“ความจริงแล้วเหตุผลสำคัญมันอยู่ที่รูปลักษณ์ซึ่งย้อนกลับไปเหมือนบรรพบุรุษรุ่นก่อนถัดจากมารดาหรือบิดาใช้คำพูดของพวกเรา รูปลักษณ์ของเ้าเช่นนี้ คือการสืบทอดมาจากรุ่นถัดก่อนหน้านี้เ้าเป็บุรุษที่ปกติมาก เหมือนกับพวกเรา เป็บุรุษที่ปกติมากๆ คนหนึ่ง”
“ที่ผมของเ้าเป็สีแดงเป็เพราะบิดามารดาของเ้ามีเส้นผมที่เหมือนกับเ้า ที่สำคัญที่สุดคือตาหรือยายของเ้า พวกเขามีผมสีแดง เมื่อเป็เช่นนี้เ้าจึงเกิดการสืบทอดรูปลักษณ์จากพวกท่านมาดังนั้นความจริงแล้วเ้าเป็การมีอยู่ที่แข็งแรงมาก เช่นเดียวกันหงโต่วก็เหมือนกัน หากข้าเดาไม่ผิด มารดาของหงโต่วหรือบิดา คงเป็คนที่มาจากต่างดินแดนพวกเขาเหมือนกับพวกเรา เป็คนเหมือนกัน ไม่ใช่สัตว์ประหลาด…”
หงโต่วหลุบตาลงซ่อนความรู้สึกภายในดวงตาลงไป แต่มือของนางกลับกำแน่น
เสี่ยวหลิวกลับมองนางด้วยความซาบซึ้งแล้วพูดโพล่งประโยคหนึ่งออกมา “เฉินเนี้ยนหราน ั้แ่ตอนนี้ไปข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เกลียดเ้า”
เฉินเนี้ยนหรานกลอกตามองบนใส่เขา“เ้าจะเกลียดจะรักข้าหรือไม่นั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า”
คำพูดนี้ถูกโจวอ้าวเสวียนถลึงตาดุมองไปทันที
กล้าชอบยังกล้ารัก! สตรีคนนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่
“แหะๆฮ่าๆ ข้าเป็คนปกติ ข้าไม่ใช่ปีศาจ และไม่ใช่สัตว์ประหลาด ฮ่าๆ …ในที่สุดข้าก็เป็คนปกติแล้ว”
ดูท่าทางราวคนบ้าคลุ้มคลั่งของเสี่ยวหลิวแล้วเฉินเนี้ยนหรานจึงพูดโจมตีไปประโยคหนึ่งอย่าไม่ไว้น้ำใจ
“ถ้าเ้าเป็บ้าเช่นนี้ต่อไปจะกลายเป็สัตว์ประหลาดจริงๆ แล้วนะ”
เสี่ยวหลิวหัวเราะแหะๆแล้วพุ่งไปอยู่ตรงหน้าของหงโต่ว “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ได้ยินแล้วใช่หรือไม่พวกเราไม่ใช่ปีศาจ พวกเราเป็คนปกติ”
หงโต่วยิ้มสดใสพร้อมพูดกัดเขา“ใช่สิ ข้าไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็ปีศาจนี่ มีแต่เ้าที่สนใจสายตาของคนอื่นเ้าน่ะมีชีวิตอยู่ภายใต้สายตาของคนอื่นอยู่ตลอดไม่เหนื่อยหรือ”
เฉินเนี้ยนหรานยิ่งชื่นชมองครักษ์ตัวน้อยของนางมากขึ้นอีก
ดูคำพูดพวกนี้เหมือนกับคนยุคปัจจุบันมากเลยนะ
ยืนหยัดด้วยตนเองอย่างเด็ดเดี่ยวทั้งยังไม่เกรงกลัวคนมีอำนาจ ยิ่งเป็คนที่กล้ารักกล้าเกลียด
องครักษ์เช่นนี้นาง้า
โจวอ้าวเสวียนรีบหันหน้านางมาให้ตรงแล้วพูดเน้นย้ำเสียงเคร่งขรึม “แม่นาง คนที่เ้าควรมองคือข้า ไม่ใช่สตรีคนนั้น”
สตรีคนนี้เป็อย่างไรกัน? ไม่มองบุรุษแล้วหลงใหลจะมองสตรีก็เข้าตา
ไม่ได้การต่อไปจะต้องจับตามองดูนางให้ดีหากไม่ทันระวังทำให้สตรีคนนี้เริ่มบ้าบุรุษสตรีหน้าตาดีขึ้นมาอีกมันทำให้เขาเป็กังวลมาก รู้บ้างหรือไม่
ตลอดทางมาเฉินเนี้ยนหรานได้พูดคุยกับโทมัส
แน่นอนเฉินเนี้ยนหรานได้อธิบายเกี่ยวกับโลกนี้ และโทมัสก็พูดว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร
โทมัสบอกว่าเขาไปนั่งเรือล่องมาด้วยกัน ก่อนจะมาถึงที่นี่โดยไม่รู้ตัวเรือของพวกเขาถูกคลื่นลมพัดจนพังไปนานแล้วเหลือเพียงไม่กี่คน และมีทั้งคนแก่ทั้งคนพิการ มีแค่เขากับอีกสามคนที่ยังสมบูรณ์ดี
แต่เพราะที่นี่ภาษาสื่อสารกันไม่ได้พวกเขาจึงหางานทำไม่ได้ อีกทั้งยังถูกเหล่าสตรีเด็กๆ มองเป็สัตว์ประหลาดตลอดทางมาสามารถหาอะไรกินได้ก็ไม่เลวแล้ว
ก่อนหน้านี้คนป่วยที่เดินทางออกทะเลมาด้วยกันได้รับาเ็หนัก ด้วยไร้หนทางจึงทำได้เพียงเอาตนเองมาขายเพื่อแลกกับยาให้เขาเพียงแต่ ที่ทำให้เสียใจมากก็คือ ถึงแม้จะเอาตนเองออกมาขาย กลับไม่มีผู้ใดยอมซื้อคนประหลาดเช่นพวกเขาตอนนั้นพวกโทมัสจึงอดทน อดมื้อกินมื้อประทังความหิวโหย
“เทพธิดาเ้าจะต้องช่วยพวกเรา ขอให้เ้าช่วยพวกเรา ์จะนำพาโชคดีมาแก่เ้า”
สำหรับการพูดคุยไปเรื่อยจนสามารถได้ทาสมาจำนวนมากเฉินเนี้ยนหรานเองก็หมดหนทาง
ช่วยไม่ได้ดูเหมือนจะต้องเก็บคนพวกนี้ไปด้วยเสียแล้ว
หลังจากพูดเื่ยากลำบากของพวกโทมัสกับโจวอ้าวเสวียนเขาก็ไม่ได้พูดมากอีก เพียงแค่โบกมือ “เ้าอยากจะรับไว้ก็รับไว้เถิด”
“สามีเ้าดีจริงๆ ความจริงแล้วรับพวกเขามาก็มีประโยชน์ หากมีวันหนึ่งพวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว หรือพวกเราอยากไปดูโลกภายนอก ไม่แน่ว่าพวกเรายังสามารถให้พวกเขานำทางแล้วไปดูแคว้นของพวกเขา…”
คำพูดนี้ทำให้โจวอ้าวเสวียนสนใจอยู่เล็กน้อยเขากวาดตามองผิวสีแดงดวงตาสีฟ้าของโทมัส “เ้าแน่ใจว่าพวกเราจะไปถึงแคว้นของพวกเขา? เกรงว่าพวกเขาเองก็ไม่แน่ว่าจะไปถึงแคว้นของตนเองได้เลย!”
ไม่ใช่เขาสงสัยแต่มี่หนึ่งที่เขาเองก็เคยเดินทางทางทะเล
้านั้นมีคลื่นที่กว้างไกลไร้สิ้นสุดมองไม่เห็นเลยว่าตรงหน้านั้นเป็สถานที่เช่นไรนอกจากคนที่เดินทางอยู่บนทะเลมานานหลายปีและต้องเป็คนที่มักจะเดินทางนี้ถึงจะสามารถคุ้นเคยและเป็ตัวของตนเองได้ เพียงแต่ไปบ้านเกิดของคนที่ผิวแดงดวงตาสีฟ้าจะต้องไกลมากสักแค่ไหน?
“วางใจเถิดถึงตอนนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับทิศทาง ข้าจะคิดหาวิธีมาแก้เองพวกเขามาที่นี่จะต้องมีความทรงจำกับเส้นทางทะเลอยู่บ้าง ดังนั้นคนพวกนี้เก็บเอาไว้ย่อมเป็เื่ดีอีกอย่างนะ ไม่ใช่แค่เลี้ยงข้าวคนเพิ่มไม่กี่คนไม่ใช่หรือ ไม่แน่นะพวกเขายังมีประโยชน์อื่นๆ ”
“รับไว้แล้วกันคิดว่าเลี้ยงทาสเอาไว้ก็พอ” โจวอ้าวเสวียนพูดยืนยัน หลังจากพาโทมัสมาที่โรงเตี๊ยม จึงให้เขาไปรับบรรดาสหายของเขามา
คู่ฝาแฝดประหลาดยังมาไม่ถึงหลังจากพวกนางเดินทางมายังโรงเตี๊ยมแล้ว ก็ไปนั่งพิงริมหน้าต่างและเริ่มชื่นชมคนประหลาดบนถนน
ไม่พูดไม่ได้ว่าการรวมตัวของคนประหลาดในยุทธภพ เป็การรวบรวมพวกแปลกประหลาดจริงๆ
“ฮูหยินท่านดูคนคนนั้น มีหูแหลมๆ ดูแล้วเหมือนกับสัตว์ร้ายคนเช่นนี้ไม่ทำให้คนกลัวอย่างนั้นหรือ?”
“นั่นเป็หูแมวปลอมคนคนนั้นใช้ท่าทางน่ากลัวมาข่มขู่คนใหม่ๆ ความจริงแล้วเขาขี้ขลาดมากฝีมือการต่อสู้ก็แย่ คล้ายกับแมวสามขาอย่างไรอย่างนั้น”
“ชิที่แท้ก็คนที่คลุมหนังเสือ คนนั้นเล่า คนที่หัวโล้นถือพลั่วคนนั้นดูแล้วเขายิ้มตาหยี เหตุใดคนคนนี้ถึงได้ประหลาดเช่นนี้กัน? ทั้งๆที่ยิ้มตาหยี แต่กลับถือพลั่ว นี่มันไม่ใช่…”
ตอนกำลังพูดกลับเห็นคนมาชนคนหัวโล้นที่ถือพลั่วคนนั้น
“อ๊าก…แทงคนแล้วแทงคนตายแล้ว”
ที่ทำให้คนตื่นตะลึงคือคนที่ถือพลั่วยกมือขึ้นสะบัด แล้วแทงคนคนนั้นไปเลย
คนที่ไปชนเขาเข้ากลิ้งอยู่ไม่ไกลจากประตูของโรงเตี๊ยมมองคนคนนั้นที่ยังมีเืไหลออกมา เฉินเนี้ยนหรานร้องออกมาก่อนจะอาเจียนออกมาด้วย
นักบวชด้านนอกมองมายังโรงเตี๊ยมก่อนจะเดินต่อไปด้านหน้า
ั้แ่ต้นจนจบบนใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้ม…
“น่าน่ากลัวเกินไปแล้ว นี่คือยุทธภพหรือ? หากเป็ยุทธภพเช่นนั้นก็…น่ากลัวเกินไปหน่อยแล้ว!”
เฉินเนี้ยนหรานพยายามสงบหัวใจที่เต้นโครมครามของตนเองลงนางกลืนน้ำลายลงไปหลายอึกถึงจะสามารถสงบลงได้
โจวอ้าวเสวียนกลับสงบกว่ามากเขากุมมือของนางเอาไว้อย่างมีความนัย “นี่คือความจริงอันเลวร้าย ในยุทธภพคนที่ไม่พูดอะไรอาจจะลงมือและหากมีการกระทำผิดขึ้นมาหัวก็จะหลุดจากบ่ามีบางคนยิ้มอยู่แต่กลับสามารถตัดหัวคนได้ มีบางคนนิสัยเคร่งขรึมดุดันแต่กลับขี้ขลาดราวกับหนู!”
“ข้ารู้แล้วเพียงแค่กะทันหันไปสักหน่อย เป็ครั้งแรกที่เห็นคนโหดร้าย จึงไม่ค่อยชินเท่าไร”
นางเองก็รู้เดินทางไปภายนอกกับบุรุษคนนี้จะต้องคุ้นชินกับเื่ราวโหดร้ายพวกนี้
แต่เพียงชั่วครู่ยังไม่ค่อยจะคุ้นชินเท่าใด
ในคืนนี้เฉินเนี้ยนหรานฝันร้ายเป็ครั้งแรกยังดีที่ตอนตื่นขึ้นมา เห็นชายหนุ่มแสดงสีหน้าเป็ห่วงตนเอง หัวใจของนางพลันสงบลงทันที
“วางใจเถิดข้าไม่ได้อ่อนแอเพียงนั้น เพียงแค่ไม่ค่อยคุ้นชินเท่านั้น แต่เ้าว่าเหตุใดสองฝาแฝดยังไม่มาอีก? เฮ้อแม้ด้านนอกจะสนุก แต่เื่ที่เรือนยังมีอีกเป็กระบุงโดยเฉพาะปัญหาพวกผ้าสำเร็จรูปพวกนั้น หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในใจของข้าไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไร”
“รู้แล้วรู้แล้ว เ้างานยุ่งมากไปแล้ว” โจวอ้าวเสวียนกอดนางแน่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะโน้มตัวลงมาปิดปากที่ยังพูดไม่หยุดของนาง
อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มขึ้นจนกลายเป็คลื่นสีแดง…
หงโต่วที่อยู่ด้านนอกห้องหลังจากได้ยินเสียงแปลกๆ จึงหมุนตัวเดินออกไปนิ่งๆ
องครักษ์เงาหนึ่ง : ทั้งๆที่เป็แค่องครักษ์ เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่านางเหมือนเ้านายมากกว่านายท่านกัน?
องครักษ์เงาสอง: นั่นก็เพราะว่านางแค่เป็องครักษ์ที่เป็หน้าที่หนึ่งไม่ได้วางเอาไว้อยู่ในตำแหน่งทาส
องครักษ์เงาหนึ่ง: เ้ารู้ได้อย่างไร?
องครักษ์เงาสอง: ข้ารู้ได้อย่างไรน่ะหรือ เพราะข้าเองก็คิดว่าข้าแค่ทำงานเท่านั้นคนเดิมทีก็ไม่ได้มีฐานะสูงหรือต่ำต้อย คำพูดของนายหญิง ความจริงก็ถูกนะ
องครักษ์เงาหนึ่ง: เอ๋ข้าพบว่าคำพูดของสตรีอย่างพวกเ้า ยิ่งไม่สามารถเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทั้งๆที่นางก็คือทาส เหตุใดถึงได้ไม่แบ่งนายบ่าวเล่า?
องครักษ์เงาสอง: ท่อนไม้เช่นเ้า ไม่มีทางเข้าใจโลกของสตรีอย่างพวกเราหรอกสมน้ำหน้าที่ทั้งชาติเ้าไม่มีคู่ครอง ทั้งชาตินี้ไม่มีใครรัก
องครักษ์เงาหนึ่ง: เ้า…ข้าจะจัดการเ้า
องครักษ์เงาสอง: ชิมาสิ ข้าจะนอนอยู่ตรงนี้ เ้ากล้าเข้ามาหรือไม่ หา กล้าหรือไม่
องครักษ์เงาหนึ่ง: ์สตรีบนโลกใบนี้ล้วนแต่วิปลาสไปกันหมดแล้ว ข้าไม่กล้าแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว
องครักษ์เงาสอง: ชิ…ชี้ขลาด!
องครักษ์เงาหนึ่ง: จะต้องมีสักวันที่ข้าจะจัดการเ้า (พูดเบาๆ ในใจ)
วันต่อมาขณะที่ทุกคนกำลังทานมื้อเช้าอยู่นั้น กลับถูกเสียงะโประหลาดทำให้ใ
“เ้ามันไร้คุณธรรมเ้ากล้ามาเล่นบ้าๆ กับตุ๊กตาได้” บุรุษวัยกลางคนในชุดสีแดงหิ้วสตรีที่แต่งตัวธรรมดาเอาไว้แล้วะโออกมาเสียงดัง
เฉินเนี้ยนหรานมองสตรีคนนั้นตาโตเป็สตรีที่แต่งตัวได้เรียบร้อยมากจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสตรีที่เล่นตุ๊กตารูปคนได้!
กลับเป็ชายวัยกลางคนที่หิ้วนางคนนั้นใบหน้าเรียวยาวคางแหลม ดวงตาลึกโบ๋กลอกไปมา มองไปแล้วเหมือนกับหนูที่อยู่บนถนนจะมองอย่างไรก็รู้สึกชั่วร้าย
“เอ๋นี่กำลังทำสิ่งใดกันหรือ?”เฉินเนี้ยนหรานเท้าคางถาม
โจวอ้าวเสวียนที่คีบกับข้าวกินอยู่ด้านข้างตอบ“เ้าดูเื่สนุกไปก็พอ”
“ฮ่าๆ…ทุกท่าน พวกท่านคิดว่าข้าจะเป็สตรีที่เล่นตุ๊กตารูปคนอย่างนั้นหรือ? กลับเป็พี่ชายที่ลากข้าคนนี้ต่างหากเมื่อวานข้าเห็นเ้าถือตุ๊กตาไม้…สวยมากตัวหนึ่ง ทั้งยังใช้ของอื่นๆมาทำเป็ตุ๊กตา ท่าทางที่กำลังศึกษานั่นก็…ข้าไม่สามารถพูดต่อไปได้แล้ว”
