แสงแดดยามสายลอดผ่านม่านผืนบางเข้ามาในห้องสวีทหรู ปลุกให้ร่างที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆ รู้สึกตัว มิราขยับตัวอย่างเชื่องช้า ความเ็ปรวดร้าวไปทั่วทั้งร่างเป็เครื่องยืนยันว่าเื่ราวเลวร้ายเมื่อคืนไม่ใช่แค่ฝันไป ทุกัั ทุกคำพูด และทุกหยาดน้ำตา มันคือความจริงที่เธอต้องเผชิญ
เธอลืมตาขึ้นช้าๆ เพดานห้องที่ไม่คุ้นตาทำให้หัวใจกระตุกวูบ เธอรีบกวาดตามองไปรอบๆ และพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกว้างเพียงลำพัง ข้างกายเธอว่างเปล่าและเย็นชืด แต่กลิ่นกายของผู้ชายคนนั้นยังคงอบอวลอยู่บนหมอนและผ้าห่ม เหมือนจะตอกย้ำถึงการมีอยู่ของเขา
หญิงสาวพยุงร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ผ้าห่มผืนหนาเลื่อนหลุดลงมาเผยให้เห็นร่องรอยสีกุหลาบจางๆ ที่เขาประทับตราไว้ทั่วทั้งเรือนกาย ความอัปยศอดสูแล่นริ้วขึ้นมาจุกที่อกจนเธอแทบหายใจไม่ออก น้ำตาหยดแหมะลงบนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด... มันเปรอะเปื้อนไปแล้ว เช่นเดียวกับชีวิตของเธอ
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูห้องนอนที่ดังขึ้นทำให้มิราสะดุ้งสุดตัว เธอรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาพันกายไว้แน่นราวกับเป็เกราะป้องกันสุดท้าย สายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่ด้วยความหวาดระแวงและชิงชัง
ธีร์ก้าวเข้ามาในห้อง เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไม่ได้รีดเรียบนัก กับกางเกงสแล็คสีดำเหมือนเมื่อคืน ผมที่เคยจัดทรงเรียบร้อยตอนนี้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย บนใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉยเหมือนเคย แต่แววตาคมกริบคู่นั้นกลับทอประกายบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
“ตื่นแล้วเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ ในมือของเขามีถาดอาหารเช้าเล็กๆ ที่มีกาแฟหอมกรุ่นและครัวซองต์น่าตาสวยงามวางอยู่
“คุณเข้ามาทำไม!” เธอตวาดเสียงแข็ง พยายามซ่อนความสั่นเทาในน้ำเสียง “ออกไปนะ!”
“ฉันแค่เอาอาหารเช้ามาให้” เขาวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างไม่ใส่ใจในท่าทีของเธอ “ดื่มกาแฟซะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ฉันไม่้าอะไรทั้งนั้นจากคุณ! ฉันอยากกลับบ้าน!” เธอจ้องเขาเขม็ง “เื่เมื่อคืนมันจบแล้ว คุณได้ในสิ่งที่คุณ้าแล้ว ปล่อยฉันไปได้รึยัง!”
ธีร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขายืนกอดอกพิงผนังห้อง มองเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะสมเพช “เธอกำลังเข้าใจอะไรผิดรึเปล่ามิรา เื่ของเรามันยังไม่จบ”
“หมายความว่ายังไง” หัวใจของมิราหล่นวูบ
“สัญญาที่เพื่อนเธอทำไว้ มันไม่ได้ระบุแค่คืนเดียว” เขาเดินเข้ามาใกล้เตียงช้าๆ “เธอต้องอยู่ที่นี่กับฉัน... อีกสามสิบวัน”
“ว่าไงนะ!” มิราเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “บ้าน่า! ฝนบอกฉันว่าแค่คืนเดียว! คุณโกหก!”
“ฉันไม่เคยโกหกเื่ธุรกิจ” เขายื่นแท็บเล็ตเครื่องบางให้เธอ บนหน้าจอคือไฟล์สัญญาดิจิทัลที่ถูกเปิดค้างไว้ ข้อความในสัญญาที่ระบุ ‘ระยะเวลาสามสิบวัน’ ชัดเจนจนเธอเถียงไม่ออก ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ของน้ำฝนหราอยู่ท้ายเอกสาร
“เป็ไปไม่ได้... ฝนไม่มีทางทำแบบนี้กับฉัน” เธอส่ายหน้าพึมพำกับตัวเอง โลกของเธอกำลังพังทลายลงอีกครั้ง
“บางทีเพื่อนที่เธอไว้ใจ อาจจะไม่ได้หวังดีกับเธออย่างที่คิด” ธีร์พูดแทงใจดำ “แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เธอเป็ของฉันอย่างสมบูรณ์ตามสัญญา และเงินสองล้านก็ถูกโอนเข้าบัญชีพ่อเธอเรียบร้อยแล้วเมื่อเช้านี้”
คำพูดของเขาเหมือนค้อนปอนด์ที่ทุบลงกลางใจ เงินถูกโอนไปแล้ว นั่นหมายความว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธได้อีกต่อไป เธอติดอยู่ในกรงทองของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
“คุณมันเลว... คุณมันปีศาจ” เธอจ้องเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “คุณวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วใช่ไหม ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ แค่แก้แค้นที่ฉันเคยพยายามจะลืมคุณน่ะเหรอ!”
“ไม่ใช่การแก้แค้น” แววตาของธีร์เปลี่ยนไป มันฉายแววของความเ็ปที่ซ่อนอยู่ลึกๆ “แต่มันคือโอกาส... โอกาสที่ฉันจะแก้ไขความผิดพลาดในอดีต”
“แก้ไขด้วยวิธีสกปรกแบบนี้น่ะเหรอ! ด้วยการบังคับซื้อร่างกายฉันมาเนี่ยนะ!” เธอะโใส่หน้าเขา น้ำตาไหลพราก “คุณไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าตอนที่คุณหายไปฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง! ฉันรอคุณทุกวัน... ทุกวันจริงๆ นะธีร์! ฉันไปที่ร้านกาแฟเก่าของเราทุกเย็น เผื่อว่าคุณจะกลับมา ฉันโทรหาคุณเป็ร้อยๆ สาย แต่คุณก็ปิดเครื่องหนี! พ่อแม่ฉันคิดว่าฉันเป็บ้า! แล้ววันนี้คุณกลับมา... เพื่อจะบอกว่าคุณ้าแก้ไขมันงั้นเหรอ!”
ทุกคำพูดของเธอเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจของธีร์ เขากำหมัดแน่นจนเส้นเืปูดโปน
“ฉันขอโทษ...” เขาพูดเสียงแ่ “ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ มิรา... พ่อฉัน... เขาขู่ว่าจะทำลายทุกอย่างถ้าฉันไม่ยอมไปจากเธอ”
“ทางเลือกเหรอ!?” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา “คนอย่างคุณน่ะเหรอไม่มีทางเลือก คุณมีพร้อมทุกอย่าง! เงินทอง อำนาจ! แต่คุณกลับเลือกที่จะทิ้งฉันไปอย่างง่ายดาย! อย่ามาอ้างพ่อของคุณเลยธีร์! คุณก็แค่คนขี้ขลาด!”
คำว่า ‘ขี้ขลาด’ ทำให้ความอดทนของธีร์ขาดสะบั้น เขาพุ่งเข้ามาคว้าแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น บีบจนเธอรู้สึกเจ็บ
“ใช่! ฉันมันขี้ขลาด!” เขาสารภาพออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ฉันขี้ขลาดเกินกว่าจะปกป้องผู้หญิงที่ฉันรักได้! ฉันมันอ่อนแอเกินไปที่จะสู้กับพ่อตัวเอง! เธอพอใจรึยัง!”
มิราตะลึงไปกับคำสารภาพของเขา นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเขา เธอเห็นความเ็ปรวดร้าวในดวงตาคู่นั้นอย่างชัดเจน
“แล้ว... แล้วตอนนี้ล่ะ” เธอถามเสียงสั่น “ตอนนี้คุณกลับมาทำไม”
“เพราะตอนนี้ฉันมีอำนาจพอแล้ว... มีอำนาจพอที่จะปกป้องเธอได้ และฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกเป็ครั้งที่สอง” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ฉันยังรักเธอ... มิรา รักมาตลอด”
คำสารภาพรักของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีใจ แต่มันกลับทำให้หัวใจของเธอแตกสลายเป็เสี่ยงๆ มันเ็ปเกินกว่าจะรับไหว
“หยุดพูด... ได้โปรดหยุดพูดเถอะ” เธอสะบัดแขนออกจากมือเขา พลางยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง “ฉันไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น”
“แต่เธอต้องได้ยิน!” เขาจับมือเธอออก “และเธอต้องรู้สึกด้วย!”
ไม่พูดเปล่า ธีร์โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างจากเมื่อคืน มันไม่ใช่จูบที่รุนแรงและป่าเถื่อน แต่เป็จูบที่เต็มไปด้วยความโหยหา ความคะนึงหา และความเ็ปที่สั่งสมมานานปี ริมฝีปากของเขาบดเบียดเคล้าคลึงอย่างอ่อนหวานและเว้าวอน ลิ้นร้อนค่อยๆ แทรกผ่านริมฝีปากของเธอเข้าไปทักทายลิ้นเล็กอย่างนุ่มนวล
มิราพยายามจะผลักไสเขาออกไป แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ให้ความร่วมมือ มันโหยหาััของเขามาตลอดห้าปีที่ผ่านมา เธอทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เขาจูบต่อไป ปล่อยให้น้ำตาไหลรินผสมกับรสจูบที่ทั้งหวานและขมขื่น
ธีร์ถอนจูบออกช้าๆ เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มของเธออย่างแ่เบา “หัวใจของเธอไม่เคยโกหกหรอกมิรา... มันยังเป็ของฉันเสมอ”
เขาผลักร่างเธอให้นอนราบลงกับเตียงอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมทับเธอไว้ ผ้าห่มที่เคยเป็เกราะป้องกันหลุดลุ่ยลงไปกองอยู่ที่ปลายเตียง เผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงามที่เขาเพิ่งได้เชยชมไปเมื่อคืนอีกครั้ง
“ไม่นะธีร์... พอแล้ว... ได้โปรด” เธออ้อนวอนเสียงสั่น
“ฉันยัง้าเธอ... มิรา” เขาพูดเสียงแหบพร่า “ฉัน้าตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเธอเป็ของใคร”
เขาก้มลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่องของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและทะนุถนอม เขาจูบไล้ไปตามแนวไหปลาร้าสวย ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ทรวงอกอิ่มที่ยังคงมีร่องรอยสีกุหลาบจางๆ ที่เขาทำไว้
เขายอดถันสีสวยด้วยริมฝีปากอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาดูดดึงมันอย่างนุ่มนวลราวกับกำลังลิ้มรสผลไม้ราคาแพง มือหนาอีกข้างก็ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของเธออย่างเชื่องช้า ปลุกเร้าทุกอณูความรู้สึกให้ตื่นตัว
“อื้อ...” มิราครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอหลับตาพริ้มรับััวาบหวามนั้นอย่างเต็มใจ ความเกลียดชังที่เคยมีค่อยๆ เลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรง
ธีร์ย้ายริมฝีปากลงมาต่ำเรื่อยๆ ผ่านหน้าท้องแบนราบ จนมาหยุดอยู่ที่ใจกลางกายสาวที่เริ่มชุ่มฉ่ำขึ้นมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนา
“เกลียดฉันอยู่รึเปล่า... ตอนนี้” เขากระซิบถาม
มิราไม่ตอบ เธอทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพราะเธอรู้ดีว่า... เธอไม่เคยเกลียดเขาได้ลงเลย
รอยยิ้มอย่างผู้ชนะปรากฏขึ้นที่มุมปากของธีร์ เขาก้มลงไปมอบจุมพิตที่เร่าร้อนให้กับจุดอ่อนไหวที่สุดของเธออีกครั้ง ลิ้นร้อนที่ช่ำชองของเขาสร้างความเสียวซ่านให้เธอจนแทบคลั่ง ร่างกายของเธอบิดเร่าไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ธีร์... อ๊ะ... ได้โปรด... ฉันไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอพร้อมเต็มที่แล้ว เขาก็ไม่รอช้า จัดการกับกางเกงของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับแก่นกายที่ร้อนผ่าวและแข็งขืนของเขามาจ่อที่ปากทางรักของเธออีกครั้ง
“มองฉันนะมิรา... มองแค่ฉันคนเดียว” เขาสั่งเสียงพร่า ก่อนจะกดสะโพกสวนเข้าไปในตัวเธอจนสุดลำ
“อ๊า!” มิราอุทานออกมาด้วยความรู้สึกที่ทั้งจุกและเสียวซ่านไปพร้อมๆ กัน ความคับแน่นภายในช่องทางรักของเธอบีบรัดเขาจนแทบขยับไม่ได้
เขาเริ่มขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบและนุ่มนวลในตอนแรก เพื่อให้เธอได้ปรับตัว ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มจังหวะให้เร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง ผสมกับเสียงครางหวานหูของเธอที่ดังไม่ขาดสาย
“มิรา... บอกฉันสิว่าเธอรู้สึกยังไง” เขากระซิบถามข้างหู ขณะที่ยังคงกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุด
“ฉัน... อ๊ะ... ฉันรู้สึกดี... ธีร์... อ๊า... ดีมาก” เธอยอมสารภาพออกมาอย่างน่าอาย
“ดีมากคนดี...” เขากระแทกสวนเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุดของเธอซ้ำๆ “จำความรู้สึกนี้ไว้... จำไว้ว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ได้”
บทรักดำเนินไปอย่างยาวนานและเร่าร้อนอีกครั้ง พวกเขาผลัดกันมอบความสุขให้กันและกันจนแทบจะหมดแรง ในที่สุดธีร์ก็ปลดปล่อยทุกหยาดหยดแห่งความรักเข้าไปในตัวเธอจนหมดสิ้น ก่อนจะฟุบลงนอนข้างๆ และดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่นเหมือนเดิม
มิรานอนหอบหายใจอยู่ในอ้อมกอดของเขา สมองของเธอขาวโพลนไปหมด เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกันแน่ รู้เพียงแค่ว่า... ตอนนี้หัวใจและร่างกายของเธอได้ตกเป็ของเขาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
...เย็นวันนั้น...
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกให้มิราที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอเอื้อมมือไปหยิบมันมาดูอย่างอ่อนแรง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ ‘น้ำฝน’
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“มิรา! เป็ยังไงบ้างแก! ฉันโทรหาแกทั้งวันเลย ทำไมไม่รับสาย!” น้ำเสียงของน้ำฝนเต็มไปด้วยความร้อนรน
“ฉัน... เพิ่งตื่น” เธอตอบเสียงเรียบ
“แล้ว... แล้วเื่เงินล่ะ เป็ยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยแล้ว เงินเข้าบัญชีพ่อแล้ว พ่อจะได้ผ่าตัดพรุ่งนี้”
“จริงเหรอ! ดีใจด้วยนะแก!” น้ำฝนร้องออกมาอย่างดีใจ “แล้ว... แล้วลูกค้าคนนั้นล่ะ เขาโอเคไหม เขาไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับแกใช่ไหม”
“เขา... ก็โอเค” มิราเลือกที่จะโกหก
“เสียงแกดูไม่ดีเลยนะมิรา มีอะไรรึเปล่า บอกฉันได้นะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เหนื่อยๆ”
น้ำฝนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้มิราใจหายวาบ “มิรา... บอกความจริงฉันมานะ คนที่ซื้อเธอเมื่อคืน... ใช่เขารึเปล่า”
ความเงียบของมิราคือคำตอบที่ดีที่สุด
“พระเ้า... ฉันไม่น่าเลย” น้ำฝนพึมพำกับตัวเอง “ฉันขอโทษนะมิรา ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะเป็เขา ฉันเช็คประวัติแล้วนะ แต่มันไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากว่าเป็ลูกค้าระดับ VVIP”
“ช่างมันเถอะฝน... เื่มันเกิดขึ้นแล้ว” มิราพูดเสียงอ่อนล้า “แต่มีเื่หนึ่งที่ฉันอยากจะถามแก... ทำไมในสัญญามันถึงระบุว่าสามสิบวัน”
“ว่าไงนะ!” น้ำฝนร้องเสียงหลง “สามสิบวันเหรอ! เป็ไปไม่ได้! ฉันอ่านสัญญาดีแล้วนะ มันระบุว่าแค่คืนเดียว! ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!”
ท่าทีใอย่างสุดขีดของน้ำฝนทำให้มิราเริ่มสับสน หรือว่าเพื่อนของเธอจะไม่ได้ตั้งใจหลอกเธอจริงๆ แต่แล้วใครกันล่ะที่แก้ไขสัญญา... หรือว่าจะเป็เขา... ธีร์
“แกไม่ต้องกังวลนะมิรา เดี๋ยวฉันจะรีบติดต่อบริษัทนายหน้าให้เดี๋ยวนี้เลย! ฉันไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบแกแบบนี้แน่!” น้ำฝนพูดอย่างแข็งขันก่อนจะวางสายไป
มิราวางโทรศัพท์ลงข้างตัวอย่างเหม่อลอย ตอนนี้ในหัวของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครดีระหว่างเพื่อนสนิทที่อาจจะโกหก กับคนรักเก่าที่ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทางเลือกของเธอ... มันดูเหมือนจะมืดมนลงไปทุกที
สัญญาที่ผิดพลาด หรือแผนการที่วางไว้? เมื่อการแลกเปลี่ยนไม่ได้จบลงแค่คืนเดียว มิราจะทำอย่างไรต่อไปในกรงทองที่เต็มไปด้วยความรัก ความแค้น และความลับที่รอวันเปิดเผย เธอจะหนี... หรือจะยอมจำนนต่อโชคชะตาที่ผู้ชายคนนั้นเป็คนขีดเขียนขึ้นมาเอง
ติดตามอ่านตอนต่อไป
