บทที่ 42 ทำไมผีสาวถึงน่ารักขนาดนี้
เดินตามเซียวไห่มาถึงชั้นสอง
ชายชราหน้าตาขาวซีดนอนอยู่บนเตียง หายใจถี่กอบโกยอากาศเข้าไปได้น้อยแล้ว ดูท่าทางเหมือนใกล้จะสิ้นใจ
"เกิดอะไรขึ้น?"
"โมโหฉัน"
ความเสียใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวไห่ เย่จื่อเฉินหลุดขำ
"เมื่อกี้พี่มาที่ห้องของคุณเซียวจริงๆ ด้วยสินะ"
เซียวไห่จะอธิบาย แต่เย่จื่อเฉินยกขึ้นเป็เชิงบอกว่าไม่ต้องพูด
รอยเืบนพื้นยังไม่แห้ง รอยเป็สีดำซึ่งไม่ใช่เืที่คนปกติจะสำลักออกมา
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือรู้สึกว่าบรรยากาศห้องนี้น่ากลัวมาก
ตอนอยู่ในห้องนั่งเล่นเย่จื่อเฉินก็รู้สึกถึงความน่ากลัวแล้ว แต่พอหลังจากที่เขาเหยียบเข้ามาในห้องของชายชรา เขาถึงพบว่าบรรยากาศน่ากลัวนั้นมันออกมาจากห้องนี้
"เย่จื่อ นายดูคุณปู่หน่อยสิ..."
เซียวไห่เห็นเย่จื่อเฉินเดินวนไปรอบห้อง ไม่ได้มาดูอาการป่วยให้ชายชราก็เกิดร้อนรนใจ
เย่จื่อเฉินยกนิ้วขึ้นแตะปากเป็เชิงบอกให้เขาหยุดส่งเสียง ดวงตาสีทองอ่อนๆ กวาดมองรอบไม่หยุด
"เผารูปนี้ทิ้งซะ!"
เย่จื่อเฉินชี้ไปยังรูปติดฝาผนังตรงหัวเตียงของชายชรา
"นี่เป็ของรักของปู่ฉันนะ ฉันทำไม่ได้"
"งั้นผมก็ไม่ช่วยแล้ว"
เย่จื่อเฉินไหวไหล่แล้วก็จะเดินออกไปข้างนอก เซียวไห่กัดฟันพูด
"ได้ เดี๋ยวเผา!"
"เผาเดี๋ยวนี้!"
เซียวไห่กัดฟันปลดรูปลงมา แล้วเผาทำลายต่อหน้า เย่จื่อเฉินถึงได้ยิ้มพึงพอใจ ยื่นมือขวาไปข้างหน้าแล้วกำหมัดแน่น
"โอเค ผมจะกลับแล้ว ให้คนเตรียมรถให้ผมด้วย"
"ไป แล้วปู่ฉันล่ะ..."
"เดี๋ยวก็ดีขึ้น"
เย่จื่อเฉินยิ้มอย่างยากที่จะคาดเดาได้แล้วพูด
เซียวไห่ได้สติกลับมาทันที ความจริงที่ชายชรากระอักเืนั้นไม่ใช่เพราะโมโหเขา แต่เป็เพราะภาพวาดนี้
แต่เพราะอะไร เขาก็ไม่เข้าใจ
ตอนขึ้นรถเซียวไห่จะให้คนขับรถไปส่งเขา แต่กลับโดนเย่จื่อเฉินปฏิเสธ
ตอนที่เย่จื่อเฉินกำลังจะออกไปจากบ้านตระกูลเซียว เขาก็ได้ลดกระจกรถลงแล้วหันไปเลิกคิ้วพูดกับเซียวไห่
"จำไว้นะว่าพี่ยังค้างคำอธิบายผมอยู่ แล้วก็อีกเดี๋ยวหลังจากที่ผมไปแล้วปู่ของพี่ก็จะฟื้น พี่รีบไปอยู่เป็เพื่อนท่านเถอะ บอกท่านด้วยว่าผมไม่ชอบให้คนอื่นมาคิดเล็กคิดน้อยกับผม"
รถยนต์ถูกสตาร์ตขับออกไปแล้ว เซียวไห่หยุดยืนนิ่งอยู่ที่อยู่นาน
เย่จื่อเฉินรู้ทุกอย่างเลยเหรอเนี่ย
เป็ไปตามที่เย่จื่อเฉินพูดไว้ หลังจากเขาออกไปจากคฤหาสน์แล้ว ชายชราก็ลืมตาขึ้นมา
เซียวไห่นั่งอยู่ข้างเตียง คอยพยุงชายชราลุกขึ้นนั่ง
"ปู่ไม่เป็ไรใช่ไหมครับ"
"เสี่ยวเย่ช่วยฉันไว้อีกแล้วเหรอ?" ความหม่นหมองไร้เรี่ยวแรงฉายชัดขึ้นในดวงตาของชายชรา เซียวไห่ได้ยินก็พยักหน้าพูด "ครับ รูปที่อยู่ตรงหัวเตียงของปู่ เสี่ยวเย่ให้ผมเผามันทิ้ง แล้วเขายังให้ผมบอกปู่อีกว่าเขาไม่ชอบให้คนอื่นมาคิดเล็กคิดน้อยกับเขา"
"รูป?"
ชายชราขึ้นมองอย่างตื่นตระหนก แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ก้มหน้าลงอย่างไร้เรี่ยวแรงอีกครั้ง ก่อนจะตบบ่าเซียวไห่สองครั้งแล้วพูด
"แกพูดไม่ผิดเลย เขาเหมือนอากู่มากจริงๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเื่ของพวกแกสองคนอีกแล้ว แกออกไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน"
จนเมื่อเซียวไห่เดินออกจากห้องไป ชายชราจึงได้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง มองเหนือหัวเตียงที่ว่างเปล่าแล้วถอนหายใจยาว
"อากู่ รูปที่นายจะเผาในตอนนั้น สุดท้ายมันก็โดนเผาแล้วนะ"
ั้แ่ที่ออกมาจากบ้านของเซียวไห่ เย่จื่อเฉินก็ดูแปลกไป ในขณะที่ขับรถเขาใช้จับข้างหนึ่งจับพวงมาลัยขับรถ ส่วนมืออีกข้างยังคงอยู่ในท่าที่กำมือเอาไว้
"ปล่อยฉันนะ"
จู่ๆ ภายในรถที่ว่างเปล่าก็มีเสียงหวานหูดังขึ้นมา
"เดี๋ยวก่อน"
เย่จื่อเฉินยิ้มสนุก เมื่อล็อกกระจกและประตูรถทั้งหมดเรียบร้อยแล้วก็คลายมือออก
"ทำไมนายถึงมองเห็นฉัน"
บนเพดานหลังคารถของเย่จื่อเฉินมีหญิงสาวสวมชุดลายดอกสีฟ้าอ่อนลอยอยู่
"ไม่ต้องสนใจหรอกว่าทำไมฉันถึงเห็นเธอ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอไปทำร้ายคุณตาคนนั้นทำไม?"
"เขาทำให้คุณตากู่โกรธจนต้องจากไป"
"คุณตากู่?" เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว "ตากู่คนนั้นเป็คนเหรอ?"
"อืม คนเป็" ผีสาวพยักหน้า
"เขาก็เห็นเธอด้วยเหรอ?"
"ใช่ คุณตากู่ดีกับฉันมาก" หญิงสาวเผยรอยยิ้มขึ้นมาด้วยในยามที่พูดถึงคุณตากู่ "จริงสิ ทำไมนายต้องเผารูปนั้นด้วย?"
"รูปนั้นดูดพลังิญญาของเธออยู่ เธอไม่รู้เหรอ สิ่งนั้นเป็ของชั่วร้าย ไม่เผามันแล้วจะเก็บมันไว้หรือไง?" เย่จื่อเฉินมองค้อนเธอแล้วพูด "เธอตายแล้วทำไมไม่ไปเกิดล่ะ มาเร่ร่อนอยู่ทำไม?"
"ฉันไปเกิดไม่ได้" ใบหน้าของหญิงสาวมีความเสียใจจางๆ ปรากฏออกมาก่อนจะพูด "ฉันตายโหง ยังไม่สิ้นอายุขัยนรกเลยไม่รับฉัน ฉันเลยทำได้แค่เร่ร่อนอยู่แบบนี้ ต้องรอให้ถึงอายุขัยของฉันถึงจะไปเกิดได้"
ตายโหง ยังไม่สิ้นอายุขัย
สิ่งเหล่านี้มันน่ากลัวเกินไปที่จะได้ยิน ถ้าไม่ใช่ว่าเย่จื่อเฉินร่วมสาบานกับเทพเซียนเอาไว้ ก็จะต้องใจนสติหลุดจริงๆ ที่เจอเื่แบบนี้
แต่ผีสาวตัวนี้ก็น่าสงสารเหมือนกัน ยังไม่สิ้นอายุขัยก็ต้องมาตายเสียแล้ว
แถมตายแล้วยังไปเกิดใหม่ไม่ได้อีก ก็เลยต้องเร่ร่อนอยู่ในโลกมนุษย์แบบนี้
"แล้วตอนนี้เธอจะทำยังไง?" เย่จื่อเฉินเกิดรู้สึกเวทนาขึ้นมา หากผีสาวตนนี้มีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้เขาก็จะช่วย
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน" ผีสาวก้มหน้าลงอย่างหมดแรง นิ้วมือจับกระโปรงลายดอกของตัวเองแล้วพูด "แต่ก่อนตอนที่คุณตากู่ยังอยู่ บ้านตระกูลเซียวก็เป็ที่อยู่ของฉัน ั้แ่ที่คุณตากู่จากไป ฉันก็ไม่มีบ้าน"
"งั้นเธอมาอยู่กับฉันไหม?" เย่จื่อเฉินลูบปลายคาง ผีสาวขมวดคิ้วเบ้ปากพูด "ทำไมฉันต้องไปอยู่กับนายด้วย มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่านายไม่ใช่คนดีอะไร นายเสียดายความสวยของฉันใช่ไหมล่ะ เลยคิดจะทำอะไรไม่ดีกับฉัน...ฉันขอบอกนายไว้เลยนะ ฉันเป็ผี..."
"เธอจะทำอะไร เป็โรคมโนไปเองหรือไง"
เย่จื่อเฉินกลอกตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์ เธอเป็ผี เขาเป็คน เสียดายความสวยของเธอเนี่ยนะ?
แต่ก็ต้องยอมรับว่าผีสาวตนนี้ก็หน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ
"นายสิเป็!"
แล้วผีสาวก็พุ่งเข้าใส่เย่จื่อเฉิน ในความคิดของเย่จื่อเฉินนั้นผีสาวจะต้องหน้าซีดมีเขี้ยว แต่ผีสาวตนนี้บอกตามตรงเลยว่าตอนที่โกรธก็ยังดูน่ารัก
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นจับข้อมือของผีสาวเอาไว้ทันที แล้วเขาก็โยนเธอขึ้นไปบนเพดานหลังคารถอีกครั้ง
"ฉันมันระดับปรมาจารย์แล้ว เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก"
"นายแกล้งฉัน!"
ผีสาวลอยอยู่ในรถและร้องไห้ขึ้นมา เย่จื่อเฉินหน้าแดงขึ้นมา
นี่ผีเหรอ!
ผีก็ร้องไห้ด้วยเหรอ
แถมยังน่ารักมากด้วย
"โอเค ฉันผิดไปแล้ว เธออย่าร้องนะ" เย่จื่อเฉินยกมือไปดึงผีสาวลงนั่งบนเบาะข้างคนขับ "เธอดูเอาว่ามีสิ่งของอะไรที่เธอสามารถอาศัยอยู่ได้บ้าง อยู่กับฉันอย่างน้อยก็ไม่ต้องโดนใครแกล้ง อีกอย่างฉันก็รู้จักใครบางคนด้วย ไม่แน่นะว่าเกิดวันใดวันหนึ่งฉันได้กินเหล้ากับยมบาลขึ้นมา อาจจะทำให้เธอไปเกิดได้นะ"
"นายโกหก!"
"ใครโกหกเธอ" เย่จื่อเฉินล้วงเอาโทรศัพท์ออกมากดเปิดแชทกลุ่มก่อนจะพูด "อ่านหนังสือออกใช่ไหม ดูสิว่าคนในกลุ่มคือใคร"
"นาจา ขุนพล์เทียนเผิง เทพสายฟ้า..."
พรูดดด!
ผีสาวหลุดขำออกมาทันที
"เธอหัวเราะอะไร"
นี่เป็ครั้งแรกเลยนะที่เย่จื่อเฉินเปิดเผยความลับให้คนอื่นรู้ ยัยผีตัวนี้ยังจะมาหัวเราะอีก
"พวกนายมันบ้า!"