ไป๋เซียงจู๋ฉีกยิ้มน่าขนลุก “เ้านี่ช่างบิดเบือนถูกผิดเก่งเสียจริงนะ ข้ารออยู่ที่วัดต้าโฝทั้งวันเต็มๆ ไม่ยักเห็นรถม้าของจวนไป๋ เผอิญพบกับเจวี๋ยคงต้าซือที่กลับมาจากเดินทาง ข้าจึงอยู่ต่ออีกสักพักเพื่อขอประคำบันดาลสุขปัดเป่าภัยให้ท่านยาย ได้พบกับท่านพี่เสียที่ไหนกัน”
อวี๋ซื่อเข้ามาไปเอ่ยปราม “จู๋เอ๋อร์ เ้าจะพูดจามั่วซั่วไม่ได้นะ แม้หลงเอ๋อร์เขาเกเรไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่คนโกหกพกลม จะอยู่ดีไม่ว่าดีกล่าวหาเ้าได้อย่างไร ต่อให้เ้าคิดจะเอาตัวรอดก็ไม่ควรโยนความผิดให้คนดีนะ” หลี่ฟู่กุ้ยคนนี้ก็คือสมุนที่อวี๋ซื่อไว้วางใจ นางย่อมต้องช่วยเขา
ไป๋เซียงจู๋แสยะยิ้ม จงรักภักดีเหลือเกินนะ บ่าวไพร่ทั้งห้องนี้ล้วนภักดีต่ออวี๋ซื่อมิใช่หรือไร!
ไป๋เซียงจู๋ตอบกลับด้วยใบหน้าแสนเศร้า “ท่านน้าเชื่อคำพูดของบ่าวไพร่แต่ไม่เชื่อหลานหรือเ้าคะ นี่มันหักหาญน้ำใจหลานมากจริงๆ ขอถามท่านหน่อย วันนั้นพวกท่านไปแล้วเจอข้าหรือ เห็นข้าเสื้อผ้าหลุดลุ่ยหรือ เห็นด้วยสายตาของตัวเองว่าข้ากำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่บริสุทธิ์ใจกับท่านพี่กลางป่าเขารกร้างหรือ”
อวี๋ซื่อน้ำท่วมปากทันที ตัวเป็ๆ อะไรกัน นางไม่เห็นกระทั่งเงาของไป๋เซียงจู๋ด้วยซ้ำ ตอนนั้นนางนึกว่าไป๋เซียงจู๋ตกผาไปแล้ว อีกอย่างลู่ชางหลงยังนอนซมติดเตียงลุกไม่ขึ้นจนถึงบัดนี้ นางจึงไม่สามารถซักถามโดยละเอียดจนรู้แจ้งได้ วันนี้พอเห็นไป๋เซียงจู๋กลับมา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามแผนการ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ไป๋เซียงจู๋แบกรับความจริงที่ไม่จริงนั่นไว้! ใครจะคิดว่าไป๋เซียงจู๋จะเล่นบทนี้!
“ความจริงคือวันนั้นข้ารออยู่นานสองนานก็ไม่เจอรถม้าของจวนไป๋เสียที เคราะห์ดีว่ามีเหล่าคุณหนูสกุลสูงศักดิ์หลายคนไปที่วัดต้าโฝ พบคุณหนูซุนจากจวนท่านแม่ทัพโดยบังเอิญ ข้าจึงคิดจะขอติดตามกลับจวนไป๋ ปรากฏว่าได้เจอเจวี๋ยคงต้าซือที่กลับมาจากตระเวนทั่วหล้าที่หน้าผา เซียงจู๋ทราบว่าท่านยายอยากให้เจวี๋ยคงต้าซือนั่งสมาธิสวดมนต์มอบเป็กุศลมงคลให้มานานแล้ว นี่เป็โอกาสดีที่หาได้ยากยิ่ง จู๋เอ๋อร์จึงขอตามเจวี๋ยคงต้าซือกลับไปสวดมนต์ที่วัดต้าโฝ ขอพรเผื่อทั้งจวนไป๋”
แม่เฒ่าตู้ที่อยู่ข้างอวี๋ซื่อพูดขึ้น “คุณหนูใหญ่คงจำผิดกระมัง เจวี๋ยคงต้าซืออยู่ที่วัดต้าโฝมาโดยตลอด เห็นอยู่ชัดๆ ว่าวันนั้นคุณหนูขึ้นรถม้าของจวนไป๋แล้ว คุณหนูซุนมาจากไหนกัน คุณหนูโปรดอย่าโป้ปดมดเท็จ สร้างเื่ไม่ดูเวล่ำเวลาเลย ตอนนี้คุณชายลู่าเ็ จะเป็ตายยังไม่แน่นอน ไยคุณหนูจึงรู้มารยาทสักนิดไม่ได้ ทำให้คนอื่นเขาเห็นพวกเราจวนไป๋เป็ตัวตลกกันหมด”
เซียงจู๋ส่งแววตาคมกริบไปในบัดดล “เ้านายกำลังสนทนา มีเหตุให้บ่าวไพร่เช่นเ้าพูดสอดหรืออย่างไร! คิดว่าท่านยายท่านน้าไม่อยู่หรือ ตู้เจวียน ตบปาก!”
ตู้เจวียนซึ่งอยู่ข้างหลังเซียงจู๋ลังเลชั่วครู่ ทว่าวันนี้คุณหนูใหญ่น่าเกรงขามเหลือเกิน ทำให้ตนรู้สึกไม่กล้าต่อต้าน นางก้าวไปมอบฝ่ามือให้แม่เฒ่าตู้ทันที
เสียงตบดังเพียะ บ่าวไพร่ทุกคนในเรือนจิ้งซินใ
ฝ่ามือนี้เทียบเท่ากับประทับบนใบหน้าของอวี๋ซื่อด้วย อวี๋ซื่อหน้าเขียวโดยพลัน
อวี๋ซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “จู๋เอ๋อร์ เ้ายังเด็กนัก มีบางเื่ที่เ้ายังไม่เข้าใจ หากวันนั้นเ้าไม่ได้กลับมา ก็แปลว่าหลี่ฟู่กุ้ยกำลังโกหก แม้หลี่ฟู่กุ้ยเป็แค่บ่าวรับใช้ แต่ก็เป็ผู้าุโในจวน ถ้าปรักปรำเขาโดยไม่มีมูลในวันนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตคนเท่านั้น ซ้ำร้ายยังจะทำให้เหล่าบ่าวไพร่ผู้ภักดีในจวนท้อแท้ พอเื่ราวแพร่ออกไป จะมีใครเขาทำงานให้จวนไป๋จากใจจริงอีก”
ถ้อยคำเหล่านี้หนักหนายิ่งนัก เป็การสวมหมวกข้อกล่าวหาใบโตว่านางไม่มีเหตุผล ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ และทำลายชีวิตคนบนศีรษะของเซียงจู๋ติดต่อกัน
“บ่าวไพร่ท้อแท้หรือ ถ้าอย่างนั้นไม่กลัวว่าจู๋เอ๋อร์หลานสาวที่ทำเพื่อจวนไป๋ทั้งหัวใจคนนี้จะผิดหวังท้อแท้บ้างหรือ” ไป๋เซียงจู๋พูดด้วยท่าทีเคารพฮูหยินเฒ่าไป๋ที่นั่งอยู่อย่างสุดซึ้ง “ท่านยาย แม้เซียงจู๋ไม่รู้ว่าในหลายวันมานี้จวนไป๋เกิดเื่อะไรขึ้น ทำไมท่านพี่ถึงได้รับาเ็สาหัส และเหตุใดทั้งจวนไป๋ถึงจัดงานศพให้จู๋เอ๋อร์ แต่หัวใจที่อุทิศเพื่อจวนไป๋เพื่อท่านยายของจู๋เอ๋อร์นี้ ขอให้ท่านยายพิจารณาอย่างยุติธรรมด้วยเถิด หากคิดว่าจู๋เอ๋อร์กล่าวแต่คำโกหก ท่านยายโปรดรีบส่งคนไปวัดต้าโฝเพื่อถามความจริงเดี๋ยวนี้ก็ได้ ทุกคนในวัดต้าโฝเป็พยานให้จู๋เอ๋อร์ แม้แต่เจวี๋ยคงต้าซือผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็พยานให้จู๋เอ๋อร์ได้เช่นกัน ทุกคำของจู๋เอ๋อร์เป็ความจริง เป็บ่าวผู้นี้และแม่เฒ่าตู้ที่ใส่ร้ายป้ายสีคน”
เมื่อได้ยินไป๋เซียงจู๋ลั่นวาจาด้วยสัจจะทั้งหมดเช่นนี้ ความลังเลก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนายหญิงไป๋