ในที่สุดพวกนางก็มาถึงร้านของกวนซูเยวียนตอนที่ท้องฟ้าสว่างแล้ว
ตอนที่มาถึง กวนซูเยวียนกับสามี และลูกชายคนโตกำลังเปิดร้านกันอยู่ พอทุกคนเห็นพวกนางกลับมาหา ก็ต่างพากันเดินเข้าไปต้อนรับ
เสี่ยวเปาจื่อหอบแฮ่กวิ่งเข้าไปหามารดาของตน “ท่านแม่ เ้านี่เปาจื่อแบกมาคนเดียวเลยนะ ข้าเองก็สามารถช่วยทำงานได้แล้ว”
บนใบหน้าแดงระเรื่อเหมือนมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า ท่านแม่รีบชมข้าสิ เปาจื่อน่ะเก่งมากเลยนะ
กวนซูเยวียนยกยิ้ม ยกมือขึ้นไปเช็ดเหงื่อให้เขา “ใช่ เปาจื่อของเราโตเป็บุรุษแล้ว ถึงรู้จักช่วยพวกพี่ๆ ทำงานแล้ว”
พอได้รับคำชมจากนาง เปาจื่อก็พอใจมาก เขาเชิดคางขึ้น “แน่นอน ข้าช่วยแม่นางของข้า”
เด็กชายแก้ไขคำพูดด้วยท่าทางจริงจัง ทำเอาน้องหกที่อยู่ด้านข้างหัวเราะแล้วพูดแทงใจดำเขาเบาๆ “โอ้ ตอนนี้เป็แม่นาง อีกเดี๋ยวพอเจออันตรายก็เรียกทั้งท่านพี่ทั้งแม่นางผสมกันไปหมด”
ตอนที่เปาจื่อเจออันตรายหรือตื่นเต้นจะเรียกเฉินเนี้ยนหรานว่าท่านพี่หรือไม่ก็แม่นางมั่วไปหมด เื่นี้ถูกน้องหกเอามาตอกย้ำอยู่หลายครั้ง
เด็กน้อยหน้าแดง อยากจะอธิบายแต่กลับเจอสายตาสงสัยของกวนซูเยวียนมองเข้า พอคิดถึงเื่ที่ตนแอบเข้าไปในถ้ำคนเดียว คิดถึงความซนของตัวเอง ครั้งนั้นยังโดนเฉินเนี้ยนหรานตี หากมารดาของตนเองรู้เื่เข้า….เสี่ยวเปาจื่อคิดแล้วก็แอบรู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายแล้ว
“ท่านแม่ ข้าไปเล่นกับท่านพี่เสี่ยวหลินที่อยู่ข้างเรือนนะขอรับ”
เด็กชายรีบวางตะกร้าใส่หัวบุกในมือลง ก่อนจะซอยเท้าวิ่งหายไปจากหน้าของกวนซูเยวียนทันที
กวนซูเยวียนที่รู้นิสัยลูกชายตนดีก็หรี่ตามองเฉินเนี้ยนหราน
“ป้าสะใภ้…ไม่….มีอะไรเ้าคะ อ๋อ จริงสิ ป้าสะใภ้ ข้าอยากจะยืมพื้นที่ด้านข้างร้านของท่านได้หรือไม่ อีกเดี๋ยวจะตั้งร้านขายของกิน ท่านจะว่าอะไรหรือไม่เ้าคะ?”
เฉินเนี้ยนหรานเองก็รู้ว่าป้าสะใภ้ของตนเองเคร่งครัดกับการสั่งสอนเปาจื่อมากแค่ไหน และจากนิสัยใจด่วนใจร้อนของนาง หากได้ยินเื่ที่เปาจื่อวิ่งหายเข้าไปในถ้ำล่ะก็ ไม่รู้ว่าป้าสะใภ้จะโกรธขนาดไหน ตอนนี้จึงทำเื่ที่ต้องทำก่อน
สายตาของกวนซูเยวียนกลอกไปมาเล็กน้อย ไม่ได้โมโหมากมายอะไรขนาดนั้น
“ได้สิ ตั้งของกินมาขายหน้าร้านตรงนี้แล้วกัน แต่ก่อนข้าก็เคยทำ ต่อมาเพราะว่าขายไม่ดีก็เลยไม่ขายแล้ว เ้าอยากจะตั้งร้านก็ตั้งเถิด เพียงแต่แม่หนูเนี้ยนหราน เ้าจะขายอะไรหรือ?”
กวนซูเยวียนมองกองหัวบุกตรงหน้า นางยังไม่เข้าใจว่าเ้าสิ่งนี้จะกินได้อย่างไร
เฉินเนี้ยนหรายเช็ดเหงื่อของตน รีบดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก หลังจากยืมเตาด้านหลังร้าน นางก็เริ่มทำงานทันที
มือทำไปปากก็อธิบายไป
ตอนที่กวนซูเยวียนรู้ว่าของขาวๆ ยาวๆ นี้สามารถนำไปทำเป็อาหารได้นั้น ก็มีท่าทางใ มองเหมือนเห็นของประหลาด
ที่เรือนของนางมีที่โม่แป้งที่มักจะใช้บ่อยๆ อยู่แล้ว สิ่งนี้ช่วยทุ่นแรงของพวกเนี้ยนหรานได้ดี เพราะที่พวกเฉินเนี้ยนแบกมาในวันนี้ล้วนเป็หัวบุกชิ้นเล็กทั้งนั้น
นางนำหัวบุกหั่นชิ้นเล็กมาโม่ให้เป็แป้ง ตอนที่ทำให้กลายเป็เต้าหู้ถั่วดำ ตามถนนก็มีคนเริ่มมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันแล้ว
ในตอนนี้เฉินเนี้ยนหรานก็วิ่งไปซื้อผลไม้สดในตลาดมาเพิ่มอีก
ตัดผลไม้ให้เป็ชิ้น และพยายามคั้นเอาน้ำออกมา แค่นี้ผลไม้ปั่นน้ำแข็งก็ถือว่าสำเร็จแล้ว
“ท่านป้ารีบชิมดูเถิดเ้าค่ะ หากอร่อยข้าจะได้เอาออกไปขาย”
กวนซูเยวียนดึงช้อนขึ้นก่อนจะค่อยๆ มาชิม กลิ่นหอมของผลไม้ แล้วยังมีรสชาติเย็นแทรกซึมเข้ามาในปาก
ในอากาศร้อนของฤดูร้อนเช่นนี้ ความรู้สึกสดชื่นราวกับพุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าทะลุไปทั่วทุกรูขุมขน
“สดชื่น…ถึงว่าคนมีเงินถึงได้ชอบ ข้าว่านะ ของหวานเย็นของเ้าไม่เลวเลย รีบเอาไปขายเถอะ อาศัยใน่อากาศร้อนแบบนี้ขายให้หมด”
ในฤดูร้อนเช่นนี้น้ำแข็งก็เป็สิ่งที่เก็บรักษาเอาไว้ได้ยาก มองก้อนน้ำแข็งที่ค่อยๆ ละลาย กวนซูเยวียนจึงคิดแค่ว่าต้องอาศัยใน่ที่มันยังไม่ละลายขายออกไปให้หมด
ของเย็นๆ พวกนี้พอเอาออกไปขายก็ดึงดูดลูกค้ามาที่ร้านเป็จำนวนมาก
ผู้คนเห็นว่าอากาศร้อนเช่นนี้ยังมีเครื่องดื่มเย็นชื่นใจออกมาขาย ทั้งหมดต่างพากันกลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนว่าอากาศจะร้อนขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
“เร่เข้ามา เร่เข้ามา หวานเย็นสดใหม่ หัวบุกรสชาติอร่อย แตงโมเย็นๆ ถ้วยละยี่สิบอีแปะ หัวบุกหนึ่งจินสามอีแปะ เข้ามาดูกันได้ ไม่ซื้อก็ไม่เป็ไร สามารถลองชิมได้นะเ้าคะ…”
ตอนที่กำลังขายพวกหัวบุกกับน้ำหวานเย็น เฉินเนี้ยนหรานก็ทำของเอาไว้ชิมด้วยส่วนหนึ่ง
ปกติแล้วผักหนึ่งกำก็เป็ราคาหนึ่งจินสองอีแปะแล้ว ของสดๆ ก็หนึ่งจินกับอีกสี่ถึงห้าอีแปะ
อย่างเช่นหัวบุกที่เฉินเนี้ยนหรานเอาออกมาขายในเมืองเล็กๆ ไม่มีทางขายออกได้ แต่หลังจากที่ผู้คนได้ลองชิมแล้ว เพราะราคาที่ไม่แพง จึงพากันซื้อไปหนึ่งถึงสองจินอย่างใจกว้าง
ส่วนของกินเล่นเย็นๆ นั้น คนที่มาลองชิมมีจำนวนเยอะมาก แต่คนที่มาซื้อนั้นกลับน้อยมาก
อย่างไรก็หนึ่งถ้วยยี่สิบอีแปะ คนปกติแล้วจะไปมีใครสามารถรับราคาเช่นนี้ไหว
โชคดี... คนที่ออกมาเดินบนถนนเส้นนี้ส่วนมากจะเป็คนมีเงิน หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มจะมีคนจำนวนไม่น้อยวิ่งมาหาของกินหวานเย็น
ผัดหัวบุกที่เอาไว้ลองชิมหมดไปแล้ว กวนซูเยวียนถึงช่วยเข้าไปผัดออกมาอีกหม้อ
กลิ่นหอมแบบพิเศษกลมกลืนเข้าไปกับบรรยากาศร้อนๆ หลายคนที่เดิมผ่านไปผ่านมาต่างถูกดึงดูดเอาไว้
ในตอนนั้นสามพี่น้องต่างยุ่งกันจนเท้าอยู่ไม่ติดที่
“ท่านป้า เอาหัวบุกหนึ่งจินนะเ้าคะ ได้เลยเ้าค่ะ นี่คือหัวบุกหนึ่งจิน หากที่เรือนมีผักดอง ใส่ผักดองลงไปในไปในกระทะก่อนสักพัก แล้วค่อยใส่ขิงบดกับกระเทียมเข้าไปผัดด้วยกัน ตอนที่จะยกขึ้นจากเตาก็ใส่เกลือกับต้นหอมเสียหน่อย เช่นนั้นรสชาติก็ไม่เลวแล้วเ้าค่ะ…”
ตอนที่ขายของอยู่ ปากของเฉินเนี้ยนหรานไม่ได้ว่างเลย
มือก็หยิบหัวบุกมาห่อไป น้องหกก็เก็บเงินอยู่ด้านข้างอย่างตั้งใจ ซึ่งจากการสอนของนางใน่นี้ น้องหกสามารถคำนวนเงินต่างๆ ได้แล้ว
นางขายหัวบุกอยู่ทางนี้ น้องห้ากลับชอบที่จะปรุงงรสของกินหวานเย็นอยู่ทางนั้น
ซึ่งเฉินเนี้ยนหรานเคยสอนนางไว้ว่าจะเติมน้ำผลไม้อย่างไร รินน้ำแข็งป่นพวกนั้นอย่างไร
หลังจากเอาน้ำแข็งกับวุ้นใสมาวางไว้บนผลไม้พิเศษพวกนี้แล้ว รสชาติชื่นใจที่ทำให้คนที่ซื้อไปต่างหวนคะนึงถึงอยู่เสมอ
หวานเย็นในตอนแรกที่ขายไม่ออกเพราะราคาแพง ทว่าพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นสูง พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่บนถนนเส้นนี้เองก็รู้ว่ามีร้านหนึ่งขายของกินหวานเย็นอยู่
หลายคนต่างพากันมาลองของแปลกใหม่ จึงพากันมาซื้อไปคนละหนึ่งถ้วย พอรู้สึกว่ารสชาติไม่เลวเลย จึงพากันกลับมาซื้อกลับไปอีกหลายถ้วย….
เพราะว่าตรงหน้าร้านมีคนล้อมอยู่ตลอด คนที่เดินผ่านไปมาจึงเข้ามาล้อมด้วย
ด้วยความที่เบียดเข้าไปซื้อของได้ยาก จึงเดินเข้าไปซื้อพวกของใช้ภายในร้านของกวนซูเยวียนก่อน ในตอนนั้นเพราะว่ากิจการร้านของหวานของเฉินเนี้ยนหราน ทำให้กิจการร้านของกวนซูเยวียนดีตามไปด้วย
เมื่อเห็นว่าถุงเงินของน้องหกใกล้จะทะลักออกมาแล้ว ท่านลุงก็รีบไปหากล่องใส่อาหารออกมาใบหนึ่ง ใช้มันเป็กล่องเก็บเงินไปก่อนชั่วคราว
ถึงแม้น้องหกจะยังเด็ก แต่เห็นเงินมากมายค่อยๆ ไหลเข้ามา ฝีปากของเด็กหญิงก็หวานขึ้นมาก
ตอนแรกนางรับเงินมาแล้วยังคำนวณช้าไปหน่อย แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ตอนนี้นางจะยังผอมไปมาก แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่สะอาดสะอ้าน อีกทั้งยังถูกเฉินเนี้ยนหรานมัดทำผมแกะไว้สองข้าง
ั์ตาสีดำทั้งสองข้างสดใสเหมือนกับพี่สี่ของนาง มีคนเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้หน้าตาไม่เลว จึงจงใจหยอกล้อให้เงินขาดไปหนึ่งหรือสองเหรียญ อยากจะทดลองดูว่านางจะนับเงินได้ถูกต้องหรือไม่
ใครจะรู้ว่าทันทีที่น้องหกรับเงินมาก็เงยหน้าไปมองลุงๆ ป้าๆ ด้วยท่าทางน้อยใจ “ท่านลุงเ้าคะ ท่านให้เงินมาขาดไปหนึ่งอีแปะเ้าค่ะ”
ลุงคนนั้นเดิมทีแค่อยากจะหยอกนางเล่น พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา ก่อนจะโยนไปให้นางสองอีแปะ “ตอนนี้ถูกแล้วหรือไม่?”
น้องหกส่งหนึ่งอีแปะคืนให้เขาแล้วยิ้มหวาน “ท่านลุง ท่านให้มาเกินหนึ่งอีแปะเ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ให้มาสิบเก้าอีแปะ ตอนนี้้าแค่หนึ่งอีแปะ เท่ากับราคาน้ำแตงโตปั่นหนึ่งถ้วย ท่านลุงเป็คนดี ร่างกายก็แข็งแรง ขอให้กินอะไรก็อร่อยนะเ้าคะ…”
บนใบหน้าของเด็กหญิงมีรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ เสียงก็มีความพิเศษหวานแบบของเด็กผู้หญิงอยู่ ปากเล็กๆ นั่นก็พูดเื่มงคลกับลูกค้าไปด้วย…
ในตอนนั้นทุกคนต่างหัวเราะออกมาเสียงดัง มีคนถอนหายใจกันไม่หยุด ทำไมลูกสาวของบ้านตนเองไม่ฉลาดแบบนี้บ้างนะ
ถึงแม้จะต้องต่อแถวซื้อของในอากาศที่ร้อนเช่นนี้ แต่ทุกคน…กลับรู้สึกว่าสามพี่น้องเป็เด็กดีไม่เลวเลย ทั้งสดใส และฉลาด!
เพราะเหตุนี้การค้าขายจึงขายดีมาตลอด ตอนบ่ายสามโมง หลังจากส่งลูกค้าที่ซื้อน้ำปั่นคนสุดท้ายออกไป เฉินเนี้ยนหรานก็ยิ้มตาหยีทุบเอวตัวเอง
น้องหกกลับกอดกล่องเงินวิ่งเข้าไปในเรือนด้วยความดีใจ แล้วเข้าไปหดตัวอยู่ในมุมห้องคนเดียว “หนึ่ง สอง สาม…ห้าสิบ…หกสิบ…ไอ๊หยา นับไม่ได้แล้ว ทำอย่างไรดี? ตัวเลขต่อไปข้านับไม่เป็แล้ว”
เด็กหญิงเรียนนับมาแค่ถึงหกสิบ หลังจากเลขหกสิบนางก็ไม่คุ้นชินแล้ว
“ข้าช่วยเ้านับแล้วกัน” น้องห้าเองก็ลำบากมาทั้งวันแล้ว แต่กลับยินดีที่จะเข้ามาช่วยนับเงิน
ใครจะไปรู้ว่าน้องหกกลับรีบเอากล่องเงินมากอดเอาไว้ในอ้อมแขน มองพี่สาวตัวเองอย่างระแวดระวัง
“ไม่ ไม่เอา…ข้าจะค่อยๆ นับเอง ข้าสามารถนับครั้งหนึ่งถึงหกสิบ แล้ววางมันเป็กองๆ ได้”
“เ้าทำเช่นนี้ก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันเท่าไหร่ไม่ใช่หรือ? มาเถิด น้องสาวคนดี ข้าเองก็เคยเรียนเื่นับเลข” น้องห้าใช้ความเป็พี่น้องอย่างชาญฉลาด
“ไม่ ข้าไม่ให้ท่านช่วย ท่านไปช่วยท่านพี่ทำงานเกิด ข้าจะนับเอง งานนี้น้องหกทำอยู่ ท่านพี่สี่รักน้องหกที่สุด ท่านไปไหนก็ไปเถิด”
กวนซูเยวียนมองท่าทางหลงเงินของหลานทั้งสองคน เห็นสายตาของเด็กทั้งสอง ตามองไปยังเงินที่อยู่ในกล่องราวกับอยากจะเอาเงินใส่เข้าไปในร่างของตนเอง จึงหัวเราะออกมาตรงนั้น “ไอ๊หยา แต่ก่อนข้าไม่คิดว่าพวกเ้าสองคนจะหลงเงินขนาดนี้นะ วันนี้ถือว่าถูกสั่งสอนแล้ว”
่นี้น้องหกวันๆ เอาแต่ตามเฉินเนี้ยนหรานกับเปาจื่อ ทำให้มีความกล้าเพิ่มมากขึ้นไปอีก
พอนางได้ยินคำพูดนี้ของป้าสะใภ้ก็รับคำต่อมาทันที “ป้าสะใภ้ น้องหกชอบความรู้สึกยามได้ลูบเงินอีแปะมากเลย ได้ยินเสียงกริ้งๆ ของมันแล้วรู้สึกว่าทั้งร่างกายมีเรี่ยวมีแรง ท่านป้า ต่อไปข้าไม่ต้องให้ท่านให้ของขวัญเป็สิ่งของแล้ว ท่านให้เป็เงินที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นแทนได้หรือไม่เ้าคะ?”