เมื่อจุนห่าวเห็นรอยยิ้มของอู๋โม่วหาน รู้สึกขัดลูกหูลูกตายิ่งนัก จุนห่าวคิดในใจ ช่างเป็การยั่วยุเขาอย่างเปิดเผย เมื่อคิดอย่างนี้ สายตาของจุนห่าวจดจ้องอู๋โม่วหานอย่างที่สุด พร้อมโกรธแค้นปะปนอยู่กับอยู่ภายใน
อู๋โม่วหานเห็นดวงตาของจุนห่าวเต็มไปด้วยความโกรธแค้น คิดในใจ ครั้งนี้หานรุ่ยเลือกคนได้ไม่เลว อย่างน้อยก็ยังใส่ใจหานรุ่ย ไม่เหมือนกับองค์ชายสาม
อู๋โม่วหานก็มิใช่คนธรรมดา เขาบริหารหอหยุนเซียวมานานหลายปี และทำให้ธุรกิจของหอหยุนเซียวสดใส การที่เขาวางแผนเื่ธุรกิจมานานเช่นนี้ จึงพบเจอคลื่นพายุมาไม่น้อย ความโกรธของจุนห่าวไม่อาจทำให้เขาใได้ เมื่อเห็นจุนห่าวเป็เช่นนี้ อู๋โม่วหานก็เกิดความคิดหนึ่งที่ว่า หากพวกเขาและจุนห่าวเดินทางร่วมกันคงจะดีไม่น้อย
สัตว์ในพันธะสัญญาของจุนห่าวก็รู้สึกโกรธเช่นกัน เสือดาวตัวน้อยที่เพิ่งหดตัวยังมิได้เบิกปัญญา ทว่าความรู้สึกกลับค่อนข้างแจ่มชัด มันหดตัวในเทศะแห่งพันธะสัญญา กระชับร่างกายตัวน้อยของมัน ส่วนสายฟ้าก็หงุดหงิด หลังจากะเิความหงุดหงิด ก็กลับมาบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตอนนี้มิควรทำให้ท่านพ่อเดือดร้อน ชาติที่แล้วเขาต่อสู้เคียงข้างกับพ่อของเขาได้ ทว่าชาตินี้กลับทำได้เพียงซ่อนตัวในที่พ่อของเขาคิดว่าปลอดภัย ซึ่งสายฟ้าก็ไม่เต็มใจนัก ส่วนจื่อเหมยเบิกฟ้าที่กำลังนอนหลับใหลอยู่นั้นก็ตัวสั่นๆ เริ่มมีสัญญาณว่าจะตื่น
เสี่ยวไป๋รู้สึกถึงความโกรธของจุนห่าว แต่เสี่ยวไป๋ก็ยังพูดอย่างไม่เกรงกลัวความตายว่า “จุนห่าว บัดนี้มีใครบางคนระลึกถึงภรรยาของเ้าแล้ว เ้าโกรธเป็ฟืนเป็ไฟอยู่ใช่ไหม? ข้าบอกเ้าแต่แรกแล้ว หน้าตาหล่อเหลาแบบหานรุ่ย หุ่นที่เป็หุ่นของหานรุ่ย พร้อมพร์ในการบำเพ็ญเพียร ทั้งเป็ซวงเอ๋อร์ที่ดี เป็ที่นิยมอย่างมากในสถานที่ยิ่งใหญ่ คนแบบนี้สามารถให้กำเนิดลูกหลานได้ที่ยอดเยี่ยมกว่า จึงเป็เป้าหมายในการแย่งชิงของคนใหญ่คนโต มีเพียงสถานที่ที่เป็แหล่งขี้นกนี้ ที่ทำให้หานรุ่ยแปรเปลี่ยนจากหยกอันงดงามกลายเป็หินอันน่าเกลียด แต่บัดนี้คนที่มองเห็นของดีปรากฏตัวแล้ว ข้าคิดว่าชายหนุ่มที่อ่อนต่อโลกผู้นี้ดูเป็ชายมากกว่าเ้า บางทีหานรุ่ยอาจจะตกหลุมรักในไม่ช้า”
“เ้าบอกว่าคนที่มาจากสถานที่ยิ่งใหญ่ ต่างชอบแบบหานรุ่ยรึ? จุนห่าวพูดกับเสี่ยวไป๋ พร้อมพยายามยับยั้งความโกรธ
“ถูกต้อง ดังนั้นเ้าต้องขยัน หากเ้าไม่ขยัน ไม่ช้าก็เร็ว ภรรยาของเ้าคงถูกใครสักคนแย่งไป ถึงครานั้นคงได้แลกเปลี่ยนยาบำรุงกำลังพลังักันจ้าละหวั่นแน่ พูดก็พูดเถอะ เ้าก็หน้าตาดี เป็ประเภทที่ผู้บำเพ็ญเพียรเ่าั้ชอบ ดังนั้น เพื่อภรรยาและตัวเ้าเอง เ้าต้องขยันให้มากขึ้น มิฉะนั้นถึงครานั้นเ้าต้องเสียใจแน่ หากเ้าไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะไปสถานที่อันยิ่งใหญ่ คงทำได้เพียงหายใจรดคออยู่ที่นี่” เสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นคิดทบทวนและกล่าวต่อว่า “เ้าไม่จำเป็ต้องโกรธ ยิ่งคนอื่นระลึกถึงภรรยาของเ้ามากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าภรรยาของเ้าปรีชาสามารถเพียงใด การมีภรรยาที่ปรีชาสามารถเช่นนี้ เ้าควรจะดีใจ ตราบใดที่เ้ามีความแข็งแกร่ง ผู้ใดระลึกถึงภรรยาของเ้า เ้าต่อยกลับไปก็พอแล้ว ไม่จำเป็ต้องทำให้ตัวเองเคืองโกรธ”
ฟังคำของเสี่ยวไป๋ จุนห่าวสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง เขารู้สึกว่าเสี่ยวไป๋พูดถูก นี่เป็สถานที่ที่เขาใช้หมัดของเขาได้ ตราบใดที่หมัดของเขายังแข็งแกร่ง เขาก็ขับไล่ศัตรูทุกประเภทอย่างไม่จำเป็ต้องโกรธ การมีศัตรูหัวใจ เขาควรมีความสุข เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าสายตาเขานั้นดีเพียงใด
หานรุ่ยรู้สึกถึงความโกรธของจุนห่าวเมื่อครู่นี้ และสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงใน่เวลาหนึ่ง ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อหานรุ่ยเห็นคนนอกปรากฏตัว จึงมิได้ถามจุนห่าว ณ ตอนนั้น แต่รอพวกเราอยู่กันสองคนแล้วค่อยถาม
อู๋โม่วหานเห็นจนุห่าวลดสายตาเคืองโกรธของเขาลงใน่เวลาหนึ่ง กลับมามีใบหน้าสงบนิ่ง รู้สึกว่าจุนห่าวคนนี้มิใช่คนง่ายๆ คิดในใจ คนที่จัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ได้ตามอารมณ์เช่นนี้ รับมือด้วยยากที่สุด เขาไม่ทราบว่าพฤติกรรมของเขาที่ยั่วยุจุนห่าวเมื่อครู่นี้นั้นถูกหรือผิด ในเมื่อทำไปแล้ว เขาจึงไม่เสียใจ เขาทำได้เพียงจัดการมันอย่างระมัดระวัง เนิ่นนานแล้วที่เขาไม่มีคู่ต่อสู้ เมื่อเห็นจุนห่าวเช่นนี้ เขารู้สึกถึงการพบคู่ต่อสู้ ซึ่งทำให้ความคิดของเขาลึกล้ำยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เขา้าที่จะร่วมมือกับพวกเขา ตอนนี้เห็นใบหน้าของหานรุ่ย ตอนนี้หรือ? มันยากที่จะพูด
เมื่อคิดได้แล้ว เกิดความสนใจของหานรุ่ยขึ้นอีกครั้ง เขาฉีกเนื้ออีกชิ้นจากไก่งวงอบ แล้วเริ่มกินมันช้าๆ พลางมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขาอย่างไม่ขยับเขยื้อน เขากลืนเนื้อไก่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุใดพวกท่านถึงยังไม่ไป อยากจะอยู่ด้วยกันจริงๆ หรือ อย่างเช่นนั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆ เนื้อของเรามีไม่มาก ไม่มีส่วนของพวกท่าน”
ได้ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยกลืนไก่ในปากของเขา จ้องมองอู๋โม่วหานครู่หนึ่ง พลางพูดกับจุนห่าวว่า “เ้าวางใจเถอะ เขาคือคุณชายที่มีกิจการใหญ่โต อาหารทะเลที่หายากก็กินมาหมดแล้ว ไม่ถูกใจเนื้อของเ้าหรอก” พูดจบหานรุ่ยก็หันกลับมา มองตรงไปยังอู๋โม่วหานที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มของเขา และเอ่ยว่า “ใช่ไหม อู๋โม่วหาน คุณชายอู๋” หานรุ่ยรู้แต่แรกแล้วว่าคืออู๋โม่วหาน แม้ว่าตระกูลหานจะเป็ตระกูลทหาร และตระกูลอู๋จะเป็ตระกูลเชิงพาณิชย์ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ทว่า คนหนุ่มที่โดดเด่นในเมืองเย่ว์เซียนย่อมเป็ที่รู้จัก ปู่ของเขาเคยแนะนำให้เขา เขาก็เคยพบอู๋โม่วหานในเมืองเย่ว์เซียนครั้งหนึ่ง เพียงแต่ครานั้นอู๋โม่วหานมองไม่เห็นเขา แต่เมื่อเห็นอู๋โม่วหานลังเลที่จะพูดกับเขา ประกอบกับท่าทางสองจิตสองใจ เขารู้ว่าอู๋โม่วหานจำเขาได้เช่นกัน เขาและอู๋โม่วหานไม่มีมิตรภาพต่อกัน พูดง่ายๆ คือ หานรุ่ยไม่มีมิตรภาพกับลูกหลานตระกูลใหญ่ในเมืองเย่ว์เซียนทั้งนั้น เขาแทบจะไม่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาเลย มีเพียงครั้งเดียวเมื่อครั้งที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันและได้ที่หนึ่งมา การปรากฏตัวนี้ ทำให้ลูกหลานตระกูลใหญ่ต่างจดจำเขาได้ แต่ทว่า ่หลานปีที่ผ่านมา เขาได้รับาเ็และหายไปจากสายตาของพวกเขา หานรุ่ยไม่คิดว่าจะมีสมาชิกคนใดในตระกูลใหญ่เ่าั้จำเขาได้ จากอัจฉริยะด้านการบำเพ็ญเพียรกลายเป็สวะ คิดไม่ถึงว่า อู๋โม่วหานยังจำเขาได้ ดูเหมือนว่าอู๋โม่วหานจะเป็คนที่ห่วงใยคน
เมื่อเห็นหานรุ่ยจ้องอู๋โม่วหาน และเรียกชื่ออู๋โม่วหาน คนของอู๋โม่วหานต่างร้อนใจ ครั้งนี้นายน้อยของพวกเขาได้ปกปิดตัวตน คิดไม่ถึงว่าที่นี่ยังมีคนที่จำนายน้อยของเขาได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีเพียงสองคน ส่วนเด็กมองข้ามไป เพราะไม่มีพละกำลัง แต่ทว่า ไม่ทราบว่าเป็ศัตรูหรือเป็สหายกันแน่ กลุ่มของอู๋โม่วหานต่างห้อมล้อมอู๋โม่วหานและฟางหย่าไว้ตรงกลางโดยพลัน ชายวัยกลางคนมองด้วยสายตาเฉียบคม และเอ่ยถามว่า “เ้าเป็ใครกัน”
เมื่อได้ยินชายวัยกลางคนถามหานรุ่ย จุนห่าวยิ้มและพูดกับชายวัยกลางคนว่า “เขาคือภรรยาของข้า”
“เขาไม่ได้เป็เพียงแค่ภรรยาของท่านพ่อ ยังเป็ท่านแม่ของข้าและท่านพี่ด้วย” จุนห่าวพูดจบ จุนหนานก็พูดเสริม เขารู้สึกว่าท่านพ่อพูดไม่หมด ลืมเขาและพี่ชายไป
เมื่อได้ยินคำพูดของจุนห่าวและจุนหนาน ชายวัยกลางคนที่ถามถูกปกคลุมด้วยเส้นสีดำ คิดในใจ ใครถามพวกเ้าเื่นี้กัน ชายวัยกลางคนพูดด้วยความโกรธว่า “พวกเ้าเห็นข้าเป็เพื่อนเล่นเ้ารึ”
“ไม่ใช่ ข้าพูดความจริง ข้าเป็เด็กซื่อตรง ไม่เคยพูดเื่โกหกเลย” จุนหนานพูดอย่างไร้เดียงสาพลางกระพริบตา
“ใช่ น้องชายของข้าไม่เคยพูดเื่โกหกเลย เขาก็คือท่านแม่ของข้า เ้าตกหลุมรักท่านแม่ข้าใช่ไหม คิดจะทำลายความสัมพันธ์ของท่านพ่อ ข้าขอบอกเ้า เ้าทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด ท่านแม่ข้าไม่มีทางชอบเ้าแน่ เ้ายอมแพ้ไปแต่โดยดีเสียดีกว่า มิฉะนั้นข้าจะทำร้ายเ้าอย่างน่าสังเวช” จุนตงยกกำปั้นเล็กๆ ของเขาขึ้นมา พูดด้วยใบหน้าที่ดุร้าย ท่านพ่อเคยบอกว่า คนที่ถามชื่อแม่ของเขา ล้วนเป็คนที่ไม่มีเจตนาดีต่อท่านแม่
จุนห่าวมองกำปั้นของจุนตง คิดในใจ ลูกชายของเขาช่างกล้าหาญนัก แต่วิสัยทัศน์ไม่ดี ที่มองไม่ออกว่าใครกันแน่คือคนที่จะทำลายความสัมพันธ์ แต่พฤติกรรมของจุนตง ก็เตือนให้ใครบางคนตื่นขึ้น การจดจ้องของเขามิอาจทำลายความสัมพันธ์ได้ง่ายอย่างนั้น และทำให้ใครบางคนนั้นล่าถอย
เมื่อได้ยินคำพูดของจุนตงและจุนหนาน ฟางหย่าอดทนไม่ได้อีกต่อไป “ฮิๆ” เสียงหัวเราะของเธอดึงดูดสายตาแปลกๆ ของทุกคน เมื่อเห็นทุกคนมองดูเธอ ฟางหย่าปิดปากเธอ และมองทุกคนด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา
ชายวัยกลางคนไม่สนใจว่าทำไมฟางหย่าถึงหัวเราะ เขาพูดกับจุนตงด้วยความโกรธว่า “ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเ้า ยังคิดจะมาทำร้ายข้า? เ้าเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน”
หานรุ่ยเอ่ยเสียงเข้มว่า “ข้าให้ความมั่นใจเขาเอง” จุนห่าวได้ยินเสียงของหานรุ่ย กลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูดกลับไป คิดในใจ “ภรรยาของเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำแล้ว”
ชายวัยกลางคนพูดกับหานรุ่ยด้วยใบหน้าดำทมิฬว่า “เด็กนี่ช่างจองหองนัก เ้า......”
อู๋โม่วหานโบกมือเพื่อห้ามไม่ให้ชายวัยกลางคนเอ่ยปาก เขาพูดกับชายวัยกลางคนว่า “อู๋กว่านซื่อ ท่านจะเอาอะไรกับเด็กที่ยังไม่รู้ความ การทำเช่นนี้จะแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเรานั้นคับแคบ” จากนั้นหันกลับมาพูดกับหานรุ่ยว่า “น้อยนายหาน ข้าขอโทษแทนอู๋กว่านซื่อด้วย เป็อู๋กว่านซื่อที่ผิดเองที่ไปขัดแย้งกับเด็กน้อย”
หานรุ่ยก็มิใช่คนถือสาเอาความ อีกอย่าง จุนตงก็ผิด ถึงแม้ว่าจุนตงจะเป็เด็ก แต่เขาไม่ควรยั่วคนที่แข็งแกร่งที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ ในฐานะแม่ ไม่อาจมองดูลูกถูกรังแกได้ ดังนั้นจึงได้แต่ออกรับแทนเท่านั้น
“คุณชายอู๋เกรงใจไปแล้ว เป็เพราะลูกข้าที่ทำผิดก่อน” หานรุ่ยพูดกับอู๋โม่วหาน ทว่าไม่ได้กล่าวขอโทษอู๋กว่านซื่อ อู๋กว่านซื่อไม่สมควรได้รับคำขอโทษจากเขา ที่จุนตงยั่วยุถือว่าจบกัน
จุนห่าวมองไปทางหานรุ่ย ชี้ไปยังอู๋โม่วหาน จงใจถามอย่างรู้เท่าทันว่า “รู้จัก?”
หานรุ่ยขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ถือว่ารู้จัก แต่พบโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง และได้ยินท่านปู่พูดถึง บอกว่าหอหยุนเซียวมีเถ้าแก่น้อยที่เก่งกาจคนหนึ่ง”
“อ้อ ก็แค่คนที่ไม่สำคัญอะไรนี่เอง เห็นว่าพวกเ้ารู้จักกัน ข้ายังคิดว่าเป็สหายกัน” จุนห่าวพูดอย่างราบเรียบ จากนั้นยิ้มให้อู๋โม่วหานอย่างยั่วยุอารมณ์
มองใบหน้าที่ยิ้มเยาะของจุนห่าว อู๋โม่วหานรู้สึกขัดลูกหูลูกตานัก ทว่าอู๋โม่วหานคือใครล่ะ ในกิจการห้างร้าน เขาฝึกการใช้ใบหน้าให้ดูไม่ใ เขายิ้มและพูดกับหานรุ่ยว่า “คุณชายหานไม่รู้จักโม่วหาน แต่โม่วหานเห็นคุณชายหานั้แ่การแข่งขันในเมืองเย่ว์เซียนครั้งนั้น จึงรู้สึกประทับใจคุณชายหาน เวลานี้ยังจำได้ชัดเจนเหมือนเื่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋โม่วหาน หานรุ่ยไม่ตอบสนองอะไร จุนห่าวกลับหึงจนแทบจะบ้าคลั่ง แต่ไม่เผยออกมาให้เห็น เขารับคำของอู๋โม่วหาน พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ขอบคุณคุณชายอู๋ที่ยังจำภรรยาของข้าได้ แต่นั่นเป็ปฏิทินเก่าแล้ว ไม่คุ้มค่าที่คนยุ่งๆ อย่างคุณชายอู๋จะจดใจให้เป็สดใหม่หรอก ข้าว่าท่านลืมไปเสียดีกว่า”
“ลืมหรือไม่ลืม นั่นคือเื่ของข้า” อู๋โม่วหานกล่าวกับจุนห่าวอย่างยิ้มๆ จากนั้น หันไปทางหานรุ่ย พร้อมพูดกับหานรุ่ยว่า “คุณชายหาน คนที่อยู่ข้างกายท่านควรเอ่ยเรียกยังไง?”
หานรุ่ยกล่าวกับอู๋โม่วหานว่า “จุนห่าว” และกล่าวเสริมขึ้นว่า “สามีของข้า”
“อ้อ ที่แท้ก็คือสามีจุนนี่เอง” อู๋โม่วหานกล่าวอย่างเข้าใจถ่องแท้ ชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองจุนห่าว พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “สายตาของคุณชายหานมีพิษสงอยู่เสมอ ทว่าสายตาในการเลือกสามีกลับมิได้ดีนัก”
ฟังคำพูดของอู๋โม่วหาน หานรุ่ยขมวดคิ้วและพูดกับอู๋โม่วหานอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จุนห่าวดียิ่งนัก ในสายตาของข้า เขาเป็คนที่ดีที่สุด”
อู๋โม่วหาน : ...... คิดในใจ นี่คือคุณชายหานในตำนานจริงหรือ? เขาจำคนไม่ผิดไปใช่ไหม ภาพเช่นนี้มันไม่ถูกต้องอ่า
ฟังคำของหานรุ่ย ใบหน้าของจุนห่าวเต็มไปด้วยความสุข หัวใจของเขายิ่งร้อนระอุ
ในาที่ไร้ควัน สุดท้ายก็ถูกหานรุ่ยเอาชัยชนะไปในหนึ่งประโยค
