หลงเซี่ยวอวี่โน้มตัวเข้าหาหูของมู่จื่อหลิง หายใจหอบด้วยลมหายใจร้อนๆ น้ำเสียงของเขาทั้งนุ่มและเบา แต่ให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัว “จริงหรือ?”
ลมหายใจอุ่นๆ แผ่ซ่านไปทั่วหูที่บอบบางของมู่จื่อหลิงในทันที ทำให้นางรู้สึกชาและมึนงง ราวกับมีแมลงและมดนับพันตัวที่คลานไปทั่วร่างกายของนาง มันคันไปจนถึงส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของนาง
ตามสัญชาตญาณ ทำให้มู่จื่อหลิงขยับร่างกายของนางอย่างชาญฉลาด ด้วยการค่อยๆ เลื่อนกายออกจากเตียง
อย่างไรก็ตาม แขนของหลงเซี่ยวอวี่ก็ขยับไปกดทับนางไว้ราวกับคีมเหล็กแข็ง ทำให้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“หือ?” ริมฝีปากเ็าของหลงเซี่ยวอวี่หยอกล้ออย่างแ่เบา จนติ่งหูที่อ่อนนุ่มของนางแดงขึ้นด้วยความร้อน
น้ำแข็งและไฟไม่สามารถเข้ากันได้ พวกเขาเกิดมาเพื่อต่อต้านซึ่งกันและกัน แต่ในยามนี้น้ำแข็งและไฟต่างก็กลายเป็สิ่งที่เชื่อมโยงกัน
เสียงนี้ทั้งอบอุ่น น่ารื่นรมย์และร้ายกาจ นุ่มนวลชวนให้มึนเมา ยั่วเย้าเบาๆ ราวกับขนนก ลูบไล้หัวใจให้อ่อนนุ่มทำให้คนรู้สึกเกินจะทานทนได้
ทันใดนั้นร่างกายของมู่จื่อหลิงก็กลายเป็อัมพาต หัวใจของนางก็เต้นแรงเกินควบคุม นางแทบจะควบคุมตนเองไม่ได้ จึงเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว “ไม่จริง ไม่จริง ถอดออก ใบหน้าที่เสแสร้งนี้ ถอดออกไปให้หมด”
มู่จื่อหลิงเกือบจะคุกเข่าลง ชายผู้นี้เก่งเกินไปแล้ว!
กล่าวได้ว่า ความสามารถในการหว่านเสน่ห์ของเขาเหมือนกับรูปลักษณ์เย่อหยิ่งและน่าเกรงขาม เขาเกิดมาแข็งแกร่งจริงๆ!
ในชาติที่แล้ว นางได้บำเพ็ญกุศล ช่วยชีวิตและรักษาาแมานับไม่ถ้วน ทั้งยังไม่ทำผิดบาป นางจะเข้าไปอยู่ในชีวิตชายที่ดำมืดและเ้าเล่ห์ผู้นี้ไปตลอดชีวิตได้อย่างไร ช่างโชคร้ายจริงๆ
นางคิดว่า นางควรหาเวลาไปวัดชิงอันเพื่อเผาเครื่องหอมและบูชาสักหน่อยเพื่อขับไล่ความโชคร้าย
สิ่งโชคร้ายมักจะติดตามมาเสมอ เพียงแค่ภายนอกก็เพียงพอแล้ว ในยามอยู่ที่เรือนยังต้องถูกกดขี่โดยจอมเผด็จการที่มีอำนาจเหนือกว่าอีก
ผู้ใดจะรู้ว่ามีคนไม่พอใจกับคำตอบนี้
กลับกัน…
จู่ๆ หลงเซี่ยวอวี่ก็คว้าคางเรียวของมู่จื่อหลิงไว้ ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างอันตราย ฉายแววเ็าจนหัวใจหยุดเต้น และดวงตาทั้งสองข้างก็จ้องไปที่มู่จื่อหลิง “นอกจากเปิ่นหวางแล้ว ในใจเ้ายังนึกอยากเสแสร้งกับผู้ใดอีก?”
น่าขยะแขยง ผู้ชายจู้จี้จุกจิกคนนี้ พูดก็ผิด ไม่พูดก็ยังผิด หลอกลวงมาก!
มู่จื่อหลิงรู้สึกท้อแท้ มันเป็ความรู้สึกที่อึดอัดอยู่ภายในหัวใจ!
นางเสแสร้งกับผู้ใด? นางสามารถเสแสร้งกับผู้ใดได้อีก? ไม่ว่าผู้ใดนางก็ไม่อยากเสแสร้ง!
ในยามนี้ สิ่งที่นางอยากทำในใจคือการจุดไฟในใจของตนเอง แสร้งทำเป็โกรธ เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว...
ประโยคที่ดีสามารถคิดได้มากมาย เหตุใดต้องจงใจมองหาความผิด ไปจนถึงขอบเขตสุดท้ายของจิตใจ
ดวงตาสีเข้มของหลงเซี่ยวอวี่กักนางเอาไว้แน่น ใบหน้าที่งดงามของเขาดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งหนาทึบ เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ แค่รอให้นางพูดออกมา
ความโกรธในหัวใจของมู่จื่อหลิงพุ่งสูงขึ้น ชายผู้แข็งแกร่งและมีอำนาจเหนือกว่าผู้นี้ เขาจะสามารถเลิกจู้จี้จุกจิกตลอดเวลาเพื่อมองหากระดูกในไข่ไก่ได้หรือไม่?
จริงๆ เลย...มันทำให้คนเกิดความโกรธเคืองอย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?
ในยามนี้หากไม่ใช่เพราะเสียเปรียบ หากไม่ใช่เพราะว่านางไม่สามารถขยับตัวได้ ไม่อย่างนั้นนางคงสะบัดแขนเสื้อแล้วออกไปนานแล้ว
จะต้องถูกกินเต้าหู้สักหน่อยก็ไม่เป็ไร แต่ต้องมาถูกรังแก ยามนี้ หากจะบอกว่าผู้ใดคือคนที่ทุกข์ใจที่สุดในใต้หล้า ก็ต้องเป็นาง
มันเริ่มั้แ่เมื่อใดกัน ที่นางต้องเข้าไปพัวพันกับชายผู้มีอำนาจ แข็งแกร่งและไร้ยางอายผู้นี้? ความคิดของมู่จื่อหลิง ล่องลอยไปอย่างรวดเร็ว...
ใช่แล้ว มันเป็อุบัติเหตุครั้งนั้นที่บังเอิญชนเข้ากับเขา จนริมฝีปากบังเอิญแตะกัน และจากนั้น...เมื่อคิดถึงเื่นี้ มู่จื่อหลิงก็แทบรอไม่ไหวที่จะทุบหน้าอกและเท้าของตน เสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ล้มไม่เป็ไร แต่ล้มแล้วยังควบคุมไม่อยู่อีก!
ในยามนี้มู่จื่อหลิงรู้ได้อย่างไร ว่านางไม่สามารถหนีได้พ้นหากนางไม่ล้มลงไป
นางมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่ที่น่าเกรงขาม ท่าทางของนางแสดงให้เห็นว่าไม่กลัวแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม คนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ผู้นี้ไม่ต่างอะไรจากะเิเวลาที่ไม่รู้ว่าจะะเิเมื่อใด...ดังนั้น นอกจากความอดกลั้นแล้ว นางยังต้องอดทนด้วย!
มู่จื่อหลิงหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยลมหายใจอุ่นๆ ออกมา เพื่อระงับความโกรธที่แทบจะควบคุมไม่ได้ในใจของนาง
นางไม่รู้เลยว่าลมหายใจอุ่นๆ นี้ถูกพ่นลงบนใบหน้าแสนหล่อเหลาของหลงเซี่ยวอวี่โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลมหายใจอุ่นๆ ของนางนั้นช่างอบอุ่นใจเพียงใด
ในยามนี้ มู่จื่อหลิงเป็เหมือนลูกบอลอัดลมที่ถูกปล่อยลมออก ทั้งเหี่ยวแห้งและไร้อำนาจ
มุมปากของนางกระตุกเป็รอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ นางยกมือขึ้นััหัวใจของตนเอง แล้วถามกลับว่า “นี่...ท่านเพียงแค่เสแสร้งใช่หรือไม่?”
ทันทีที่เสียงแ่เบาเอ่ยออกมา มู่จื่อหลิงก็ใกลัวจนเกือบชนกับกำแพงด้วยความอับอายและความโกรธ นางพูดเสียงเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?
เพราะเมื่อครู่ถูกเขาหยอกล้อ ในเวลานี้น้ำเสียงของนางจึงมีความอ่อนหวาน แ่เบาและแหบแห้ง ทำให้คนมึนเมาและรู้สึกดี มึนเมาอย่างสุดจะพรรณนา
หลงเซี่ยวอวี่หยุดนิ่งไปในทันที แววตาของเขาดูประหลาดใจ
ช่างน่าประหลาดใจ!
เมื่อครู่หญิงผู้นี้ทำสิ่งใด? พูดสิ่งใดออกมาอีกกัน?
ลมหายใจที่นางพ่นออกนั้นช่างสดชื่นน่ารื่นรมย์ อบอุ่นราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้น้ำค้างแข็งบนใบหน้าของเขาละลายลงได้ในทันที
น้ำเสียงที่แ่เบาไร้พลังยิ่งน่าัั และมันได้ััไปถึงหัวใจ ทำให้คนสับสนมึนเมายากจะคลายออก
ดูเหมือนจะมีกลิ่นหวานอยู่ในปากและจมูกของนาง และมันค่อยๆ แผ่ขยายไปยังจุดที่นุ่มนวลที่สุดในหัวใจของเขา ค่อยๆ เข้าโอบกอด และเติมเต็มหัวใจอย่างช้าๆ
โอกาสที่หายากเช่นนี้ ไม่ว่านางจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม อย่างไรมันก็เป็สิ่งที่หาได้ยากมากสำหรับเขาอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ยังมีเื่ให้น่าประหลาดใจเพิ่มขึ้น ด้วยคลื่นลูกแรกยังไม่ทันหยุดนิ่ง คลื่นลูกถัดไปก็เกิดขึ้นมาอีก!
เมื่อเห็นว่าหลงเซี่ยวอวี่เงียบไปเป็เวลานาน อีกทั้งท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งซับซ้อนและเข้าใจยาก มู่จื่อหลิงจึงคิดว่าเขายังไม่พอใจ จึงเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมาอีกครั้งและต้องรีบทำให้ดีที่สุด
เนื่องจากมีข้อผิดพลาดมากเกินไป และนางคิดว่าเขาไม่พอใจกับสิ่งที่ตนพูด จึงทำได้เพียงแสดงออกด้วยการกระทำเท่านั้น
ในยามนี้ เสียงลมหายใจของหลงเซี่ยวอวี่รวดเร็วรุนแรงพอๆ กับมู่จื่อหลิง เขาคลายมือที่จับคางของนางออก
เป็อิสระอย่างง่ายดายเช่นนี้ มู่จื่อหลิงกลับไม่ได้คิดสิ่งใดมากเกี่ยวกับเื่นี้ นางยืนขึ้น เนื่องจากร่างกายของนางอ่อนแรงลงเล็กน้อย นางจึงเซ ก่อนที่นางจะกัดฟันแล้วยืนขึ้นใหม่ มองลงไปที่หลงเซี่ยวอวี่
หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกตัวแล้ว จึงหันไปมองและกำลังจะพูด
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าแก้มของเขาถูกจับด้วยมือเล็กๆ ที่อ่อนโยนคู่หนึ่ง ใบหน้าสีชมพูก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
‘จุ๊บ——' มู่จื่อหลิงจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้เงยขึ้นมา แล้วกดจูบริมฝีปากที่เย็นเยียบของเขาลงไปอย่างแรง แต่มันกลับนุ่มนวลเหมือนแมลงปอที่เกาะอยู่บนผิวน้ำ เพียงแค่ชิมแล้วหยุดไป ทำให้คนลืมไม่ลงอีกครั้ง
เพื่อแก้ปัญหาการปะทุของะเิในครั้งนี้ ทำได้แค่ใช้วิธีนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นางโดนเขาจูบไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ นางแสดงความรักออกมาอย่างใจกว้างโดยไม่เสียดายแม้แต่น้อย มู่จื่อหลิงคิดอย่างเงียบๆ อยู่ภายในใจของนาง
ในเวลาเดียวกัน ฉีอ๋องผู้ซึ่งไม่เคยได้รับอิทธิพลจากผู้ใดหรือสิ่งใด ก็ต้องตื่นตะลึงกับการจุมพิตลงมาอย่างกะทันหันในครั้งนี้
ในยามนี้ ร่างกายของฉีอ๋องราวกับว่ากำลังถูกจี้จุดจนตัวแข็ง ไม่อาจเคลื่อนไหว แม้แต่การหายใจก็ช้าลง
หลงเซี่ยวอวี่นึกไม่ถึงว่าจะมีประโยชน์เช่นนี้ภายใต้การบีบบังคับและการยั่วยุ ซึ่งมันน่าประหลาดใจเกินไป
เม่นน้อยตัวนี้เป็ฝ่ายเริ่มกระทำต่อเขาเป็ครั้งแรก ความรู้สึกเช่นนี้มันวิเศษมากเลยไม่ใช่หรือ?
หลงเซี่ยวอวี่ดื่มด่ำกับจูบที่คาดไม่ถึง...
ในยามนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าก่อนการพังทลายของูเาไท่ซานนั้นมักมีความสงบเสมอ ดังเช่นสีหน้าของฉีอ๋องที่ยังสงบอยู่แม้ว่าเขาจะตกตะลึงเป็เวลานาน เนื่องจากการเริ่มจูบก่อนของมู่จื่อหลิง
“เป็อย่างไร?” มู่จื่อหลิงมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่ด้วยท่าทางที่คาดเดาไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีความปรารถนาที่จะกรีดร้องขึ้นไปบนท้องฟ้า
ชายผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่? ทั้งการกระทำแข็งกร้าวและอ่อนนุ่มล้วนไม่ดีพอ นางไม่ได้ติดค้างอะไรเขา เหตุใดนางต้องอยู่ที่นี่และแสดงท่าทางน่ารักกับเขาด้วย
แม้จะไม่พอใจ แต่มู่จื่อหลิงยังคงรออย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หลงเซี่ยวอวี่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เห็นรอยยิ้มที่มุมปากที่สวยงามของเขา ก่อนที่เขาจะค่อยๆ กล่าวออกมาว่า “ดี!”
ในใจของนางมีเพียงเขา และมีเขาได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ในยามนี้ เมื่อมู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวอวี่ยิ้ม แม้ว่าจะยังดูดีอยู่ แต่คราวนี้นางไม่ตกตะลึงแล้ว
เพราะนางรู้สึกว่าฉีอ๋องทรงยิ้มเพียงบางๆ เท่านั้น...โง่เง่า!
แม้ว่านางจะคิดเช่นนั้นในใจ แต่มู่จื่อหลิงก็ไม่กล้าพูดออกไป นางไม่ใช่คนที่ชอบสร้างปัญหา และนางก็ไม่คิดว่ามันเป็เื่ใหญ่
เมื่อเห็นว่าหลงเซี่ยวอวี่มีอารมณ์ที่ดีขึ้น อีกทั้งนางก็เป็อิสระแล้ว มู่จื่อหลิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเบือนหน้าแล้วเดินจากไป
คาดไม่ถึงว่า หลงเซี่ยวอวี่จะเหยียดแขนเรียวของตนมาดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง มู่จื่อหลิงทรุดตัวนั่งลงบนตักของเขาอย่างแรง และถูกเขาจับตัวไว้แน่น
ไม่ว่าอารมณ์ของมู่จื่อหลิงจะดีเพียงใด ในยามนี้มันก็ใกล้จะปะทุออกมาแล้ว ยิ่งความโกรธของนางได้มาถึงขีดสุดแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เห็นได้ว่าหน้าอกของนางกระเพื่อมอย่างรุนแรง ดวงตาของนางแทบจะลุกเป็ไฟ และดวงไฟเล็กๆ ที่ลุกเป็ไฟแผดเผาในหัวใจของนางก็พร้อมจู่โจมได้ทุกเมื่อ
ในที่สุดนางก็ส่งเสียงออกมาดังๆ ซึ่งสามารถทำให้คนหูหนวกได้ว่า “หลงเซี่ยวอวี่ ท่าน...”
‘ปัง!’
ด้านนอกประตู เสี่ยวหานเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด พร้อมที่จะรับใช้มู่จื่อหลิง
ใครจะคิดว่านางจะได้เห็นคนสองคนกอดกันอยู่บนเตียงอย่างสนิทสนม และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้ยินเสียงที่ทำให้หูหนวกได้ของนายน้อยเรียกฉีอ๋องด้วยคำเรียกต้องห้ามอย่างการเอ่ยนาม
นางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงงและตกตะลึง อ่างน้ำในมือของนางหล่นลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ขัดจังหวะการะโด้วยความโกรธของมู่จื่อหลิง
ดวงตาที่เ็าของหลงเซี่ยวอวี่เป็เหมือนพายุในฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ที่ร่วงหล่น [1] ซึ่งพัดเสี่ยวหานราวกับสายลมที่เย็นะเื
เสี่ยวหานซึ่งในยามปกติไม่ได้เป็คนขี้กลัว ในยามนี้เมื่อได้รับการจ้องมองที่เ็าของฉีอ๋อง ใบหน้ากลับซีดด้วยความหวาดกลัว ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง ราวกับว่าพร้อมที่จะทรุดตัวลงกับพื้นได้ในเวลาต่อมา สมองว่างเปล่า หยุดทำงานไปทันที
ริมฝีปากที่ไร้สีเืของนางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ บรรยากาศส่งผลให้นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ นางหันหลังกลับวิ่งหนีไปราวกับจะหนีเอาชีวิตรอด ก่อนจะสะดุดเข้ากับธรณีประตูที่อยู่ด้านหลังจนล้มลงไป
“เสี่ยวหาน” มู่จื่อหลิงร้องเรียกออกมาอย่างกระตือรือร้น พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของหลงเซี่ยวอวี่ แต่กลับขยับไม่ได้เลย
ดูเหมือนเสี่ยวหานจะไม่รู้สึกถึงความเ็ป และไม่ได้ยินเสียงเรียกของมู่จื่อหลิง หลังจากล้มกลิ้งก็รีบคลานเข่าออกไป...
เมื่อเห็นเช่นนี้ ความโกรธในหัวใจของมู่จื่อหลิงก็รุนแรงยิ่งขึ้น ดวงตาของนางกำลังลุกไหม้ด้วยไฟที่โหมกระหน่ำ นางจ้องไปทางหลงเซี่ยวอวี่อย่างก้าวร้าว “เหตุใดท่านถึงโหดร้ายนัก”
หลงเซี่ยวอวี่ไม่เหมือนผู้ใด เพียงกะพริบตาด้วยแววตาไร้เดียงสา แลดูงุนงง ก่อนจะถามอย่างเป็ธรรมชาติ “เ้าได้ยินเปิ่นหวางกล่าวสิ่งที่โหดร้ายหรือ?”
…
“ข้า...” หัวใจของมู่จื่อหลิงร้อนราวกับไฟ!
เกลียดนัก! เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงของเขาไม่ใช่หรือ?
“ปล่อยข้า” มู่จื่อหลิงกัดฟัน ระงับเปลวเพลิงในใจของตน เมื่อครู่นี้เสี่ยวหานล้มลงอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงความเ็ปของนาง
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] พายุในฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ที่ร่วงหล่น (秋风扫落叶) เป็คำอุปมาถึงความทรงพลัง เป็พลังอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งโหดร้ายและโเี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้