ชั่วพริบตา เสียงร้องของเหล่าทหาร เสียงกรีดร้องของเหล่าทหาราเ็ เสียงะโของนายทหารและเสียงตัดผ่าโลหะ...เสียงแหลมคมแสบแก้วหูเขย่าขวัญิญญาผู้คน เสียงร้องใต้กำแพงเมืองแซมบอร์ดดังขึ้นเสมือนจัดตั้งกลุ่มซิมโฟนีแห่งความตาย เสียงของมันทำลายความเงียบสงบในตอนแรกไปสิ้น
เวลานี้ ที่กำแพงเมืองแซมบอร์ด เสียงโห่ร้องอย่างควบคุมไม่ได้ดังขึ้นในพริบตา
ความหวาดกลัวและความกังวลทั้งหมด ณ ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็เสียงร้องกึกก้อง
ขวานเมื่อครู่เหมือนกับจะเปิด์แยกแผ่นดิน ไม่เพียงโจมตีไปที่ขบวนพลโล่หอกัยังจู่โจมไปที่จิตใจของทุกคนในเมืองแซมบอร์ดอย่างหนักหน่วง ราวกับจู่ๆ ก็มีเปลวไฟส่องประกายในความมืด เืและจิติญญาของพวกเขากำลังลุกโชนขึ้นอย่างง่ายดาย
ทุกคนบนกำแพงเมืองแซมบอร์ด ใครๆ ก็รู้ว่าขวานนั่นใครเป็คนฟัน และรู้ดีว่าใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กของบุรุษที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็อย่างไร
เพราะั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้ พวกเขาทุกคนได้เฝ้ามองาาหนุ่มผู้กล้าหาญของเขาโรยตัวลงจากกำแพงด้วยเชือกหนาๆ จากนั้นก็เดินไปอยู่ด้านหน้าสุดของเหล่านักรบอย่างมั่นคง หันหลังให้เหล่านักรบของของตนเอง
และเผชิญหน้ากับเหล่าข้าศึกที่โเี้
ประชาชนและทหารทุกคนบนกำแพงเมืองใบหน้าพวกเขาอาบไปด้วยน้ำตา พวกเขาโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ชูสองแขนขึ้นโบกไปมาอย่างไม่รู้ตัว ะโไปมาอย่างตื่นเต้นราวกับว่าตัวเองเป็เหล่านักรบที่เข้าโจมตีค่ายศัตรู ราวกับว่าพวกเขากำลังร่วมต่อสู้ไปด้วยกันกับาาของพวกเขา
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจูลี่
บนเนินเขาที่นูนขึ้นเล็กน้อย
สีหน้าชายหน้ากากเงินพลันคล้ำขึ้น ก่อนหน้านี้ยังมั่นอกมั่นใจกับแผนการของตนเอง ท่าทางเหมือนรอจะเห็นอะไรสนุกๆ ก่อนหน้านั้นก็หายวับไปทันที ท่าทางก่อนหน้านั้นที่เหมือนหมาป่ากำลังหิวอ้าปากกว้างกำลังขย้ำเหยื่อ กลับพบว่าเหยื่อที่ตัวเองกัดไม่ใช่เนื้อชุ่มฉ่ำอ่อนนุ่ม แต่เป็ก้อนหินแข็งๆ ก้อนหนึ่งที่มันกัดจนเขี้ยวมันหลุด
เมื่อกี้ตอนที่ขวานเขย่าฟ้าเหวี่ยงออกมา ในใจของเขาเต้นโครมคราม รู้ทันทีว่าแย่แล้ว
ขบวนทัพโล่ที่ตนเองภาคภูมิใจมาตลอด แต่ตอนนี้แค่วินาทีเดียวยังไม่อาจต้านทานการโจมตีได้ และถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีจนกลายเป็เศษเล็กเศษน้อย ฝ่ายศัตรูสามารถเข้ามาสั่งหารหมู่ทหารได้อย่างง่ายดาย...นี่มันเหมือนกับตบหน้าเขาอย่างรุนแรง
และพลังที่น่าเกรงขามที่แฝงมากับขวาน ครั้งแรกก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันคือภัยคุกคามที่น่าหวั่นเกรง
นั่นไม่ใช่พลังของมนุษย์
ความผันผวนของคลื่นพลังสักนิดก็ไม่มี นั่นเป็พละกำลังแบบไหนกันแน่?
“อัศวินเกราะดำ ส่งคำสั่งข้าลงไป เปลี่ยนเป็ ‘ขบวนทัพปิด’ ทิ้งขบวนทัพวุ่นวายด้านหน้าแล้วล้อมให้หมด จากนั้นก็แทงหอกเสีย เว้นระยะห่างไม่ต้องโหมบุกเข้าโจมตี...”
ชายหน้ากากเงินสั่งการลงไปอย่างเยือกเย็น เผยให้เห็นถึงความสามารถในการตอบสนองที่ผู้บัญชาการทหารควรมี
กวาดสายตาเพียงชั่วครู่ ไม่ช้าก็มองออกว่าข้าศึกเดนตายทั้งยี่สิบกว่าคนนี้ไม่ใช่นักรบ ไม่มีคลื่นพลังแค่พึ่งพาพลังที่มีมาแต่กำเนิดในการต่อสู้เท่านั้น เวลาผ่านไปสักพัก พลังก็ต้องถดถอย เมื่อเวลานั้นมาถึงก็สามารถสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย
แต่ชายหน้ากากเงินไม่อยากรอต่อไป
แม้ว่าจะถูกฝึกให้ไม่ให้แสดงสีหน้าไม่ว่าจะโกรธหรือดีใจ ทั้งยังได้รับการยกย่องจากทหารนับไม่ถ้วนในด้านการวางแผนและการเอาชนะใจคน ทว่าการที่ต้องมาพ่ายแพ้ซ้ำๆ ซากๆ อย่างคาดไม่ถึงกับฝ่ายศัตรูที่คิดว่าเป็เพียงมดตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอ นี่ทำให้เขารู้สึกเสียหน้ามาก ในที่สุดชายหน้ากากเงินก็ไม่คิดจะอดทนรอต่อไปแล้ว เขาตัดสินใจว่าจะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดโจมตีข้าศึกและเข้ายึดเมืองแซมบอร์ดเสีย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟันว่า “สั่งการลงไปให้นักรบสามดาวแรนดุ๊กไม่ต้องเฝ้าคุ้มกันเครื่องยิงหินชั่วคราว ให้เขารีบไปที่ทัพหน้า ร่วมมือกับพลโล่หนึ่งร้อยนาย จัดการข้าศึกทั้งหมดให้เสร็จในเวลาสั้นๆ...กองทัพทั้งหมดเตรียมตัวให้ดี เราจะบุกโจมตีทันที”
ชายหน้ากากเงินถ่ายทอดคำสั่งทั้งสองคำสั่ง ในใจก็คิดวนไปมาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็ไปด้วยดี ก่อนโบกแส้ม้า ส่งสัญญาณให้อัศวินเกราะดำด้านหลังให้รีบไปถ่ายทอดคำสั่ง
……
……
บนสะพาน
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
ซุนเฟยใช้ประโยชน์จากพละกำลังของคนเถื่อนเลเวล 12 ที่ไม่มีใครเทียบได้เหวี่ยงขวานที่สั่นประสาทศัตรู ฟันไปที่ขบวนทัพโล่ของเหล่าอัศวินเกราะดำเพื่อเปิดทาง เหล่านักรบทั้งยี่สิบกว่าคนเห็นช่องทางเปิดกว้างเล็กน้อยก็พากันตามหลังเขาติดๆ เพียงชั่วพริบตาก็สังหารข้าศึกและทะลวงจนมาถึงตรงกลางข้าศึก
กระบวนทัพพลโล่หอกัด้านหน้าพากันตื่นใเพราะแม้แต่เหล่าทหารม้าเกราะหนักก็ยังยากที่จะเข้าโจมตีได้ แต่ตอนนี้ถูกฝ่ายตรงข้ามทำลายในพริบตา ทหารที่อยู่หลังพลโล่สวมใส่แค่เกราะหนังไม่มีมีเกราะเหล็กปกป้องก็ถูกฆ่าตายโดยสิ้นเชิง
เพียร์ซและดร็อกบาตามหลังซุนเฟยมาติดๆ ทั้งสองคนต่างเป็บุรุษที่มีพลังมหาศาลแต่กำเนิด ค้อนและขวานในมือก็ฟาดอย่างรวดเร็วและทรงพลัง โจมตีเหล่าศัตรูจนปลิวกระเด็นออกไป ชายเกราะดำบ้างก็ตายทันที บ้างก็าเ็สาหัส ไม่มีหนทางที่จะต้านทานทั้งสองคนนี้ได้
บนสะพานหินแคบๆ ตอนนี้เต็มไปด้วยฝนเื
เนื่องด้วยภูมิประเทศ แม้ว่าเหล่าอัศวินเกราะดำจะมีคนจำนวนมากแต่ก็ไม่สามารถทำการล้อมซุนเฟยและเหล่านักรบได้ บนสะพานกว้างพอจะมีคนยืนเรียงกันได้มากที่สุดไม่กี่สิบคน ข้อได้เปรียบด้านกำลังพลไม่สามารถแสดงออกมาได้เต็มที่ ทั้งยังกลายเป็ข้อเสียอีกด้วย
ท่ามกลางความวุ่นวาย หัวหน้าทหารเกราะดำคนหนึ่งที่มีพลังใกล้จะถึงนักรบหนึ่งดาว เห็นว่าจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในค่าย คนตรงหน้าสุดได้ขว้างขวานที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อเข้าชนขบวนพลโล่จนแตกยับตอนนี้ไม่มีอาวุธในมือ ดวงตาเป็ประกาย ในใจพลันตื่นเต้น เขาเตรียมการอย่างเงียบๆ หยิบหอกัที่หักไปครึ่งหนึ่งบนพื้นขึ้นมา สองมือกุมมันไว้ คลื่นพลังหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง มองหาโอกาสที่จะแทงออกไป
แม้ว่าหอกัจะหักครึ่ง แต่มันก็หนักไม่ต่ำว่าห้าสิบหกสิบจิน ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาสะท้อนกับหอกจนเกิดประกายเย็นเหยียบ เผยให้เห็นถึงความดุร้ายกระหายเื ด้วยพลังของหัวหน้าอัศวินเกราะดำที่ใกล้จะถึงนักรบระดับหนึ่งดาว เขาจินตนาการถึงวินาทีที่หอกทะลุอกซุนเฟย
“ไปตายซะ!”
หัวหน้าอัศวินเกราะดำหัวเราะเ็า
เหมือนกับว่าเขาได้เห็นฉากที่ศัตรูถูกหอกัแทงทะลุจนกระอักเลือกออกมา ไม่มีความลังเลใดๆ หากได้สังหารไอ้หนุ่มนั่นที่มีพลังเหมือนปีศาจ จะต้องเป็ผลงานทางทหารที่ยิ่งใหญ่ และคงได้เลื่อนยศอย่างแน่นอน
แต่...
รอยยิ้มสาแก่ใจบนหน้าของหัวหน้าทหารก็พลันแข็งทื่อ
และกลายเป็สีหน้าขาวซีดบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว
ในรูม่านตาดำของเขาก็ได้เห็นถึงฉากที่ไม่น่าเชื่อ
ในมือของเด็กหนุ่มที่ไม่มีอาวุธคนนั้น หลังจากที่รู้ตัวว่าโดนซุ่มโจมตีก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวสักนิด กลับตรงกันข้าม ดวงตาใต้หมวกเกราะเหล็กนั่นกลับเผยร่องรอยดูถูกและเยาะเย้ย เห็นแค่เพียงสองมือของเด็กคนนั้นปรากฏแสงสีขาวเล็กๆ ออกมาเหมือนเวทมนตร์แล้วมีขวานั์น่ากลัวปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างไม่น่าเชื่อและอยู่ในมือของเขา
ชิ้ง!
แล้วฟันไปด้านหน้า
ฟันไปที่ปลายหอกั เสียงโลหะกระทบกันจนเกิดประกายไฟ
……
ใบมีดขวานั์เปลี่ยนเป็เส้นสีขาวในสายตาหัวหน้าทหารอัศวินเกราะดำ ราวกับมีดชั้นยอดกำลังตัดเค้กรสนม การปะทะกันในระดับความเร็วที่น่ากลัว ทำให้หอกัที่สร้างมาจากเหล็กกล้าในมือเขาจนแยกเป็สองส่วน ไม่ใช่แค่หอกแต่ยังรวมถึงร่างเขาด้วย...
ต่อมาก็ััได้ถึงความหนาวเย็น
หอกั ชุดเกราะ หัวหน้าทหาร...
เมื่อขวานฟันออกไป ก็สามารถแบ่งตรงกลางออกเป็สองส่วนได้ทั้งหมดเพียงเสี้ยววินาที
เืพุ่งกระฉูดอย่างควบคุมไม่ได้
อวัยวะภายในสีแดงสด กระดูกขาวๆ และหอกัผ่าเป็สองซีกก็หล่นลงพื้น
เืพุ่งกลางอากาศ เือุ่นร้อนกระเด็นเปื้อนติดเศษหอกไปด้วย เสียงดังฟู่ หยดเืกลายเป็ไอน้ำเื กลิ่นคาวเืคละคลุ้ง แม้แต่อากาศก็เปลี่ยนเป็สีแดง
“อา...”
หัวหน้าทหารอัศวินเกราะดำอีกสองสามนายที่เห็นฉากนี้ก็พากันขวัญหนีดีฝ่อจิตใจเหมือนพังทลาย แม้แต่หอกัเหล็กยังถูกผ่าเป็สองซีก นี่เป็พลังปีศาจอะไร? มันโหดร้ายเกินไปแล้ว มีบางคนหันหลังกรีดร้องแล้ววิ่งหนีไป ไม่ทันระวังก็ชนเข้ากับหอกัของขบวนทัพแถวสองกลายเป็เนื้อเคบับเสียบ แขนขากระตุกปากก็ร้องโหยหวนไม่หยุด
ซุนเฟยเรียกขวานที่มีคุณสมบัติเวทมนตร์ของคนเถื่อนเลเวล 12 ออกมา มันคมมาก หลังจากผ่าร่างหัวหน้าทหารที่แอบซุ่มโจมตี เขาก็หมุนควงขวานรอบหนึ่งประกายแสงเย็นเหยียบสว่างวูบวาบเหล่าทหารอัศวินเกราะดำสองสามนายตรงหน้าที่หนีไม่ทันก็ถูกผ่าเป็สองซีกทันที
ด้านหลังเขา เหล่านักรบอัศวินเกราะหนักก็กำลังทำการสังหารหมู่
ด้วยชุดอัศวินเหล็กที่สวมบนร่าง ทำให้กระบี่และดาบของเหล่าทหารเกราะดำไม่ได้อยู่ในสายตา และขวาน ค้อน ทวนที่มีรูปทรงใหญ่โตในมือพวกเขา ทุกครั้งที่วาดผ่านก็สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตข้าศึกไปเป็จำนวนมาก ด้วยพลังที่น่าหวาดกลัวทำให้ทหารเกราะดำเองก็ถูกทุบจนเละไปพร้อมกับอาวุธ แม้ว่าจะมีเหล่าข้าศึกบางส่วนสามารถต้านทานได้ แต่พลังมหาศาลก็ยังคงสามารถปัดพวกเขาให้กระเด็นจากพื้นได้ง่ายๆ
นี่ก็คือพลังในการต่อสู้ของเหล่านักรบระยะประชิด
ด้วยผลของน้ำที่ผสม ‘น้ำยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง’ เหล่านักรบจึงมีพลังทนทานอย่างไร้ขีดจำกัดได้ในระยะเวลาหนึ่ง สามารถแสดงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้ ชุดเกราะหนักบนร่างและอาวุธั์ในมือไม่เป็ปัญหาอะไรแก่พวกเขาสักนิด พวกเขากลายเป็ฝันร้ายของเหล่าข้าศึก พลังป้องกันที่แข็งแกร่งจนฟันแทงไม่เข้าและการโจมตีที่ทำลายล้างทุกอย่าง นี่มันเป็กลุ่มปีศาจะที่ออกมาจากนรกชัดๆ
บุรุษทั้งยี่สิบสามคน ราวกับเป็เสือร้ายที่สวมชุดเกราะกระโจนเข้ามาในฝูงลูกแกะแรกเกิด ไม่มีใครสามารถต้านทานได้
อเล็กซานเดอร์อยู่ด้านหน้าสุดของขบวนทัพรูปกรวย ไม่มีข้าศึกเกราะดำคนใดต้านทานเขาได้ แทบจะพุ่งทะยานตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขบวนทัพโล่หอกัด้านหน้าสุดนับร้อยคนถูกโจมตีจนขบวนทัพรวนไปหมด
เหล่าทหารเกราะดำพยายามที่จะรักษาขบวนทัพ
แต่ทว่าเมื่อเหล่าทหารที่กระจัดกระจายต้องเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจกลุ่มนั้น เขาเริ่มเกลียดพ่อแม่ตัวเองที่ให้เขามาแค่สองขา พวกเขาถูกขู่จนขวัญหนีดีฝ่อ และเริ่มหันหลังวิ่งหนี แม้ว่าพวกเขาจะเคยผ่านามาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเจอการสังหารหมู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ อีกทั้งพื้นที่ว่างให้ต่อสู้ก็ไม่มี แล้วจะให้สู้อย่างไร?
แม้ว่าทุกคนจะผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี แต่เวลานี้ สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวทุกคนก็คือ...
หนี!
หนีไปให้ไกล ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี!
ต้องหนีจากพวกปีศาจฆ่าไม่ตายพวกนี้
-------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้