บทที่ 60 หลบหนีจากจวนเ้าเมือง
เมื่อมองไปที่มู่หรงซินที่ไม่รู้สิ่งใด ฉู่อวิ๋นก็ใเล็กน้อยและถามว่า "คุณหนูมู่หรง? ข้าอยู่ที่ไหน...?"
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงซินก็เลิกคิ้วและพูดอย่างเ็าว่า "หือ! เรียกข้าว่าคุณหนูมู่หรงอีกแล้ว? ข้าบอกให้เ้าเปลี่ยนวิธีการเรียกใหม่แล้วมิใช่หรือ?"
“เอ่อ...ขอโทษ ข้าจิตใจไม่อยู่กับตัวน่ะ ลืมไปครู่หนึ่ง... ซิน...ซินเอ๋อร์” ฉู่อวิ๋นสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงซินจำเื่เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ชัดเจนดีจริง
แต่มู่หรงซินไม่คิดว่านี่เป็เื่เล็กๆ น้อยๆ
เมื่อได้ยินคำว่า "ซินเอ๋อร์" นางก็ดีใจขึ้นมาทันที ปรากฏรอยยิ้มเต็มแก้มบนใบหน้า นางเดินไปที่ข้างเตียง แล้วพูดว่า "คุณหนูเช่นข้าจะบอกให้ก็ได้ นี่คือสวนหลังบ้านของข้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เ้าอยู่ในจวนเ้าเมือง”
"ขอบคุณคุณหนูเช่นข้าเสียดีๆ ถ้าข้าไม่ยืนหยัดจนนาทีสุดท้าย จบการประลองเซี่ยหยางไปแล้วใครจะดูแลเ้าที่าเ็เสียขนาดนั้น!”
หลังจากพูดจบ มู่หรงซินก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ แต่กลับดูเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ขอการดูแลจากเ้าของ
ความจริงแล้ว หลังจากการประลองสิ้นสุดลง แม้ว่ามู่หรงซินจะไม่พูดอะไร มู่หรงเจี๋ยก็จะพาฉู่อวิ๋นกลับไปที่จวนเ้าเมืองและดูแลเขาอยู่ดี
“ได้ ข้าขอบคุณหนูมู่... ซินเอ๋อร์” ลมหายใจของฉู่อวิ๋นยังคงแ่เบาอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังอยากจะลุกขึ้นจากเตียงมาขอบคุณมู่หรงซินอย่างเป็ทางการ
“อ๊ะ! เ้าทำอะไรน่ะ?! จะลุกจากเตียงทันทีที่ตื่นได้อย่างไร? ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เ้ามันโง่เขลา!” เมื่อมู่หรงซินเห็นฉู่อวิ๋นเคลื่อนไหว นางก็ตื่นตระหนกรีบยื่นมือไปจับไหล่ให้เขานั่งบนเตียงอีกครั้ง
แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะไม่เป็มิตรมากนัก แต่การกระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นถามว่า "แต่ว่า ตอนที่ข้าสลบไป มีใครแตะหน้าของข้าบ้างหรือไม่?”
“หืม? นี่... เอิ่ม... เอ่อ... เอ่อ ไม่ ไม่น่าจะมีนะ ฮ่าๆ” ใบหน้างามของมู่หรงซินเปลี่ยนไปทันที นางผละมือออกโดยไม่รู้ตัวและเอามือไปไว้ด้านหลัง คล้ายคนมีพิรูธ
“ไม่...ไม่พูดถึงเื่นี้แล้ว แค่ก... เ้าก้อนเมฆลามก ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?”
มู่หรงซินควบคุมตัวเองให้สงบสติอารมณ์และเปลี่ยนเื่คุยอย่างรวดเร็ว
“ไม่สบายหรือ? ไม่นะ ข้าดูหน่อย”
ฉู่อวิ๋นหลับตาและสังเกตภายในร่างกายของตนอย่างระมัดระวัง และพบว่ามันสมบูรณ์มาก หลังจากนั้น เขาก็เปิดเสื้อผ้าออก ก้มมองที่หน้าท้อง ก่อนจะััที่ใบหน้า ไม่มีรอยแผลเป็เหลืออยู่เลย
ในที่สุด เขาก็ปรับลมหายใจ พลังงานปราณไหลผ่านเส้นลมปราณทันที และมันดูแข็งแกร่งกว่าเดิม
“เป็อย่างไรบ้าง?” ดวงตาคู่งามของมู่หรงซินเบิกกว้าง มีความคาดหวังในน้ำเสียงของนาง
“รู้สึก…” ฉู่อวิ๋นกำหมัดแน่นและส่งเสียง “หืม? ข้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตัวเองดีขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน มันน่าจะมากกว่าสี่พันจิน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่หรงซินก็สูดลมหายใจและพูด "แน่นอนอยู่แล้ว ความแข็งแกร่งของเ้าไม่ใช่แค่มากกว่าสี่พันจินหรอก เพราะตอนนี้เ้าได้ทะลวงไปถึงระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว!"
“ระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ?!” ฉู่อวิ๋นเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาเพิ่งทะลวงไปถึงระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้ในคืนก่อนที่จะเริ่มการประลองเซี่ยหยาง แต่ตอนนี้ ภายในไม่กี่วัน เขาก็ทะลวงได้อีกระดับแล้ว ความเร็วนี่น่าสะพรึงกลัวนัก
“ทั้งๆ ที่ข้าแค่นอนหลับพักฟื้นแล้วก็ฝันเอง เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร?” ฉู่อวิ๋นสับสน
“เฮ้อ เ้ายังจำรางวัลการล่าสัตว์ปีศาจจากการประลองได้หรือไม่? ่นี้ นอกจากจะให้หมอช่วยรักษาอาการาเ็แล้ว พ่อของข้ายังสั่งให้สาวใช้ทายากระดูกเสือให้เ้าทุกวันด้วย ตอนนี้ก็ใช้ไปหมดแล้ว"
“อัศจรรย์มาก แม้ว่าจะได้รับาเ็สาหัส แต่หลังจากการฟื้นตัวก็สามารถดูดซับพลังยาของยากระดูกเสือได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการฝึกฝนิัและกล้ามเนื้อ จากนั้นก็จะผ่านมันไปได้สำเร็จ น่าเหลือเชื่อมาก”
“ข้าคาดว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเ้ามีมากกว่าห้าพันจินแล้ว ซึ่งเกือบจะเทียบได้กับนักรบในระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ”
มู่หรงซินจ้องมองฉู่อวิ๋นด้วยสายตาที่งุนงงและประหลาดใจ แล้วเดาะลิ้นของตัวเองซ้ำ ๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่อวิ๋นก็นิ่งงัน เขาแตะจุดตันเถียนของตัวเองพลางคิด "ดูเหมือนว่าความสามารถที่น่ากลัวในการรับยานี้ คงเพราะความช่วยเหลือจากพลังปราณฮุ่นหยวนในร่างกายเป็แน่"
“พลังปราณลึกลับนี้ประสิทธิภาพสูงมาก มีคุณในเชิงบวกและสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าจะสามารถรองรับทุกสิ่งได้ ช่างวิเศษจริงๆ”
เมื่อคิดถึงเช่นนั้น ท่าทีของฉู่อวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขาถามอย่างรวดเร็ว "แล้วกระบี่ของข้าเล่า? อยู่ที่ไหน?"
ในความฝัน ฉู่อวิ๋นนึกถึงสิ่งที่ผู้าุโหกพูดกับตัวเองก่อนจะหมดสติไป
ตอนนี้เขารู้แล้วว่ากระบี่ชื่อยวนเป็สมบัติที่สืบทอดมาจากตระกูลจริงๆ มันเป็อาวุธของราชวงศ์ที่บรรพบุรุษกล่าวถึงในความคิดของเขา เป็อาวุธิญญาที่สามารถปกป้องเ้าของจากอันตรายจากคนในตระกูล ผ่านการกดดันทางจิติญญาได้
แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังคงไม่รู้ว่าจะเปิดใช้งานมันอย่างไร?
“ไม่ต้องกังวลไป กระบี่ของเ้าอยู่ที่ห้องส่วนตัวของคุณหนูเช่นข้า ถ้าเ้า้า เดี๋ยวข้าไปเอามาให้” มู่หรงซินกล่าว
“อืม ได้…” ฉู่อวิ๋นพยักหน้า
“เช่นนั้นเ้ารอก่อน อย่า...อย่าเดินไปเรื่อยเปื่อยล่ะ” ดวงตาของมู่หรงซินเป็ประกายด้วยแววตาแปลกๆ จากนั้นนางก็หันหลังกลับและเตรียมจะออกจากห้อง
“เอ่อ แล้วข้าหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว?” ทันทีที่ฉู่อวิ๋นหลับตา เขาก็จำฝันร้ายอันน่าตื่นใเมื่อครู่ได้ เขาอยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด กลับไปดูฉู่ซินเหยาและเสี่ยวถง
“นับรวมเวลาในการรักษาแล้ว เ้าสลบไปเจ็ดวันได้” มู่หรงซินหันกลับมาตอบอย่างสบายๆ
"เจ็ดวัน?!"
ฉู่อวิ๋นใมาก เขาไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้!
เขาลุกขึ้นยืนทันที เก็บเสื้อผ้ามาใส่แล้วพูดว่า "ข้าจะกลับบ้าน หลายวันมานี้ได้รับการช่วยเหลือจากซินเอ๋อร์ หากมีโอกาสข้าต้องตอบแทนอย่างแน่นอน"
“พาข้าไปที่ห้องเ้าเลยซินเอ๋อร์ เ้าจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา”
ทันทีที่เขาพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็เดินไปที่ประตู
แต่ทว่า จู่ๆ มู่หรงซินก็หยุดเขาไว้ ทำให้ฉู่อวิ๋นใเล็กน้อยและถามว่า "หืม ทำไมหรือ? ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีปัญหาในการขยับตัวไปไหนมาไหนแล้ว"
“เ้า...อย่าขยับซี้ซั้วไปไหนเลย อยู่ที่นี่นิ่งๆ ดีกว่า” มู่หรงซินลังเล แววตาของนางสั่นไหว
ฉู่อวิ๋นสบสายตาแปลกๆ ของมู่หรงซิน ใบหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดว่า "ซินเอ๋อร์ เ้ามีอะไรปิดบังอยู่ใช่หรือไม่? ตอนที่ข้าสลบไปมันเกิดอะไรขึ้น?"
เมื่อมองดูท่าทางกระตือรือร้นของฉู่อวิ๋น ท่าทางของมู่หรงซินก็เปลี่ยนไป นางไม่อาจโกหกเขาได้จริงๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เปิดเผยข้อตกลงทั้งหมดระหว่างมู่หรงเจี๋ยและผู้าุโสาม
“อะไรนะ? หลังจากที่ข้าหายดีแล้ว พวกเขาจะสอบปากคำข้าเป็การส่วนตัว? กักขังข้าเอาไว้ไม่ให้ออกจากเมือง? นี่มันเหตุผลอันใดกัน?!” ฉู่อวิ๋นมีสีหน้างุนงง
ตามกฎของการต่อสู้เป็ตาย ตราบใดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต จะไม่มีใครมาดำเนินคดีอันใดได้อีก
แต่ตอนนี้ตาเฒ่าเ่าั้กลับปฏิบัติต่อฉู่อวิ๋นเหมือนนักโทษ คิดสอบปากคำเขาในที่สาธารณะ จำกัดเสรีภาพส่วนตน และไม่อนุญาตให้เขาออกจากเมืองไป๋หยาง
“นี่มันเื่บ้าอะไรกัน?!!” ฉู่อวิ๋นะโด้วยความโมโห
เมื่อมองดูสีหน้าโกรธเกรี้ยวของฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็ถอนหายใจ จากนั้นหันไปมองแล้วพูดปลอบโยน "ไม่เป็ไรหรอก ตอนนี้เ้าเพิ่งตื่น ข้าว่าพวกเขายังไม่รู้เื่หรอก อย่าเพิ่งพูดถึงเื่ที่เ้าไม่สามารถออกจากเมืองไป๋หยางเลย ขอแค่พวกเราอยู่ในเมือง ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะออกจากบ้านไม่ได้"
“มาเถอะ ข้าจะช่วยพาเ้าออกไปและปล่อยให้เ้าแอบกลับบ้านสักพัก แล้วเราค่อยมาวางแผนกัน”
มู่หรงซินค่อยๆ แนะนำ ฉู่อวิ๋นเองก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที ตอนนี้เขาแค่อยากกลับบ้านแล้วไปหาฉู่ซินเหยา
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็นำกระบี่ชื่อยวนกลับมา เดินผ่านเส้นทางอันเงียบสงบหลายเส้นทาง โดยหลีกเลี่ยงทหารยามที่ลาดตระเวนทั้งหมด และมาถึงหน้าจวนเ้าเมืองอย่างได้รับความเคารพ
ทว่ากลับมีทหารยามที่แข็งแกร่งสองคนอยู่ที่หน้าประตู ซึ่งไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
“ทำอย่างไรดี? หากไม่ได้ผล ข้าก็จะฆ่าพวกเขาเสีย!” ฉู่อวิ๋นกัดฟัน จ้องมองด้วยแววตาคมกริบ
“เ้าคนโง่เขลา!” มู่หรงซินตบหัวฉู่อวิ๋นแล้วกระซิบ “ค่อยดูความเก่งกาจของคุณหนูเช่นข้าก็แล้วกัน! อย่างไรเสียสองคนนี้ก็ยังเป็ของทหารของจวนข้า พวกเขาน่าจะปล่อยเราไป”
ทันใดนั้น มู่หรงซินก็ดึงฉู่อวิ๋นมาใกล้ กระแอมในลำคอ และเดินออกไปด้วยท่าทางที่เ็าและเย่อหยิ่ง
เมื่อทั้งคู่มาถึงประตู ก็เห็นว่าทหารทั้งสองไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย พวกเขายังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม ต่างถือหอกยาวไว้ในมือ ตัวตรงดิ่งและสง่าผ่าเผย
มู่หรงซินมีความสุขมาก แต่นางก็ยังคงแสร้งทำเป็ยโสและขอให้ฉู่อวิ๋นติดตามอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“พรึบ——”
แต่ก่อนที่มู่หรงซินจะก้าวออกจากประตู ยามทั้งสองก็เอื้อมมือยกหอกออกไปปิดกั้นเส้นทางของนาง
“นี่! เ้าพวกคนหัวรั้น คุณหนูเช่นข้าอยากออกไปข้างนอก พวกเ้ามาขวางอะไรกัน?” มู่หรงซินพูดเสียงดุและกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“คุณหนูใหญ่ ท่านออกไปได้ แต่คนที่อยู่ข้างหลังท่านออกไปไม่ได้ขอรับ” ทหารยามจ้องมองตรงไปข้างหน้า พูดทุกคำ
“ทำไม! พวกเ้าไม่ฟังคำสั่งข้าหรือ? อยากถูกโบยหรือ? พวกเ้าอยากถูกกฎตระกูลเล่นงาน?” มู่หรงซินจ้องไปที่ทหารยามทั้งสองแล้วแสร้งทำเป็โกรธ
ทั้งสองคนยังคงเมินเฉย แต่ก็เริ่มเหงื่อเย็นไหลอาบใบหน้าและลำคอ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างกลัวลูกสาวคนคนโตของตระกูลมู่หรง
หลังจากนั้นไม่นาน ทหารยามอีกคนก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง "นี่...นี่คือคำสั่งของท่านผู้นำ! หวังว่าคุณหนูจะไม่กล่าวโทษ!"
“กฎตายแล้ว แต่ผู้คนยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นขอให้หลีกทางไปด้วย อีกอย่าง ท่านพ่อของข้าไม่เคยบอกว่าฉู่อวิ๋นไม่อาจออกนอกจวนเ้าเมืองได้กระมัง?” มู่หรงซินยกมือเท้าเอวแล้วพูดด้วยความโมโห
“ขอโทษที่ต้องขัดคำสั่งด้วยขอรับ!” ทหารทั้งสองพูดพร้อมกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงซินก็โกรธมากจนแทบจะยกธนูขึ้นมายิงใครสักคน ผู้คุมทั้งสองกลัวจนหลังของชุ่มเหงื่อ
“ข้าเอง!” ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็ก้าวไปข้างหน้า ทำให้มู่หรงซินใมาก นางคิดว่าเขากำลังจะเริ่มการปะทะ ดังนั้นจึงยื่นมือเรียวหยกของตนออกมาจับเขาไว้ทันที และพูดจาหว่านล้อมชักชวนเขา "เ้าก้อนเมฆอันธพาล! อย่าผลีผลามสิ!”
“วางใจเถอะ” ฉู่อวิ๋นผลักมู่หรงซินออกไปเบาๆ จากนั้นยกมือขึ้นประสานแล้วถามทหารยามทั้งสอง “ขอโทษด้วย ข้าอยากจะถามเ้าสองคนว่าเ้าเมืองมู่หรงสั่งอะไรไว้บ้าง? สามารถบอกมาได้หรือไม่?"
ทหารยามทั้งสองมองหน้ากันและไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหนึ่งในนั้นก็พูดว่า "ท่านเ้าเมืองมู่หรงสั่งว่า หลังจากที่นายน้อยฉู่หายดีแล้ว ท่านต้องอยู่ในจวนเ้าเมือง หากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่อาจออกไปได้ หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
“เช่นนี้นี่เอง…” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่ามู่หรงเจี๋ยจะปกป้องเขาถึงที่สุดจริงๆ
แต่ฉู่อวิ๋นมีเื่สำคัญกว่าที่ต้องทำ และเขาไม่สามารถประนีประนอมกับเื่นี้ได้
“เฮ้อ เราทำอะไรไม่ได้แล้ว ข้าจะขอร้องท่านพ่อดูว่าจะออกไปได้หรือไม่?” มู่หรงซินรู้สึกหดหู่ใจและกำลังจะหันหลังกลับ
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็ะโ "โอ้ย! ปวดท้องมาก ดูเหมือนว่าจะยังไม่หายดีนะ! ซินเอ๋อร์ มาพยุงข้าหน่อย ทนไม่ไหวแล้ว! อ๊า!"
มู่หรงซินใ ดวงตาของนางหรี่ลง และนางก็ถามอย่างสงสัย "ทำไมเ้าต้องแสดงเกินจริงขนาดนี้ด้วย?"
นางกลอกตา จากนั้นก็นึกขึ้นได้ และเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆ
“เ้าก้อนเมฆอันธพาลนี่... ฮ่าๆๆ!” มู่หรงซินพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่ ช่วยฉู่อวิ๋นลุกขึ้น จากนั้นแสร้งทำเป็ตื่นตระหนกและพูดว่า "อ๊ะ! นายน้อยฉู่กำลังจะตาย! พวกเ้ายังไม่รีบหลบไปอีก? ท่านพ่อแค่บอกว่าหลังจากเขาฟื้นแล้วก็ให้เขาอยู่ที่จวนเ้าเมือง แต่ตอนนี้อาการของเขาไม่ปกติ พวกเ้าหลีกไปเสีย! ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะมาเอาเื่กับพวกเ้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารยามทั้งสองก็ตกตะลึง "นี่...เช่นนี้ก็ได้หรือ?!"
"แต๊ก แต๊ก!"
ก่อนที่ทั้งสองจะทันได้โต้ตอบ ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินก็ทะลุแนวหอกและหนีไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้