พ่อของจ้าวผิงเป็โรคมะเร็งปอด เขาเสียชีวิตไปั้แ่สี่ปีที่แล้ว จ้าวผิงนั้นไม่มีภรรยาและอาศัยอยู่กับแม่วัยแปดสิบของเขา
ตอนนี้จ้าวผิงเสียชีวิตแล้วจึงเหลือคุณยายเพียงคนเดียว
ได้ยินว่าเมื่อคืนตอนเดินจ้าวผิงมองไม่เห็นว่าบนพื้นมีหลุม ตอนที่หล่นลงมาศีรษะจึงกระแทกกับโขดหินพอดี
หร่านซวี่จือกวาดตามองรอบทิศ มองเห็นในกลุ่มคนมีหวังเฉิงยืนอยู่ด้วยและเขาก็กำลังคุยอะไรบางอย่างกับผู้ใหญ่บ้าน
จ้าวผิงเป็กรรมการหมู่บ้าน พอเสียชีวิตไปก็แสดงว่าหมู่บ้านนั้นขาดผู้ช่วยหมู่บ้าน หวังเฉิงกับผู้ใหญ่บ้านกำลังถกกันเื่งานศพของจ้าวผิงกับการหาคนมาแทน
หร่านซวี่จืออ้อมกลุ่มคนไปแล้วพูดกับพวกเขาว่า “ไม่ตรวจสอบก่อนหรือครับ? ”
ผู้ใหญ่บ้านถาม “ตรวจสอบอะไรหรือ? ”
หร่านซวี่จือคิดๆ ดู ต่อมาก็เอ่ยปาก “อืม ไม่มีอะไรครับ”
เขารู้สึกว่าจ้าวผิงไม่เหมือนเสียชีวิตเพราะเดินล้มแล้วศีรษะฟาด
สถานที่ตรงจุดนี้ไม่ได้สูงมาก ไม่น่าจะมีคนสามารถหล่นลงมาแล้วเสียชีวิตทันที ถ้าบอกว่าระหว่างนั้นจ้าวผิงไม่มีอาการดิ้นรนตะเกียกตะกายเลย หร่านซวี่จือก็ไม่มีทางเชื่อ
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็พูดเป็ความเห็นเช่นนี้ จู่ๆ เขาเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ มันจะดูโดดเด่นเกินไปและไม่แน่ว่าอาจจะมีคนพูดไปเรื่อย
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เื่ที่จ้าวผิงทำกับตนเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่านอกจากไป๋หลิงฮัวจะยังมีคนอื่นเห็นเข้าหรือไม่ เกิดถูกคนอื่นพูดขึ้นมา ก็เป็ไปได้ว่าตนเองจะกลายเป็ผู้ต้องสงสัยมากที่สุด
หร่านซวี่จือยืนรอหวังเฉิงอยู่อีกทาง หลังจากที่ได้ยินพวกเขาคุยกันเสร็จ จู่ๆ ผู้ใหญ่บ้านก็เปลี่ยนเื่ “เสี่ยวหวัง ฉันได้ยินจากเหล่าหลี่ว่าเชิญนายไปกินข้าวที่บ้านแต่นายกลับปฏิเสธไปหรือ? ”
เหล่าหลี่ที่พูดถึงคือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านข้างๆ ชื่อว่า หลี่เหวินหย่วน ซึ่งหลานสาวของเขาก็คือหลี่เยวี่ยิ่ เขาได้เชิญหวังเฉิงไปกินข้าวซึ่งวัตถุประสงค์นั้น ถึงไม่พูดก็คงรู้กันอยู่แล้ว
หร่านซวี่จือดึงเปลือกไม้อยู่ข้างๆ
หวังเฉิงปัดเศษเถ้าบุหรี่บนตัว “หลายวันนี้ยุ่งน่ะครับ”
“เสี่ยวหวัง ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่บ้านยุ่งหรอกนะ” ผู้ใหญ่บ้านโน้มน้าว “นายเองอายุก็ไม่น้อยแล้ว อย่าคิดว่าอายุยังน้อยมีสาวๆ มาชื่นชอบมากมาย ก็เลยหัวสูงไม่ยอมเลือกใคร รอจนผู้หญิงพวกนั้นแต่งงานกันไปหมด แล้วนายจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ! สถานะทางบ้านเหล่าหลี่ก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะคู่ควรกับนายอยู่แล้ว! ”
หวังเฉิงรำคาญเล็กน้อย พลางชำเลืองมองไปทางหร่านซวี่จือที่กำลังดูเบื่อๆ เซ็งๆ “เื่นี้ไว้ก่อนเถอะครับ”
พูดจบก็ย่างเท้าออกไปทันทีจนผู้ใหญ่บ้านไม่ทันเรียกไว้
ผู้ใหญ่บ้านเปิดสมุดทะเบียนลูกบ้านขึ้นมา มองดูเงาหลังของหวังเฉิงแล้วทอดถอนใจ “นิสัยของเด็กหนุ่มสมัยนี้นี่ดื้อจริงๆ เด็กสาวอย่างเยวี่ยิ่ก็ยังไม่ชอบ”
“ไม่รู้ว่าเป็เื่ดีหรือไม่ดี” ผู้ใหญ่บ้านถอนใจ “เื่ของเหล่าหลี่ฝั่งนั้นคงต้องปล่อยไว้ก่อนชั่วคราว”
หวังเฉิงกับหร่านซวี่จือเดินไปข้างๆ ป่าไม้ หวังเฉิงคว้าแขนจับเขากดไว้กับต้นไม้แล้วเอามือรองด้านหลังศีรษะของเขาไว้ “ตื่นเช้ามาไม่เจอกระต่ายน้อยของฉัน พี่หวังคิดถึงแทบแย่”
พูดจบก็เกยคางของหร่านซวี่จือขึ้นมาแล้วจูบเขา
ริมฝีปากของหร่านซวี่จือทั้งอ่อนทั้งนุ่ม ปนกับกลิ่นหอมของรวงข้าว หวังเฉิงทั้งจูบทั้งขบ เขาชื่นชอบอย่างมาก แต่ในปากยังมีกลิ่นบุหรี่ที่เพิ่งสูบเสร็จจึงทำให้หร่านซวี่จือรู้สึกไม่ค่อยสบาย
“พี่อย่าจูบฉันหลังจากสูบบุหรี่สิ” หร่านซวี่จือเอ่ย “ไม่น่าดมเลย”
ในความเป็จริงหร่านซวี่จือนั้นไม่ได้เกลียดกลิ่นบุหรี่แต่ไป๋หลิงถูกตั้งค่ามาแบบนี้
หวังเฉิงจับแก้มเขา “เฮ้ เดี๋ยวนี้คิดควบคุมฉันแล้วหรือ? ”
หร่านซวี่จือถอดแว่นตาออกแล้ว ั์ตานั้นดำขลับ หางตายิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูสวยเป็พิเศษ
หวังเฉิงใช้นิ้วมือลูบไล้ไฝใต้ดวงตาของเขา ร่างกายกำยำแแ่กับเขา
เมื่อครู่ มือของหวังเฉิงจัดการดึงเสื้อที่อยู่ในกางเกงของหร่านซวี่จือออกมา แต่ทันใดนั้นหร่านซวี่จือก็คว้าข้อมือของเขาไว้ “กลับไปก่อนเถอะ มีคน”
หร่านซวี่จือมักจะรู้สึกว่าตนเองได้ยินอะไรบางอย่าง
ตอนที่กลับไป หร่านซวี่จือหารือกับหวังเฉิง “จ้าวผิงไม่เหมือนคนที่ตกลงไปตาย”
“ใช่ ไม่เหมือน” หวังเฉิงหยิบบุหรี่ออกมาจากเสื้อ
หร่านซวี่จือมองดูหวังเฉิงโยนบุหรี่กับห่อบุหรี่ในมือลงไปบนกองดิน “ผมสงสัยว่าคือคนเดียวกับคนที่ฆ่าเซียวหง”
เมื่อได้ยินคำนี้ หวังเฉิงจึงขมวดคิ้ว “คำพูดนี้พูดไปเรื่อยไม่ได้ หากเป็เื่จริง เื่นี้น่าจะร้ายแรงน่าดู”
หร่านซวี่จือไม่ส่งเสียง เขาเองก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย เพียงแต่รู้สึกว่าสองเื่นี้มีจุดคล้ายกันหลายจุด
หนึ่งคือเวลาเกิดเหตุ สองคือวิธีการเสียชีวิต แต่ว่า หร่านซวี่จือไม่สนิทกับทั้งจ้าวผิงและเซียวหงจึงไม่สามารถหาเบาะแสผ่านความสัมพันธ์ได้
ขณะที่หร่านซวี่จือกับหวังเฉิงถึงบ้านก็ไม่มีใครอยู่ในบ้าน ไป๋หลิงฮัวที่อยู่บ้านตลอดก็ไม่เห็นตัว
คนรักข้างบ้านของไป๋ซวงเอาองุ่นสองกล่องมาให้ หร่านซวี่จือเอามันออกมาจากตู้ จากนั้นหวังเฉิงก็เทองุ่นลงไปในกะละมังแล้วยกไปล้างน้ำข้างนอก
หร่านซวี่จือกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของตนเองอยู่บนเตียง ถอดรองเท้าไว้ เท้าสองข้างส่ายไปมากลางอากาศ
หวังเฉิงยกองุ่นเข้ามา หยิบมาหนึ่งลูกแล้วป้อนเข้าปากตนเอง
หร่านซวี่จือ “ผมกินด้วย”
หวังเฉิง “อ้าปาก”
หร่านซวี่จือเงยศีรษะอ้าปาก หวังเฉิงจับคางของหร่านซวี่จือแล้วโยนองุ่นหนึ่งลูกเข้าไปในปาก จากนั้นก็ประกบริมฝึปากตามเข้าไป
แขนสองข้างของหร่านซวี่จือโอบกอดหวังเฉิง กลิ่นหอมหวานขององุ่นโชยขึ้นจมูก
“ขาของผมเหมือนถูกบาดเลย” หร่านซวี่จือขยับขาเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่ทันระวังจึงเกี่ยวถูกเสี้ยนบนเตียงทำให้มีอาการเจ็บจี๊ดตรงขา
หวังเฉิงก้มลงมาก็เห็นเรียวขาเล็กที่ขาวเนียนของหร่านซวี่จือมีเืไหลซิบๆ แม้จะไม่ลึกมากแต่ก็เป็เส้นยาว
หวังเฉิงอุ้มหร่านซวี่จือมาวางบนตักของตนเองพลางตรวจสอบตรงน่อง น่าจะไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร
หวังเฉิงสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบ แต่ไป๋หลิงสูงแค่หนึ่งเมตรเจ็ดสิบห้า เมื่อนั่งอยู่บนขาของหวังเฉิงจึงกำลังพอดี
หร่านซวี่จือโอบคอของเขาไว้ “ต่อไหมครับ? ”
หวังเฉิงงง “ต่ออะไรหรือ? ”
พอสิ้นเสียง ก็เห็นหร่านซวี่จือเลิกชายเสื้อของตนเองขึ้นมา เผยให้เห็นจุดสีแดงนุ่มนิ่มสองเม็ดบนหน้าอกและเขาก็กำลังเงยหน้ามองหวังเฉิง
หวังเฉิง “…”
ที่บ้านไม่มีคน ทั้งสองจะทำอย่างไรก็ย่อมทำได้ เตียงของหร่านซวี่จือนั้นเก่ามากแล้วจึงส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ ไม่หยุด
ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคาว หร่านซวี่จือแนบหลังพิงกับหน้าอกของหวังเฉิงพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออย่างไร เขามักจะรู้สึกว่ามีเงาของใครบางคนผ่านไป
ตรงหว่างขาของหร่านซวี่จือเหนียวเหนอะหนะไปด้วยของเหลวสีขาว ล้วนเป็ของที่หลั่งออกมาจากจุดที่รู้ๆ กันอยู่
หวังเฉิงกอดเอวของเขาแล้วให้เขยิบมาตรงหน้า ทำเอาเตียงถึงกับสั่น “คิดอะไรอยู่? ไม่มีสมาธิเลย หรือว่าแรงของพี่หวังยังไม่มากพอ? ”
หร่านซวี่จือหายใจพร้อมกับมองไปด้านนอกเหมือนว่าไม่มีอะไร เพราะไม่แน่ใจจริงๆ เขาจึงมองออกไปอีกหน
หวังเฉิงอุ้มหร่านซวี่จือขึ้นมา “อยากดูข้างนอกหรือ? พี่หวังจะพานายออกไป”
หร่านซวี่จือร้องเสียงหลงแล้วรีบกอดไว้ด้วยความเบลอ หวังเฉิงปิดหน้าต่าง แล้วขย่มหร่านซวี่จือบนโต๊ะ
หลังจากเสร็จกิจก็ค่ำมากแล้ว หร่านซวี่จือได้ยินเสียงคนเก็บของข้างนอก ซึ่งก็น่าจะเป็พวกไป๋เหมยไป๋ซวงกลับมาแล้ว
หวังเฉิงช่วยหร่านซวี่จือสวมกางเกงขึ้น “งั้นพี่กลับไปก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยมาหาใหม่”
“อืม” หร่านซวี่จือคลานลงจากเตียงไม่อยากพูดเพราะเสียงของเขาแหบพร่าไปหมด