืดสายที่เขตเสี่ยวเล็กน้อย" เมื่อพูดถึงเขตเสี่ยวบรรพบุรุษหยวนเหลียงมีสีหน้าที่แปลกไปทันที ดวงตาของเขาดูเ็าขึ้นมา ไม่นานเขากลับสู่อารมณ์ปกติพร้อมกับหันไปหาหยวนชางและนาหลันจ้าน "ชางเอ๋อให้บริการแขกอย่างดีที่สุด หากเขา้าอะไร แค่มอบให้เขาโดยไม่ต้องคิดค่าใช้จ่าย"
สีหน้าของหยวนชางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินคำพูดของบรรพบุรุษหยวนเหลียง "บรรพบุรุษ นี่...จะดีหรือ? สมาคมของเราก็ถือว่าใกล้จะยากจนข้นแค้นอยู่แล้ว—"
"เ้าคิดว่าสมุนไพรง่อยๆที่สมาคมมีนั้นมีราคาสูงกว่าชีวิตของข้าหรือไม่!? หนี้บุญคุณต้องตอบแทนด้วยบุญคุณเท่านั้น!" บรรพบุรุษหยวนเหลียงดูไม่สบอารมณ์ เขาดูเอาแต่ใจอย่างมากซึ่งไม่เข้ากับบุคลิกของชายวัยชราเลยด้วยซ้ำ
ใบหน้าของหยวนชางเปลี่ยนเป็สีเขียวด้วยความลำบากใจ [โอ้ บรรพบุรุษ ท่านไม่ได้ออกมาดูธุรกิจของสมาคมมานานหลายปี ตอนนี้ข้าใกล้จะล้มละลายอยู่แล้ว แต่ท่านยัง้าให้สิ่งของแก่ผู้อื่นฟรีๆ ให้ตายเถอะเ้าผายลมเฒ่า!]
หยวนชางได้แต่บ่นอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้
"เอาล่ะ ข้าจะไปที่เขตเสี่ยวเพื่อไปตามหาเ้าหนูนั่น เื่ที่นี่ข้าขอฝากไว้กับเ้า" บรรพบุรุษหยวนเหลียงโบกมือ
หยวนชางก็กลอกตามองที่บรรพบุรุษหยวนเหลียงและคิดในใจ 'บรรพบุรุษ ท่านแน่ใจหรือว่าจะไปที่นั่นเพื่อตามหาหลี่ชิงหยุน? ใครจะไม่รู้ว่าท่าน้าไปที่นั่นเพื่อชำระบัญชีเก่า ข้อแก้ตัวบ้าอะไร!'
"หืม? ชางเอ๋อร์...เ้ามองมาที่ข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?" บรรพบุรุษหยวนเหลียงมองไปที่หยวนชางด้วยสายตาที่ไม่เป็มิตรเมื่อมองเห็นสายตาแปลกๆของหยวนชาง
หยวนชางเหงื่อออกกลางหลังในทันที เขารีบแก้ตัวอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "มะ-ไม่มีอะไร ขอให้ท่านเดินทางอย่างปลอดภัย"
"ฮึ่ม! ใครจะทำอันตรายแก่ข้าได้? เ้าคิดมากเกินไป" บรรพบุรุษหยวนเหลียงพ่นลมอย่างเ็าและหายตัวไปจากที่นี่ทันที ดูเหมือนว่าเขาจะรีบร้อนและกระวนกระวายใจอย่างผิดปกติ
เมื่อบรรพบุรุษหยวนเหลียงจากไป บรรยากาศหนักอึ้งเมื่อครู่ได้หายไปอย่างฉับพลัน ทั้งหยวนชางและนาหลันจ้านต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
"หากเ้า้าอะไรเพิ่มเติม เ้าสามารถแจ้งหยวนหลิงได้ตลอดเวลา" ขณะนี้หยวนชางหันไปพูดกับนาหลันจ้านด้วยน้ำเสียงที่อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
[หากพวกเขา้าจริงๆ สมาคมมีหวังได้เจ๊งแน่]
แน่นอนว่าั้แ่วันนี้หยวนชางจะให้สมาชิกของตระกูลหลี่และตระกูลนาหลันช่วยเหลืองานที่ร้านเล็กน้อยเพื่อให้พวกเขาได้มีช่องทางทำมาหากิน ส่วนการปกปิดตัวตนสำหรับหยวนชางนั้นไม่ใช่เื่ยากเลย
"ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือพวกเรา" นาหลันจ้านกล่าวขอบคุณและรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง ตอนนี้หลี่ชิงหยุนมีเครือข่ายเป็ของตนเองแล้ว แม้แต่บรรพบุรุษหยวนเหลียงยังต้องให้หน้าหลี่ชิงหยุนกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
เพียงเท่านี้ตระกูลหลี่และตระกูลนาหลันจะได้อยู่อย่างสงบไปอีกสักพักใหญ่
"เอาล่ะ น้องชายนาหลัน ข้าขอตัวก่อน" หยวนชางยกกำปั้นขึ้นพร้อมกับหันหลังเดินจากไป ในฐานะหัวหน้าสมาคมเขายังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ
นาหลันจ้านเองก็ยกกำปั้นขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณอีกครั้ง
. . .
~ ตระกูลหง ~
สมาชิกและผู้าุโจากตระกูลหงต่างก็รวมตัวกันในห้องประชุมอีกครั้ง คราวนี้สถานการณ์ดูอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้หยกแห่งชีวิตของหงหลิงที่อยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษได้แตกสลายไปแล้ว ผู้าุโคนอื่นๆสามารถยืนยันได้ว่าหงหลิงได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน
นี่ไม่ใช่แค่ความอัปยศเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็ความอัปยศถึงขีดสุด!
คืนก่อนหน้าตระกูลหงของพวกมันถูกบุกรุกจากชายที่สวมหน้ากากหยก หลังจากการสังหารหมู่ของชายผู้นั้น เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่เกินครึ่งวันเท่านั้น แต่ตระกูลหงกลับต้องสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าที่เก่งกาจไปอีกคน ตอนนี้ตระกูลหงอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ไหนจะชายหน้ากากหยกที่น่าสะพรึงกลัว อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญในชุดสีขาวที่หงเจี้ยนเจี้ยนรายงานให้กับพวกเขาก่อนหน้านี้ นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าต่อต้านตระกูลหงเช่นนี้ แม้ว่าหงชาเทียนจะโกรธจัดแต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรกับเหตุการณ์นี้ได้เลย
ตระกูลหงรู้สึกราวกับว่าพวกมันโดนตบเข้าที่หน้าฉาดใหญ่!
เมื่อตอนเช้าพวกมันต้องเสียหน้าเพื่อรายงานการสูญเสียของตระกูลหงให้กับราชวงศ์ทราบไปแล้ว หากตอนนี้พวกมันรายงานต่อราชวงศ์ว่าตระกูลหงได้สูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณฟ้าไป เกรงว่ามหาอำนาจอื่นๆคงจะจ้องมองตระกูลหงเป็ลูกแกะที่รอเชือดอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้าุโจึงลงมติร่วมกันว่าข่าวการเสียชีวิตของหงหลิงต้องถูกปิดไว้อย่างมิดชิดไม่ให้แพร่งพรายไปสู่โลกภายนอก อีกทั้งหงชาเทียนยังส่งผู้าุโระดับลมปราณฟ้าขั้นสูงไปที่ตระกูลหลี่ด้วยกันถึงสามคน
ผู้าุโคนที่สอง, สามและห้าได้ไปถึงที่ตระกูลหลี่ แต่กลับพบว่าที่แห่งนั้นไม่มีใครอาศัยอยู่อีกต่อไป แม้แต่ข้าวของและสัมภาระยังถูกขนและหลบหนีไปพร้อมกันทุกคน สิ่งนี้ทำให้หงชาเทียนแทบจะอาเจียนเป็เื
ตระกูลหงต้องสูญเสียอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถระบายความโกรธกับผู้ใดได้เลย หงชาเทียนแทบจะกลายเป็คนวิกลจริตไปเสียแล้ว
ตระกูลหงเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญในชุดขาวได้นำสมาชิกของทั้งสองตระกูลหลบหนีไปไกลแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงกลับมาที่ตระกูลหงเพื่อหารือถึงเื่ราวในครั้งนี้
ณ ที่ประชุมนายน้อยคนแรกหงเจิ้นก็กล่าวออกมาช้าๆเพื่อลดความกดดันของสถานการณ์นี้ลง "ท่านพ่อ เื่นี้ยังไม่สายเกินไป ตระกูลหงยังมีวิธีการบางอย่างอยู่บ้าง"
ทุกคนในที่ประชุมหันไปมองที่หงเจิ้นขณะรอให้หงเจิ้นพูดต่อ
หงเจิ้นยิ้มและกล่าวต่อ "ตอนนี้ตระกูลของเราสามารถร่วมมือกับตระกูลเล่ยได้ เล่ยตงเทียนเองก็มีศัตรูคนเดียวกับตระกูลหงเช่นกัน นั่นคือชายหน้ากากหยก! พวกเราควรจะกำจัดชายคนนั้นเสียก่อนเพื่อป้องกันปัญหาภัยคุกคามที่จะเกิดในอนาคต"
"แล้วชายหน้ากากหยกไปเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเล่ย?" แม้ว่าหงชาเทียนจะโกรธมากแต่มันต้องพยายามทำให้ใจเย็นลงและฟังหงเจิ้นพูดต่อ
หงเจิ้นมองเห็นความสงสัยบนใบหน้าของหงชาเทียน จากนั้นมันจึงพูดต่อไป "เล่ยตงเทียนบอกแก่ข้าว่าเขากำลังรวบรวมข้อมูลและสืบค้นตัวตนที่แท้จริงของชายหน้ากากหยกอยู่ ดูเหมือนว่าอีกไม่นานความจริงจะถูกเปิดเผย"
หงชาเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย "แล้วตระกูลเล่ย้าอะไรเป็ค่าตอบแทน?"
"แน่นอนว่าเป็ิญญาอย่างไม่ต้องสงสัย เราสามารถสละตระกูลข้าราชบริพารให้กับพวกเขาได้ เล่ยตงเทียนสัญญาไว้แล้วว่าหากเราตอบรับข้อตกลง พวกเขาจะให้พวกเรายืมมือนักฆ่าบางส่วนที่เขามี" หงเจิ้นพูดถึงเงื่อนไขและข้อเสนอที่เล่ยตงเทียนพูดกับมันมาก่อนหน้านี้
"ดูเหมือนว่าเ้าเฒ่าชิงซานก็คงมีส่วนร่วมกับเื่นี้ดเวยเช่นกัน" หงชาเทียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้พวกมันมีศัตรูคู่อาฆาตด้วยกันถึงสองคน หากพวกมันสามารถกำจัดคนใดคนหนึ่งได้ ตระกูลหงยังพอมีที่ว่างให้พักหายใจอยู่บ้าง
"แล้วเ้าคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับลมปราณลึกซึ้งในชุดขาวจะบุกรุกตระกูลหงของเราหรือไม่?" นี่คือสิ่งเดียวที่หงชาเทียนกังวลในขณะนี้
"หากคาดเดาข้าเกรงว่าอาจจะไม่ เพราะตระกูลหลี่ยังไม่ได้สูญเสียหลี่หยุนเฟิงไป" หงเจิ้นปฏิเสธทันทีพร้อมกับกล่าวให้เหตุผล
"โอ้? เหตุใดเ้าถึงคิดเช่นนั้น?" หงชาเทียน้าทราบเหตุผล
หงเจิ้นตอบกลับอย่างสุขุม "ท่านลองคิดดู หากหลี่หยุนเฟิงเสียชีวิตจริงๆ หลี่ชิงหยุนจะอยู่เฉยหลังจากการบุกรุกครั้งนี้ได้อย่างไร? ในเมื่อหลี่หยุนเฟิงยังไม่ตายจึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากชายชุดขาวผู้นั้น นั่นเป็เื่ที่สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ?"
"แต่ทว่าพวกเราก็ไม่ควรลดการป้องกันลงเช่นกัน บางทีอาจจะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ" แม้ว่าหงเจิ้นจะคาดเดาสถานการณ์ได้ดี แต่ตระกูลหงก็จำเป็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
หงชาเทียนและทุกคนที่นี่พยักหน้าเห็นด้วย
"เจิ้นเอ๋อร์ เ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?" หงชาเทียนหันไปมองลูกชายด้วยความชื่นชม สติปัญญาของหงเจิ้นนั้นสูงกว่าสมาชิกทุกคนในตระกูล แน่นอนว่าความหวังเดียวของตระกูลหงคือหงเจิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หงเจิ้นขมวดคิ้วเบาๆราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง
"เราควรร่วมมือกับเล่ยตงเทียนเพื่อดักจับชายหน้ากากหยกเสียก่อน ข้ามีความรู้สึกว่าชายหน้ากากหยกจะกลายเป็ตัวปัญหาที่ใหญ่กว่าผู้เชี่ยวชาญในชุดสีขาวอย่างแน่นอน" หงเจิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หงชาเทียนพยักเห็นด้วยโดยไม่ลังเล "เอาล่ะ เราจะตกลงกับตระกูลเล่ยในส่วนของเื่นี้"
เหตุผลที่หงเจิ้น้าขอความร่วมมือกับตระกูลเล่ยนั้นมีเหตุผลซ่อนอยู่เื้ั นั่นคือสมบัติเชิงมิติจากชายหน้ากากหยก!
พวกเขา้าร่วมมือกันและดักจับบุคคลนี้เสียก่อน อีกทั้งต้องดักจับชายหน้ากากหยกให้ได้ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว มิเช่นนั้นชายหน้ากากหยกก็จะหลบหนีต่อไปเรื่อยๆไม่มีวันจบสิ้น
อีกทั้งหากตระกูลหงได้รับสมบัติเชิงมิติแน่นอนว่าตระกูลหงจะมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นและยังมีเส้นทางหลบหนีของตัวเองอีกด้วย
ซึ่งแตกต่างกันเล่ยตงเทียนยื่นข้อเสนอนี้ให้กับตระกูลหงเพียงเพราะว่ามันกำลังหวาดกลัวต่อกระบี่กลืนิญญาของชายหน้ากากหยก! หากตระกูลเล่ยลงมือเล่ยตงเทียนมั่นใจว่าพวกมันจะต้องสูญเสียผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่ต่ำกว่า 7/10 ส่วนอย่างแน่นอน
หากจะพูดอีกอย่าง กระบี่กลืนิญญาของชายหน้ากากหยกคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเล่ย!
หลังจากนั้นไม่นานหงชาเทียนก็หันไปถามหงเจิ้นและหงเจิ้งหยวนที่หัวข้ออื่น "เจิ้นเอ๋อร์ หยวนเอ๋อร์ พวกเ้า้าไปสำรวจนิกายโบราณหรือไม่?"
"ท่านพ่อ ข้าจะไป!" หงเจิ้งหยวนตกลงอย่างไม่ลังเล แม้ว่ามันจะหวาดกลัวต่อสิ่งที่มันทำลงไปกับหลี่ชิงหยุน แต่มันเชื่อว่าหงเจิ้นจะช่วยมันอย่างแน่นอนหากมีอันตรายใดๆเกิดขึ้น
"ข้าเองก็จะไปเช่นกัน ที่นั่นมีบางอย่างที่ข้า้าอยู่" หงเจิ้นยิ้มอย่างมีเลศนัย
หงชาเทียนพยักหน้าเล็กน้อย "เจิ้นเอ๋อร์ เ้าควรระวังตัวให้ดี สถานที่แห่งนั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่เ้าคิด ใครจะไปรู้ว่าเ้าเฒ่าเล่ยชิงซานกำลังคิดอะไรอยู่ การขึ้นสู่อำนาจหรือการตกลงสู่บาปของตระกูลเล่ยนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในมิติโบราณแห่งนั้นอย่างแท้จริง"
ไม่นานหงเจิ้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นมันจึงกล่าวต่อด้วยความมั่นใจ "ข้าเชื่อว่าตระกูลเล่ยจะไม่ทำอะไรโง่ๆกับข้าอย่างแน่นอน"
หงเจิ้นยกคางขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับคิดในใจด้วยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง 'หากข้าได้รับโลหิตของชายผู้นั้น แม้แต่อาณาจักรเซวียนทั้งหมดก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไป!'
ดวงตาที่หม่นหมองแต่ชาญฉลาดของหงเจิ้นกลับกลายเป็สีดำที่น่าขนลุก ขณะนี้เผ่าปีศาจที่แท้จริงกำลังจะเคลื่อนไหว!