ทหารทั้งสองประกบหน้าหลัง ขนาบข้างโจมตี ด้านหน้ายกกำปั้น ด้านหลังทำท่ากรงเล็บ ก่อนพุ่งตรงมายังจุดสำคัญคือไหล่และเอวทั้งสองข้างของหยวนจุน
เมื่อเห็นท่าทางโหดร้ายของพวกเขา หยวนจุนจึงรีบใช้อักษรลับเก้าตะวันหมุนวน แล้วก่อปราณดาราภายในไปรวมกันที่ขาทั้งสองข้าง เพียงแค่ได้ยินเสียงซ่า ทหารยามทั้งสองก็วิ่งหนีไปเสียอย่างนั้น
พวกเขาล้มกระแทกบันไดหินที่อยู่ตรงประตูดังโครม กระอักเืออกมาอย่างต่อเนื่อง แววตาสะท้อนความประหลาดใจออกมา
พวกเขาบรรลุวงแหวนเล็กขั้นสามมาสองปีแล้ว เมื่อร่วมมือกัน สามารถเทียบได้กับนักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสาม!
แต่ตอนนี้แค่เพียงพลังปราณบางๆ ของวงแหวนเล็กขั้นสามก็เอาชนะไม่ได้ พวกเขาถูกหยวนจุนทำร้ายอย่างไร้ความปรานี
เมื่อเห็นเปลวไฟ หานซู่ถึงกับตัวสั่น ฟันกระทบกันจนแทบจะกัดลิ้นตนเอง เขากับทหารรักษาเมืองทั้งสามหลบอยู่อีกมุม ทำให้ผู้ที่ได้เห็นถึงกับหัวเราะออกมา
การที่หยวนจุนกล้าต่อกรกับทหารยามของตระกูลหลิว ทำให้เกิดเสียงอื้ออึงบนท้องถนนทันที
หลายคนไม่มีวิชายุทธ์ ส่วนคนที่มีวิชายุทธ์ก็ไม่ได้เก่งมาก จึงมีเพียงหานจิ้นเท่านั้นที่รีบออกมาจากจวนตระกูลหลิว
สองคนสี่ตา แสดงแววตาไม่สู้ดีนัก
“เ้าใจกล้ามากทีเดียวที่กล้าหาเื่ตระกูลหลิว! แค่คุณหนูใหญ่พูดดีด้วยหน่อย เ้าก็หางชี้สูงเสียดฟ้า[1]แล้วหรือ?”
หานจิ้นถ่มน้ำลาย สองมือกอดอก มองหยวนจุนด้วยสายตาเหยียดหยาม
เมื่อหยวนจุนตั้งสติได้ เขาทำเสียงหน่าย ไม่ตอบคำถามของหานจิ้น แล้วหันหลังกลับไปยังเส้นทางเดิมที่เดินมา
หานจิ้นนึกไม่ถึงว่าหยวนจุนจะเดินหนีไป เขาจึงรู้สึกเสียหน้าและโมโหมากเหมือนดั่งไฟกำลังเผาไหม้อยู่ในอก
สองนิ้วของเขาดีดขึ้น จากนั้นปราณดาราก็มารวมกันระหว่างนิ้ว แล้วค่อยๆ ขยายกลายเป็แสงทรงกลมขนาดประมาณครึ่งเมตร
“จะหนีหรือ ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เ้าทำร้ายทหารยามตระกูลหลิว ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีก!”
เขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่นี้เสียงยังอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ด้านหลังหยวนจุนราวกับหายตัวได้
หานจิ้นควบคุมแสงทรงกลมด้วยนิ้ว สิ่งนี้คือปราณดาราที่ถูกย่อส่วนลงสามเท่า ทำให้เกิดแรงอัดมหาศาลของพลังปราณ แม้เป็นักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสี่ในระดับเดียวกันอยู่ตรงหน้า ยังต้องสลายกลายเป็ผุยผง!
อย่างที่รู้ว่าตอนนี้หยวนจุนมีเพียงพลังยุทธ์วงแหวนเล็กขั้นสามเท่านั้น หากใช้วิชายุทธ์ต่อสู้ก็ฆ่าได้เพียงวงแหวนใหญ่ขั้นสาม แต่ช่องว่างระหว่างเขากับหานจิ้นนั้นไม่ได้ห่างน้อยลงแม้แต่นิดเดียว!
แสงทรงกลมที่มีแรงอัดพลังปราณนั้นถูกหยวนจุนผลักออกไปเต็มแรง แม้หยวนจุนจะกัดฟันและบิดเอวเพื่อหลบการโจมตีที่รุนแรงจากด้านข้าง แต่ใบหน้าก็ยังถูกแรงกระทำจากพลังปราณรอบๆ ทำให้เกิดรอยยาวและลึก
หานจิ้นเก็บมือกลับ เขาหันไปทางที่หยวนจุนหลบแล้วส่งพลังออกไปอีกครั้ง
“ผ่าง”
ครั้นเห็นแสงทรงกลมเข้ามาใกล้ หยวนจุนเอนหลังลงไปเล็กน้อย เท้ากระทืบพื้นเพื่อถอยหลังเต็มกำลัง
ทุกย่างก้าวที่เขาถอยหลังนั้นมั่นคงดั่งหินผา ทำให้พื้นแตกร้าวราวกับใยแมงมุม
“พี่ใหญ่ จัดการให้ข้าด้วย แต่อย่าทำให้เขาตายนะ! ข้าจะทำให้เขาเป็คนไร้ประโยชน์ด้วยมือของข้าเอง!”
เมื่อหานซู่ที่ซ่อนตัวอยู่ตรงหัวมุมเห็นหยวนจุนถูกหานจิ้นบีบให้ถอย เขาส่งเสียงลำพองขึ้นมาทันที เทียบกับท่าทางหวาดกลัวก่อนหน้านี้ เขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
คางคกขึ้นวอเป็เช่นนี้นี่เอง
“อ๊า”
หานจิ้นส่งเสียงเล็กน้อย ย่ำเท้าตามจังหวะก้าว เขางอแขนเพื่อเตรียมโจมตีหยวนจุนอีกครั้ง
แสงสาดเข้ามาในตาของหยวนจุน เขาจึงถอยหลังตามแรง ควบคุมเอว รวมพลังปราณ พุ่งหมัดออกไป ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็ฝ่ามือปะทะแสงทรงกลม ส่วนมืออีกข้างใช้จับข้อศอกของหานจิ้น แล้วดันไปทางต้นแขนของเขา
“ตูม”
ยังไม่ทันได้โต้ตอบ หานจิ้นก็รู้สึกว่าแขนของเขาขยับไม่ได้ เขาจึงต้องปล่อยให้หยวนจุนควบคุมแสงทรงกลมในมือพุ่งเข้าไปที่หน้าอก
จากนั้นเสียงะเิก็ดังขึ้น หานจิ้นถูกแรงผลักให้ถอยไปหลายสิบจั้ง ขณะเดียวกันหยวนจุนก็ลอยกลางอากาศ ก่อนจะตกลงบนพื้นที่ห่างออกไปอีกระยะ
หานจิ้นหายใจหอบ มองไปด้านล่างคอเสื้อ เขาเห็นหน้าอกตนเองถูกแสงทรงกลมะเิจนเป็หลุม เืไหลซึมออกมาด้านนอก
สมองเขาว่างเปล่า เคราะห์ดีที่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
หากเขาไม่สลายพลังวิชายุทธ์ครึ่งหนึ่งในตอนท้าย เขาพบจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน ถ้าไม่ตายก็คงพิการ
ครั้นมองไปยังหยวนจุนที่กำลังสงบจิตสงบใจ หน้าอกของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกของหนักทุ่มใส่อย่างแรง ซึ่งนอกจากจะทำให้โมโหแล้ว ยังทำให้รู้สึกหายใจไม่ออกด้วย
“แม่เ้า นึกไม่ถึงว่าเขาจะหลบพลังที่น่ากลัวของพี่ใหญ่ได้ นั่นมันเป็วิชายุทธ์เ้าฮั่วขั้นกลางนี่!”
หานซู่ไม่กล้าหายใจแรง ครั้นกล่าวจบประโยคเขาจึงซ่อนตัวอีกครั้งแล้วยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าผาก ก่อนจะพบว่าเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นเต็มหน้าผากอยู่แล้ว
หานจิ้นเป็หัวหน้าทหารรักษาเมือง ไม่รู้ว่าเขาใช้วิชายุทธ์นี้ฆ่านักยุทธ์มามากเท่าไรแล้ว เรียกได้ว่ามีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชน แต่ครั้งนี้เขาเจอวิชายุทธ์ระดับเ้าฮั่วขั้นกลางไป ถือว่าเคราะห์ดีที่เขายังไม่ตาย
หานซู่เห็นพี่ชายของเขาใช้วิชายุทธ์นี้ต่อสู้มาโดยตลอด มีแต่นักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสี่เท่านั้นที่สามารถหลบได้
แม้หยวนจุนจะดีใจแต่ก็ยังไม่คลายความระแวง เขารู้ว่าการที่ตนเองสามารถหลบวิชายุทธ์ของหานจิ้นได้ มีอยู่สองเหตุผล คือนอกจากเขาจะมีประสบการณ์การต่อสู้แล้ว อีกประการคือหานจิ้นประมาทเกินไป
หานจิ้นรู้ว่าเขาเป็เพียงนักยุทธ์วงแหวนเล็กขั้นสาม จึงไม่ได้แสดงพลังวิชายุทธ์ทั้งหมดออกมา หยวนจุนที่พบจุดอ่อนนั้น จึงใช้โอกาสนี้สู้กลับไป
หากสู้กับหานจิ้นอีกครั้ง หยวนจุนเชื่อว่าเขาคงจะไม่ออมมือเหมือนเมื่อครู่นี้แน่
“คุณหนู เชิญ!”
ขณะที่หานจิ้นกำลังจะลงมืออีกครั้ง ที่ประตูใหญ่โอ่อ่าของตระกูลหลิวมีชายชราผมขาวไว้จอนสองข้างเดินออกมา แล้วพูดกับหยวนจุนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อเห็นชายชราปรากฏ หานจิ้นรีบข่มความแค้นไว้แล้วแสดงความเคารพทันที
“ฟิ้ว”
ชายชราหยิบถุงผ้าออกมาจากแหวนมิติ โยนลงต่อหน้าหานจิ้น แล้วพูดนิ่งๆ ว่า “ตระกูลหลิวถูกเ้าทำให้ขายหน้าหมดแล้ว!”
“หากเ้าไม่มีความสามารถคู่ควรกับตำแหน่งนี้ ก็รีบไสหัวกลับบ้านเกิดเ้าไปเสีย! ตระกูลหลิวไม่้าคนไม่เอาไหน!”
หานจิ้นตัวสั่นด้วยความใ รีบโค้งคำนับชายชราด้วยความเคารพ แล้วยืนยันว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเกิดเป็ครั้งสุดท้าย ไม่มีครั้งที่สองอีกแน่นอน
เมื่อชายชราพาหยวนจุนเข้าไปในจวนตระกูลหลิว ใบหน้าที่ยิ้มสู้เมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็สีหน้าแห่งความเหี้ยมโหด เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้น
หานจิ้นหยิบถุงผ้าที่บรรจุเหรียญทองขึ้นมา เก็บลงไปในแหวนมิติ แล้วเอ่ยด้วยสายตาอาฆาตว่า “ข้าหานจิ้นต้องได้รับความอัปยศเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร? ในเมื่อเ้ามิให้ข้าอยู่อย่างเป็สุข ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เ้าอยู่อย่างเป็สุขเช่นกัน!”
“หากเกิดเื่ขึ้นกับเสี่ยวเมิ่ง ข้าเชื่อว่าเ้าคงไม่นิ่งเฉยแน่!”
[1] หางชี้สูงเสียดฟ้า หมายถึง จองหอง หยิ่งผยองจนลืมฐานะตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้