อสุรกายกระดูกขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในยามนี้ ท่าทีของมันต่อหวังเค่อนับว่าดีขึ้นมาก
ลูก?
หวังเค่อนึกไม่ถึงเลยว่าเซิ่งจื่อจะเป็ลูกของอสุรกายกระดูกตนนี้?
“เล่าเื่ลูกข้าให้ฟังที!” อสุรกายกระดูกกล่าวเสียงเข้ม
“ขอรับ เซิ่งจื่อได้รับการแต่งตั้งในฐานะราชบุตรศักดิ์สิทธิ์ประจำลัทธิมารจากมารอริยะมาร้อยกว่าปีแล้ว” หวังเค่อหวนนึกถึงเื่ที่ได้ยินได้ฟังบนเกาะเทพั
“มารอริยะ? โฮ่ มันรักษาคำพูดตัวเองจริงๆ มันไม่ได้อ้างตนเป็ประมุข! แถมยังตั้งให้ลูกข้าเป็ราชบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย!” อสุรกายกระดูกเอ่ยอย่างจริงจัง
“เอ๋? ที่มารอริยะไม่ได้ตั้งตัวเองเป็ประมุขลัทธิมารเป็เพราะผู้าุโ? ตัวข้ายังเยาว์วัยนัก ขอทราบได้หรือไม่ว่าผู้าุโเป็ผู้สูงส่งท่านใด?” หวังเค่อถามอย่างสงสัย
“ก่อนเผชิญหายนะ ข้าก็คือประมุขลัทธิมารจันทรา!” อสุรกายกระดูกตอบเสียงเข้ม
หวังเค่อเบิกตากว้าง ตรงหน้าข้าก็คือประมุขลัทธิมารคนก่อน?
“ผะ ผู้าุโ เซิ่งจื่อไม่ทราบเพราะเหตุใด แต่มันไม่อาจเติบโตได้ ตัวมันดูคล้ายเด็กมนุษย์อายุเจ็ดแปดขวบ อารมณ์ความคิดเองก็เช่นกัน มันมักนอนหลับหรือใช้เวลาเล่นไปเรื่อยเปื่อย!” หวังเค่อหวนคิดถึงข้อมูลที่สอบถามมาได้ก่อนหน้า
“โตไม่ได้? เหอะ พวกมันหยุดอายุลูกข้าไว้จนถึงบัดนี้? ตัวบัดซบ! พูดต่อไป!” อสุรกายกระดูกเอ่ยอย่างชิงชัง
“ขอรับ เซิ่งจื่อแท้จริงแล้วยังน่าสงสารนัก!” หวังเค่อถอนหายใจ
“หือ?” อสุรกายกระดูกส่งเสียง
“เซิ่งจื่อถูกหยุดไม่ให้โต ทั้งพลังบำเพ็ญ อายุ และสภาพจิตใจความคิดล้วนแต่หยุดอยู่ที่่อายุเจ็ดแปดขวบ ถึงแม้จะได้มารอริยะช่วยคุ้มครองในลัทธิมาร แต่มารอริยะก็ไม่อาจอยู่เคียงข้างเซิ่งจื่อได้ตลอดเวลา ศิษย์ลัทธิมารจำนวนมากแม้เปลือกนอกจะแสดงท่าทีเคารพนอบน้อม แต่ลับหลังล้วนแต่ดูแคลนเซิ่งจื่อ มีหลายครั้งคราที่เซิ่งจื่อต้องอับอายเพราะพวกศิษย์ที่แหกกฎ น่าสงสาร น่าเวทนาเหลือเกิน…!” หวังเค่อถอนหายใจ
“ครืนนนนนนนน!”
บัลลังก์ของอสุรกายกระดูกสั่นะเื เห็นได้ชัดว่าอสุรกายกระดูกตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
“ไม่นานมานี้บนเกาะเทพั มีบางคน้าสังหารเซิ่งจื่อเลยจับมันโยนลงสระหมื่นอสรพิษ คิดให้งูพิษในสระรุมกัดเซิ่งจื่อจนตาย! ท่านก็รู้ว่าด้วยร่างกายของเซิ่งจื่อไหนเลยจะทนรับไหว? บนขอบสระมีศิษย์ลัทธิมารนับไม่ถ้วนมุงดู พวกมันเพียงชี้มือชี้ไม้ แม้เซิ่งจื่อจะะโขอความช่วยเหลือจากกลางสระก็ไม่มีใคระโลงไปช่วยสักคน! แล้วมิตรภาพระหว่างข้ากับเซิ่งจื่อเล่า? แม้ตัวข้าพลังฝีมืออ่อนด้อย ข้าก็ไม่สน ต่อให้ต้องถูกหมื่นอสรพิษรุมกัด ข้าก็ไม่แยแส มีเพียงข้าที่ะโลงสระไป ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นเซิ่งจื่อร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและสิ้นหวังปานไหน ไอ้พวกใจดำนั่นมีหรือจะไม่ได้ยิน? ข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเซิ่งจื่อ เซิ่งจื่อถึงรอดชีวิตมาได้ ตัวมันร้อยพิษไม่กล้ำกราย ส่วนข้าถูกงูพิษซึมลึกเข้าร่าง เนิ่นนานกว่าจะขับพิษออกจากตัวได้หมด!” หวังเค่อร่ำร้องอย่างขื่นขม
“ใคร เป็ฝีมือใคร?” อสุรกายกระดูกคำรามเสียงสั่น
“สืบสวนแล้วพบว่าคนต้นคิดที่หมายเอาชีวิตเซิ่งจื่ออยู่้าหลุมนี้เอง มันชื่อว่าถงอันอัน ทั้งหมดเป็มันวางแผน ท่านเห็นหรือไม่ คนกลุ่มนี้รวมถึงไป๋จินล้วนเป็คนของถงอันอัน หากท่านไม่เชื่อข้า ก็ถามพวกมันดู! จริงหรือไม่? พวกมันคิดเอาชีวิตเซิ่งจื่อ!” หวังเค่อชี้หน้าไป๋จินที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ไป๋จินกับคนที่เหลือต่างสูดลมหายใจเย็นเยือก พวกมันคิดว่าหวังเค่อเกลี้ยกล่อมอสุรกายกระดูกจนสงบ ทุกคนล้วนรอดปลอดภัยแล้ว ใครจะคิดว่าหวังเค่อฉวยโอกาสพาดบันไดปีนขึ้นบ้าน เ้ารอดปลอดภัยคนเดียว เสร็จแล้วถีบพวกข้าลงเหว?
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ผู้าุโ ท่านอย่าไปฟังหวังเค่อพูดเพ้อเจ้อ มันเป็จอมหลอกลวง!” ไป๋จินกับคนที่เหลือะโด้วยความหวาดผวา
“ครืนน!”
หนามกระดูกพลันแทงทะลุร่างมารตนหนึ่งจนตายคาที่ในพริบตา
เหล่ามารพากันหายใจไม่ทั่วท้อง หลอกลวงอสุรกายกระดูกหมายถึงโทษตาย?
“ไม่ ไม่ ผู้าุโ ขะ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่เกี่ยวข้อง ปะ เป็ถงอันอัน มันเป็คนบงการ เป็ฝีมือของมัน พวกเราเร้นกายแฝงตัวอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์มานานปี พวกเราไม่รู้เื่ด้วย!” ไป๋จินกรีดร้องอย่างหวาดผวา
“เช่นนั้น ที่หวังเค่อพูดเป็ความจริง?” อสุรกายกระดูกถามอย่างจริงจัง
ไป๋จินมีสีหน้าขมขื่น “พวกเราเองก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ที่ผ่านมาพวกเราฟังเื่ราวจากท่านผู้ดูแลถง ไม่สิ ไอ้เด็กน้อยถงอันอันพูดถึงเื่บนเกาะเทพั ถงอันอันทั้งสงสัยทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมหวังเค่อะโลงสระหมื่นอสรพิษแล้วถึงไม่เป็ไร ทำไมมันถึงไม่ถูกพิษงู? หวังเค่อต้องโกหกท่านแน่!”
“ใครบอกว่าข้าไม่ถูกพิษ?” หวังเค่อพลันเผยสีหน้ากังวล
แต่อสุรกายกระดูกไม่สนใจ หวังเค่อจะติดพิษหรือไม่สำคัญตรงไหน สิ่งสำคัญคือถงอันอันผู้นั้นหมายเอาชีวิตลูกข้า แล้วหวังเค่อก็เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยลูกข้าไว้?
“ถงอันอันรึ? ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า!” อสุรกายกระดูกส่งเสียงเย็นเยียบ
“ผู้าุโ พวกเราไม่ทราบว่าทำไมหวังเค่อมันถึงมีป้ายประกาศิตนายท้ายเทพั หรือทำไมมารอริยะถึงแต่งตั้งมัน แต่ข้ารับรองได้ว่าหวังเค่อมันโกหกท่าน หวังเค่อมันเป็ศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะ แถมเป็ศิษย์ประมุขพรรคเทพหมาป่า์ด้วย ในร่างมันปราศจากไอมาร มันไม่ใช่ศิษย์ลัทธิมาร มันเป็จอมหลอกลวง หากท่านไม่เชื่อก็ตรวจสอบดูได้ มันโกหกท่าน!” ไป๋จินะโอย่างกังวล
อสุรกายกระดูกมองหวังเค่อ
หวังเค่อใบหน้าแข็งทื่อ ให้ตรวจสอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่ถูกเปิดโปงแล้ว? นายท้ายเทพัผู้ทรงศักดิ์อย่างมันไฉนถึงไม่มีไอมารสักกระผีก?
อสุรกายกระดูกเหลือบมองหวังเค่อวูบหนึ่ง จากนั้นหันกลับไปมองไป๋จินกับคนที่เหลือ “มันไม่มีไอมารแล้วผิดตรงไหน?”
“หะ? หา?” เหล่ามารพากันอ้าปากค้าง
ผิดตรงไหน? นี่หมายความเช่นไร? ท่านเป็อดีตประมุขลัทธิมาร ท่านไม่สนว่าหวังเค่อมันเป็คนฝ่ายธรรมะ? มันเป็ศิษย์เฉินเทียนหยวนท่านก็ไม่แยแส? มันเป็ศิษย์ของศัตรูคู่อาฆาตท่านนะ
“มารอริยะที่พวกเ้ารู้จักสมัยมันยังรับใช้ข้าอยู่ มันก็เป็มารพิสุทธิ์เหมือนกัน ในอดีตมันปฏิเสธไม่ยอมกินคน ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานสุดเปรียบ มันก็ยังไม่ยอมกินคน ขนาดตอนสัญชาตญาณมารปะทุ มันก็ยังยืนกรานไม่ยอมกิน อาศัยเพียงโลหิตพลังปฐมเพื่อประคองให้ผ่านพ้น! และมันก็ทำสำเร็จ! มารอริยะอาจถูกใจในตัวหวังเค่อ ถึงได้แต่งตั้งมันเป็นายท้ายเทพัด้วยตัวเอง หวังเค่อเองก็เป็มารพิสุทธิ์ ข้าััไอมารไม่ได้แล้วผิดตรงไหน?” อสุรกายกระดูกกล่าวอย่างจริงจัง
“มารพิสุทธิ์? มารมลทิน?” หวังเค่อตะลึงงัน
พวกมารเองก็แบ่งแยกซับซ้อนแบบนี้ด้วย? ไม่สิ เนี่ยชิงชิงเองก็ปฏิเสธไม่ยอมกินคนด้วยวิธีนี้เหมือนกัน เนี่ยชิงชิงก็คือมารพิสุทธิ์?
หวังเค่อพลันหวนคิดถึงคำสั่งของมารอริยะที่ห้ามศิษย์ลัทธิมารจับนักโทษพรรคฝ่ายธรรมะกิน แต่เลี้ยงไว้เป็ปศุสัตว์เพื่อรีดเืพลังปฐม หรือมารอริยะจะหวังอยากให้ศิษย์ลัทธิมารเป็เหมือนตนเอง ค่อยๆ กลายเป็มารพิสุทธิ์?
“ผู้าุโ ก่อนหน้านี้ข้าคิดไม่ออก แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดถงอันอันกับเ้าตำหนักสักคนเื้ัมันถึงได้ทรยศมารอริยะ เหตุใดพวกมันถึงคิดสังหารเซิ่งจื่อ พวกมันเป็มารมลทิน พวกมันเห็นแนวทางมารพิสุทธิ์ของมารอริยะในลัทธิแล้วรู้สึกไม่ยินยอม ข้าจำได้ว่าถงอันอันพูดว่าเป็มารก็ต้องกินคน พวกมัน้ากินคน ้าทำลายแผนการของมารอริยะ ดังนั้นถึงได้ลงมือกับเซิ่งจื่อ หวังบั่นทอนบารมีของมารอริยะ!” หวังเค่ออธิบาย
“เหอเหอเหอเหอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ขวัญกล้า ขวัญกล้านัก คิดสังหารลูกข้าเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า รนหาที่ตาย!” อสุรกายกระดูกเอ่ยเสียงเย็น
“ผู้าุโ ท่านกินคน ท่านเองก็เป็มารมลทินเหมือนกันไม่ใช่หรือ?” ไป๋จินถามอย่างกังวล
“ข้าเป็มารมลทิน แต่ก็เป็พ่อคนเหมือนกัน ข้าไม่สนว่าเ้าเป็มารแบบไหน หากเ้ากล้าคิดฆ่าลูกข้า เ้าก็ต้องตาย ต้องตาย!” อสุรกายกระดูกกล่าวเสียงเย็น
“ผู้าุโอภัยให้ด้วย พะ พวกเราเป็ผู้บริสุทธิ์ พวกเราไม่เกี่ยวข้องด้วย พวกเราไม่ได้คิดร้ายต่อเซิ่งจื่อ เป็ถงอันอัน มันอยู่้าหลุม เป็ฝีมือมัน!” ไป๋จินกับคนที่เหลือร่ำร้องอย่างหวาดผวา
“ผู้าุโ ข้ากับเซิ่งจื่อเป็สหายรักกัน ตอนนี้ภายในลัทธิมารปั่นป่วนวุ่นวายนัก! ไม่นานมานี้ ระหว่างที่มารอริยะไม่อยู่บนเกาะเทพั ข้าได้ช่วยชีวิตเซิ่งจื่อไว้สองครั้ง ครั้งแรกในสระหมื่นอสรพิษ ครั้งที่สองคือตอนข้าถูกาาอสรพิษจู่โจม ถึงข้าจะช่วยเซิ่งจื่อไว้ แต่เซิ่งจื่อก็ยังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เซิ่งจื่อเป็เด็กดีนัก แม้จะถูกหยุดอายุไว้ แต่ข้าก็มองเห็นหัวใจอันกระตือรือร้นของมัน มันทุ่มเทกำลังกายใจ พยายามควานหาทุกวิถีทางเพื่อฝึกฝนตนเอง แต่อนิจจา มันถูกจำกัดไว้ด้วยร่างกายตัวเอง! หัวใจของมันเอ่อล้นด้วยพลังบวก ไม่ว่าจะต้องพบเจอความยากลำบากปานไหน ยากเย็นเพียงใด มันก็เพียงปาดน้ำตาแล้วเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้ม! เซิ่งจื่อเป็คนที่ร่าเริง เข้มแข็ง และไม่ยอมแพ้ที่สุดที่ข้าเคยพบพาน!” หวังเค่อะโเสียงดังลั่น
การชื่นชมคนเป็ลูกต่อหน้าบุพการีย่อมเป็การเดินหมากที่ประเสริฐสุด!
จริงแท้ อารมณ์ของอสุรกายกระดูกดูดีขึ้นทันตา “ลูกข้ายอดเยี่ยมอย่างเ้าว่า?”
“ทำไมจะไม่เล่า? ข้าบอกท่านได้เลยว่าคนของลัทธิมารล้วนต่างหูตามืดบอดเพราะผลประโยชน์มานานแล้ว พวกมันดูแคลนการฝึกตนของเซิ่งจื่อ ไหนเลยพวกมันจะเข้าใจว่าหากเซิ่งจื่อไม่ถูกสะกดด้วยอายุ พวกนายท้ายกับเ้าตำหนักล้วนไม่มีทางเทียบขี้เล็บเซิ่งจื่อได้!” หวังเค่อฟ้องความไม่เป็ธรรมให้เซิ่งจื่อ
“เฮ้อ!” อสุรกายกระดูกถอนหายใจ
“ผู้าุโ ข้าไม่คิดอยากหลบหนี ที่จริงแล้วในสายตาท่าน ข้าเองก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่เหลือเหล่านี้ ท่านจะกินข้าหรือไม่ไม่สำคัญ แต่ข้าไม่อาจปล่อยเซิ่งจื่อสหายข้าไว้คนเดียวได้จริงๆ ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง! มารอริยะสามารถปกป้องเซิ่งจื่อได้เพียงที่แจ้ง แต่ไม่อาจคุ้มครองเซิ่งจื่อในที่ลับ ข้าเพียงขอร้องท่านผู้าุโ ท่านสามารถส่งข้าออกไปได้หรือไม่? ข้าจะคอยคุ้มครองเซิ่งจื่อไม่ให้ถูกเกาทัณฑ์ลับทำร้ายเอง! ข้ายอมรับว่าข้าไม่อยากถูกขังอยู่ที่นี่ แต่ข้าก็ไม่อยากเห็นเซิ่งจื่อถูกตัวบัดซบถงอันอันข้างบนและเ้าตำหนักเื้ัมันสังหารด้วย หากพวกมันยังอยู่ เซิ่งจื่อคงไม่อาจได้มีชีวิตอย่างสงบสุข ข้าอยากดื่มเืกินเนื้อพวกมันนัก!” หวังเค่อเอ่ยอย่างเคียดแค้น
ขณะเดียวกัน หวังเค่อก็ส่งสายตาให้อสุรกายกระดูก ข้าบอกใบ้ท่านชัดเจนปานนี้ ท่านสมควรส่งข้ากลับไปได้แล้วกระมัง?
อสุรกายกระดูกมองหน้าหวังเค่อ
“เ้าอยากกลับออกไปคุ้มครองลูกข้า?” อสุรกายกระดูกถามเสียงเข้ม
พอได้ยินเช่นนี้ หวังเค่อพลันกระชุ่มกระชวยขึ้นมา
“ผู้าุโ ข้าจะไม่บอกว่าข้าไม่กลัวโดนท่านจับกิน ข้าไม่มีอะไรปิดบังท่าน ไม่เหมือนพวกไป๋จิน มันเป็พวกกลับกลอกไม่จริงใจ ข้ากลัวก็บอกกลัว แต่ขณะเดียวกัน ข้าก็อยากช่วยลูกท่านด้วย ใช่แล้ว เซิ่งจื่อกับข้าเป็สหายรักกัน ท่านก็ได้ยินจากเครื่องเล่นเสียงเมื่อครู่แล้ว ไม่สิ ได้ยินจากกำไลกระดูกที่เซิ่งจื่อมอบให้ข้าแล้ว บางทีท่านอาจไม่เชื่อที่ข้ารับปากว่าจะออกไปช่วยปกป้องเซิ่งจื่อ แต่ข้าไม่จำเป็ต้องให้ท่านเชื่อ ข้าทำด้วยมือ ไม่ใช่พูดด้วยปาก ลมปากล้วนเป็เพียงคำโป้ปด ข้าลงมือทำพิสูจน์ความจริง ผิดหรือไม่? ต่อให้ข้าหลอกท่าน แต่คนดีอย่างเซิ่งจื่อย่อมไม่โกหกท่าน ท่านคิดจะเชื่อลมผายของผู้อื่นหรือจะเชื่อข้าที่ลงมือทำ? ข้ากลับออกไปได้ หากไม่ปกป้องเซิ่งจื่อสหายรัก แล้วจะให้ข้าปกป้องใคร?” หวังเค่อพลันตีหน้าเป็ยอดคนผู้เที่ยงธรรม
พอได้ยินวาจาหวังเค่อ พวกไป๋จินก็ไม่ทราบควรตอบสนองอย่างไร เ้าไม่พูดด้วยปาก? แม่งเอ๊ย หากเ้าไม่พูดด้วยปากเ้าจะกลายเป็นายท้ายเทพัได้ยังไง? หากไม่พูดด้วยปากมีหรือเ้าจะได้เป็รองเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา?
พวกไป๋จินไม่เชื่อวาจาหวังเค่อ แต่เื่นั้นหาได้สำคัญไม่! เพราะอสุรกายกระดูกเชื่อ!
มีเสียงบันทึกของลูกข้าอยู่ตรงนี้ หากข้าไม่เชื่อคำพูดของสหายรักลูกตัวเอง แล้วจะให้เชื่อพวกที่คิดวางแผนฆ่าลูกข้าหรือไร?
“ได้ ข้าไม่อยากให้เ้าต้องรับปากอะไร เ้าหนู จำเอาไว้ หลังออกไปแล้วเ้าต้องช่วยดูแลลูกข้าให้ดี!” อสุรกายกระดูกเอ่ยเสียงเข้ม
“ผู้าุโ ข้าสามารถกลับออกไปได้จริงๆ?” หวังเค่อประหลาดใจ
“กลับออกไป? ไม่มีใครออกไปได้ทั้งนั้น ต่อให้เป็ทารกแกนิญญาหลงเข้ามาก็อย่าหวังจะได้ออกไป แต่ข้าสามารถทุ่มสุดกำลังเพื่อส่งเ้าออกไปได้!” อสุรกายกระดูกตอบเสียงหนัก
“ขอบคุณผู้าุโ ข้าไม่ขอรับปากท่านมั่วซั่ว แต่ขอรับรองด้วยสายสัมพันธ์ของข้ากับเซิ่งจื่อ! ท่านรอดูได้เลย!” หวังเค่อตบอกทันที
ไป๋จินกับพวกต่างพากันเบิกตากว้าง
นี่ นี่ หวังเค่อมันออกไปได้? ทำไมกัน มันแค่เอ่ยปากพูดไม่กี่คำก็ออกไปได้แล้ว?
“ผู้าุโ พวกเราเองก็คุ้มครองเซิ่งจื่อได้ พวกเราจะทุ่มเทกายใจคุ้มครองเซิ่งจื่อ ท่านจะลงอาคมใส่พวกเราไว้ก็ได้ ข้าสาบาน ข้าสาบาน!” ไป๋จินรีบเอ่ยปากอย่างคาดหวัง
“ผู้าุโ พวกเราเองก็สาบานจะปกป้องเซิ่งจื่อ!” มารทั้งหมดเองก็คาดหวังเช่นกัน
“สาบาน? ของพรรค์นั้นเชื่อถือได้รึ?” หวังเค่อทอดตามองอย่างเหยียดหยาม
ไป๋จินถลึงตาใส่หวังเค่อ ในใจอัดแน่นด้วยคำด่าพ่อล่อแม่นับหมื่น เ้าออกไปได้แล้วทำไมพวกเราจะออกไปไม่ได้?
“แค่หวังเค่อคนเดียวก็พอ มันเป็นายท้ายเทพั สามารถคัดเลือกศิษย์เข้าลัทธิได้! ส่วนพวกเ้า? เหอะ! เชื่อถือไม่ได้! พวกเ้าวางแผนสังหารลูกข้ายังคิดให้ข้าปล่อยไปอีก?” อสุรกายกระดูกเอ่ยเสียงเย็น
“ผู้าุโอภัยให้ด้วย พวกเรารู้ผิดแล้ว! พวกเราไม่รู้เื่จริงๆ!” พวกไป๋จินต่างพากันร้องไห้วิงวอน
“หวังเค่อ เ้า้าสิ่งใดจากข้าหรือไม่?” อสุรกายกระดูกถามเสียงเข้ม
“ขอบคุณผู้าุโที่เมตตา เดิมทีข้าไม่สมควรเรียกร้องอะไรจากท่านเกินควร เพียงแต่ข้าเพิ่งเริ่มก่อตั้งพรรคสาขาเกาะเทพั ตอนนี้จำต้องอาศัยเงินทุนจำนวนมาก แน่นอนว่าสิ่งที่้าที่สุดก็คือหยกวิถีิญญา ข้าไม่รู้ว่าท่านผู้าุโพอจะมีเหลือบ้างหรือไม่? หากไม่มีก็ไม่เป็ไร!” หวังเค่อลองล้วงปากราชสีห์ดู
“หยกวิถีิญญารึ? ูเาิญญาที่ผนึกข้าไว้แห่งนี้เพิ่งให้กำเนิดหยกนั่นมาชิ้นหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน เดี๋ยวข้าเอามาให้!” อสุรกายกระดูกกล่าว
กล่าวจบ อสุรกายกระดูกก็แทงมือเข้าใส่กำแพงศิลาด้านข้าง
“เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ!”
ตัวกำแพงศิลาคล้ายแฝงด้วยพลังสะกดรุนแรง ฝ่ามือของอสุรกายกระดูกถูกป่นจนกลายเป็ผุยผงอย่างรวดเร็ว
ทว่าแขนกระดูกยังคงแทงเข้าสู่กำแพงศิลา ก่อนที่มันจะล้วงหินที่เปล่งแสงสีแดงออกมาก้อนหนึ่ง
“ครึ่ก ครึ่ก!”
กระดูกแขนที่ถูกป่นงอกกลับมาอย่างแช่มช้า
“นี่ก็คือหยกวิถีิญญา! มอบให้เ้าเป็รางวัล!” อสุรกายกระดูกกล่าวอย่างจริงจัง
“รางวัลอันใดกัน? ผู้าุโไม่ต้องห่วง เื่ของสหายรักข้าก็คือเื่ของข้า ไว้ข้าออกไปแล้วจะรวบรวมผู้คน คอยอารักขาคุ้มครองเซิ่งจื่อตลอดสิบสองชั่วยาม!” หวังเค่อยิ้มกว้าง
มันแทบจะอดใจรอเก็บหยกวิถีิญญาลงไปไม่ไหว
อสุรกายกระดูกถอนฟันซี่หนึ่งออกมาจากปากตนเองอย่างช้าๆ
“มอบฟันซี่นี้ให้ลูกข้า มันจะรู้เื่ทุกอย่างเอง!” อสุรกายกระดูกส่งของทั้งคู่ให้หวังเค่อ
หวังเค่อรีบนำกล่องหยกออกมาเก็บฟันของอสุรกายกระดูกอย่างระมัดระวัง
“ผู้าุโโปรดวางใจ ข้าสัญญาว่าจะต้องมอบมันให้เซิ่งจื่ออย่างแน่นอน!” หวังเค่อรับปากหนักแน่น
“เอาละ ข้าไม่มีของอะไรอย่างอื่นจะมอบให้ งั้นข้าจะส่งเ้าขึ้นไปล่ะนะ!” อสุรกายกระดูกมองหวังเค่อ
“ขอรับ ขอบคุณท่านผู้าุโ ส่วนกำไลมิติของพวกไป๋จิน ข้าจะไม่เอ่ยปากขอเพื่อนำไปใช้เกณฑ์ไพร่พล ข้าจะให้พวกมันได้เก็บไว้วางเงินเดิมพันตอนเล่นไพ่กับผู้าุโ!” หวังเค่อส่งสายตาอิจฉาใส่พวกไป๋จิน
พวกไป๋จินอ้าปากค้างอย่างอัศจรรย์ใจ เ้าหวังเค่อนี่จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว เ้าพูดมาตรงๆ ไม่ได้หรือไง? อยากได้กำไลมิติพวกข้าทำไมต้องพูดอ้อมโลกปานนั้น?
“เล่นไพ่นกกระจอกจะมีกำไลมิติหรือเปล่าไม่สำคัญ ข้าไม่้าเงินเดิมพัน ให้ข้ากินพวกมันแล้วคายเงินออกมาให้เ้าเอาไหม?” อสุรกายกระดูกถามจริงจัง
“ไม่ ไม่ พวกเราจัดการเอง พวกเราจัดการเอง!” ไป๋จินส่งเสียงอย่างหวาดกลัว
ขณะเอ่ยคำ ฝูงมารต่างพากันรีบถอดกำไลมิติ อาวุธวิเศษ และกระบี่บิน ก่อนจะโยนให้หวังเค่อ
“แหม ข้ารับไว้จะดีหรือ?” หวังเค่อหัวเราะก่อนจะเก็บทุกอย่างลงไป
ไป๋จินและคนที่เหลือ “...!”
“ผู้าุโ โต๊ะเล่นไพ่นี่มอบให้ท่าน หากท่านเบื่อก็เล่นไพ่นกกระจอกกับพวกมันได้! ถือเสียว่าเป็การฆ่าเวลา ไว้ข้าพบเซิ่งจื่อแล้ว ข้าจะลงมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวให้ท่านทราบ!” หวังเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ดี!” อสุรกายกระดูกรับคำ
ขณะเอ่ยปาก เสากระดูกต้นหนึ่งก็งอกเงยขึ้นจากพื้น ก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นสู่เบื้องบน พาหวังเค่อมุ่งตรงสู่ปากหลุม
ภายในหลุมมีสนามพลังขนาดใหญ่อยู่ แต่ตัวเสากระดูกแบกรับแรงสะกดทั้งหมดไว้ เสากระดูกบังเกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วนขณะทะยานสูงขึ้น หลังจากพุ่งมาได้ระยะหนึ่งก็บังเกิดเสียงดังสนั่น
“ตูม!”
เสากระดูกแตกกระจาย หวังเค่ออาศัยแรงเฉื่อยดีดตัวไปต่อ เหลืออีกเพียงนิดเดียวมันก็จะถึงปากหลุม ใกล้จะออกไปได้แล้ว
“ฉึก!”
หวังเค่อคว้ากระบี่บินสองเล่มก่อนจะแทงเข้าสู่ผนังหลุม คนลอยอยู่กลางอากาศ
“เกือบไปแล้ว เกือบตกลงไปเสียแล้ว อีกแค่ก้าวเดียว อีกก้าวเดียวก็ออกไปได้แล้ว!” หวังเค่อเงยหน้ามอง
