ภายในเมืองซานเซียน อากาศสดชื่นแจ่มใส ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
เมื่อเดินผ่านสองฝั่งถนนจะมองเห็นร้านค้ากับแผงลอยได้ทุกที่…มีทั้งร้านตีเหล็กสร้างอาวุธ ทั้งร้านขายโอสถิญญาและร้านปรุงโอสถ ขายสมบัติวิเศษ มีแม้กระทั่งโรงเตี๊ยมกับสถานที่เริงรมย์ต่างๆ
นี่เป็ครั้งแรกที่จั๋วอวิ๋นเซียนเข้าเมืองซานเซียน ที่นี่เจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองตงหลิงมาก เมื่อเทียบกับชุมชนฝานเหรินแล้ว ราวกับอยู่คนละโลก
……
ผ่านไปไม่นานจั๋วอวิ๋นเซียนกับฉินตงหวู่ก็เดินผ่านถนนมาหยุดที่ด้านนอกจวนที่มีกำแพงสีแดงแห่งหนึ่ง
“หยุดอยู่ตรงนั้น ที่นี่คือจวนเ้าเมือง ผู้ไม่เกี่ยวข้องถอยไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินคำเตือนของทหารยาม จั๋วอวิ๋นเซียนไม่เพียงไม่ถอยไป กลับบอกให้เสี่ยวจิ่วเข็นเขาไปทางประตูจวนเ้าเมือง
“พวกเ้า…”
ขณะที่ทหารยามกำลังจะก่นด่า จั๋วอวิ๋นเซียนก็พูดแทรกขึ้นมา “ใต้เท้า ข้ามาจวนเ้าเมืองเพราะมีเื่บางอย่าง รบกวนท่านช่วยส่งข่าวให้ด้วย”
“เหอะเหอะ!”
ทหารยามอดหัวเราะเยาะมิได้และกล่าวอย่างเ็า “แค่คนธรรมดาอย่างพวกเ้าสองคน คิดจะพบเ้าเมืองของเราเช่นนั้นหรือ ถุ้ย! อย่ามาหาเื่ที่นี่ มิเช่นนั้นข้าจะจับพวกเ้าไปเป็ทาสเหมืองให้หมด”
ทะเลล่วนซิงกับแผ่นดินใหญ่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ที่นี่ไม่มีข้อผูกมัดกฎวิถีเซียน มีเ้าเกาะเป็ใหญ่ที่สุด ดังนั้นคนธรรมดาของที่นี่จึงราวกับมดแมลง ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ใช้ชีวิตยากลำบาก มีแม้กระทั่งคนที่ต้องขายตัวเป็ทาสและสูญเสียอิสรภาพไป
จั๋วอวิ๋นเซียนเข้าใจว่าสถานะของเขาตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติจะพบเ้าเมืองจริงๆ เดิมทีเขาอยากจะเกรงใจเสียหน่อย ทำตัวเป็มิตรเล็กน้อย…แต่ตอนนี้ดูท่าใน่เวลาเช่นนี้คงต้องใช้วิธีการพิเศษแล้ว
“ในเมื่อเ้าไม่เรียกให้ เช่นนั้นข้าเคาะประตูเองแล้วกัน”
เมื่อกล่าวจบจั๋วอวิ๋นเซียนโยนะเิเพลิงอัสนีลูกหนึ่งไปทางประตูสีแดงของจวนเ้าเมือง
“เฮ้ย! เ้าหนูเ้าทำอะไร?”
ทหารยามเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์พวกเขากำลังจะเข้าไปจับตัว กลับคิดไม่ถึงว่าด้านหลังจะมีเสียงะเิดังออกมา ทำให้พวกเขาใมาก
คลื่นพลังโหมซัดเข้ามา ฝุ่นควันตลบอบอวล
เมื่อทุกคนหันไปมอง ประตูจวนเ้าเมืองก็ถูกะเิกลายเป็ชิ้นๆ แล้ว
“เ้า เ้า เ้า…บ้าไปแล้ว!”
“ศัตรูบุก! ศัตรูบุก!”
“เร็วเข้า! รีบล้อมพวกเขาเอาไว้!”
ทหารยามรีบกล่าวเตือน ในความโกรธของพวกเขายังแฝงด้วยความตื่นตระหนก
ั้แ่ก่อตั้งเมืองซานเซียนจนถึงตอนนี้ เคยมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่ท้าทายอำนาจของเกาะสามเซียน แต่สุดท้ายล้วนมีจุดจบที่เลวร้าย! แต่คนที่กล้าะเิประตูจวนเ้าเมือง กลับไม่เคยมีเลยสักคน…
“ผู้ใดกล้าก่อเื่ที่เมืองซานเซียน?”
“ช่างใจกล้ายิ่งนัก กล้ามาก่อเื่ถึงเมืองซานเซียน!”
“จับตัวมาก่อนค่อยว่ากัน!”
เมื่อได้รับแจ้งเตือนทหารยามกลุ่มหนึ่งกับยอดฝีมืออีกสองคนพุ่งออกมาจากจวนเ้าเมืองเพื่อล้อมพวกจั๋วอวิ๋นเซียนเอาไว้ จากนั้นมีผู้บำเพ็ญนับพันกรูกันเข้ามา ขบวนทัพยิ่งใหญ่ บรรยากาศหนักอึ้ง ทำให้ผู้คนที่มองอยู่ไกลๆ ต่างรู้สึกหวาดหวั่น
ทว่าขณะที่ทหารยามมากมายกำลังจะลงมือ ทุกคนก็หยุดกะทันหัน…เพราะในมือของชายหนุ่มถือลูกปัดสองลูก มันก็คือลูกปัดเพลิงอัสนีที่น่ากลัวยิ่งกว่าะเิเพลิงอัสนี!
“ทุกคนอย่าได้ใไป…” จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น “ข้าเพียงแค่เคาะประตูเท่านั้น ของที่ข้าทำพัง ข้าจะชดใช้ให้พวกเ้าเอง”
“……”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก มีผู้ใดเคาะประตูแบบนี้ด้วยหรือ?
โดยเฉพาะทหารยามสองคนที่มีหน้าที่เฝ้าประตู ในใจของเขาเสมือนถูกสุกรฝูงหนึ่งเหยียบย่ำ ราวกับความรับผิดชอบถูกโยนมาที่พวกเขา…เพียงมิได้ส่งข่าวให้ต้องโทษเขาด้วยหรือ?
ทั้งสองคนส่ายหน้า ไม่ยอมรับความผิดเช่นนี้!
……
ทั้งสองฝ่ายล้วนหยุดชะงักด้วยบรรยากาศแปลกประหลาด
ฉินตงหวู่ยิ้มแห้งแล้วกระซิบว่า “นายน้อย ท่านทำเช่นนี้ดีแล้วหรือ? พวกเราค่อยมาเยี่ยมท่านเ้าเมืองคราวหน้าดีหรือไม่?”
เสี่ยวจิ่วกับเสี่ยวเนี่ยนมิได้รู้สึกอะไร แต่ฉินตงหวู่กลับกังวลไม่น้อย ถ้าเ้าเมืองซานเซียนไม่ออกมาถามหาสาเหตุ แต่อับอายจนโมโหแล้วกำจัดพวกเขาทิ้ง พวกเขาคงไม่รู้ว่าจะไปร้องไห้ที่ใด
“พี่ฉินไม่ต้องกังวล!”
จั๋วอวิ๋นเซียนโบกมือด้วยความใจเย็น เดิมทีเขาก็ตั้งใจมาหาเื่อยู่แล้ว จึงต้องแสดงศักยภาพออกมา มิเช่นนั้นจะดึงดูดความสนใจได้อย่างไร
“พอได้แล้ว ถอยไปเสีย”
เมื่อพูดจบชายชราผมดำสวมชุดคลุมหรูหรากับมงกุฎสีทองเดินออกมาจากจวนเ้าเมือง ท่าทางสุภาพเรียบร้อยกับความน่าเกรงขามทำให้รู้สึกหนักแน่นมาก
“คารวะท่านเ้าเมือง!”
ทหารยามรอบด้านรีบทำความเคารพ ผู้มาเยือนก็คือเ้าเมืองซานเซียน หวู่อันถง ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ เขามีตำแหน่งสูงส่งเป็รองเพียงเ้าเกาะเท่านั้น
“พวกเ้าเป็ใครกัน? ถึงกล้ามาหาเื่ที่นี่ อยากตายมากนักหรืออย่างไร”
หวู่อันถงมิได้เกรงใจ เดิมทีเขาคิดว่ามีผู้แข็งแกร่งมาหาเื่ แต่เมื่อเห็นพวกจั๋วอวิ๋นเซียนไม่มีพลังิญญา อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง จึงขมวดคิ้วขึ้นมา
เพียงแต่เมื่อเขาเห็นลูกปัดเพลิงอัสนีในมือของชายหนุ่ม สายตาของเขาจึงเปลี่ยนเป็ระมัดระวังขึ้นมา
“คารวะท่านเ้าเมือง”
จั๋วอวิ๋นเซียนคำนับด้วยความนอบน้อม เขากล่าวเสนอตัวว่า “ข้ามาเพื่อสวามิภักดิ์เกาะสามเซียน รบกวนท่านเ้าเมืองช่วยบอกกับเ้าเกาะทั้งสามคนด้วยว่า จั๋วอวิ๋นเซียนขอเข้าพบ…สำหรับสถานะและภูมิหลังของข้า เชื่อว่าจากฝีมือของพวกท่าน น่าจะหาพบได้อย่างรวดเร็ว”
“……”
รอบด้านเงียบกริบ มีคนไม่น้อยมองจั๋วอวิ๋นเซียนราวกับมองคนโง่
พวกเขาเพิ่งเคยเห็นคนเสนอตัวเช่นนี้เป็ครั้งแรก…มีคนมาสวามิภักดิ์แบบนี้ด้วยหรือ? เด็กคนนี้คิดว่าตัวเองเป็ใครกัน? ยังฝากคำพูดกับท่านเ้าเมืองด้วยหรือ? ถ้ามิใช่คนโง่ก็คงเป็คนบ้าไปแล้ว!
“ใช่แล้ว…”
จั๋วอวิ๋นเซียนมิได้สนใจสายตาแปลกๆ รอบด้าน เขาโยนลูกปัดเพลิงอัสนีในมือให้หวู่อันถง “ของสิ่งนี้นับว่าเป็ของขวัญพบหน้าที่ข้ามอบให้ท่านเ้าเมือง โปรดรับไว้ด้วย”
“……”
หวู่อันถงรับลูกปัดเพลิงอัสนีมาอย่างพูดไม่ออก จากพลังของเขาจึงสามารถััถึงพลังบ้าคลั่งที่อยู่ในลูกปัดเพลิงอัสนีลูกนี้ได้อย่างง่ายดาย
“จั๋วอวิ๋นเซียน…ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน…จั๋วอวิ๋นเซียน…จั๋วอวิ๋นเซียน…”
หวู่อันถงสามารถเป็ถึงเ้าเมืองซานเซียนได้ จึงมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม อีกทั้งยังเป็คนรอบคอบและพึ่งพาได้ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็จำภูมิหลังของจั๋วอวิ๋นเซียนได้ทันที
เมื่อสามปีก่อนมีชายหนุ่มคนหนึ่งก่อเื่ที่ท่าเรือหลงหยา ทั้งยังสังหารยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณคนหนึ่งด้วย…ตอนนั้นเื่นี้โด่งดังไม่น้อย ดังมาถึงทะเลล่วนซิง และชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือจั๋วอวิ๋นเซียน
เนื่องจากเด็กหนุ่มแบกรับชื่อผู้สืบทอดของสำนักเทียนกงเอาไว้ ขั้วอำนาจในทะเลล่วนซิงไม่น้อยต่างกำลังตามหาเขา แต่เวลาผ่านไปสามปีแล้ว เด็กหนุ่มกลับไร้ซึ่งข่าวคราว ผู้คนไม่น้อยคิดว่าเด็กหนุ่มตายในทะเลล่วนซิงแล้ว คิดไม่ถึงว่าผู้สืบทอดสำนักเทียนกงจะปรากฏตัวบนเกาะซานเซียน ทำให้หวู่อันถงยากจะทำใจเชื่อ
“เ้าก็คือเด็กหนุ่ม…ที่ท่าเรือหลงหยาเมื่อสามปีก่อน!”
“เป็ข้าเอง”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าพลางกล่าวยอมรับตรงๆ “ท่านเ้าเมือง ไม่ทราบว่าตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติพบเ้าเกาะท้ังสามหรือไม่?”
“แน่นอน แน่นอน!”
หวู่อันถงหัวเราะดีใจ เขารีบสั่งการทันที “ใครก็ได้ รีบมาพาคุณชายจั๋วกับสหายของเขาไปพักผ่อนที่เรือนหลิงฉวนที ห้ามใครล่วงเกินเด็ดขาด”
ทหารยามสบตากัน คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์วุ่นวายจะจบลงเช่นนี้
และในเวลาเดียวกันหวู่อันถงส่งข่าวไปรายงานให้เ้าเกาะทั้งสามที่อยู่ด้านนอก เอาเื่ที่เกิดขึ้นสรุปให้ฟังรอบหนึ่ง
