หลงอวี้และหลิงหานควบม้าตะบึงแยกทางกันไป มุ่งหน้าสู่ลัทธิสยบฟ้า
เจ็ดวันผ่านไป ในที่สุดหลงอวี้ก็กลับมาถึงปากทางเข้าหุบเขาสยบฟ้า
ผู้าุโใช้ิญญาแท้ช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขาหนีกลับมายังลัทธิสยบฟ้าได้
เมื่อถึงหุบเขาสยบฟ้าแล้วก็นับว่าปลอดภัย
“หลงอวี้ เ้ากลับมาแล้วหรือ!”
กลับมาถึงหุบเขาได้ไม่ทันไร หลงอวี้ยังไม่ทันได้ลงจากหลังม้า ก็ได้มีเงาร่างน่าเอ็นดูสายหนึ่งวิ่งลงมาจากหุบเขาด้วยสีหน้ายินดี
เลี่ยวเล่อเล่อนั่นเอง!
“เ้าเองหรือ”
หลงอวี้แย้มยิ้มขณะลงจากหลังม้า
“ศิษย์พี่หลิงหานกลับมาก่อนเ้าก้าวหนึ่ง พวกเรารู้เื่ที่เกิดขึ้นที่ป่าโสมโบราณหมดแล้ว”
แววตาของเลี่ยวเล่อเล่อแฝงด้วยความดีใจ
“เขากลับมาก่อนหนึ่งวันเต็มๆ แต่ข้าไม่เห็นแม้แต่เงาของเ้า นึกว่าเ้าจะไม่ได้กลับมาแล้วเสียอีก”
คำพูดประโยคนี้ของเลี่ยวเล่อเล่อ หลงอวี้ย่อมไม่ใส่ใจ
“ไอ้พวกลัทธิพันไหมนั่นน่าโมโหจริงๆ ยังดีที่ประมุขของเราออกโรงด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปทวงถามความยุติธรรมกับลัทธิพันไหมแล้ว ไม่มีทางปล่อยพวกมันไปง่ายๆ แน่!”
เลี่ยวเล่อเล่อร่ายรำหมัดไปมา รู้สึกเจ็บแค้นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก
“ท่านประมุขออกโรงแล้วหรือ อย่างนั้นก็ดี”
หลงอวี้พยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
“ได้ข่าวคราวของผู้าุโอวี้บ้างไหม”
“ไม่เลย”
เลี่ยวเล่อเล่อได้ยินคำถามนี้ก็หน้าหมองลงทันที
“ผู้เฒ่าดำออกเดินทางไปช่วยั้แ่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้ เกรงว่า...”
โอกาสรอดคงน้อย
หลงอวี้คาดเดาเองในใจ ผู้าุโอวี้คนเดียวต้องรับมือกับศัตรูถึงสามคน มีแค่ิญญาแท้ฝ่ามือสยบฟ้าอย่างเดียวก็น่าจะสลัดออกมาได้ไม่ยาก
แต่เพื่อรั้งไม่ให้คนพวกนั้นไล่ตามหลงอวี้และหลิงหานไปได้ จนป่านนี้ยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับผู้าุโอวี้เลย!
“ไอ้หนุ่ม รีบขึ้นมา”
ในตอนนั้นเอง เสียงพูดของผู้เฒ่าขาวก็ดังก้องในโสตประสาท ทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ หลังจากทักทายเลี่ยวเล่อเล่อเสร็จก็เดินขึ้นเขา มุ่งหน้าสู่ยอดเขาสยบฟ้า
เมื่อขึ้นไปถึงยอดแล้ว หลงอวี้ก็เห็นผู้เฒ่าขาวในชุดสีขาว ยืนไพล่หลังอยู่ริมหน้าผา สายลมอันหนาวเย็นพัดเส้นผมสีขาวพลิ้วไสวไปพร้อมกับชายเสื้อสีขาว ให้ความรู้สึกเหมือนเทพเซียนผู้สูงส่งก็ไม่ปาน
“ไม่เลวนี่ไอ้หนุ่ม วรยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว”
ผู้เฒ่าขาวไม่แม้แต่จะหันมา เพียงแต่พยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
หลงอวี้ยืนอยู่ด้านหลังผู้าุโไม่ห่างกันนัก เขาเอ่ยเสียงต่ำ
“แต่น่าเสียดายที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย...”
“ข้ารู้หมดแล้วล่ะ”
ผู้เฒ่าขาวหันหน้ามาพร้อมกวักมือเรียก
“เ้านั่งก่อนเถอะ ได้ยินเ้าหนูหลิงหานเล่าให้ฟังว่า ฮวาอวิ๋น ฮวาชิงของสำนักน้ำแข็งเยือก ถานเจียนที่เป็ลูกศิษย์ระดับสูงของลัทธิเราร่วมมือกันจะฆ่าเ้า แต่กลับถูกเ้าคนเดียวจัดการทิ้งอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้วผู้าุโ แต่ก่อนหน้านั้นพวกมันต่อสู้กันเองจนาเ็อยู่แล้ว”
หลงอวี้หยุดคิดเล็กน้อยก่อนตอบกลับ
“ต่อให้าเ็อยู่ แต่ก็ถือว่าเ้ามีฝีมือมากพอแล้ว การท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษก็น่าจะไม่มีปัญหา”
ผู้เฒ่าขาวพยักหน้าพอใจ ไม่ได้รู้สึกเสียดายกับการตายของถานเจียนเลย ทว่าเขากลับมองเห็นศักยภาพของหลงอวี้ ขอเพียงหลงอวี้พัฒนามากกว่านี้ จะเป็ประโยชน์ต่อลัทธิสยบฟ้าเทียบเท่ากับถานเจียนสิบคนเลยทีเดียว!
“ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า มีจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดคน ขอเพียงเ้าท้าประลองกับคนใดคนหนึ่งได้สำเร็จ เ้าก็จะสามารถขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษ แล้วมีสิทธิ์เข้าไปทีู่เาด้านหลังหอวิทยายุทธ์และเลือกฝึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษได้!”
วิทยายุทธ์ขั้นพิเศษ เป็ที่ปรารถนาของผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคน ผู้เฒ่าขาวเชื่อว่า แม้แต่หลงอวี้เองก็เช่นกัน
เพียงแต่หลงอวี้ตอนนี้ยังไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น ตอนนี้เขาเพียง้ารีบดูดกลืนพลังฟ้าดินของโสมชั้นยอดให้หมดเร็วๆ ก็เท่านั้น
ทันทีที่เขาบรรลุวรยุทธ์ขั้นแปดได้ สัญลักษณ์ัปรภพก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่จะเพิ่มพลังให้มหาศาลเท่านั้น แต่ยังมอบวิทยายุทธ์ที่ทรงพลังให้อีกหนึ่งกระบวนท่าด้วย!
หลงอวี้มั่นใจว่า วิทยายุทธ์ที่ได้จากสัญลักษณ์ัปรภพ จะต้องทรงพลังกว่าวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษของลัทธิสยบฟ้าหลายเท่าแน่นอน
“ไอ้หนุ่ม ข้าแนะนำให้เ้าท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษที่อันดับต่ำกว่าหนึ่งร้อยเป็ต้นไป เช่นนั้นจะมีโอกาสชนะมากกว่า”
ผู้เฒ่าขาวหรี่ตา พูดพร้อมกับลูบเครา
“ผู้เฒ่าขาว ข้าอยากท้าประลองกับเฟิงอวิ๋น!”
คำพูดของหลงอวี้ชวนให้รู้สึกประหลาดใจ
“เฟิงอวิ๋น?”
ผู้เฒ่าขาวตะลึงงันทันที เฟิงอวิ๋นเป็ถึงลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับสิบ ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษมาแล้วไม่รู้กี่วิชา พลังต่อสู้สูงส่งเหนือคนทั่วไป!
ก่อนจะออกเดินทางไปป่าโสมโบราณ หลงอวี้ถูกเฟิงอวิ๋นลงมือทำร้ายจนาเ็สาหัส นี่เพิ่งกลับมาจากป่าโสมโบราณได้ไม่ทันไร ก็คิดจะท้าประลองกับเฟิงอวิ๋นอีกแล้ว?
ไม่ข้ามขั้นไปหน่อยหรือ!
“ไอ้หนุ่ม บางทีเ้าอาจจะยังไม่รู้ หลังจากเฟิงอวิ๋นเก็บตัวรักษาาแใน่ที่ผ่านมาจนหายดี ตอนนี้เขาบรรลุวิถีวรยุทธ์ขั้นเก้าได้แล้ว!”
ผู้เฒ่าขาวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“เ้าคิดจะท้าประลองกับเขา เกรงว่ายังห่างขั้นกันไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น กฎของลัทธิก็ระบุไว้ว่า ใครก็ตามที่ท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษครั้งแรก ห้ามท้าประลองกับสิบอันดับแรกเด็ดขาด เ้าหาเป้าหมายอื่นแทนเถิด!”
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็มุ่นคิ้วแน่น
ท้าประลองครั้งแรกห้ามท้าสิบอันดับแรก กฎข้อนี้เขาพอจะเข้าใจได้ หากไม่ระบุกฎไว้เช่นนี้ เช่นนั้นพวกสิบอันดับแรกคงจะหัวปั่นน่าดู
ต้องรู้ว่า ลูกศิษย์ระดับพิเศษสิบอันดับแรกนั้น หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการฝึกฝนบำเพ็ญพลัง ไม่ใช่การรับคำท้าประลองของผู้อื่น!
“ถ้าอย่างนั้น ข้าท้าประลองกับอันดับที่หนึ่งร้อยแปดก็ได้”
หลงอวี้ผิดหวังเล็กน้อย พูดพร้อมกับส่ายหน้า
ในเมื่อท้าประลองกับเฟิงอวิ๋นไม่ได้ เช่นนั้นจะประลองกับใครก็เหมือนกัน ท้าประลองกับอันดับสุดท้ายก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก แถมโอกาสชนะสูงด้วย และที่สำคัญคือประหยัดเวลา
“ได้ขอรับ”
ผู้เฒ่าขาวพยักหน้า
“ข้าจะช่วยยื่นเื่ให้เ้าเอง เ้าอยากจะประลองตอนไหน?”
“อีกเจ็ดวันหลังจากนี้ขอรับ”
หลงอวี้ตอบกลับอย่างไม่ลังเล
ตอนนี้ เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนก่อนจะถึงงานชุมนุมตระกูลเฟิง เขาต้องรีบขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษจะได้มีเวลาฝึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษ เขาจะได้มีโอกาสชนะเฟิงอวิ๋นมากขึ้น
ตอนนี้ เฟิงอวิ๋นก้าวสู่วิถีวรยุทธ์ขั้นเก้าแล้ว พลังต่อสู้น่ากลัวสุดขีด
หลงอวี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
แค่วิทยายุทธ์ที่ได้จากสัญลักษณ์ัปรภพอย่างเดียวยังไม่พอ!
หลังจากหารือกับผู้เฒ่าขาวเสร็จ หลงอวี้ก็ได้พบกับหลิงหานที่กลับมาถึงก่อน
หลิงหานบอกเขาว่า เขาเตรียมเก็บตัวฝึกฝนเจ็ดวัน หากสามารถทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นแปดได้สำเร็จก็จะท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษพร้อมกับหลงอวี้
ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง จากนั้นหลิงหานก็ขอตัวลาไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น หลงอวี้ได้หันหลังกลับไปยังกระท่อมไม้ไผ่ เตรียมดูดกลืนพลังฟ้าดินของโสมชั้นยอดที่เก็บไว้ในสัญลักษณ์ัปรภพ
......
ข่าวที่หลงอวี้จะท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับที่หนึ่งร้อยแปดนั้น ได้แพร่กระจายไปทั่วลัทธิอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก
“หลงอวี้ ไอ้คนที่เพิ่งเข้าลัทธิได้ไม่นานก็ชนะทั้งถานเยว่ หานเจี้ยน เฟิงหยางแล้วก็ฟางคางน่ะหรือ”
“ใช่แล้ว เ้าหมอนั่นแหละ เมื่อกี้มันเพิ่งบอกว่าจะท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับที่หนึ่งร้อยแปด ‘เห้อเหยินยี่’!”
“ล้อเล่นกันเล่นหรือเปล่า เ้านั่นเป็แค่ลูกศิษย์ระดับล่างเองนะ มันกล้าไปท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษเลยหรือ”
“คิดตื้นๆ! ได้ไปป่าโสมโบราณแค่ครั้งเดียว พอกลับมาก็คิดจะเลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษแล้วหรือ?”
เหล่าลูกศิษย์ลัทธิสยบฟ้าต่างพูดกันไปต่างๆ นานา พากันดูถูกความสามารถของหลงอวี้
เพียงแต่ หลงอวี้ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
ตัวเขาตอนนี้ กำลังดูดกลืนพลังฟ้าดินทั้งหมดที่กักเก็บไว้!
“การจะยกระดับขึ้นเป็วรยุทธ์ขั้นแปด จำเป็ต้องขยายเทียนม่ายให้กว้างขึ้นก่อน หากบอกว่าเทียนม่ายของวรยุทธ์ขั้นเจ็ด มีความเชื่อมโยงกับฟ้าดินเพียงหนึ่งจุดละก็ อย่างนั้นเทียนม่ายของขั้นแปดก็มีความเชื่อมโยงกับฟ้าดินราวหนึ่งเส้น!”
ภายในกระท่อมไม้ไผ่ หลงอวี้กำลังตั้งใจฝึกฝน ใช้พลังฟ้าดินอันเข้มข้นที่ได้จากโสมชั้นยอดมาหล่อหลอมร่างกายของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนการขยายเทียนม่ายเป็เื่ยากสำหรับทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม พอถึงวรยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว การจะยกระดับวรยุทธ์ขึ้นต่อจากนี้จะยากขึ้นกว่าเดิมมาก
ต่อให้เป็หลงอวี้ก็ไม่อาจทำสำเร็จได้ในคราวเดียว
ดังนั้น เขาจึงให้เวลาตัวเองเจ็ดวัน ภายในเจ็ดวันนี้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นแปดให้ได้!
หากคนทั่วไปอยากจะทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่ขั้นแปด จะต้องพยายามอย่างหนัก แต่หากมีพลังฟ้าดินมากพอละก็ การจะทำให้สำเร็จในคราวเดียวก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
ภายใต้การส่งเสริมจากพลังฟ้าดินอันเข้มข้น เทียนม่ายของหลงอวี้ก็ได้ขยายขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนนี้ หลงอวี้รู้สึกว่าการเชื่อมต่อระหว่างตัวเขากับฟ้าดินเริ่มแน่นแฟ้นขึ้น ทำให้เขาบรรลุกฎเกณฑ์แห่งการกดทับที่แฝงอยู่ในเคล็ดสยบฟ้าได้ลึกซึ้ง แก่นพลังขยายขนาดในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เพียงแค่นั้น ลมปราณทั่วร่างได้ถูกพลังฟ้าดินหล่อหลอม จากนั้นก็แผ่กระจายและไหลเวียนได้ดีขึ้น นี่คือพื้นฐานของการยกระดับวรยุทธ์
มีเพียงการทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น จึงจะบรรจุพลังได้มากขึ้น สำหรับหลงอวี้ที่ฝึกวิชากายาพิชิตมารแล้ว จึงไม่จำเป็ต้องห่วงเื่นี้
กระทั่ง่เช้าตรู่ของวันที่สาม หลงอวี้ก็รู้สึกว่าเทียนม่ายของตัวเองถูกเปิดกว้างกว่าเดิม ทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น ััได้ถึงพลังฟ้าดินมากกว่าตอนที่เพิ่งบรรลุขั้นเจ็ดไม่น้อย!
หลังจากนั้น ลมปราณทั่วร่างเขาก็พลุ่งพล่าน แทรกซึมเข้าสู่ิั กล้ามเนื้อและกระดูกทุกส่วนในร่างกาย ทำให้พลังพื้นฐานของเขาเพิ่มขึ้นจากเจ็ดหมื่นสองพันชั่งเป็หนึ่งแสนสองหมื่นชั่งในพริบตา!
หนึ่งแสนสองหมื่นชั่งเป็เพียงตัวเลขคร่าวๆ หากจะพูดให้ถูกต้องคือ เทียบเท่ากับแรงม้าพยศหนึ่งร้อยยี่สิบแปดตัว นี่เป็พลังพื้นฐานที่ยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นแปดมี
“ตอนนี้ เพียงหมัดเดียวของข้า ก็ทรงพลังเทียบเท่ากับพลังม้าพยศร้อยยี่สิบแปดตัวที่วิ่งตะบึงอย่างบ้าคลั่ง!”
หลงอวี้ลืมตาขึ้น รู้สึกได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง
ระหว่างวรยุทธ์ขั้นเจ็ดกับขั้นแปดนั้น มันห่างชั้นกันอย่างมหาศาล ตอนที่พละกำลังของตัวเองทะลวงหนึ่งแสนชั่ง ความรู้สึกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พวกวรยุทธ์ขั้นแปดเช่นถานเจียนที่หลงวี้เอาชนะได้ก่อนหน้านี้ เขาต้องฉวยโอกาสตอนที่พวกมันาเ็อยู่ ถึงจะเอาชนะได้ ไม่อย่างนั้นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามเช่นนั้น หลงอวี้ย่อมไม่มีทางรอดอยู่แล้ว
“วรยุทธ์ขั้นแปด ในที่สุดก็ทะลวงขึ้นไปได้แล้ว สัญลักษณ์ัปรภพก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน”
หลงอวี้ก้มหน้า มองสัญลักษณ์ัปรภพตรงหน้าอกตัวเอง
เขาััได้ถึงความแสบร้อน แต่แฝงด้วยกลิ่นอายเย็นะเื ที่มาจากสัญลักษณ์หลั่งไหลไปทั่วร่าง ทำให้กล้ามเนื้อของเขากระตุกไปทั้งตัว!
หลังจากนั้น ลายเส้นสีดำบนสัญลักษณ์ัปรภพก็ยิ่งเข้มขึ้น ถึงขั้นทำให้เขาััได้ถึงกลิ่นอายที่ส่งมาจากโลกปรภพก็ไม่ปาน
“จงตื่น!”
หลงอวี้ััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์ัปรภพ จึงลองใช้ลมปราณปลุกสัญลักษณ์ หลังจากนั้น พละกำลังมหาศาลก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
พละกำลังหนึ่งแสนชั่ง!
หนึ่งร้อยแรงม้าพยศ!
สัญลักษณ์ัปรภพที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้เพิ่มพละกำลังให้เขามากถึงหนึ่งแสนชั่ง มากกว่าก่อนหน้านี้ถึงสิบเท่า!
พลังของหลงอวี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพริบตา แต่สิ่งที่น่ายินดีที่สุดไม่ใช่เื่นี้
วิธีการฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสุดยอดชุดหนึ่งได้ฝังลึกลงไปในสมอง ต่อให้เขาอยากจะลืมก็ลืมไม่ได้
“หมัดัปรภพ วิทยายุทธ์ขั้นสุดยอดที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองของสัญลักษณ์ัปรภพ ทรงพลังกว่าวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษถึงหนึ่งระดับเลยทีเดียว!”
หลงอวี้เกิดความคาดหวังต่อวิชาหมัดัปรภพอย่างแรงกล้าทันที!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้