อูหลันฮวาซื้อถั่วลิสงกับเกาลัดกลับมา
"ต้าเหนียงจื่อ ข้าซื้อถั่วลิสงกับเกาลัดกลับมาแล้วเ้าค่ะ"
นางวางของสองถุงใหญ่ไว้บนโต๊ะ
เหลียนเซวียนได้ยินเสียงของอูหลันฮวา หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน
วันนี้เพราะอูหลันฮวาพูดไม่ชัดจึงถูกผู้คนเหยียดหยัน เพื่อปกป้องมิให้นางตกเป็เป้าสายตา เสี่ยวหรั่นถึงลากนางเข้าร้านเป่าฟางไจ
ของแบบนี้มีครั้งที่หนึ่งย่อมมีครั้งที่สอง ขอแค่เป็สถานที่ที่มีผู้คน นางพูดไม่ชัดแบบนี้อย่างไรเสียก็ต้องมีคนดูิ่
หากนางติดตามข้างกายเสี่ยวหรั่นตลอดเวลา แต่แก้โรคลิ้นคับปากไม่หาย ต่อไปต้องกลายเป็ปัญหาใหญ่แน่
"อูหลันฮวา" เหลียนเซวียนคิดแล้วก็เอ่ยปากเสียงเข้ม
"เ้าค่ะ หลางจวิน" เดิมทีอูหลันฮวากำลังก้มไปแกะห่อถั่วลิสงอยู่ พอถูกเรียกก็ยืนหลังตรงทันที
"โรคพูดไม่ชัดของเ้าต้องแก้ให้หาย" เหลียนเซวียนค่อยๆ พูด นิ้วมือเรียวเคาะบนโต๊ะเบาๆ "โรคนี้รักษาได้ แต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เ้าต้องให้ความร่วมมืออย่างจริงจังถึงจะสำเร็จ"
อูหลันฮวาได้ยินประโยคแรก พวงแก้มก็แดงก่ำ ขอบตาก็เริ่มแดง หลังจากนั้นก็ก้มหน้า
เมื่อครู่ระหว่างที่ไปซื้อถั่วลิสง นางคิดอยู่ว่าเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ หากไม่เพราะตนเอง ต้าเหนียงจื่อก็คงไม่ดึงเข้าไปในร้านเป่าฟางไจ
ต้าเหนียงจื่อต้องจ่ายเงินไม่น้อยซื้อกระจกคู่นั้น หลังออกจากร้านมาสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไร จะต้องรู้สึกเสียดายเงินมากแน่ๆ
ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดของนาง หากไม่เข้าไปที่นั่น ไหนเลยจะต้องเสียเงินมากมายโดยใช่เหตุ
"เหลียนเซวียน ท่านรู้วิธีแก้โรคลิ้นคับปากด้วยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังฉีกห่อเกาลัดเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
"อื้ม เมื่อก่อนเคยได้ยินกรณีตัวอย่างโรคนี้มาบ้าง" เหลียนเซวียนผงกศีรษะ "อาการพูดไม่ชัดสามารถแก้ให้หายได้"
ยามว่างอาจารย์กับศิษย์พี่มักสนทนากันเกี่ยวกับโรคต่างๆ เหลียนเซวียนอยู่กับพวกเขามานาน ประกอบกับความจำดี จึงซึมซับกรณีตัวอย่างของโรคมาไม่น้อย
โรคลิ้นคับปากก็เป็หนึ่งในนั้น
"ว้าว ท่านยอดเยี่ยมไปเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาด้วยสีหน้าเลื่อมใส "ไม่ใช่หมอ แต่มีความรู้มากมาย"
นี่ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้วหรือ เหลียนเซวียนปรายตามองนางปราดหนึ่ง มุมปากหยักยกน้อยๆ
อูหลันฮวาเงยหน้าขึ้น ดวงตาฉายแววตกตะลึงไม่อยากเชื่อ "หลางจวิน รักษาให้หายได้จริงหรือเ้าคะ"
เหลียนเซวียนพยักหน้า "ใช้เวลานานหน่อย ไม่ใช่เดี๋ยวเดียวก็จะแก้ได้ เ้าต้องอดทน และมุมานะอย่างต่อเนื่อง"
"ขะ... ข้าทำได้เ้าค่ะ" อูหลันฮวาเงยหน้าหยัดหลังตรง มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถทำได้
"อื้อๆ หลันฮวาของพวกเราทำได้อยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นก็เชื่อเช่นนั้น
"นับจากบัดนี้เป็ต้นไป เ้าต้องฝึกพูดให้ช้าลง พูดทีละคำทีละประโยค หลังจากนั้นคำไหนที่ออกเสียงไม่ชัด ก็ต้องแก้ให้ถูกต้อง ค่อยๆ ฝึกไป" เหลียนเซวียนเองก็พูดช้าลง
"อีกสองสามวันข้าจะฝังเข็มช่วยในการรักษา หากทำทุกอย่างครบถ้วนตามนี้ ไม่กี่เดือนก็จะดีขึ้น"
"เ้าค่ะ หลางจวิน" อูหลันฮวาตื่นเต้นจนตัวสั่น นางถูกผู้คนเยาะหยันมาั้แ่เล็กเพราะโรคนี้ ทะเลาะต่อยตีกับพวกผู้ชายที่หัวเราะเยาะนางมานับไม่ถ้วน
นางไม่ใส่ใจหรือ แน่นอนว่าเป็ไปไม่ได้
ขอเพียงรักษาหาย นางยินดีอดทน
"หลันฮวา นี่ก็พูดเร็วไป มา ออกเสียงตามข้า หลาง-จวิน" เซวียเสี่ยวหรั่นจับคำพูดที่นางออกเสียงไม่ชัดทันที
อูหลันฮวาสูดหายใจลึก หลังจากนั้นก็ออกเสียงให้ช้าลง
"อื้ม ถูกต้อง พอปรับความเร็วให้ช้าลงแล้ว การออกเสียงก็ต้องถูกต้อง ห้ามลักไก่เอาความรวดเร็วเข้าว่า ยิ่งพูดเร็วก็ยิ่งไม่ชัด" เซวียเสี่ยวหรั่นจำจุดสำคัญตรงนี้ได้
"เ้าค่ะ ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวาพยายามพูดให้ช้าลง ออกเสียงที่ละคำทีละประโยคไม่ใจร้อน
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า "ไม่เลวๆ ต้องแบบนี้สิ หลันฮวา พวกเราค่อยๆ ฝึกไป ไม่รีบร้อน ต้องพูดให้ถูกต้องชัดเจนเสมอ"
หลังจากนั้นสามวัน เซวียเสี่ยวหรั่นกับเซวียนเสี่ยวเหล่ยก็เริ่มรับหน้าที่แก้ปัญหาเื่การออกเสียงของอูหลันฮวาให้ถูกต้อง
เซวียเสี่ยวหรั่นแก้ปัญหาเื่นี้พร้อมกับรีบเร่งจัดการเื่กระเป๋า
เมื่อชำนาญก็จะสามารถหาหนทางพลิกแพลง คำกล่าวนี้ยังคงใช้ได้เสมอ
กระเป๋าชุดหลังที่เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาเย็บออกมา ฝีเข็มและตะเข็บเป็ระเบียบเรียบร้อยขึ้นมาก
พวกนางปักผ้าไม่เป็ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงขอให้เถ้าแก่ฟางช่วยแนะนำหญิงปักผ้าฝีมือโดดเด่นให้คนหนึ่ง
หลังจากเลือกลายและสีเรียบร้อย ก็ให้หญิงปักผ้าช่วยปักลายลงไปบนผ้าเนื้อหยาบ แล้วค่อยนำมาตัดเย็บ ไม่เปิดเผยแบบกระเป๋าล่วงหน้า
เหลียนเซวียนบอกว่า่นี้มีคนมาเฝ้าจับตาโรงเตี๊ยมของพวกเขาอยู่ตลอด
เซวียเสี่ยวหรั่นมานึกดู ต้องเป็คนที่เมิ่งเฉิงเจ๋อส่งมาเป็แน่ หลังจากพบกันที่ร้านเป่าฟางไจครั้งก่อน คนเหล่านี้ก็ปรากฏตัวสะกดรอยเธอกับอูหลันฮวาั้แ่วันนั้น
"เมิ่งเฉิงเจ๋อคงกลัวว่าพวกเ้าจะหนี" เหลียนเซวียนทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
กินยาไปแล้วหกวัน ดวงตาของเขาดีขึ้นเกินกว่าครึ่ง ภาพคนตรงหน้าคล้ายมีแพรโปร่งบางๆ กั้นอยู่ แม้ยังไม่ชัดเจนเหมือนเดิม แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก
"นี่แสดงว่ากระเป๋าของข้าต้องทำตลาดได้แน่ๆ แม้คนผู้นั้นจะเ้าเล่ห์ไปหน่อย แต่ด้านการค้ากลับใช้ได้ทีเดียว"
เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาไปมา ประเสริฐยิ่ง เมื่อมีตลาดรองรับ ของเหล่านี้ก็ย่อมจะขายได้ราคาดี
"ไม่จำเป็ต้องร่วมมือกับเขาก็ได้" เหลียนเซวียนมองคนตรงหน้า
เงาร่างระหงสวมเสื้อสีขาวกระโปรงสีเหลือง แม้ว่าภาพเบื้องหน้าจะเหมือนมีม่านโปรงมาขวางกั้น แต่ดวงหน้ารูปผลแตงเล็กจ้อย ผิวผุดผาดเกลี้ยงเกลาดุจหยก ดวงตาดำขลับ ประกอบกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนของนาง กลับยิ่งงดงามท่ามกลางความรางเลือนนั้น
เขาชักเริ่มไม่อยากให้นางคบค้าสมาคมกับเ้าเมิ่งเฉิงเจ๋อนั่นเสียแล้วสิ
"จะได้อย่างไรเล่า ข้าอุตส่าห์ยุ่งวุ่นวายตั้งหลายวันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ" เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาขึง พลางยื่นมือเรียวของตนเองออกไป "นิ้วข้าถูกแทงจนพรุนไปหมดแล้ว จะให้ล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร"
เหลียนเซวียนหลุบตาเล็กน้อย สายตาจับอยู่ที่มือบอบบางขาวกระจ่างของนาง แววตาขรึมลงเล็กน้อย เอื้อมมือออกไปคลึงท้องนิ้วอ่อนนุ่มของนางราวกับผีดลใจ
"ถูกเข็มตำรึ" น้ำเสียงค่อนข้างเบาแหบพร่านิดๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นมักเคลิบเคลิ้มไปกับน้ำเสียงทรงเสน่ห์เช่นนี้เสมอ แต่ก็เริ่มชินแล้ว
"อื้ม ถูกตำไปหลายเข็มเลย ผ้าเนื้อหยาบค่อนข้างหนา แต่พอคล่องมือก็เริ่มจะพลิกแพลงได้ ตอนนี้ทำออกมาดีขึ้นเยอะเลย เพียงแต่ข้ากับหลันฮวาปักผ้าไม่เป็ ต้องรอหญิงปักผ้าปักลายที่ข้า้าเสร็จก่อนค่อยนำมาเย็บประกอบเป็กระเป๋าที่ประณีตงดงาม แค่นี้ก็เอาไปหาเมิ่งเฉิงเจ๋อได้แล้ว"
เหลียนเซวียนนวดคลึงที่นิ้วมือของนาง ไม่นำพาเื่ที่ได้ยินสักเท่าไร
"หลังจากลับไปแคว้นฉี ซื้อร้านค้าสักร้านให้ผู้ดูแลจัดการก็ใช้ได้แล้ว ส่วนทางแคว้นหลีอยู่ไกลเกินไป หากเกิดอะไรขึ้น แม้แส้จะยาวมากก็เอื้อมไม่ถึงท้องอาชา [1]"
"ท่านพูดมาก็ถูก แต่วาณิชสกุลเมิ่งใหญ่โตขนาดนั้น การร่วมมือกับพวกเขา ย่อมแตกต่างจากการสู้เพียงลำพัง พวกเขาก็น่าจะมีร้านค้าในแคว้นฉีอยู่กระมัง"
เซวียเสี่ยวหรั่นก็ลำบากใจอยู่บ้าง แต่ก็เสียดายหากต้องปล่อยพันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างเมิ่งเฉิงเจ๋อไป ผู้อื่นมีลู่ทางกว้างขวาง ประสบการณ์ก็มากมาย
"ไม่ต้องร้อนใจ ดูก่อนว่าเมิ่งเฉิงเจ๋อมีความคิดเห็นอย่างไร" ด้านการค้าเหลียนเซวียนไม่ค่อยชำนาญนัก แต่เมื่อมีโอกาสได้พบกับผู้มีความสามารถอย่างเมิ่งเฉิงเจ๋อ ก็ต้องลองพบกันสักครา
"อืมๆ ข้าก็คิดเช่นนั้น ท่านว่าผู้ลงทุนด้วยทรัพย์สินทางปัญญา หากขอส่วนแบ่งผลกำไรหนึ่งส่วนจะสูงไปหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นยังพะวงอยู่บ้าง รู้สึกว่ากระทำเช่นนี้เหมือนตนเองจับเสือมือเปล่า
"ลงทุนด้วยทรัพย์สินทางปัญญา?" ไปเรียนรู้ถ้อยคำเหล่านี้มาจากไหนอีกแล้ว เหลียนเซวียนเพิ่มแรงนวดที่นิ้วมือของนางเล็กน้อย
...
[1] หมายความว่าเกินกำลังความสามารถ เหลือบ่ากว่าแรง ไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้
