ตุ้บบบ!!
ร่างหนึ่งร่วงลงมาจากบนฟ้าหล่นลงเกิดเป็คลื่นน้ำ
ระดับน้ำเลยหัวเขานั้นเย็นเฉียบเข้ากระดูก โหยวเสี่ยวโม่ใจนสติกระเจิง นึกว่าตัวเองตกลงมาสู่ทะเล ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ
แต่ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็
โหยวเสี่ยวโม่คิดอย่างหมดหวัง นี่เขาข้ามเวลามายังไม่ทันไร ก็ต้องมาจมน้ำตายอีกแล้วหรือเนี่ย
คร่ำครวญอยู่ในใจ เหมือนว่าตัวเองจะเป็พวกดวงกุดทั้งสองภพเลยสินะ
เมื่อคิดอย่างนี้ โหยวเสี่ยวโม่ก็ค่อยๆ รอเวลาให้ตัวเองจมน้ำตาย
ในใจก็คิดว่าหมดกังวลแล้ว แต่แล้วมีบางอย่างมันผิดปกติจึงลืมตามอง ที่แท้น้ำถึงแค่เอวเขาเอง ปัดโถ่…
โหยวเสี่ยวโม่พึ่งรู้ตัวว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องเดิม หากแต่เปลี่ยนเป็สถานที่แปลกใหม่ ที่ตรงนี้คือเป็ทะเลสาบที่กินพื้นที่หนึ่งในห้าส่วนของพื้นที่ทั้งหมด
เมฆลอยคละเคล้าบนท้องฟ้า สว่างไสว แต่กลับไร้พระอาทิตย์ซึ่งเป็ที่ที่พิสดารยิ่งนัก
หากแต่สังเกตอย่างละเอียด ก็จะเห็นว่าทุกอย่างช่างนิ่งสงบ ก้อนเมฆไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ท้องฟ้าไร้ซึ่งสายลม ดอกหญ้าเรี่ยรายตามทาง หากแต่ไม่ปลิวไสว แม้แต่ทะเลสาบด้านล่างเขาก็ไม่มีแม้กระทั่งคลื่น
โหยวเสี่ยวโม่ก้มลง หยดน้ำสีฟ้าครามยังคงสว่างอยู่ตรงอก
ไม่รู้ว่าที่เขาโผล่มาอยู่ห้วงเวลานี้ เป็เพราะเขาลูบมันโดยบังเอิญหรือเปล่า
เมื่อคิดแบบนี้ โหยวเสี่ยวโม่ก็ยืนมือไปลูบมันอีกครั้ง
ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็มืดสนิท แล้วเขาก็กลับมาอยู่ในอ่างไม้ดังตุ้บ
ร่างที่เย็นเฉียบจากทะเลสาบก่อนหน้ากลับอุ่นขึ้นมา
โหยวเสี่ยวโม่ครุ่นคิดจ้องมองหยดน้ำสีฟ้าครามครู่หนึ่ง และตัดใจที่จะไม่แตะมันอีก รีบอาบน้ำเสร็จแล้วใส่เสื้อผ้า
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขานั้นดูสดใสเปล่งปลั่งกว่าเดิม
จากนั้นก็วิ่งเข้าวิ่งออกเพื่อเทน้ำทิ้ง ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว ด้านนอกไม่เห็นเงาคน นอกเสียจากศิษย์ที่เดินลาดตระเวน
เนื่องจากเป็วันแรกยังไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ภายในทัพพิภพ โหยวเสี่ยวโม่เลยไม่กล้าเตร็ดเตร่ไปเรื่อย
เมื่อจัดการเทน้ำจนเสร็จ เขาก็กลับห้อง จุดเทียนเพื่อให้ห้องสว่างขึ้นก่อนหยิบตำราบนโต๊ะขึ้นมาอ่านซ้ำ
พูดถึงการเป็นักหลอมโอสถนี้ เท่าที่เห็นสำนักเทียนซินมีถึงสามเหล่าทัพ แต่ความจริงคนที่จะเป็นักหลอมโอสถได้นั้นน้อยยิ่งนัก
พวกเขาพยายามแล้ว แต่ติดปัญหาเื่คุณสมบัติ
การจะดูว่าใครสามารถเป็นักหลอมโอสถได้หรือไม่นั้น ทดสอบปราณิญญาเป็วิธีที่ชัดเจนที่สุด มีเพียงปราณิญญาที่มีสีถึงเป็นักหลอมโอสถได้ แต่ปราณิญญานักต่อสู้นั้นเป็สีใส ไร้ซึ่งเฉดสี
ดินแดนหลงเสียงมีผู้คนนับพันนับหมื่น แต่ผู้มีปราณสีนั้นมีเพียงแค่ร้อยละหนึ่ง
ในหนึ่งร้อยคนจะมีแค่คนเดียวที่เป็นักหลอมโอสถได้ หนำซ้ำก็ใช่ว่าจะเป็นักหลอมโอสถระดับสูงได้ เป็ไปได้ว่าจะเป็แค่นักหลอมโอสถระดับล่าง ดังนั้นจะเห็นว่านักหลอมโอสถในดินแดนหลงเสียงนั้นมีน้อยแค่ไหน
ทว่าวิธีการทดสอบปราณิญญานั้นมีใช้กันอย่างกว้างขวาง ฉะนั้นตอนนี้สำนักน้อยใหญ่ต่างก็พกอัญมณีสีขาวที่มีลักษณะคล้ายถ้วยข้าวเพื่อใช้ทดสอบปราณ
เพราะเหตุนี้ โหยวเสี่ยวโม่ถึงผ่านขั้นตอนนี้มาได้
กลายมาเป็ศิษย์ฝึกหัดของสำนักเทียนซิน โดยที่พวกเขาไม่ต้องทดสอบปราณิญญาอีก แต่ว่าหนทางข้างหน้ายังไม่รู้ว่าต้องเดินทางไหน ต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ