เมื่อเย่เทียนเซี่ยกลับไปถึงเมืองเทียนเฉินเขาก็ฟื้นฟูพลังชีวิตของตัวเองจนเต็ม จากนั้นก็เดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง ภารกิจระบบทั้งสามไม่มีอันไหนที่ง่ายเลยสักอย่าง ภารกิจทหารรับจ้างก็เป็เพียงภารกิจเดียวที่ต้องผ่านด่านโดยการต่อสู้กับศัตรู แต่เห็นได้ชัดว่าภารกิจพันธมิตรและภารกิจสัตว์เลี้ยง้าความสามารถในการค้นหาและความสามารถในการประสานงาน......... หลังจากเข้าไปในถ้ำหมาป่าหิมะครั้งแรกเย่เทียนเซี่ยก็รู้ได้ในทันทีว่าการจะทำภารกิจให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวนั้นยากยิ่งกว่ายาก ถ้ำหมาป่าน้ำแข็งที่น่ากลัวทำให้เขาต้องหานักบวชสักคนอย่างเร่งด่วน
อืม จะว่าไปแล้วหากพูดถึงนักบวชที่มีความสามารถในการรักษาที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่ใช่ว่าคนๆนั้นอยู่ข้างกายเขาหรอกเหรอ?
วันนี้คือวันแรกที่เฉินซินเข้ามา “ทำงาน” ในบ้านหลังน้อยของกั่วกัว ความงดงามและความหรูหราของที่นี่ทำให้เธอยังคงมีความรู้สึกเหมือนติดอยู่ในความฝัน เธอไม่ได้พูดเกินจริงไปเลยแม้แต่น้อย เทียบกับสถานที่ที่เธอเคยอยู่มาก่อนหน้านี้ ที่นี่ก็กลายเป็์ขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย หากสามารถอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ทุกวันแม้ว่าจะไม่มีรายได้เธอก็ไม่อยากจะจากไปเลย ผู้หญิงทุกคนล้วนฝันหวานถึงเื่ราวอันอบอุ่นและสวยงาม ขณะเดียวกันแม้จะเป็ผู้หญิงที่ประหยัดแต่ในใจลึกๆแล้วก็ยังคงชอบของหรูหราอยู่ดี
แม้ว่าจะมีเธออยู่ในที่แห่งนี้เพียงคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวตลอดทั้งวัน แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดความโดดเดี่ยวนั้นเลยสักนิด กลับกันเธอกลับชอบมันมากๆเสียด้วยซ้ำ
ั้แ่เมื่อวานจนถึงวันนี้เธอมีความรู้สึกพร่ามัวอยู่ตลอด......... จริงๆแล้วความสุขและความหวังช่างเข้ามาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้นี่เอง
เพื่อน้องสาว เพื่ออนาคตของตัวเองและน้องสาว เพื่อโอกาสนี่ เธอจะต้องขยันและตั้งใจให้มากๆ
ตอนเช้าเธอได้ทำความคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่ ตอนบ่ายเธอจึงเก็บผลไม้ที่สุกเต็มที่ไปไว้ในห้องโถงใหญ่ หลังจากนั้นเธอก็จัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน บ้านใน World of Fate และบ้านในโลกจริงล้วน้าการดูแลอย่างดีเหมือนๆกัน
จริงๆแล้วเธออยากจะพาน้องสาวของเธอมาที่นี่มากๆ สภาพแวดล้อมของที่นี่น่าจะสามารถทำให้จิตใจของเธอสดชื่นขึ้นได้ บางทีอาจจะทำให้อาการป่วยของเธอดีขึ้นก็เป็ได้ เพียงแต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ เธอไม่กล้าทำตามใจชอบและทำให้เ้าของสถานที่ไม่พอใจ........ ขณะเดียวกันอาการป่วยของน้องสาวเธอก็ทำให้เธอต้องพักผ่อนเป็เวลายาวนาน.......... แม้แต่เกมเสมือนจริงก็ยังถือว่าเป็การสร้างภาระให้กับเธอไม่น้อย
ประตูบ้านเปิดออก เฉินซินที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนก็รีบวิ่งออกมาจากหลังสวนแล้วรีบออกไปต้อนรับเย่เทียนเซี่ย เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่าเย่เทียนเซี่ยกลับมาแล้วนอกจากเฉินซินจะรีบร้อนเธอยังมีความรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นแบบที่อธิบายไม่ได้อีกด้วย........ เพียงแต่เธอสามารถทำเป็ไม่สนใจความรู้สึกเหล่านี้ได้อย่างเป็ธรรมชาติแค่นั้นเอง เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้หมายความว่าอะไร
เฟยเฟยไม่อยู่บ้าน สิ่งนี้ทำให้เย่เทียนเซี่ยแปลกใจนิดหน่อย เย่เทียนเซี่ยนั่งลงในห้องโถงใหญ่ จากนั้นเขาก็เห็นเฉินซินรีบยกชาที่เพิ่งชงใหม่ๆมาให้เขาอย่างรีบร้อนแล้วเธอก็มานั่งลงตรงหน้าเขา......... แต่กลับก้มหน้าลงเล็กน้องโดยไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“เฉินซิน เล่าเื่ของเธอให้ฉันฟังได้ไหม?” เย่เทียนเซี่ยจิบชาร้อนๆไปครั้งหนึ่งแล้ววางถ้วยชาลงก่อนจะถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อคิดถึงอดีตที่ไม่อยากจะคิดถึงตลอดไปใบหน้าของเฉินซินก็เปลี่ยนจากสีขาวอมชมพูเป็ชาวซีด สีหน้าของเธอที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เย่เทียนเซี่ยหัวใจกระตุกวูบ......... เขายิ่งแน่ใจเข้าไปใหญ่ว่าที่เธอมีดวงตาแบบนี้และทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ก็เพราะเธอจะต้องเคยพบเจอกับเื่ราวยากลำบากหรืออาจจะมีอดีตที่น่าเศร้าก็เป็ได้ และอดีตเช่นนั้นถ้าหวนกลับไปคิดถึงมันใหม่ก็คงไม่ต่างจากการเปิดาแนั้นอีกครั้ง เห็นดังนั้นเย่เทียนเซี่ยจึงรีบพูดขึ้นมา “ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ เธอไม่ต้องเล่าก็ได้” จากนั้นเขาก็พูดหยอกให้เธอสบายใจ “ความสงสัยของผู้ชายบางทีก็มากอย่างนี้แหละ”
เฉินซินกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้ากังวลและโศกเศร้า “พี่เซี่ยเทียน พี่ถือเป็เพื่อนของฉัน แล้วยังช่วยฉันไว้ตั้งมากมาย.......... จริงๆแล้วฉันไม่ควรมีเื่อะไรปิดบังพี่เลย แต่ว่า....... แต่ว่า......... เื่นั้นฉันไม่อยาก.........”
“ถ้าเป็อดีตที่เ็ปล่ะก็ งั้นก็ไม่ต้องไปคิดถึงมัน เหมือนกับฉันนั่นแหละ ความทรงจำอะไรที่ฉันไม่อยากจดจำฉันก็จะไม่คิดถึงมันอีก” เย่เทียนเซี่ยมองดูดวงตาที่ตื่นตระหนกของเธอแล้วพูดออกมายิ้มๆ รอยยิ้มอ่อนโยนทำให้หัวใจที่เป็กังวลของเฉินซินสงบลง เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “อืม”
“ตอนนี้เธอมีคนอยู่กับเธอหรือเปล่า?” เย่เทียนเซี่ยถามออกไปสบายๆ
“อืม......มีน้องสาวคนนึง เธอเป็น้องสาวของฉันเอง” เมื่อคิดถึงหญิงสาวผู้น่าสงสารที่ถูก์ทอดทิ้ง........ เธอคือน้องสาวของเฉินซิน และเป็ญาติสนิทเพียงคนเดียว รอยยิ้มมืดมนและความเ็ปภายในส่วนลึกของจิตใจก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเธอพร้อมๆกัน
แม้ว่าเธอจะปกปิดมันไว้ในส่วนลึก แต่เย่เทียนเซี่ยยังคงดูออกว่าสายตาของเธอนั้นหมายความว่าอะไร ในใจของเขาสั่นไหวอีกครั้ง คำถามที่ถามออกไปสองข้อทำให้เขาเข้าใจผู้หญิงคนนี้ลึกซึ้งมากขึ้นหลายส่วน
เย่เทียนเซี่ยถือโอกาสหลีกเลี่ยงหัวข้อนั้นไปแล้วพูดขึ้นมาอย่างสบายๆ “ไม่ว่ามันจะเป็ยังไง ตอนนี้เธอก็เป็แม่บ้านที่ฉันหามาได้ด้วยความยากลำบากแล้วนะ ทุกวันเธอต้องจัดการเื่ยุ่งๆในบ้านหลังนี้ให้เรียบร้อยล่ะ...... ถ้าไม่ตั้งใจทำล่ะก็ฉันจะหักเงินเดือนเธอ”
คำพูดกึ่งๆล้อเล่นทำให้บรรยากาศแปลกๆผ่อนคลายลงไป เฉินซินโค้งลงน้อยๆ “ฉันจะพยายามนะ”
เย่เทียนเซี่ยรู้ว่าหลังจากที่เธอมาถึงที่นี่สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจของเธอล้วนเป็ความกังวลและความไม่สงบ เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนมันอย่างไรความช่วยเหลือนี่มันก็ยังมากเกินไปอยู่ดี แต่เพียงทำให้เธอค่อยๆปรับตัวกับบทบาทใหม่นี้ให้ได้เธอก็จะเริ่มคุ้นเคยกับความช่วยเหนือของเย่เทียนเซี่ยไปเอง แบบนั้นถึงจะสามารถทำให้หัวใจของเธอสงบได้อย่างแท้จริง คนที่อ่อนแอและได้รับความเ็ปมามากเกินไปก็มักมีหัวใจที่อ่อนไหวอย่างนี้แหละ
และสิ่งที่เย่เทียนเซี่ยสามารถช่วยเธอได้ก็มีแค่เื่พวกนี้เท่านั้น ทุกอย่างต่อจากนี้คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง เพราะตัวเขาเองก็มีอดีตที่น่าเศร้า ดังนั้นเขาจึงช่วยเธอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยื่นมือเข้าไปเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเธอ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น
และท่าทีกังวลและเคารพที่เฉินซินแสดงออกมาต่อหน้าเขาในตอนนี้.......... ก็เหมือนกับเมทสาวตัวน้อยจริงๆ
เย่เทียนเซี่ยหยิบหนังหมาป่าหิมะสองแผ่นที่ได้มาจากการเก็บรวบรวมจากร่างของหมาป่าหิมะออกมาจากกระเป๋าจากนั้นก็วางลงบนมือของเฉินซินที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เฉินซินช่วยไปที่ร้านตัดเสื้อแล้วให้ช่างตัดเสื้อที่นั่นตัดเสื้อกันหนาวสองตัวให้ฉันหน่อยสิ ถ้า้าวัตถุดิบอย่างอื่นก็ให้ช่างตัดเสื้อเสนอราคามาได้เลย......... อืม ต่อไปเื่ไปจัดการทำธุระต่างๆคงต้องรบกวนเธอแล้วล่ะ”
“ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวนเลยสักนิด ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หัวใจของเฉินซินในตอนนี้อ่อนไหวมาก หัวใจอันดีงามของเธอบอกว่าถ้าเธอได้รับเงิน 1,000 เหรียญทองทุกวันโดยไม่ทำอะไรเลยเธอคงอยู่อย่างไม่เป็สุข และคงถือว่าตัวเองติดหนี้เย่เทียนเซี่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อเขาให้เธอทำอะไรยุ่งยากแม้ว่ามันจะเหนื่อยแต่หัวใจของเธอก็รู้สึกผ่อยคลายมากขึ้น
เพราะคิดอย่างนั้นเธอถึงดูแลจัดการทุกอย่างในบ้านหลังน้อยของกั่วกัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ส่วน “ภารกิจ” ที่เย่เทียนเซี่ยมอบหมายให้เธอนั้นเธอก็ตั้งใจจะรีบทำมันให้สำเร็จด้วยความยินดี
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเฉินซินวิ่งออกไปอย่างรีบร้อนเย่เทียนเซี่ยก็ได้แต่ยิ้มอ่อนแล้วพูดออมาเสียงต่ำ “ผู้หญิงแบบนี้........เป็ตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในการเลือกมาเป็ภรรยาจริงๆ ไม่รู้ว่าใครจะโชคดีได้หัวใจของเธอไปครองและได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอเหมือนกัน”
เย่เทียนเซี่ยยกข้อมือขึ้นมาแล้วส่งสียงเรียกออกไป “เฟยเฟย อยู่ไหนน่ะ”
ที่อุปกรณ์สื่อสารอีกเครื่อง...........
“เอ๋? เทียนเซี่ย นายออกมาแล้วเหรอ! เมื่อกี้ตอนที่ฉันโทรหานายมีแต่เสียงแจ้งเตือนว่านายอยู่ในพื้นที่พิเศษตลอดเลย....... ตอนนี้ฉันกับจั้วพั่วจวินแล้วก็ชิวสุ่ยกำลังเก็บเลเวลอยู่ทางใต้ของเมืองน่ะ......... ฮึ้ย! พวกเขาสองคนโง่ชะมัด กวางตัวน้อยๆที่น่ารักแล้วก็อ่อนแอพวกนั้นพวกเขาใช้เวลาโคตรนานกว่าจะจัดการมันไปได้ ห่างชั้นกับเทียนเซี่ยของฉันอีกไกล.....เลยล่ะ!”
แล้วเสียงอันไม่พอใจของจั้วพั่วจวินก็ดังสวนขึ้นมา “คุณหนูซู ฉันกับเ้าสี่ก็บอกเป็ร้อยรอบแล้วว่าความเร็วในการฆ่าของพวกเราสองคนก็อยู่ในระดับที่ดีแล้ว เธอเห็นแต่การฆ่าของพี่รองเพราะงั้นเธอเลยคิดว่า...........”
“ฮึ้ย! พวกนายก็เป็พี่น้องร่วมสาบานกันนี่ แล้วยังจะมีหน้ามาพูดอีก” ซูเฟยเฟยย่นจมูกแล้วพูดออกมา
จากนั้นเสียงของมู่หรวชิวสุ่ยก็ดังขึ้นมาบ้าง “ไม่ว่ายังไงเทียนเซี่ยของเธอก็คือพี่รองอยู่ดี แล้วพวกเราก็คือน้องสามและน้องสี่ด้วย”
“เอาเถอะๆ เทียนเซี่ยของฉันกลับมาแล้ว ไม่อยู่กับพวกนายละ บ๊ายบาย”
ซูเฟยเฟยวางสายแล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทันทีโดยไม่เสียเวลากล่าวลากับจั้วพั่วจวินและมู่หรวชิวสุ่ยเลยแม้แต่น้อย
จั้วพั่วจวินลูบจมูกของตัวเองไปมาแล้วพูดออกมาเบาๆ “เหอะๆ ยัยคุณหนูกินค่าประสบการณ์ไปได้ซะที”
“NO NO NO พี่สามที่รัก นายไม่คิดว่าการมีพี่สาวเฟยเฟยแสนสวยที่มีทักษะรักษาอันน่ารักอยู่ข้างๆจะทำให้เราไม่ต้องเป็ห่วงอะไรหรอกเหรอ ความเร็วในการกำจัดมอนเสอตร์ที่น่าสงสารเหล่านี้ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเท่านึงเลยนะ....... ถ้าให้ฉันเลือกล่ะก็ฉันก็หวังเป็อย่างยิ่งว่า..........เธอจะลืมเลือนพี่รองผู้เจิดจรัสแล้วมาอยู่ข้างกายพวกเราแทน....... โอ้! ฉันจะดีต่อเธอยิ่งว่าพี่รองแน่นอน”
จั้วพั่วจวินปรายตามองมู่หรงชิวสุ่ยวูบนึงแล้วพูดออกมาอย่างดูถูก “นายกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพี่รองไหมล่ะ?”
“นอกจากฉันจะเบื่อโลกอันสวยงามใบนี้แล้วเท่านั้นแหละ!”
“...........”
“จะว่าไปแล้ว เมื่อกี้ที่ได้ยินเสียงของพี่รอง ทำให้ฉันคิดว่าฉันลืมเื่ที่สำคัญอะไรบางอย่างไปนะ”
“เื่สำคัญ............โอ้!! เสียงของพี่รองทำให้ฉันคิดถึงเสียงเรียกของกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ไงล่ะ!”
“”ชิบหาย!! รีบกลับเข้าเมืองกันเร็ว! ฉันต้องเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์ให้ได้!!”
————
ร่านตัดเสื้อใจกลางเมืองเทียนเฉิน
“สวัสดีค่ะ ป้าอวี้คะรบกวนป้าใช้พวกมันเป็วัตถุดิบพื้นฐานแล้วตัดเสื้อกันหนาวให้หนูสองตัวได้ไหมคะ?” เฉินซินที่มาถึงร้านตัดเสื้อก็หยิบหนังหมาป่าหิมะสองชิ้นออกมาแล้วส่งพวกมันให้กับป้าอวี้ซึ่งเป็เ้าของร้านตัดเสื้ออย่างมีมารยาท
ได้ยินมาว่าป้าอวี้ไม่เพียงเป็คุณป้าคนหนึ่ง แต่เธอยังเป็ช่างตัดเย็บระดับ์อีกด้วย
ขณะที่รับหนังหมาป่าที่เฉินซินยื่นมาให้มือของเธอก็ถือเข็มเล่มหนึ่งเอาไว้ มันไม่ใช่เข็มอันน่ากลัวอะไร หากแต่มันคือเข็มสำหรับเย็บปักถักร้อย
มารยาทและน้ำเสียงอันอ่อนโยนเฉินซินที่ใช้พูดกับเธอทำให้ป้าอวี้จ้องมองเธออยู่นาน จากนั้นป้าอวี้ก็พลิกหนังหมาป่าในมือไปมาแล้วพูดขึ้นมา “หนังหมาป่าหิมะ มาจากร่างของหมาป่าหิมะที่อยู่ในถ้ำหมาป่าน้ำแข็งทางตอนเหนือของทวีปที่สาบสูญ หมาป่าหิมะหายากมาก มันคือหมาป่าสายพันธุ์พิเศษที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมอันหนาวเหน็บได้อย่างอิสระ ถ้าเอาหนังของพวกมันมาทำเสื้อผ้าจะมีผลในการป้องกันความหนาวเย็นได้ดีมาก.......... สาวน้อยเธอได้เอาวัตถุดิบอันอื่นมาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ หรือจะเป็พวกหยกที่ใช้ประดับก็ได้” ป้าอวี้เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดกับเฉินซิน
“ไม่มีค่ะ........ มีวัตถุดิบจำเป็อะไรที่สามารถซื้อกับคุณป้าได้เลยไหมคะ?” เฉินซินกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากนี่เป็สิ่งแรกที่เย่เทียนเซี่ยมอบหมายให้เธอทำดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำให้เย่เทียนเซี่ยผิดหวัง